ThaiPublica > เกาะกระแส > WHO ประกาศทางการไวรัสโควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ Pandemic ของโลก

WHO ประกาศทางการไวรัสโควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ Pandemic ของโลก

12 มีนาคม 2020


ดร.เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซัส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ที่มาภาพ: https://www.bbc.com/news/world-51839944

องค์การอนามัยโลกหรือ World Health Organization ได้ประกาศอย่างเป็นทางการให้ การแพร่กระจายของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่หรือ โควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ของโลก หรือ Pandemic

การระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้กระจายไปอย่างน้อย 114 ประเทศทั่วโลก และทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 4,000 ราย

  • องค์การอนามัยโลกเตือนทุกประเทศเตรียมพร้อมรับมือ”Pandemic”ไวรัสโควิด-19 ระบาดใหญ่

  • “ครั้งนี้เป็นการระบาดใหญ่ของโลกที่เกิดจากไวรัสโคโรนา” ดร.เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซัส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก กล่าวในการแถลงข่าว

    ขณะนี้มี 8 ประเทศซึ่งรวมสหรัฐอเมริกา มีการรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กว่า 1,000 ราย ซึ่งเกิดจากไวรัสที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกว่า 120,000 ราย

    “ในสองสัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นอกจีนเพิ่มขึ้น 13 เท่า และจำนวนประเทศที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 3 เท่า” ดร.เทดรอสกล่าว

    ดร.เทดรอสกล่าวว่า “ในอีกหลายวันและหลายสัปดาห์ข้างหน้า เราคาดว่าจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนประเทศที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึึ้น” พร้อมกับอ้างถึงจำนวนผู้ติดเชื้อที่เสียชีวิตจากไวรัสที่มีผลต่อระบบทางเดินหายใจที่เพิ่มขึ้น

    องค์การอนามัยโลก”มีความกังวลอย่างมาก” ดร.เทดรอสกล่าว “จากสัญญานเตือนทั้งระดับของการแพร่กระจายและความรุนแรง รวมทั้งสัญญานเตือนจากระดับของการที่ไม่ดำเนินการใดๆ” จากผู้นำของโลกเพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดนี้

  • สำรวจประเทศไหนใช้มาตรการอะไรสกัด COVID-19 ใครเตรียมพร้อมรับมือสูงสุด “WHO” ยกระดับความเสี่ยง”สูงมาก”

  • “ดังนั้นเรา จึงได้ประเมินว่าไวรัสโควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่”ดร.เทดรอสกล่าว

    แม้ตระหนักดีถึงการแพร่ระบาดของไวรัส แต่ดร.เทดรอสกล่าวเตือนประชากรโลกว่า ไม่ต้องหวั่นวิตกจากการประกาศให้การระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ อีกทั้งยังได้กล่าวว่า คำว่า การระบาดใหญ่ไม่ควรตีความไปในทางที่ว่าการต่อสู้กับไวรัสได้จบลงแล้ว

    “การที่ประกาศให้สถานการณ์ขณะนี้เป็นการระบาดใหญ่ แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนการประเมินความเสี่ยงที่มีขึ้นจากของไวรัสขององค์การอนามัยโลก ไม่ได้เปลี่ยนในสิ่งที่องค์การอนามัยโลกกำลังดำเนินการ และไม่ได้เปลี่ยนในสิ่งที่หลายประเทศควรจะทำ” ดร.เทดรอสกล่าว

    ที่มาภาพ: https://www.npr.org/sections/goatsandsoda/2020/03/11/814474930/coronavirus-covid-19-is-now-officially-a-pandemic-who-says

    การระบาดใหญ่หรือ Pandemic หมายถึง การที่เชื้อโรคแพร่กระจายไปในหลายประเทศทั่วโลกพร้อมๆกัน

    ดร.เทดรอสกล่าวว่า แม้จะประกาสภาวะการระบาดใหญ่ แต่ไม่ได้หมายความว่าองค์การอนามัยโลกจะปรับเปลี่ยนคำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่หลายประเทศต้องดำเนินการ

    ดร.เทดรอสเรียกร้องให้รัฐบาลสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสด้วยการดำเนินการอย่างเร่งด่วนและใช้มาตรการเชิงรุก

    “หลายประเทศได้แสดงให้เห็นแล้วว่าไวรัสนี้สามารถจัดการและควบคุมได้”ดร.เทดรอสกล่าว

    “สิ่งที่ท้าทายหลายประเทศที่กำลังประสบกับจำนวนผู้ติดเชื้อจำนวนมาก หรือการแพร่ระบาดในชุมชน ไม่ใช่อยู่ที่พวกเขาจะทำเหมือนกันหรือไม่ แต่อยู่ที่ว่าจะทำหรือไม่ รัฐบาลต้องรักษามสมดุลระหว่างการดูแลสุขภาพ จำกัดผลกระทบและเคารพสิทธิมนุษยชน” ดร.เทดอรสกล่าว

    “เราอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ในการที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องด้วยความสงบและคุ้มครองพลเมืองของโลก ซึ่งสามารถทำได้” ดร.เทดรอสกล่าว

    ในอิตาลีมีการระบาดร้ายแรงทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 630 ราย และจำนวนผู้ติดเชื้อโดยรวมของประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะมีจำนวนกว่า 10,000 ราย สูงเป็นอันดับสองรองจากจีน ขณะที่มีผู้ติดเชื้อ 9,000 รายในอิหร่านและมากกว่า 7,000 รายในเกาหลีใต้

    ทางด้านดร.ไมก์ ไรอัน ผู้บริหารฝ่ายภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพ (Health Emergencies Programme) ขององค์การอนามัยโลกเปิดเผยว่า ตัวเลข ณ วันที่ 11 มีนาคม สาธารณสุขอิตาลีรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 827 รายจาก 631 ราย มีผู้ติดเชื้อที่ต้องรักษาตัวในห้องไอซียูราว 900 ราย

