ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 7-13 ธ.ค. 2562
กกต.มีมติ ส่งเรื่องให้ศาล รธน.วินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่
วันที่ 11 ธ.ค. 2562 เว็บไซต์วอยซ์ทีวีรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการเลือกตั้ง หรือ กกต. มีมติส่งเรื่องศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย ยุบพรรคอนาคตใหม่ กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ปล่อยกู้พรรคจำนวน 191 ล้านบาท โดยมีเหตุอันเชื่อว่าเป็นการรับบริจาคเงินโดย แหล่งที่มาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา มาตรา 72 ของ กฎหมายพรรคการเมือง ที่ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นเหตุให้ต้องศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค ตามมาตรา 92(3) ของกฎหมายพรรคการเมือง
ต่อมาวันที่ 12 ธ.ค. 2562 เว็บไซต์วอยซ์ทีวีรายงานเพิ่มเติมว่า นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต.ปฎิเสธที่จะชี้แจงถึงเหตุผลของ กกต.ในประเด็นการเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ จากกรณีกู้ยืมเงินนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน 191 ล้านบาท เนื่องจากวานนี้ตนเองไม่ได้อยู่ในห้องประชุม และ กกต.ได้มีมติส่งศาลไปแล้ว จึงเป็นเรื่องที่ศาลจะต้องเป็นผู้พิจารณา ไม่สามารถให้ความเห็นได้
ทั้งนี้ มีรายงานว่า กกต.อยู่ระหว่างยกร่างคำร้อง เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะใช้เวลาไม่นาน ทั้งนี้ในการส่งเรื่องดังกล่าว ทางกกต.เห็นว่าเรื่องการกู้ยืมเงิน ข้อเท็จจริงยุติแล้ว เพราะนายธนาธร และพรรค ยอมรับว่ามีการกู้ยืมเงินกันจริง จึงเหลือเพียงประเด็นปัญหาข้อกฎหมายว่าพรรคการเมืองสามารถกู้ยืมเงินมาใช้ในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้หรือไม่ เพราะมาตรา 62 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 เขียนต่างจากปี 2550 ที่จะกำหนดรายได้อื่นไว้ ทำให้พรรคการเมืองในขณะนั้นมีการกู้ยืมเงินจากหัวหน้าพรรค แต่จะเป็นประเภทของเงินทดรองจ่ายไปก่อน
นอกจากนี้ เมื่อกฎหมายกำหนดให้นิติบุคคลบริจาคได้ไม่เกินรายละ 10 ล้านบาท และเงินกู้ที่เกินวงเงินจะถือว่าเป็นการบริจาคเกินที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ จึงจำเป็นต้องส่งศาลให้พิจารณาจนสิ้นสุดความ
ส่วนที่ กกต.มีมติในคำร้องนี้โดยไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพื่อให้นายธนาธร หรือผู้แทนของพรรคมาชี้แจง เป็นการใช้อำนาจของ กกต.ตามมาตรา 93 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมืองที่เปิดช่องให้นายทะเบียนพรรคการเมืองมีความเห็นพร้อมรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานส่ง กกต.พิจารณาได้เลย
วันที่ 13 ธ.ค. 2562 เว็บไซต์ข่าวสดออนไลน์รายงานว่า นายธนาธรจะจัดแคมเปญ นัดชุมนุมระยะสั้น โดยใช้ชื่อว่า “เมื่อเสียงที่พวกเราเลือกเข้าสภาไม่มีค่า ได้เวลาประชาชนออกมาส่งเสียงด้วยตัวเอง”
โดยจะนัดชุมนุมที่บริเวณสกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป และจะยุติการชุมนุมทันที ในเวลา 18.00 น. ทั้งนี้ ได้เชิญชวนประชาชนผู้มาร่วมแคมเปญดังกล่าวเขียนโพสต์อิต โดยเป้าหมายของการชุมนุมในครั้งนี้ต้องการดึงคนรุ่นใหม่ หน้าใหม่ ออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่แค่ในออนไลน์
