ประเด็นฮอตประจำปี พ.ศ. 2563

ประเด็นฮอตประจำปี พ.ศ. 2563

โควิด-19 จากระลอกแรกสู่ระลอกสองใหม่

ทหารลุยเดี่ยวกราดยิงโคราช ตาย 30 เจ็บ 58

การกลับมาของ ม.112 หลังในหลวงร.10 ทรงมีพระเมตตาไม่ให้ใช้

ฮ่องกงตัดสินจำคุกนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย

Pornhub ลบ 13 ล้านคลิป แก้ปัญหาคลิปเด็ก–ขาดความยินยอม

โคบี ไบรอันต์ ตำนาน NBA ฮ.ตกเสียชีวิตพร้อมบุตรสาว

ปิดตำนานลูกหนัง ‘เสือเตี้ย’ ดิเอโก มาราโดนา เสียชีวิตในวัย 60 ปี

แอมโมเนียมไนเตรตระเบิดในเบรุต ตายอย่างน้อย 137 เจ็บกว่า 5,000

โควิด-19 จากระลอกแรกสู่ระลอกสองใหม่

ที่มาภาพ: เว็บไซต์ Freepik (Background vector created by Harryarts – www.freepik.com)

โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ที่แพร่ระบาดจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อช่วงปลายปี พ.ศ. 2562 และแพร่กระจายไปทั่วโลก กลายเป็นวิกฤติการณ์ที่ทำให้องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ต้องประกาศให้สถานการณ์การแพร่ระบาดดังกล่าวกลายเป็นภาวะฉุกเฉินของโลกปลายเดือนมกราคม พ.ศ. 2563

ช่วงเวลาดังกล่าว ไทยมีผู้ป่วยสะสมในประเทศจำนวน 19 ราย โดยหนึ่งในนั้นเป็นคนไทยคนแรกที่ติดเชื้อภายในประเทศ และจากนั้นก็มีจำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยการระบาดครั้งใหญ่เกิดขึ้นจากกลุ่มสนามมวยลุมพินี ที่มีผู้ติดเชื้อถึง 52 คน และกลุ่มสถานบันเทิง ที่แม้เบื้องต้นยืนยันมีผู้ติดเชื้อ 11 คน แต่เมื่อรวมจำนวนผู้ที่อยู่ในสถานที่แต่ละแห่งดังกล่าวแล้ว ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจมีผู้ติดเชื้อถึง 500 คน

ประเทศไทยรับมือการแพร่ระบาดด้วยการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ต่อมาทำงานภายใต้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ซึ่งก่อตั้งขึ้นในวันที่ 12 มี.ค. 2563 และต่อมาได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ในวันที่ 26 มี.ค. 2563 ซึ่งมีการต่ออายุมาทุกเดือนจนล่าสุดนี้ ได้มีการต่ออายุออกไปจนถึงวันที่ 15 ม.ค. 2564

นอกจากการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังมีประกาศการห้ามออกนอกเคหสถานตั้งแต่ 22.0–04.00 น. ทั่วราชอาณาจักร หรือเคอร์ฟิว ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2563 ก่อนจะมีการขยับลดเวลาเรื่อยๆ จนไปสิ้นสุดในวันที่ 14 มิ.ย. 2563 รวมทั้งมีมตรการ “ล็อกดาวน์” ที่ทำให้ห้างร้าน สถานบันเทิง สถานบริการ ต้องปิดกิจการชั่วคราว รวมทั้งการห้ามรับประทานอาหารในร้าน ให้ซื้อกลับบ้านได้อย่างเดียว และลามเลยไปจนถึงการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วประเทศ เนื่องจากเชื่อว่าจะเป็นต้นตอให้เกิดการมั่วสุม อันจะนำมาซึ่งการแพร่ระบาดของโรค โดยเริ่มห้ามจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย. 2563 และเริ่มจำหน่ายอีกครั้งในวันที่ 3 พ.ค. 2563

ประเทศไทยเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในวันที่ 4 พ.ค. 2563 โดยผ่อนคลายเป็นระยะต่างๆ 4 ระยะ และผ่อนคลายทั้งหมดในวันที่ 15 มิ.ย. 2563

สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยแลดูจะสงบลง แต่แล้ว วันที่ 17 ธ.ค. 2563 วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร แถลงยืนยันว่า พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ในจังหวัดสมุทรสาคร เป็นหญิงอายุ 67 ปี เริ่มมีอาการตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค. 2563 พบเชื้อในวันที่ 16 ธ.ค. 2553 (ตรวจเวลา 18.00 น. รอผลตรวจที่บ้าน และทราบผลในวันเดียวกันเวลา 22.00 น.) ตรวจยืนยันอีกครั้งในวันที่ 17 ธ.ค. 2563 ซึ่งผลปรากฏว่าพบเชื้อ และจากการสอบสวนพบว่ามีผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงสูง 18 คน

จากกรณีดังกล่าว นำมาซึ่งการตรวจสอบต่อเนื่องและพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม 13 ราย ก่อนจะนำไปสู่การตรวจคัดกรองในกลุ่มแรงงานต่างดาวจำนวน 1,192 ราย และพบผู้ติดเชื้ออยู่ภายในกลุ่มนี้ 516 ราย

การค้นพบผู้ติดเชื้อดังกล่าวจึงมีการประกาศล็อกดาวน์จังหวัดสมุทรสาคร และแบ่งพื้นที่ในประเทศไทยออกเป็น 4 ประเภทตามระดับความเสี่ยง ประกอบด้วย

พื้นที่ควบคุมสูงสุด หมายถึงพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากและมีมากกว่า 1 พื้นที่ย่อย ศบค. ให้งดจัดกิจกรรมฉลองทุกชนิด เว้นแต่กิจกรรมออนไลน์ ได้แก่ สมุทรสาคร
พื้นที่ควบคุม หมายถึงพื้นที่ติดกับพื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อเกินกว่า 10 รายและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ศบค. ให้งดจัดกิจกรรมสาธารณะ แต่ผ่อนผันให้จัดกิจกรรมที่จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วม หรือกิจกรรมที่มีเฉพาะผู้รู้จักคุ้นเคย หรือกิจกรรมแบบออนไลน์ ได้แก่ สมุทรสงคราม ราชบุรี นครปฐม กทม.
พื้นที่เฝ้าระวังสูงสุดหมายถึงพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อไม่เกิน 10 ราย และมีแนวโน้มควบคุมสถานการณ์ได้ ศบค. ให้จัดกิจกรรมได้ แต่ให้ลดขนาดของงาน ลดความหนาแน่นของผู้เข้าร่วม ได้แก่ สระบุรี สมุทรปราการ สุพรรณบุรี นนทบุรี ปทุมธานี อุตรดิตถ์ ฉะเชิงเทรา กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ พระนครศรีอยุธยา ภูเก็ต เพชรบุรี นครราชสีมา ปราจีนบุรี กระบี่ ขอนแก่น ชัยนาท อุดรธานี พิจิตร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ประจวบคีรีขันธ์ ชัยภูมิ นครสวรรค์ อ่างทอง
พื้นที่เฝ้าระวัง หมายถึงพื้นที่ที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อ และไม่มีสิ่งบอกเหตุว่าจะมีผู้ติดเชื้อ

อย่างไรก็ดี แม้จะยังไม่มีการล็อกดาวน์ในทีแรก แต่ล่าสุด เมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อระลอกใหม่นี้ทั่วประเทศสูงเกิน 2,000 รายภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน และภายในกรุงเทพฯ เองก็มีผู้ติดเชื้อถึง 180 คนแล้ว กทม. จึงเริ่มนำมาตรการล็อกดาวน์ด้วยการปิดสถานที่ต่างๆ มาใช้อีกครั้ง

อนึ่ง ในด้านความคืบหน้าของวัคซีนป้องกันโควิด-19 นั้น วันที่ 8 ธ.ค. 2563 มาร์กาเรต คีแนน ชาวไอร์แลนด์เหนือวัย 90 ปี ได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 เป็นคนแรกของโลก โดยวัคซีนที่คีแนนได้รับนั้นพัฒนาร่วมกันโดยไฟเซอร์ (Pfizer) และไบออนเทค (BioNTech) ซึ่งอัตราความมีประสิทธิภาพอยู่ที่ประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์เมื่อได้รับครบสองโดส และที่คีแนนได้รับคือโดสแรก

นอกเหนือจากไฟเซอร์และไบออนเทคที่พัฒนาวัคซีนร่วมกันแล้วยังมีอีกหลายบริษัทที่กำลังพัฒนาวัคซีนโควิด-19 โดยมีประเทศต่างๆ เริ่มทำสัญญาซื้อขายวัคซีนกับบริษัทเหล่านี้ ไทยเองก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยบริษัทที่ไทยเลิกทำสัญญาซื้อขายด้วยคือ แอสทราเซเนคา (AstraZeneca) ซึ่งพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด

ผลการทดลองวัคซีนโควิด-19 ของแอสทราเซเนคาปรากฏว่า เมื่อทดสอบกับอาสาสมัครกลุ่มเล็กในอังกฤษและบราซิล จะมีประสิทธิภาพอยู่ที่ 90 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่เมื่อทดลองกับอาสาสมัครกลุ่มใหญ่กว่า ประสิทธิภาพกลับอยู่ที่ 62 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแม้จะผ่านมาตรฐานของหลายหน่วยงาน เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) ซึ่งกำหนดไว้ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ ที่กำลังพัฒนา เช่น วัคซีนของกลุ่มคู่แข่งอย่างไฟเซอร์-ไบออนเทค และโมเดอร์นา (Moderna) มีประสิทธิภาพสูงถึง 94-95% เมื่อได้รับครบ 2 โดส

นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไทยได้ทำสัญญาจอและซื้อวัคซีนโควิด-19 กับแอสทราเซเนคาเป็นจำนวน 26 ล้านโดส (ฉีดได้ 13 ล้านคน) โดยคาดว่าจะได้รับวัคซีนช่วงประมาณกลางปี พ.ศ. 2564

ทหารลุยเดี่ยวกราดยิงโคราช ตาย 30 เจ็บ 58

วันที่ 8 ก.พ. 2563 เวลาประมาณ 15.00 น. จังหวัดนครราชสีมา เกิดเหตุนายทหารยศจ่าสิบเอก (จ.ส.อ.) สังกัดกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ใช้อาวุธปืนยิงนายทหารที่เป็นผู้บังคับกองพัน (ผบ.พัน) ของตนเองและแม่ยายของ ผบ.พัน คนดังกล่าวเสียชีวิตในค่ายฯ จากนั้น จึงนำปืน HK จำนวน 2 กระบอก (จากป้อมรักษาการณ์และคลังอาวุธ โดยยิงเจ้าหน้าที่เวรประจำคลังอาวุธเสียชีวิตหนึ่งนาย) ปืนกล M60 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน 736 นัด ขึ้นรถยนต์บรรทุกเบา 51B ขับออกจากค่าย

นายทหารคนดังกล่าวขับรถไปที่วัดป่าศรัทธารวม ต.หัวทะเล อ.เมืองนครราชสีมา โดย ณ จุดนี้ คนร้ายใช้ปืนยิงผู้คนทั้งในวัดและที่สัญจรไปมาเป็นระยะตลอดเวลาประมาณ 30 นาที จนทำให้มีผู้เสียชีวิตในวัดป่าศรัทรวมแห่งนี้ทั้งหมด 9 ราย ก่อนจะขับรถไปยังห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 โคราช