    ดร.ไรอันกล่าวว่า สถานการณ์ในอิหร่าน ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 354 รายจากผู้ติดเชื้อ 9,000 ราย ถือว่า “ร้ายแรงมาก” องค์การอนามัยโลกได้ส่งทดสอบไปให้อิหร่าน 40,000 ชุด แต่ก็ยังมีเครื่องช่วยหายใจและออกซิเจนไม่เพียงพอ

    “อิหร่านและอิตาลี กำลังมีปัญหาหนัก ซึ่งผมคาดว่าประเทศอื่นๆก็จะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันในเร็วๆนี้ “ดร.ไรอันกล่าว

    ดร.ไมเคิล ไรอัน ผู้บริหารฝ่ายภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพ ที่มาภาพ:https://www.npr.org/sections/goatsandsoda/2020/03/11/814474930/coronavirus-covid-19-is-now-officially-a-pandemic-who-says
    ประเทศเหล่านี้ได้ใช้มาตรการที่รุนแรงในการชะลอการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ซึ่งมีผลต่ออัตราการเสียชีวิตสูงสำหรับกลุ่มผู้สูงวัยที่มีปัญหาสุขภาพอยู่แล้ว

    ในรัฐวอชิงตัน สหรัฐฯได้ห้ามไม่ให้มีการรวมตัวของผู้คนจำนวนมากในบางพื้นที่และสั่งให้โรงเรียนทุกแห่งเตรียมความพร้อมเพื่อรับการสั่งปิดในอีกไม่กี่วัน ขณะที่ซีแอตเติลคาดว่าการระบาดจะรุนแรงขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์

    ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กประกาศ จะส่งกองกำลังเข้าไปในนิวโรเชลล์ เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัส หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็นมากกว่า 1,000 ราย นอกจากนี้ยังมีการกำหนดโซน 1.6 กิโลเมตรในพื้นที่ทางตอนเหนือของแมนฮัตตัน เป็นเขตกักกัน

    จำนวนประเทศที่สั่งห้ามการเดินทางมีมากขึ้น อินเดียสั่งระงับการออกวีซ่าให้ต่างชาติไปจนถึง 15 เมษายน ส่วนกัวเตมาลาสั่งห้ามชาวยุโรปเข่าประเทศ ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคมนี้

    ก่อนหน้านี้นางแองเจลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เตือนว่า อาจจะมีประชาชนราว 70% หรือ 58 ล้านคนติดเชื้อไวรัส เนื่องจากยังไม่วิธีรักษา ดังนั้นจึงเน้นไปที่การสกัดการระบาด เป็นการแข่งกับเวลา

    นักไวรัสวิทยาของเยอรมนีบางรายไม่เห็นด้วย โดยคาดว่า ในกรณีเลวร้ายสุดจะมีผู้ติดเชื้อ 40,000 ราย

    ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้การระบาดของไวรัสโคคโรนาสายพันธ์ใหม่เป็นภาวะฉุกเฉินของโลก หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อในจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดเพิ่มสูงขึ้น

    ในช่วงนั้นแม้การระบาดได้กระจายวงกว้างขึ้น และมีการคาดการณ์กันว่าองค์การอนามัยโลกจะยกระดับการเตือนภัยเกี่ยวกัยไวรัสไปที่ระดับสูงสุด แต่ดร.เทดรอสกล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลกประเมินว่า ระดับของผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโรคโรนาสายพันธ์ใหม่ยังไม่ถึงขั้นนั้น และการประกาศให้การระบาดของไวรัสเป็นการระบาดใหญ่มีความเสี่ยงที่จะทำให้ประชาชนตื่นตระหนก หรือ panic

    ดร.เทดรอสและผู้เชี่ยวชาญอื่นๆคาดว่า จะสามารถสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสได้ โดยอ้างอิงข้อมูลจากจีนที่แสดงให้เห็นว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้ผ่านพ้นระดับสูงสุดไปแล้วในปลายเดือนมกราคมและต้นเดือนกุมภาพันธ์

    ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (Centers for Disease Control and Prevention: CDC) ได้ออกคำแนะนำเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส โดยให้ล้างมือกับสบู่และน้ำเปล่าอย่างน้อย 20 วินาทีหรือใช้เจลล้างมือหากไม่มีอ่างล้างมือ ทางด้านองค์การอนามัยโลกเตือนว่า ผู้ป่วยหรือผู้ที่ดูแลผู้ป่วยเท่านั้นที่ควรสวมใส่หน้ากากอนามัย

    “สำหรับคนทั่วไป การติดเชื้อไวรัสโวิด-19 จะทำให้มีอาการป่วยเล็กน้อย อย่างไรก็ตรามอาจจะมีบางคนป่วยหนัก และในบางคนอาจจะถึงแก่ชีวิต” องค์การอนามัยโลกระบุ “ส่วนคนสูงวัย และคนที่มีปัญหาสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิต

    สำหรับอาการที่แสดงถึงการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายงานขององค์การอนามัยโลกซึ่งได้รวบรวมข้อมูลจากผู้ติดเชื้อกว่า 70,000 รายในจีนระบุว่า มีอาการไข้ซึ่งพบในสัดส่วนถึง 88% ของจำนวนผู้ติดเชื้อ ไอแห้งๆ 68% เมื่อยล้า 38% มีเสมหะ 33%

    อาการหายใจถี่ๆพบใน 20% ของจำนวนผู้ติดเชื้อมั้งหมด และราว 13% มีอาการเจ็บคอ หรือปวดศรีษะ