“นี่คือเวลาที่เราจะต้องส่งเสียงของประชาชนให้ดัง นี่คือเวลาที่เราจะต้องส่งเสียงให้ผู้มีอำนาจได้ยิน ถ้าท่านเห็นด้วยกับผมว่า เวลานี้ประชาชนต้องลุกขึ้นสู้ จะต้องลุกขึ้นทวงคืนความชอบธรรม ทวงคืนความยุติธรรมกลับคืนมา เจอกัน” นายธนาธรกล่าว
ศาลอุทธรณ์เพิ่มโทษ เปรมชัยนอนคุก
เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2562 ที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน), นายยงค์ โดดเครือ, นางนที เรียมแสน และนายธานี ทุมมาศ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐาน ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันช่วยซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำความผิดกฎหมาย และ ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวน โดยมีของกลางเป็นซากเสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา เก้ง พร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก กรณีที่เข้าไปลักลอบล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เหตุเกิดวันที่ 4-6 ก.พ.61
โดยศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 นายเปรมชัย 16 เดือนโดยไม่รอลงอาญา ส่วน จำเลยที่ 2 จำคุก 13 เดือน จำเลยที่ 3 จำคุกจำคุก 4 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอรอลงอาญา มีกำหนด 2 ปี และจำเลยที่ 4 จำคุก 2 ปี 17 เดือน ต่อมาฝ่ายโจกท์และจำเลยอุทธรณ์คดี
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว พิพากษาแก้โทษจำเลยทั้งหมด โดยจำเลยที่ 1 นายเปรมชัยจำคุก 2 ปี 14 เดือน ไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่ 2 นายยงค์ โดดเครือ จำคุก 2 ปี 17 เดือน, จำเลยที่ 3 นางนที เรียมแสน (แม่ครัว) จำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับเงิน 40,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี และ จำเลยที่ 4 นายธานี ทุมมาศ ซึ่งรับสารภาพว่าเป็นคนยิง เสือดำ จำคุก 2 ปี 21 เดือน ส่วนในเรื่องเงินค่าปรับจำเลยทั้ง 4 คนให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้กับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จำนวนเงินรวม 2 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้จำเลยทั้งหมดยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวสู้คดีในชั้นฎีกา แต่ศาลฎีกาไม่สามารถพิจารณาคำร้องขอประกันตัวได้ทัน ทำให้นายเปรมชัยและพวกถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปยังเรือนจำทองผาภูมิในที่สุด
รายงานล่าสุดจากเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจระบุว่า จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ เอกสารสำนวนคดีเสือดำที่ส่งไปวานนี้มีกว่า 400 หน้า อาจทำให้การพิจารณาต้องใช้เวลา
ต่อมาเมื่อช่วง 14.20 น.เจ้าหน้าจากเรือนจำทองผาภูมิเดินทางเข้ามาที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ พร้อมกับเอกสารขึ้นไปยังห้องพิจารณาคดี เพื่อสอบประวัตินายเปรมชัยและพวกเพิ่มเติมหลังจากที่วานนี้สอบประวัติไปเบื้องต้น โดยการสอบประวัติใช้เวลา 20นาที นอกจากนี้ยังจะให้แพทย์จากโรงพยาบาลมาตรวจร่างกายนายเปรมชัย