เมื่อไปถึงแล้ว จ่าสิบเอกคนดังกล่าวก็กราดยิงผู้คนบริเวณนั้นและถังแก๊สที่อยู่นอกห้างจนเกิดไฟลุกไหม้ ก่อนจะเข้าไปในห้าง

ขณะที่นายทหารยศจ่าสิบเอกผู้นี้พร้อมอาวุธเข้าไปในห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 โคราช แม้จะมีพลเรือนบางส่วนที่มาใช้บริการของห้างหลบหนีออกมาได้ แต่ก็ยังมีพลเรือนจำนวนมากติดค้างอยู่ภายใน ซึ่งนายทหารผู้นี้ก็ยิงพลเรือนทุกคนที่พบ รวมทั้งมีการจับพลเรือนเป็นตัวประกันด้วย

เวลาประมาณ 23.30 น. เจ้าหน้าที่ได้เข้าควบคุมพื้นที่ตั้งแต่ชั้น G ของห้างและช่วยเหลือพลเรือนที่ติดค้างอยู่ภายใน จนกระทั่งเวลาเกือบ 02.00 น. จึงสามารถช่วยพลเรือนชุดสุดท้ายที่ติดอยู่บริเวณชั้น LG ออกมาได้

จากนั้น เจ้าหน้าที่กับคนร้ายได้มีการยิงปะทะกันหลายครั้ง จนกระทั่งเวลาประมาณ 09.30 น. ของวันที่ 9 ก.พ. 2563 จึงมีการประกาศยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ได้ทำการวิสามัญฆาตกรรมนายทหารผู้ก่อเหตุเป็นที่เรียบร้อย ภายใต้ปฏิบัติการร่วมระหว่างหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3, หน่วยคอมมานโด กองบังคับการตำรวจราชวัลภลรักษาพระองค์ 904, หน่วยหนุมาน กองบังคับการปราบปราม, หน่วยอรินทราช 26 กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ, หน่วยนเรศวร 261 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำลังสุรนารี

โดยสรุป เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 30 ราย บาดเจ็บ 58 ราย

วันที่ 11 ก.พ. 2563 พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เปิดแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเริ่มต้นด้วยการกล่าวขอโทษว่า “ขอโทษ และแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนี้ที่มีผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นกำลังพลของกองทัพบก” ก่อนจะแถลงข่าวในประเด็นต่างๆ โดยระบุว่าแรงจูงใจในการก่อเหตุของนายทหารผู้นี้เกิดจากการไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชาและเครือญาติ (ผบ.พันและแม่ยายที่ถูกยิงเสียชีวิต) โดยมีมูลเหตุจากการซื้อขายที่ดินกันแล้วผิดสัญญาในผลตอบแทน ซึ่ง ผบ.ทบ. กล่าวว่าจะต้องมีการสืบสวนต่อไปว่ามีผู้บังคับบัญชารายอื่นๆ เกี่ยวข้องหรือไม่ รวมทั้งได้กล่าวถึงนายทหารผู้ก่อเหตุว่า

“ณ นาที ณ วินาทีที่ผู้ก่อเหตุได้ลั่นไกสังหารคู่กรณี ณ วันนั้น ณ นาทีนั้น เขาคืออาชญากร ไม่ใช่ทหารอีกต่อไปแล้ว”

ในเรื่องการรักษาความปลอดภัยของคลังอาวุธนั้น พล.อ. อภิรัชต์ ยอมรับว่าหากมีหน่วยงานใดหละหลวมก็ต้องมีการลงโทษ และต้องเพิ่มมาตรการให้รัดกุมยิ่งขึ้น โดยขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาของหน่วยนั้นๆ

ต่อคำถามว่าจะรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างไร จะลาออกหรือไม่ พล.อ. อภิรัชต์ ชี้แจงว่าตนไม่สามารถรับผิดชอบการกระทำความผิดจากเหตุส่วนตัวและผิดกฎหมายได้

“มันสมควรที่จะใช้คำถามนี้กับผมหรือเปล่า ผมมีความรับผิดชอบเพียงพอต่อภารกิจทุกอย่างที่ผมสั่ง ในการดำเนินการทุกตำแหน่งที่ผ่านมา ทุกวิกฤติที่ผ่าน… อะไรที่สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำ ผมรับผิดชอบ แต่ผมไม่สามารถที่จะรับผิดชอบต่อการกระทำที่เกิดจากเหตุการณ์ส่วนตัว กระทำผิดกฎหมายอาชญากรรม อันนั้นผมรับไม่ได้” ผบ.ทบ. กล่าว

นอกจากนี้ พล.อ. อภิรัชต์ ยังกล่าวด้วยว่า

“ไม่มีใครในโลกนี้อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในประเทศของตัวเอง ผมว่าไม่มีคนไทยคนไหนอยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ดังนั้นท่านอย่าด่าว่ากองทัพบก อย่าว่าทหาร ถ้าจะด่า จะตำหนิ ท่านมาด่า พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผมน้อมรับคำตำหนิ การแสดงความคิดเห็นทุกอย่าง ท่านมาด่าผม เพราะผมเป็น ผบ.ทบ.”

การกลับมาของ ม.112 หลังในหลวงทรงมีพระเมตตาไม่ให้ใช้

แถลงการณ์นายกรัฐมนตรี 19 พ.ย. 2563
ที่มาภาพ: เว็บไซต์รัฐบาลไทย

พ.ศ. 2563 เป็นปีที่ท้องถนนในประเทศไทยกลับมาร้อนระอุอีกครั้งด้วยการชุมนุมของประชาชน ที่ครั้งนี้การเรียกร้องประชาธิปไตยไม่ได้มีเพียงความต้องการให้รัฐบาลที่สืบทอดอำนาจจากคณะปฏิวัติและองคาพยพที่เกี่ยวข้องลาออกจากตำแหน่ง แต่ยังรวมไปถึงการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย

หลังจากมีการชุมนุมหลายครั้ง และเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ในครึ่งหลังของปี วันที่ 19 พ.ย. 2563 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกแถลงการณ์ถึงความชุมนุม โดยมีการระบุเป็นใจความว่าสถานการณ์มีแนวโน้มจะพัฒนาไปสู่ความขัดแย้งและความรุนแรงมากยิ่งขึ้น รัฐบาลและหน่วยงานด้านความมั่นคงจึงจำเป็นต้องเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติงาน โดยจะบังคับใช้กฎหมายทุกฉบับ ทุกมาตราที่มีอยู่ ดำเนินการต่อผู้ชุมนุมที่กระทำความผิด ฝ่าฝืนกฎหมาย เพิกเฉยต่อการเคารพสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น โดยจะดำเนินคดีต่าง ๆ ให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ที่สอดคล้องกับหลักการสากล

ต่อมา วันที่ 20 พ.ย. 2563 พล.อ. ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงแถลงการดังกล่าว โดยระบุเป็นใจความว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศรับไม่ได้กับสิ่งที่ผู้ชุมนุมทำ ตนจึงต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่ และเป็นเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงานตามหน้าที่อยู่แล้ว

และเมื่อผู้สื่อขาวถามว่าจะมีการใช้กฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วยหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า “ทำไม ก็เป็นกฎหมายทุกฉบับ สื่อเข้าใจคำว่ากฎหมายทุกฉบับหรือไม่ เข้าใจภาษาไทยหรือไม่ แปลภาษาไทยกันสิคำว่ากฎหมายทุกฉบับ”

อนึ่ง ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2563 พล.อ. ประยุทธ์ เคยออกมาเปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงพระเมตตาไม่ให้ใช้กฎหมายอาญา มาตรา 112

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th/

“สิ่งที่อยากจะบอกคนไทยทุกคน มาตรา 112 ไม่ได้ใช้เลย เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงพระเมตตา ไม่ให้ใช้ นี่คือสิ่งที่ท่านทรงทำให้แล้ว แล้วคุณก็ละเมิดกันไปเรื่อยเปื่อยแบบนี้ หมายความว่ายังไง ต้องการอะไรกัน วันนี้ผมจำเป็นต้องพูด เพราะต้องการให้บ้านเมืองสงบ”

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ที่มา: เว็บไซต์บีบีซีไทย

ล่าสุด หลังจากแถลงการณ์ดังกล่าวของนายกฯ ขณะนี้มีผู้ถูกดำเนินคดีตาม ม.112 จากการแสดงออกและการชุมนุมแล้วทั้งหมด 38 รายใน 24 คดี โดยมีหลายคนถูกดำเนินคดีด้วย ม.112 มากกว่า 1 คดี เช่น พริษฐ์ ชิวารักษ์ 12 คดี, อานนท์ นำภา 8 คดี, ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล 6 คดี, ภาณุพงศ์ จาดนอก 5 คดี

อ่านเพิ่มเติม
เว็บไซต์รัฐบาลไทย — แถลงการณ์นายกรัฐมนตรี 19 พฤศจิกายน 2563
เว็บไซต์บีบีซีไทย — มาตรา 112 : นายกฯ ยืนยัน “ใช้กฎหมายทุกฉบับทุกมาตรา” เอาผิดผู้ชุมนุม
เว็บไซต์ไทยพีบีเอส — นายกฯ ชี้จำเป็นต้องใช้กฎหมายทุกฉบับคุมม็อบ
เว็บไซต์บีบีซีไทย — มาตรา 112 : นายกฯ เตือนเยาวชนให้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ไม่ให้ใช้กฎหมายหมิ่นสถาบันฯ
เว็บไซต์บีบีซีไทย — ส.ศิวรักษ์: ร. 10 คือ “พระมหากษัตริย์ผู้ทรงปิดทองหลังพระ”
เว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิทนุษยชน — สถิติผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ปี 2563

ฮ่องกงตัดสินจำคุกนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย

ศาลฮ่องกงตัดสินจำคุก โจชัว หว่อง แอกเนส โจว และอิวาน แลม 3 นักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย ฐานเข้าร่วมการชุมนุมโดยผิดกฎหมายในการชุมนุมประท้วงเมื่อปีที่แล้ว (พ.ศ. 2562)

โจชัว หว่อง ถูกจำคุก 13.5 เดือน แอกเนส โจว ถูกจำคุก 10 เดือน และอิวาน แลม ถูกจำคุก 7เดือน

อนึ่ง การตัดสินนี้มีขึ้นก่อนทางการจีนจะนำกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติซึ่งมีบทลงโทษรุนแรงมาบังคับใช้ ทำให้นักเคลื่อนไหวทั้งสามไม่ต้องรับโทษจำคุกตลอดชีวิต

อ่านเพิ่มเติม
เว็บไซต์บีบีซีไทย — ศาลฮ่องกงตัดสินจำคุกโจชัว หว่อง 13.5 เดือน

Pornhub ลบ 13 ล้านคลิป แก้ปัญหาคลิปเด็ก–ขาดความยินยอม

Pornhub ซึ่งเป็นเว็บไซต์วิดีโอสำหรับผู้ใหญ่รายใหญ่ของโลก ได้ตัดสินใจลบคลิปและวิดีโอ 13.5 ล้านชิ้นจนเหลืออยู่ในเว็บไซต์ประมาณ 2.9 ล้านชิ้น

การลบคลิปและวิดีโอดังกล่าวเกิดจากทางเว็บไซต์ถูกร้องเรียนเรื่องวิดีโอที่มีลักษณะเป็นการกระทำทางเพศกับเด็กและวิดีโอที่ไม่ได้รับความยินยอมให้เผยแพร่จากผู้ที่ปรากฏในเนื้อหาจำนวนมาก จนนำไปสู่การที่บริษัทอย่าง Visa และ Mastercard ยุติการให้บริการทางการเงินกับทางเว็บไซต์

นี่เป็นจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ Pornhub ซึ่งที่ผ่านมาผลิตเนื้อหาแบบผู้ใช้งานเป็นผู้ผลิตเอง หรือ user-generated content ซึ่งเปิดกว้างให้ผู้ใช้เว็บไซต์อัปโหลดเนื้อหาได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตนผู้อัปโหลด แต่จากนี้ การจะนำเนื้อหาขึ้นบนเว็บไซต์ได้จะต้องเป็นผู้ใช้ที่ได้รับการยืนยันตัวตนแล้วเท่านั้น ซึ่งหากพิจารณาในแง่ความก้าวหน้า ทาง Pornhub เห็นว่านี่ถือเป็นความก้าวหน้ายิ่งกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ

อ่านเพิ่มเติม
เว็บไซต์บล็อกนัน — Pornhub ลบคลิปโป๊ทั้งหมดที่อัพโหลดแบบไม่ยืนยันตัวตน แก้ปัญหาคลิปเด็ก-ไม่ยินยอม
เว็บไซต์บล็อกนัน Visa และ Mastercard ตัดสัมพันธ์ไม่ให้บริการทางการเงินกับ Pornhub จากเหตุวิดีโอโป๊เด็ก
เว็บไซต์บล็อกนัน จากเหตุวิดีโอโป๊เด็ก, ข่มขืน Pornhub จะปิดกั้นการอัปโหลดแก่ผู้ใช้ที่ไม่ยืนยันตัวตน ดาวน์โหลดก็ห้าม

โคบี ไบรอันต์ ตำนาน NBA ฮ.ตกเสียชีวิตพร้อมบุตรสาว

โคบี ไบรอันต์
ที่มาภาพ: เว็บไซต์ Rythm’n Ball (http://bit.ly/3b1G3m0)

วันที่ 27 ม.ค. 2563 เว็บไซต์บีบีซีไทยรายงานว่า โคบี ไบรอันต์ นักบาสเก็ตบอลชื่อดังชาวอเมริกันวัย 41 ปี พร้อมด้วยลูกสาววัย 13 ปี เป็น 2 ใน 9 ผู้เสียชีวิตจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่เมืองคาลาบาซาส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 26 ม.ค. 2563 ตามเวลาท้องถิ่น เมื่อเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวที่ไบรอันต์โดยสารมานั้นตกลงสู่พื้นก่อนจะระเบิดเปลวไฟลุกท่วม เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่มีผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว

ไบรอันต์เป็นแชมป์เอ็นบีเอ 5 สมัย และได้รับยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์บาสเก็ตบอลเอ็นบีเอ

การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของเขาทำให้แฟนกีฬาทั่วโลกช็อก ขณะที่คนในวงการกีฬาและผู้มีชื่อเสียงต่างเขียนข้อความแสดงความไว้อาลัยเขากันอย่างท่วมท้นในโซเชียลมีเดีย

อลีเซีย คียส์ พิธีกรในงานประกาศผลรางวัลแกรมมีอะวอร์ดส ซึ่งกำลังจัดขึ้นที่สเตเปิลส์ เซ็นเตอร์ สนามเหย้าของทีมลอสแอนเจลิส เลเกอร์ ซึ่งเป็นทีมที่ไบรอันต์สังกัดมาตลอดชีวิตการเป็นนักบาสเก็ตบอลอาชีพ ได้กล่าวไว้อาลัยต่อการจากไปของไบรอันต์ในงานด้วย

“เราทุกคนที่นี่ต่างเศร้าเสียใจจนเกินบรรยาย” พิธีกรสาวกล่าวบนเวที “ลอสแอเจลิส อเมริกา และโลกได้สูญเสียวีรบุรุษไปคนหนึ่ง พวกเราต่างหัวใจสลายขณะรวมตัวกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้ซึ่งเป็นบ้านของไบรอันต์”

สมาคมบาสเก็ตบอลแห่งสหรัฐอเมริกา (เอ็นบีเอ) ออกแถลงการณ์ระบุว่าเอ็นบีเอ “เสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปของโคบี ไบรอันต์และจีอานนา ลูกสาววัย 13 ปี ของเขา”

“ตลอด 20 ฤดูกาลแข่งขัน โคบีแสดงให้เราทุกคนได้เห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อความสามารถพิเศษผสมผสานเข้ากับการอุทิศตนเพื่อชัยชนะ”

อ่านเพิ่มเติม
เว็บไซต์บีบีซีไทย — โคบี ไบรอันต์ นักบาสเก็ตบอลชื่อดังเสียชีวิตพร้อมลูกสาวในเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก

ปิดตำนานลูกหนัง “เสือเตี้ย” ดิเอโก มาราโดนา เสียชีวิตในวัย 60 ปี

ดิเอโก มาราโดนา ตำนานนักฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินา เสียชีวิตในวัย 60 ปี เมื่อวันพุธที่ 25 พ.ย. 2563 ขณะนอนหลับที่บ้านเช่าใกล้กรุงบัวโนสไอเรส เมืองหลวงอาร์เจนตินา โดยทีมแพทย์ชันสูตรพลิกศพเผยผลวินิจฉัยยืนยันสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตว่าคือหัวใจล้มเหลว เนื่องมาจากอาการบวมน้ำในปอด หลังจากมาราโดนาเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อ 11 พ.ย. เพื่อเข้ารับการผ่าตัดลิ่มเลือดอุดตันในสมอง

นอกจากนี้ ทีมแพทย์ชันสูตรพลิกศพมาราโดนา ยังตรวจพบโรคกล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม ซึ่งเป็นอาการป่วยที่กล้ามเนื้อหัวใจ จนทำให้หัวใจเต้นช้าลงและขยายใหญ่ขึ้นจนหัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างเพียงพอ และทำให้เกิดอาการบวมน้ำในปอด จนเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวและเสียชีวิตอย่างกะทันหัน

อ่านเพิ่มเติม

เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ — หมอยืนยันสาเหตุ ‘มาราโดนา’ ลาโลกขณะหลับ แฟนบอลแห่รอเคารพศพสุดอาลัย

แอมโมเนียมไนเตรตระเบิดในเบรุต ตายอย่างน้อย 137 เจ็บกว่า 5,000

วันที่ 3 ส.ค. 2563 เกิดเหตุสารแอมโมเนียมไนเตรตระเบิดในกรุงเบรุต เมืองหลวงของประเทศเลบานอน

แอมโมเนียมไนเตรตดังกล่าวมีจำนวนถึง 2,750 ตัน เป็นของกลางที่ยึดมาจากเรือขนส่งสินค้าลำหนึ่งเมื่อปี ค.ศ. 2013 และถูกจัดเก็บอย่างไม่เหมาะสมในคลังสินค้าบริเวณท่าเรือมาเป็นเวลาถึง 6 ปี (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014) จนมาเกิดเหตุระเบิดดังกล่าว

ล่าสุดมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 137 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 5,000 ราย

นายมานัล อับเดล ซาหมัด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศกล่าวว่า เจ้าหน้าที่การท่าเรือทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บและดูแลสารแอมโมเนียมไนเตรทในคลังสินค้าแห่งนี้ตั้งแต่เดือน มิ.ย.2014 ได้ถูกสั่งกักบริเวณในบ้านพัก

อ่านเพิ่มเติม
เว็บไซต์บีบีซีไทย — เหตุระเบิดใหญ่ที่เมืองหลวงเลบานอน ยอดตายเพิ่มเป็น 135 ราย เจ็บอีกกว่า 4,000 ราย
เว็บไซต์บีบีซีไทย — ระเบิดเลบานอน: ชาวบ้านโกรธแค้นรัฐบาล ละเลยการดูแลสารเคมีอันตราย จนกลายเป็นโศกนาฏกรรม