ThaiPublica > เกาะกระแส > โออาร์ เคาะราคา IPO ที่ 18 บาทต่อหุ้น ยอดจองซื้อสูงสุดเป็นประวัติการณ์

โออาร์ เคาะราคา IPO ที่ 18 บาทต่อหุ้น ยอดจองซื้อสูงสุดเป็นประวัติการณ์

3 กุมภาพันธ์ 2021


ข่าวประชาสัมพันธ์

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์

โออาร์ เคาะราคา IPO ที่ 18 บาทต่อหุ้น ยอดจองซื้อสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และจัดสรรหุ้นเพิ่มเพื่อให้ประชาชนเป็นเจ้าของอย่างทั่วถึง

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (‘OR’) ประกาศราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 18 บาทต่อหุ้น และจัดสรรหุ้นเพิ่มเติมให้ผู้จองซื้อรายย่อยได้มีโอกาสเป็นเจ้าของหุ้น OR อย่างทั่วถึง โดยการจองซื้อหุ้นในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากผู้จองซื้อรายย่อยในประเทศ และนักลงทุนสถาบันชั้นนำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของการขายหุ้น IPO ของบริษัทไทย และมูลค่าเสนอขายหุ้น OR ในครั้งนี้ นับเป็นหุ้น IPO ที่มีมูลค่าสูงเป็นลำดับต้น ๆ ของตลาดหุ้นไทย และคาดว่าจะได้รับการจัดเข้าไปรวมอยู่ในดัชนี SET50 และ SET100 ด้วยเกณฑ์ Fast-track ภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรก

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ โออาร์ เปิดเผยว่า การจองซื้อหุ้นสำหรับผู้จองซื้อในประเทศในครั้งนี้ โออาร์ เปิดให้มีระยะเวลานานเกือบ 10 วัน เพื่อให้นักลงทุนที่สนใจได้มีโอกาสเข้ามาจองซื้ออย่างเต็มที่ โดยภายหลังการปิดจองซื้อ พบว่ามีผู้จองซื้อรายย่อยแสดงความสนใจลงทุนเป็นจำนวนมาก มีจำนวนรายการที่จองซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายหุ้น 3 ธนาคาร ทั้งช่องทางการจองซื้อที่สาขาและช่องทางออนไลน์รวมกว่า 530,000 รายการ นับว่าเป็นการทำรายการจองซื้อหุ้นที่สูงที่สุด

ทั้งนี้ การจัดสรรหุ้นสำหรับผู้จองซื้อรายย่อยนั้นจะดำเนินการโดยใช้วิธี Small Lot First ซึ่งเป็นวิธีจัดสรรหุ้นให้แก่นักลงทุนทุกคนที่ต้องการอย่างทั่วถึงที่สุด โดยในรอบแรกจัดสรรที่กำหนดจองซื้อขั้นต่ำ ซึ่งทุกคนจะได้หุ้นตามจำนวนขั้นต่ำ 300 หุ้น และในรอบถัด ๆ ไป ผู้จองซื้อทุกคนได้รับการจัดสรรเพิ่มครั้งละ 100 หุ้นจนหุ้นหมด ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ของ บริษัท เซ็ทเทรด ดอท คอม จำกัด (บริษัทย่อยของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) ซึ่งมีความโปร่งใส น่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบได้

“การจัดสรรวิธีดังกล่าวทำให้มั่นใจได้ว่าผู้จองซื้อรายย่อยทุกรายที่สนใจจองซื้อและปฏิบัติตามเงื่อนไขการจองซื้อจะมีโอกาสเป็นเจ้าของหุ้น OR อย่างแน่นอน โออาร์ ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจเข้าจองหุ้นและเป็นส่วนสำคัญในการร่วมสร้างประวัติศาสตร์การ IPO ด้วยกันในครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นแรงสนับสนุนที่สำคัญที่จะทำให้ โออาร์ เติบโตร่วมกับสังคมไทยได้อย่างยั่งยืน” นางสาวจิราพรกล่าว