มีรายงานว่าหากการพิจารณาของศาลฎีกา ไม่แล้วเสร็จภายในวันนี้ (13 ธ.ค. 2562) นายเปรมชัยและพวกจะต้องอยู่ในเรือนจำต่อ และจะต้องตัดผมสั้นเหมือนกับนักโทษในเรือนจำ นอกจากนี้ ระยะเวลาการพิจารณาอาจยาวออกไป เนื่องจากติดวันเสาร์อาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ
อย่างไรก็ดี ล่าสุด บีบีซีไทยรายงานว่า นายเปรมชัยและพวกได้รับการประกันตัวไปในวงเงินคนละ 1 ล้านบาท พร้อมต้องคาดไลอีเอ็มเพื่อจำกัดการเดินทาง และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
ปารีณาคืนที่ ส.ป.ก. – วิษณุยัน คืนแล้วไม่ผิด
วันที่ 7 ธ.ค. 2562 เว็บไซต์ไทยพีบีเอสรายงานว่า ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบฟาร์มไก่ ของน.ส.ปารีณา โดยเบื้องต้น ร.อ. ธรรมนัส ระบุว่า ไม่เอาผิด น.ส.ปารีณา และให้เวลาขนของออก 7 วันนับจากวันนี้ พร้อมทั้งยืนยันว่าทำงานเร็วที่สุดแล้ว
ร.อ. ธรรมนัส ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าตรวจสอบภายในฟาร์มไก่ว่า ยืนยัน ไม่ดำเนินคดีเรื่องที่ดินกับ น.ส.ปารีณา เพราะครอบครองก่อนการปฏิรูปที่ดิน วันนี้จึงถือโอกาสมารับการส่งมอบทั้งหมด ส่วนการที่อาจถูกสังคมมองว่าการไม่ดำเนินคดีเอาผิด อาจถูกมองว่าไม่ชอบธรรม ร.อ. ธรรมนัส ขอให้สังคมเข้าใจว่าทำตามกฎหมาย ส.ป.ก. คือยึดที่ดิน 682 ไร่กลับคืนมาเป็นของรัฐ อ้างว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีละเว้นเรื่องการใช้กฎหมาย
เมื่อตั้งคำถามว่าการยึดที่ดิน 682 ไร่ครั้งนี้หมายความว่า น.ส.ปารีณาไม่มีความผิดเลยใช่หรือไม่ ร.อ. ธรรมนัส บอกว่า ใช่ เพราะ น.ส.ปารีณาทำหนังสือถึงนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการ ส.ป.ก. ขอส่งคืนเนื้อที่ทั้งหมดที่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2562 พร้อมนำหนังสือขอคืนพื้นที่ของน.ส.ปารีณา ซึ่งส่งให้ ส.ป.ก.พร้อมสำเนา ภ.บ.ท.5 จำนวน 29 แปลง มาโชว์ให้สื่อมวลชนดู
ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวระบุว่า ด้วยข้าพเจ้า น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ได้ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม บริเวณ หมู่ที่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี และข้าพเจ้าได้ยื่นชำระภาษีบำรุงท้องที่ ข้าพเจ้ามีความประสงค์ของคืนพื้นที่ตาม ภ.บ.ท.5 ดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อการกษตร ให้เกิดประโยชน์ต่อการใช้ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ขอสงวนการใช้สิทธิเป็นอันดับแรกตามที่กฎหมายกำหนด และยินดีเข้าให้ถ้อยคำ และให้ความร่วมมือกับทางสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมทุกประการ
ต่อมาวันที่ 10 ธ.ค. 2562 เว็บไซต์ WORKPOINT NEWS รายงานว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ดิน ส.ป.ก.ของ น.ส.ปารีณาว่า เรื่องที่ดิน ส.ป.ก. ปัญหาอยู่ที่ว่าพื้นที่นั้นเป็นที่ดิน ส.ป.ก.หรือไม่ ถ้าใช่ ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งเหมือนสมัยก่อนที่ พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้คืนไปแล้วก็จบ
ทั้งนี้ ที่ดิน ส.ป.ก.ตอนไปเอามานั้นไม่ผิด เพราะถือครองไม่ได้ เมื่อถือครองไม่ได้ก็คืน แต่พื้นที่บางอย่างตอนไปเอามานั้นผิด เมื่อคืนไปความผิดก็สำเร็จ กฎหมายแต่ละเรื่องไม่ได้ยึดหลักเดียวกันไปเสียหมด
เมื่อถามว่า รัฐบาลใช้ช่องทางการเป็นที่ดิน ส.ป.ก.ช่วยเหลือ น.ส.ปารีณาหรือไม่ นายวิษณุเผยว่า ตามกฎหมายระบุว่าเมื่อเป็นที่ดินที่ซื้อมาแล้วต้องมอบคืน ซึ่งการมอบคืนถือเป็นบทลงโทษของคนที่ซื้อมา โดยที่รัฐไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว เป็นบทลงโทษที่ดีกว่าบทลงโทษทางอาญาที่จะต้องถูกปรับ
“สมศักดิ์”เตรียมปลดกระท่อมพ้นยาเสพติด
เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเตรียมปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากยาเสพติด ว่า ขณะนี้กระทรวงเตรียมเสนอกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งเรื่องชนิดยาเสพติด และโทษของยาเสพติด โดยในส่วนของโทษนั้นเดิมจะมีโทษขั้นต่ำสุด และโทษสูงสุด แต่บางความผิดเช่นการขน การขายยาบ้านั้น ที่ผ่านมาอาจจะได้รับโทษขั้นต่ำ ซึ่งอาจจะไม่ได้เป็นเจตนาของการลงโทษการค้า ดังนั้นจึงจะมีการปรับให้มีการรับโทษสูงสุด ส่วนโทษต่ำ เรื่องการบำบัดรักษา นั้นให้เป็นผู้พิพากษาใช้ดุลพินิจ
ส่วนเรื่องชนิดของยาเสพติดนั้นได้มีการพิจารณาตามกรอบข้อกำหนดเรื่องยาเสพติดของสหประชาชาติ ซึ่งสหประชาชาติเองก็ได้นำมาจากข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลก องค์การอาหารและยาพบว่ามีข้อกำหนดอยู่ 4 ด้าน 1. เสพแล้วหากหยุดเสพมีผลต่อร่างกาย เช่น กระวนกระวาย หรือลงแดง 2. ไม่มีประโยชน์ทางการแพทย์เลย หรือมีน้อยมาก 3. มีผลต่อสุขภาพ เช่น ผอมแห้ง แรงน้อย ระบบจิตประสาทเสีย ครองตัวเองไม่ได้ และ 4. มีผลกระทบกับสังคม ทั้งนี้เมื่อพิจารณาแล้วพบว่าพืชกระท่อมไม่เข้าข้อกำหนด 4 ข้อนี้ แต่กลับพบว่าคนเสพ หรือคนเคี้ยวสามารถเลิกได้ง่าย
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีและประโยชน์ในการแก้ปวด แก้ไข้ แก้บิด ท้องเสีย หรือเมื่อเทียบกับมอร์ฟีน ซึ่งเป็นสารเสพติดที่ใช้ทางการแพทย์เพื่อลดอาการปวด ก็พบว่ากระท่อมช่วยลดความเจ็บปวดมากกว่ามอร์ฟีน 13 เท่า ถือว่าผลเสียน้อยมากจึงต้องมีการทบทวนเรื่องนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้มีนักวิจัยไทยศึกษาร่วมกับนักวิจัยญี่ปุ่นแล้วไปจดลิขสิทธิ์ในญี่ปุ่น 2 ฉบับ อเมริกา 2 ฉบับ ดังนั้นเราต้องรีบทำ ส่วนจะสำเร็จหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับหลายส่วน ขึ้นอยู่กับสภา
พรรคอนุรักษนิยมสหราชอาณาจักรชนะเลือกตั้ง
เว็บไซต์บีบีซีไทยรายงานผลการเลือกตั้งของสหราชอาณาจักรว่า พรรคอนุรักษนิยมภายใต้การนำของนายบอริส จอห์นสัน ชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย โดยได้ที่นั่งเพิ่มจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2017 จำนวน 47 ที่นั่ง สอดคล้องกับผลสำรวจหน้าคูหาเลือกตั้ง (เอ็กซิทโพล) จัดทำขึ้นสำหรับบีบีซี สถานีโทรทัศน์ไอทีวี และสกาย นิวส์ ซึ่งออกมาหลังปิดหีบเลือกตั้ง
นายบอริสแถลงว่า เสียงข้างมากที่พรรคอนุรักษนิยมได้รับ เป็น “อำนาจที่ทรงพลังในการทำเบร็กซิทให้สำเร็จ” และเรียกการเข้าคูหาเลือกตั้งเมื่อวันที่12 ธ.ค. 2562 ที่เพิ่งผ่านไปว่า “วันเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์
ขณะเดียวกัน คู่แข่งขันสำคัญอย่างพรรคแรงงานของนายเจเรมี คอร์บิน ได้ 203 ที่นั่ง ลดลง 59 ที่นั่ง