ThaiPublica > เกาะกระแส > ศาลรธน. วินิจฉัย “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” พ้นสมาชิกภาพส.ส. วินิจฉัยตรวจสอบ เปรียบเทียบข้อเท็จจริงรายประเด็น

ศาลรธน. วินิจฉัย “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” พ้นสมาชิกภาพส.ส. วินิจฉัยตรวจสอบ เปรียบเทียบข้อเท็จจริงรายประเด็น

20 พฤศจิกายน 2019


นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

ศาลรธน. วินิจฉัย “ธนาธร” พ้นสมาชิกภาพส.ส. ชี้ ยังเป็นผู้ถือหุ้นสื่อฯในวันส่งที่อนาคตใหม่ส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส. เช็คประวัติขึ้นเงิน 3 ปี พิรุธต่างจากปกติ แจงข้อโต้แย้ง “สมพร” อ้างคนในครอบครัวโอนหุ้นต่อให้หลานไม่มีค่าตอบแทน “ย้อนแย้ง” กับ ความสัมพันธ์ระหว่างมารดา-บุตร ที่สั่งจ่ายเงินค่าหุ้นให้ “ธนาธร”

เมื่อเวลา 14.28 น.ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพความเป็นส.ส.ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สิ้นสุดหรือไม่ กรณีถือหุ้นสื่อมวลชนในบริษัทวี ลัค มีเดีย จำกัด โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 2 วินิจฉัยว่า สมาชิกภาพของนายธนาธร สิ้นสุดลงจากกรณีการถือหุ้นในบ.วีลัค มีเดียจำกัด เนื่องจากยังเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่พรรคอนาคตใหม่ส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อต่อกกต.

ศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า การที่รัฐธรรมนูญบัญญัติลักษณะต้องห้ามกรณีถือครองหุ้นสื่อมวลชน มาใช้เป็นเหตุการสิ้นสุดสมาชิกภาพของส.ส. นั้น เพื่อไม่ให้ผู้ที่ถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชนอาศัยความได้เปรียบในการเป็นเจ้าของ เผยแพร่ข้อมูลความสารที่เป็นประโยชน์ หรือเป็นโทษ หรือ ครอบงำสื่อมวลชนไม่ให้เป็นกลาง ในการเลือกตั้ง

สำหรับข้อโต้แย้งของนายธนาธร ว่ากระบวนการไต่สวนของกกต. ซึ่งเป็นยื่นคำร้องต่อศ่าลรัฐธรรมนูญ ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ศาลเห็นว่า มาตรา82 วรรคสี่ ให้กกต.มีอำนาจหน้าที่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นการยื่นคำร้องนี้ของกกต.ชอบแล้ว

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

ส่วนข้อโต้แย้งที่ว่า บ.วีลัค มีเดีย จำกัดไม่ได้ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ ศาลเห็นว่า ในพ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ ได้กำหนดไว้ว่า สื่อมวลชนให้หมายความรวมถึงนิตยสาร วารสาร สื่ออื่น หนังสื่อพิมพ์ ในราชอาณาจักร นอกจากนี้ยังบัญญัติให้ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา จะต้องแจ้งเจ้าพนักงานทราบ หากเลิกกิจการภายใน 30 วัน แต่ข้อเท็จจริงไม่ปรากฎหลักฐานว่าบ.วีลัคฯ ไม่ได้แจ้งการยกเลิกกิจการ ก่อนวันที่ 16 มกราคม 2562 ซึ่งเป็นวันก่อนที่พรรคอนาคตใหม่ส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส. แม้นายธนาธรจะอ้างว่า บ.วีลัคฯ ยุติการดำเนินกิจการ และเลิกจ้างไปแล้ววันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 เป็นต้นมา รวมทั้งแจ้งการเปลี่ยนแปลง นายจ้าง กิจการชั่วคราวที่สำนักงานประกันสังคม แต่ในข้อเท็จจริงบ.วีลัคฯ สามารถที่จะกลับมาประกอบกิจการเมื่อใดก็ได้ ตราบใดที่ไม่แจ้งยกเลิกกิจการ ดังนั้นจึงถือว่าบ.วีลัคฯ ยังเป็นบ.ที่ประกอบกิจการสื่อมวลชน อยู่ในวันที่ส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัคร

ศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ข้อโต้แย้งของนายธนาธร ที่ว่า ได้ขายและโอนหุ้นให้นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาอในวันที่ 8 มกราคม 2562 นั้น ศาลเห็นว่าทุกครั้งที่บ.วีลัคฯ โอนหุ้น จะมีการทำหนังสือแจ้งนายทะเบียนหุ้นส่วนกรุงเทพมหานคร แบบบอจ.5 โดยเร็วทุกครั้ง แต่การโอนหุ้นครั้งนี้ กลับไม่ปรากฎการส่งสำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นที่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ทั้งที่สำเนาดังกล่าวจะเป็นหลักฐานสำคัญที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการลงสมัครส.ส.ของนายธนาธร และผิดปกติจากทุกครั้งที่ผ่านมา

ส่วนที่โต้แย้งว่า ช่วงเวลาในการโอนหุ้นนั้น บ.วีลัคฯ ได้เลิกจ้างพนักงานทั้งหมด ทำให้ไม่มีนักบัญชีดำเนินการ อีกทั้งเป็นการโอนในครอบครัวนั้น ขัดแย้งกับนักบัญชี บ.วีลัคฯ พยานของผู้ถูกร้องที่มาให้ถ้อยคำกับศาลรัฐธรรมนูญ ว่าหากรับคำสั่งให้ทำก็สามารถทำได้ นอกจากนี้การส่งบอจ. 5 ของบ.วีลัคฯ ก็ไม่ได้ยุ่งบยากแต่อย่างใด เพราะเป็นการส่งทางอิเลคทรอนิกส์

ศาลรัฐธรรมนูญ ยังระบุถึงการสั่งจ่ายเช็คของนางสมพร ให้กับ นายธนาธร ที่ ปรากฎว่ามีการนำฝากเข้าบัญชีในวันที่ 16 พฤษภาคมนั้น วันดังกล่าวเป็นวันเดียวกับวันที่กกต.ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในคดีนี้ ซึ่งรวมระยะเวลานับตั้งแต่ได้รับเช็คนานถึง 128 วัน ทั้งที่ กฎหมายที่เกี่ยวกับเช็ค ผู้รับจะต้องไปยื่นต่อธนาคาร ให้มีการใช้เงินภายใน 1เดือน หากสถานที่ออกเช็ค และ ธนาคารตามเช็คอยู่พื้นที่เดียวกัน ซึ่งธนาคารที่มีหน้าที่จ่ายเงิน สาขาบางนาตราด ในกทม. เมื่อไม่ระบุสถานที่ออกเช็ค ถือว่าออกโดยภูมิลำเนาของผู้สั่งจ่าย ก็คือนางสมพร ดังนั้นผู้ถูกร้องมีหน้าที่นำเช็คไปเรียกเก็บเงินภายใน 30 วัน

นอกจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบรายละเอียดย้อนหลังไปสามปีของนายธนาธร พบว่า การนำเช็คเข้าบัญชีที่มี 2 ล้านบาทขึ้นไป มีการเรียกเก็บเงินตามเช็คหลังจากวันที่ลงในเช็คประมาณ 42-45วัน แสดงให้เห็นว่าการนำเช็คจากากรขายหุ้น ไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารมีความแตกต่างที่ผ่านมา

ส่วนข้อโต้แย้งของนางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยา ที่ เบิกความว่าไม่สะดวกนำเช็คไปเรียกเก็บเงินเพราะต้องดูแลบุตร ที่เป็นเด็กทารก และเป็นเช็คที่ผู้สั่งจ่ายน่าเชื่อถือนั้น ถ้อยคำดังกล่าวขัดแย้งกับหนังสือผู้ถูกร้องที่ชี้แจงต่อกกต. ซึ่งส่งสำเนาเช็คมาให้กกต. แต่ ไม่ได้ส่งต้นฉบับให้ผู้ร้องแต่อย่างใด ดังนั้นข้ออ้าง ที่ไม่นำเช็คไปขึ้น เป็นเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ เพราะเป็นเช็คขีดคร่อม สั่งจ่ายเข้าบัญชีนายธนาธร ซึ่งนายธนาธร มอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทนได้ ไม่จำเป็นต้องให้เฉพาะภรรยาเท่านั้น อีกทั้งภรรยาก็ไม่ได้มีชื่อตามที่เช็คระบุไว้ ดังนั้นนางรวิพรรณ ไม่จำเป็นต้องนำเช็คนี้ไปขึ้นเงินด้วยตัวเอง

ส่วนการที่นางสมพร โอนหุ้นให้หลานชาย และหลายชายโอนหุ้นกลับคืนให้นางสมพรนั้น เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวน การโอนหุ้นให้และการโอนหุ้นคืนไม่มีค่าตอบตอน โดยอ้างความสัมพันธ์ในครอบครัว ซึ่งย้อนแย้งแตกต่างจากที่นายธนาธร โอนให้นางสมพร ซึ่งมีฐานะเป็นมารดา กับบุตร กลับมีการสั่งจ่ายเช็ค แม้นางสมพร จะเบิกความว่าต้องการให้ฟื้นฟูบริษัทนั้น เห็นว่าการโอนหุ้นไม่มีค่าตอบแทน ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ามีการโอนหุ้นกันจริงหรือไม่ ซึ่งข้อเท็จจริงในส่วนนี้ขัดกับปกติวิสัยของนักลงทุนทั่วไปที่มีจุดประสงค์ที่จะฟื้นฟูบริษัท และหากเทียบกับฐานะทางเศรษฐกิจของนางสมพรแล้ว ถือเป็นจำนวนเงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แตกต่างจากที่นายธนาธร อ้างว่ามียอดหนี้กว่า 11 ล้านบาท แต่ข้อมูลจากส่วนอื่นพบว่ามียอดหนี้เพียง 2 ล้านบาท ซึ่งจำนวนเงินไม่ตรงกัน

ศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ส่วนการที่ผู้ร้องชี้แจงข้อแก้ข้อกล่าวหา ว่า ในวันที่ 8 มกราคม 2562 ซึ่งเป็นวันโอนหุ้นนั้น ได้เดินทางกลับจากการปราศัย ที่อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เห็นว่าแม้ฟังว่านายธนาธร จะเดินทางกลับจริง รับฟังได้ว่า อยู่กทม. แต่ไม่ได้หมายความว่ามีการโอนหุ้นในวันที่ 8 มกราคมจริง

ศาลจึงเห็นว่าสมาชิกภาพของนายธนาธร สิ้นสุดลงตามคำร้องของกกต. โดยให้นับการสิ้นสมาชิกภาพการเป็นส.ส.ตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ศาลสั่งยุติปฎิบัติหน้าที่ และให้ถือว่าวันที่ศาลอ่านคำวินิจฉัยในวันนี้ เป็นวันที่ตำแหน่งส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ว่างลง ให้ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อในลำดับถัดไปของพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่แทน

ทั้งนี้ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะออกนั่งบัลลังก์ เจ้าหน้าที่ศาลได้เตือนให้ระมัดระวังการการกระทำที่จะเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลด้วย อย่างไรก็ตามการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เริ่มขึ้นในเวลา14.28 น. จากเดิมที่นัดอ่านคำวินิจฉัยในเวลา 14.00 น. โดยใช้เวลา 41 นาที ซึ่งหลังจากที่นายธนาธร รับทราบผลคำวินิจฉัยได้นั่งก้มหน้าในห้องพิจารณาคดี และมีสีหน้าที่เคร่งเครียด