สำหรับผู้จองซื้อรายย่อยที่จองผ่านธนาคารตัวแทนจำหน่ายหุ้นทั้ง 3 ธนาคาร สามารถตรวจสอบผลการจัดสรรหุ้น ได้ตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไปที่ www.settrade.com ส่วนผู้ถือหุ้นของ ‘PTT’ เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้น OR ในครั้งนี้ สามารถตรวจสอบผลการจัดสรรหุ้น ได้ตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป ที่ http://www.kasikornbank.com/kmyinvest

ส่วนผู้จองซื้อที่ไม่ได้รับการจัดสรรหุ้นเต็มตามจำนวนที่จองซื้อจะได้รับการคืนเงินในส่วนที่ไม่ได้รับการจัดสรรภายใน 7-10 วันทำการตามวิธีการที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน จะเริ่มทำการคืนเงินในส่วนที่ไม่ได้รับการจัดสรรนับแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 และคาดว่า โออาร์ จะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเร็วๆ นี้ ผู้ลงทุนและผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูล และติดตามความเคลื่อนไหวของ โออาร์ ได้ที่ facebook fanpage : OR Official และ investor.pttor.com

ธนาคารกรุงเทพเผยกว่า 90% จองซื้อผ่านแอปฯ

ธนาคารกรุงเทพ ระบุหลังเปิดช่องทางให้จองซื้อหุ้น OR ทั้งดิจิทัลแพลตฟอร์มและผ่านสาขา ได้รับกระแสตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี กว่า 90% จองซื้อหลักทรัพย์ผ่านช่องทางโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ และกว่า 80% เป็นนักลงทุนรายใหม่ ขณะที่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ “OR” ประกาศราคาเสนอขายสุดท้ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ที่ราคา 18.00 บาทต่อหุ้น ก่อนเดินหน้าจัดสรรหุ้นให้แก่นักลงทุนอย่างทั่วถึง และเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ตามแผนต่อไป

นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารกรุงเทพได้เป็นหนึ่งในช่องทางการจองซื้อหุ้นสามัญ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ ‘OR’ ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) โดยได้เปิดให้บริการจองซื้อผ่าน 2 ช่องทาง คือ ผ่านฟีเจอร์ใหม่ “จองซื้อหลักทรัพย์” ด้วยโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ และจองซื้อผ่านธนาคารกรุงเทพทุกสาขาทั่วประเทศ (ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2564 ถึงเวลา 12.00 น. (เที่ยง) ของวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564) ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชน รวมถึงนักลงทุนทั้งขาประจำและผู้ลงทุนรายใหม่เข้าร่วมจองซื้อหุ้นสามัญ ‘OR’ ผ่านทั้ง 2 ช่องทางเป็นจำนวนมาก

“ผลตอบรับจากการร่วมเป็นช่องทางในการจองซื้อหุ้น OR ของธนาคารถือว่าได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก ทั้งจากกลุ่มลูกค้าที่ลงทุนเป็นประจำกับธนาคารอยู่แล้ว รวมทั้งยังมีลูกค้านักลงทุนหน้าใหม่ที่ยังไม่เคยทำธุรกรรมการจองซื้อหลักทรัพย์กับธนาคารมาก่อนเข้ามาอีกจำนวนมากเช่นกัน เนื่องจากความน่าสนใจของหุ้น OR เอง ที่ธุรกิจเป็นที่รู้จักของประชาชนโดยทั่วไปอยู่แล้ว รวมทั้งการนำหลักเกณฑ์ Small Lot First มาใช้ในการจัดสรรหุ้น ซึ่งสามารถจัดสรรหุ้นให้ครบทุกคนตามจำนวนยอดจองขั้นต่ำที่คนละ 300 หุ้น ก่อนจะจัดสรรเพิ่มเติมในรอบต่อๆ ไป คนละ 100 หุ้น จนครบจำนวนหุ้นที่ได้เสนอขาย ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ของ SETTRADE โดยที่ลำดับการจองซื้อก่อนหลังไม่มีผลต่อการจัดสรรหุ้น ทำให้มีความเชื่อมั่นได้ว่านักลงทุนรายย่อยทุกคนมีโอกาสที่จะได้ร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจผ่านการถือหุ้นอย่างทั่วถึงกัน”

นายทวีลาภ กล่าวต่อว่า ธนาคารยังพบพฤติกรรมของนักลงทุนที่น่าสนใจจากการเป็นตัวแทนจองหุ้น OR ครั้งนี้ โดยพบว่า กว่า 90% ของลูกค้าที่ทำการจองซื้อหลักทรัพย์เข้ามา เลือกจองผ่านฟีเจอร์ใหม่อย่าง “จองซื้อหลักทรัพย์” ของช่องทางโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ ขณะเดียวกัน กว่า 80% เป็นลูกค้าที่ใช้บริการโมบายแบงก์กิ้งจากธนาคารกรุงเทพเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ยังไม่เคยทำธุรกรรมจองซื้อหลักทรัพย์มาก่อน สะท้อนถึงพฤติกรรมลูกค้านักลงทุนในปัจจุบันได้เป็นอย่างดีว่า มักจะมองหาช่องทางการลงทุนที่สามารถอำนวยความสะดวกและสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์แบบขั้นสุด และมีขั้นตอนในการทำธุรกรรมไม่ยุ่งยากซับซ้อน ตัวอย่างเช่น แม้ไม่มีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ ก็สามารถจองซื้อหุ้น OR ในครั้งนี้ได้ นอกจากนี้ยังมีลูกค้าอีกเกือบ 10% ของนักลงทุนที่สมัครใช้งานโมบายแบงก์กิ้งเป็นครั้งแรกเพื่อทำรายการจองซื้อหลักทรัพย์ออนไลน์ในครั้งนี้ด้วย

นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

“การอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถจองซื้อหลักทรัพย์ผ่านช่องทางดิจิทัลในครั้งนี้ เป็นผลจากการพัฒนาศักยภาพของธนาคารในการทำความเข้าใจความต้องการและพฤติกรรมลูกค้าในปัจจุบันได้อย่างชัดเจน จนสามารถเติมเต็ม Digital Experience ให้ลูกค้าได้อย่างดี ทั้งยังเป็นโอกาสดีที่ธนาคารก็ได้ทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้ลงทุนมากยิ่งขึ้น และได้รับคำแนะนำโดยตรงจากลูกค้า อันจะเป็นประโยชน์พัฒนาบริการโมบายแบงก์กิ้งให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นต่อไป ขณะเดียวกัน ก็ชี้ให้เห็นว่าช่องทางสาขา ยังคงมีความสำคัญมากสำหรับลูกค้าอีกจำนวนไม่น้อยที่ต้องการรับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ผู้แนะนำการลงทุน ทำให้เกิดความเชื่อมั่นและยินดีลงทุนด้วยยอดเงินที่สูงขึ้น ดังนั้น ธนาคารในฐานะ “เพื่อนคู่คิด” จึงต้องพัฒนาทุกช่องทางไปพร้อมกัน เพื่อตอบโจทย์และอยู่เคียงข้างลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย” นายทวีลาภ กล่าว

สำหรับผู้ลงทุนที่ได้รับจัดสรรหุ้นไม่ครบตามจำนวนที่จองซื้อ หรือไม่ได้รับจัดสรร และ/หรือราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่าราคาที่ผู้ลงทุนได้ชำระไว้ ธนาคารจะดำเนินการคืนเงินค่าจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน OR ตามจำนวนเงินส่วนต่าง โดยใช้วิธีการคืนเงินค่าจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ OR ที่ผู้ลงทุนระบุไว้ในใบจองซื้อ หรือโมบายแบงก์กิ้งของธนาคาร โดยมีรายละเอียด ดังนี้

• กรณีรับเงินเข้าบัญชี อย่างช้าที่สุดภายในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564
• กรณีรับเป็นเช็ค อย่างช้าที่สุดภายในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564

ลูกค้านักลงทุนที่ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อผ่าน OR Contact Center โทร.1365 หรือ https://investor.pttor.com หรือฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ของ OR โทร. 0 2196 5037-8, 0 2196-5964, 0 2196 5040-1 รวมทั้งสามารถติดต่อได้ที่บัวหลวงโฟน 1333 หรือโทร. 0 2230 2328, 0 2626 3592 หรือส่งอีเมลมาที่ [email protected] โดยระบุ Subject: การจองซื้อหุ้น IPO ของ OR

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน