ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “17 พ.ค. นี้ผ่อนปรนระยะ 2 “ห้าง-ฟิตเนส-ตลาดค้าส่งใหญ่” – ปรับเคอร์ฟิว 23.00-04.00 น.” และ “WHO เตือน โควิด-19 อาจระบาดยาว 5 ปี”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “17 พ.ค. นี้ผ่อนปรนระยะ 2 “ห้าง-ฟิตเนส-ตลาดค้าส่งใหญ่” – ปรับเคอร์ฟิว 23.00-04.00 น.” และ “WHO เตือน โควิด-19 อาจระบาดยาว 5 ปี”

16 พฤษภาคม 2020


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 9-15 พ.ค. 2563

  • ไฟเขียว 17 พ.ค. นี้ผ่อนปรนระยะ 2 “ห้าง-ฟิตเนส-ตลาดค้าส่งใหญ่” – ปรับเคอร์ฟิว 23.00-04.00 น.
  • ปธ.สหภาพแรงงานการบินไทยเผย ยอมได้ถ้าเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ เชื่อมั่น มีศักยภาพกลับมาได้
  • กองสลากประกาศ 16 พ.ค. นี้ ใครถูกหวยต้องจองคิวขึ้นเงิน
  • ยกเลิกเปิดสนามบินภูเก็ต ปิดต่อไม่มีกำหนด
  • WHO เตือน โควิด-19 อาจระบาดยาวถึง 5 ปี

  • ไฟเขียว 17 พ.ค. นี้ผ่อนปรนระยะ 2 “ห้าง-ฟิตเนส-ตลาดค้าส่งใหญ่” – ปรับเคอร์ฟิว 23.00-04.00 น.

    กลุ่มสีเขียวกิจกรรมที่ได้รับผ่อนคลายระยะที่ 2

    เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาลมีการประชุม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)  ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล โดยมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.

    ซึ่งหลังการประชุมนี้ ได้มีการแถลงเรื่องการเข้าสู่มาตรการการผ่อนปรนระยะที่ 2 ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งเพราะจะต้องผ่อนคลายให้เศรษฐกิจดำเนินการต่อไปได้

    ในการผ่อนปรนระยะที่ 2 นี้ เป็นการผ่อนปรนในกิจการ/กิจกรรม “สีเขียว” คือ กิจการหรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดที่อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง และมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมอยู่ในเกณฑ์สูง ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป โดยมีรายละเอียดดังนี้

    1. กิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำรงชีวิต
      • ร้านอาหาร หรือเครื่องดื่มในอาคารสำนักงาน โรงอาหารหรือศูนย์อาหารภายในหน่วยงาน โดยให้เปิดได้โดยอาจนำกลับไปบริโภคที่อื่น หากเปิดให้ใช้สถานที่สามารถทำได้โดยการจัดระเบียบการเข้าใช้บริการให้เป็นไปตามาตรการป้องกันโรคและคำแนะนำของทางราชการ และยังคงห้ามบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน
      • ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอล์ ฯลฯ เปิดให้บริการเวลา 10.00-20.00 น.
        • ในส่วนของสินค้าอุปโภค ร้านขายปลีกธุรกิจคอมพิวเตอร์ หนังสือ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องนอน วัสดุก่อสร้าง เฟอร์สิเจอร์ วัสดุสำนักงาน เครื่องครัว อุปกรณ์จำเป็นภายในครัวเรือน ดอกไม้ ต้นไม้ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องสำอาง อุปกรณ์กีฬา
        • สินค้าโภคภัณฑ์ ทอง เครื่องประดับ จิวเวลรี
        • ส่วนของบริการอินเทอร์เน็ต ซักอบรีด ซ่อมแซมเครื่องใช้อุปกรณ์ ถ่ายเอกสาร ซ่อม-เปลี่ยน ประดับยนต์ ล้างรถยนต์
        • ธุรกิจบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ
        • บริษัทประกันภัย ประกันชีวิต
        • คลินิกเวชกรรม สถานทันตกรรม
        • ห้องรับรอง
        • ร้านเสริมสวย แต่งผมหรือตัดผม สำหรับบุรุษหรือสตรี (เปิดเฉพาะสระ ตัด ซอยผม แต่งผม) ร้านทำเล็บ
        • ร้านอาหาร ภัตตาคาร food court ศูนย์อาหาร

    โดยในกลุ่มนี้ยังมีส่วนที่ยังคงต้องปิดต่อไป ได้แก่ โรงภาพยนตร์ โบว์ลิ่ง สเก็ต คาราโอเกะ สวนสนุก สวนน้ำ สวนสัตว์ พื้นที่จัดกิจกรรม กิจกรรมส่งเสริมการขาย แข่งขันกีฬา ตู้เกม เครื่องเล่นหยอดเหรียญ สถานที่ออกกำลังกาย ฟิตเนส ศูนย์ประชุม ห้องประชุม ฮอลล์ สถานที่จัดนิทรรศการ สถาบันกวดวิชา สถานพระเครื่อง  ร้านนวดแผนไทย สปา

    • ร้านค้าปลีก-ส่ง ขนาดใหญ่ เช่น ร้านวัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ ตลาดค้าส่งขนาดใหญ่ เช่น ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดไท ตลาดผลไม้ โดยให้เปิดได้แต่ต้องควบคุมทางเข้าออก จัดให้มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ มีมาตรการเว้นระยะห่างในการเลือกสินค้า และการชำระสินค้า รวมถึงระยะห่างของแผงค้าให้ได้ตามมาตรการที่กำหนด ในการจำหน่ายอาหารเครื่องดื่ม เปิดบริการตามมาตรการที่กำหนด
    1. กิจกรรมด้านการออกกำลังกายหรือการดูแลสุขภาพ
      • คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม โดยจำกัดการให้บริการเฉพาะส่วนของเรือนร่าง ผิวพรรณ และเลเซอร์ ไม่รวมการเสริมความงามบริเวณใบหน้า

    โดยในด้านนี้มีส่วนที่ยังต้องปิดต่อไป ได้แก่ สถานเสริมความงามควบคุมน้ำหนัก สถานที่สักหรือเจาะผิวหนัง หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย สถานประกอบกิจการอาบน้ำ อบไอน้ำ อบสมุนไพร และสถานประกอบกิจการ อาบ อบ นวด เช่น นวดเสริมความงาม นวดตัว อาบน้ำ อบตัว อบไอน้ำ ออนเซน อาบ อบ นวด

    • โรงยิม สถานที่ออกกำลังกายในร่ม ฟิตเนส
      • โดยจำกัดเฉพาะกีฬาตามกติกาสากล ที่ไม่มีลักษณะการปะทะกัน โดยอาจเล่นเป็นทีมไม่เกินทีมละ 3 คน และไม่มีผู้ชมการแข่งขัน ได้แก่ แบดมินตัน เซปักตะกร้อ เทเบิลเทนนิส โยคะ ฟันดาบ ยิมนาสติก ปีนผา
      • ฟิตเนส เปิดเฉพาะส่วนฟรีเวท โดยต้องไม่มีการออกกำลังกายแบบรวมกลุ่ม และห้ามใช้เครื่องลู่วิ่ง จักรยานปั่น เครื่อง elliptical หรือเครื่องออกกำลังกายอื่นๆ
      • สระว่ายน้ำสาธารณะ (กลางแจ้ง และในร่ม) จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการตามจำนวนเลนของการว่าย โดยอาจมีอุปรณ์ขึงกันเลนการว่าย (ความกว้างของเลนไม่น้อยกว่า 7 ฟุต) และจำกัดเวลาใช้บริการไม่เกิน 1 ชม.

    ในส่วนนี้ส่วนที่ยังต้องปิดต่อไป ได้แก่ สนามมวย โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ (ยิม) สวนน้ำ สวนน้ำบึงธรรมชาติ กีฬาทางน้ำ เช่น เซิร์ฟบอร์ด เจ็ตสกี บานานาโบ๊ต และเครื่องเล่นกีฬาทางน้ำอื่นๆ

    1. กิจกรรมอื่นๆ
      • ห้องประชุมโรงแรม ศูนย์ประชุม เปิดเฉพาะให้บริการจัดประชุมขององค์กรหรือหน่วยงาน (meeting) ลักษณะนั่งประชุมแบบจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมประชุม
      • ห้องสมุดสาธารณะ แกลลอรี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์

    โดยในส่วนนี้ส่วนที่ยังคงต้องปิดต่อไป ได้แก่ การจัดอบรม สัมนา จัดแสดงสินค้า นิทรรศการ จัดงานเลี้ยง อีเวนต์ในโรงแรม ศูนย์ประชุม ศูนย์แสดงสินค้า สถานที่จัดนิทรรศการ

    • กิจการถ่ายภาพยนตร์และวีดีทัศน์ โดยต้องสวมหน้ากาก และจำกัดการรวมกลุ่มไม่เกิน 10 คน ส่วนแผนกงนอื่นรวมกลุ่มไม่เกิน 5 คน รวมทีมงานหน้าฉากและทุกแผนกไม่เกิน 50 คน ประกอบด้วย แผนกกล้อง ช่างภาพ ช่างไฟ แผนกเสียง แผนกอุปกรณ์เคลื่อนกล้อง แผนกฉากและศิลปกรรม อุปกรณ์ประกอบฉาก แผนกเสื้อผ้า/แต่งหน้า ทำผม ผู้กำกับและนักแสดง แผนกจัดการกองถ่าย/แผนกการจัดการสถานที่/แผนกสวัสดิการกองถ่าย ให้แยกจากส่วนงานถ่ายทำ และแยกอาหารและเครื่องดื่ม รับประทานรายบุคคล

    ทั้งนี้ นพ.ทวีศิลป์ระบุว่า การเปิดกองถ่ายนั้นยังคงต้องดำเนินการตามมาตรการหลัก 5 มาตรการที่รัฐวางไว้ ซึ่งในส่วนของการแสดงยังคงต้องขอความร่วมมืองดการแสดงที่มีฉากกอดจูบโดยอาจปรับไปใช้เทคนิคการถ่ายทำแทน และในกิจการ/กิจกรรมอื่นๆ ในการเปิดให้บริการต้องดำเนินการเปิดให้บริการตามแบบวิถีใหม่ โดยรายละเอียดที่ชัดเจนของมาตรการต่างๆ จะเผยแพร่ผ่านทางราชกิจจานุเบกษาอีกครั้ง

    โดยมาตรการที่ยังคงไว้ในการผ่อนปรนระยะที่ 2 นี้ ได้แก่

    1. ลดช่วงเวลาเคอร์ฟิวเป็นระหว่างเวลา 23.00-04.00 น.
    2. ยังคงมาตรการเดินทางเข้าประเทศ ทั้งทางบก อากาศ น้ำ เช่นเดิม
    3. งดหรือชะลอการเคลื่อนย้ายข้ามจังหวัด

    อ่านรายละเอียดทั้งหมดได้ที่นี่https://bit.ly/2yRyCQr

    ปธ.สหภาพแรงงานการบินไทยเผย ยอมได้ถ้าเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ เชื่อมั่น มีศักยภาพกลับมาได้


    วันที่ 15 พ.ค. 2563 เว็บไซต์เนชั่นทีวีรายงานว่า นายนเรศ ผึ้งแย้ม ประธานสหภาพรัฐวิสาหกิจการบินไทยกล่าวว่า กรณีที่นายกรัฐมนตรีกำลังพิจารณาทางออกของการแก้ปัญหา บมจ.การบินไทย โดยมีการพูดถึง 3 ทางเลือก คือ ทางเลือกแรก รัฐบาลอุ้มต่อไป ทางเลือกที่สอง คือ ฟื้นฟูกิจการตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย แต่ยังไม่ล้มละลายจริงโดยการบินไทยในฐานะลูกหนี้ยื่นเรื่องต่อศาลล้มละลายกลาง ขอเข้าฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย และทางเลือกสุดท้าย คือ ล้มละลาย ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์และการบินไทยต้องหยุดกิจการ

    ทั้งนี้ ในส่วนตัวขอเลือกทางเลือกสอง เหตุผลที่เลือกคือบริษัทได้พักชำระหนี้ บอร์ดบริหาร นักการเมือง หมดสิทธิแทรกแซงหาประโยชน์ สหภาพพนักงานยังคงอยู่สิทธิของพนักงานและสภาพการจ้างพนักงาน ยังคงได้รับการคุ้มครอง ตาม พ.ร.บ.แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ 2543 โดยสมบูรณ์ การปรับลดขนาดองค์กรลดจำนวนพนักงานจะยังคงได้รับสิทธิ คุ้มครองและชดเชยตามกฏหมาย

    ที่สำคัญคือ ในอนาคตบริษัทการบินไทยยังมีความคาดหวังได้ว่าจะกลับมามีกำไรได้อีกครั้งเหตุผลที่ไม่เลือกข้อแรก เพราะส่วนต่างหนี้สินและทรัพย์สินของบริษัทณ เวลาปัจจุบัน มีส่วนต่างอยู่เพียงแค่หมื่นล้านเศษ เพิ่มหนี้ อีกเกิน 1.5 หมื่นล้านบาทบริษัทจะเข้าสู่การล้มละลายตามกฎหมายอย่างแท้จริงคือหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินรู้ว่า ฝืนต่อไปก็ไม่รอด สู้มอบตัว เข้าแผนฟื้นฟูเสียยังมีโอกาสฟื้นคืนชีพได้อย่างแท้จริง

    “บริษัทการบินไทยเรายังมีศักยภาพยังมีโอกาสมีกำไร และการ operate จริงของเราในหลายปีที่ผ่านมาเรามีกำไรแต่ที่เราต้องขาดทุนก็เกิดจากการที่ บอร์ดฝ่ายบริหาร และนักการเมืองสร้างหนี้ก้อนโตซื้อเครื่องใหม่ให้เรานั่นแหละครับหนี้ที่พนักงานไม่ได้ก่อแต่เราต้องก้มหน้าทำนาใช้หนี้”

    อย่างไรก็ตาม ตนขอประกาศเจตนารมณ์ ไว้ ณ ที่แห่งนี้เลยนะครับ แม้สหภาพฯ การบินไทยจะถูกยุบตามคำขู่ เพื่อเพื่อนพนักงานการบินไทยอยู่รอดและเป็นการอยู่รอดของบริษัทอย่างยั่งยืนแท้จริง จะยุบสหภาพฯ การบินไทยตนก็ยอม ถึงสหภาพฯ การบินไทยจะถูกยุบ ตนและพนักงานก็จะกลับไปสู้ใหม่ตามแนวทางจิตอาสาต้านโกงเหมือนเดิม

    กองสลากประกาศ 16 พ.ค. นี้ ใครถูกหวยต้องจองคิวขึ้นเงิน

    วันที่ 13 พ.ค. 2563 เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า จากกรณี สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ขอแจ้งให้ผู้ถูกรางวัลสลากฯ ที่ต้องการเดินทางมาขึ้นรางวัลที่สำนักงานสลากฯ สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี จะต้องลงทะเบียนจองคิวผ่านเว็บไซต์ www.glo.or.th เพื่อนัดหมายเวลาล่วงหน้าก่อนมาขึ้นรางวัล

    โดยเริ่มให้จองคิวขึ้นรางวัลของสลากงวด 1 เม.ย. 2563 ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.นี้ เป็นต้นไป กำหนดรับขึ้นเงินรางวัลได้ไม่เกินวันละ 65,000 ฉบับ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความแออัดในห้องจ่ายรางวัล และลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของ “โควิด-19” โดยจะเริ่มให้มาขึ้นรางวัลที่สำนักงานฯ ได้ตั้งแต่ 18 พ.ค.2563 เป็นต้นไป

    สำหรับวิธีการ จองคิวออนไลน์ เพียงแค่ใช้ข้อมูลดังนี้
    1. เข้าเว็บไซต์ www.glo.or.th
    2. กรอก ชื่อ-นามสกุล
    3. กรอกหมายเลขบัตรประชาชน
    4. กรอกจำนวนสลากฯ ที่ขอขึ้นรางวัล

    อย่างไรก็ตาม เมื่อจองคิวเสร็จก็เดินทางมาขึ้นรางวัลตามนัดหมายได้เลย แต่ถ้าหากใครไม่สะดวกจองคิว หรือเดินทางมาที่สำนักงานฯ ขอแนะนำให้ขึ้นรางวัลได้ที่ สาขาธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย ทุกแห่งทั่วประเทศ

    ยกเลิกเปิดสนามบินภูเก็ต ปิดต่อไม่มีกำหนด

    วันที่ 15 พ.ค. 2563 เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า จากกรณีที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศ เรื่อง เงื่อนไขและเงื่อนเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยาน (ฉบับที่2) พร้อมมีมติเห็นควรให้เปิดการดำเนินงานของสนามบินภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 00.01 น. เป็นต้นไป เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มีความประสงค์จะใช้เส้นทางทางอากาศ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

    ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศเรื่อง เงื่อนไขและเงื่อนเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยาน (ฉบับที่ 3) โดยระบุข้อความว่า ตามที่ได้มีประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง เงื่อนไขและเงื่อนเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยาน (ฉบับที่ 2) ประกาศ ณ วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 กำหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาในการใช้ท่าอากาศยานภูเก็ตเพื่อการขึ้นลงของอากาศยาน ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 00.01 น. เป็นต้นไป นั้น

    แม้ว่าจังหวัดภูเก็ตสามารถควบคุมยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ด้วยสถานการณ์ยังถือว่ามีความเสี่ยงที่ต้องติดตามดูแลอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามาถยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคไปสู่พื้นที่อื่น และป้องกันมิให้โรคกลับมาแพร่ระบาดใหม่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้อีก

    ดังนั้น ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย โดยคำแนะนำของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อาศัยอำนาจตามความในข้อ 2 (3) ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 5) ประกอบกับมาตรา 15/10 (6) แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562 ออกประกาศกำหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยาน ดังต่อไปนี้

    1. ให้ยกเลิกประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง เงื่อนไขและเงื่อนเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยาน (ฉบับที่ 2) ประกาศ ณ วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

    2. รายชื่อท่าอากาศยานที่เปิดให้อากาศยานขึ้นลงได้ รวมถึงเงื่อนไขและเงื่อนเวลาในการใช้ท่าอากาศยานดังกล่าวเพื่อการขึ้นลงของอากาศยาน ให้เป็นไปตามประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง เงื่อนไขและเงื่อนเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยาน ประกาศ ณ วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศอื่นเปลี่ยนแปลง

    อย่างไรก็ตาม ท่าอากาศยานที่เปิดให้อากาศยานขึ้นลงได้ ให้บริการเฉพาะการบินภายในประเทศ น่านนคร พิษณุโลก แพร่ แม่สอด แม่ฮ่องสอน ลำปาง ขอนแก่น นครพนม บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด เลย สกลนคร อุดรธานี อุบลราชธานี ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช ระนอง

    ท่าอากาศยานที่เปิดให้อากาศยานขึ้นลงได้ ให้บริการทั้งการบินภายในประเทศ และระหว่างประเทศ กระบี่ เชียงใหม่ แม่ฟ้าหลวงเชียงราย ดอนเมือง สมุย สุวรรณภูมิ สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ หัวหิน อู่ตะเภา

    WHO เตือน โควิด-19 อาจระบาดยาวถึง 5 ปี

    เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า แพทย์หญิงซุมยา สวามินาธาน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ประจำองค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจดำเนินต่อไปอีก 4-5 ปี ก่อนที่จะถูกควบคุมไว้ได้ วัคซีนถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้ แต่ก็ยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความปลอดภัย, การผลิต และการกระจายอย่างเป็นธรรม

    แพทย์หญิงสวามินาธานกล่าวด้วยว่า การพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ และมาตรการกักตัวผู้ติดเชื้อที่ประสบความสำเร็จ ถือเป็นปัจจัยที่จะตัดสินว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะยาวนานเพียงใด

    คำเตือนของแพทย์หญิงสวามินาธาน มีขึ้นหลังจาก ดร.ไมก์ ไรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายเหตุฉุกเฉินด้านสุขภาพสังกัดองค์การอนามัยโลก แถลงเมื่อวันพุธ (13พ.ค.)ที่ผ่านมา ถึงสถานการณ์ระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนา2019 หรือ โควิด-19 โดยระบุว่า โควิด-19 อาจไม่มีทางหายไปจากโลกใบนี้ ซึ่งหากสถานการณ์ระบาดในหลายประเทศทั่วโลกดีขึ้น และโลกได้ค้นพบวัคซีนป้องกันเชื้อแล้ว โควิดก็จะกลายเป็นเพียงอีก 1 โรคระบาดระดับชุมชนที่โลกรู้จัก

    ดร.ไรอันกล่าวว่า ในอนาคตไม่มีใครสามารถประเมินได้ว่าโควิดจะหมดไปเมื่อใด เมื่อถึงระยะเวลาหนึ่งโควิด-19 จะกลายเป็นเพียงโรคระบาดติดเชื้อระดับท้องถิ่น ไม่ต่างจากโรคหัด หรือโรคระบาดทางเดินหายใจอื่นๆ หรือแม้แต่เชื้อเอชไอวี ซึ่งแม้บางโรคจะมีวัคซีนป้องกันแล้ว แต่เชื้อก็ยังคงไม่หมดไป

    ขณะที่ส่วนของโควิดนั้น แม้โลกจะสามารถคิดค้นวัคซีนป้องกันเชื้อได้แล้ว แต่ยังคงต้องใช้เวลาอีกหลายปี กว่าจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในระดับประชากรวงกว้างได้ จีงแนะนำให้ชาวโลกใช้วิธีการเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับไวรัสชนิดนี้