ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ : “ยกฟ้อง 24 แกนนำ นปช. ‘ก่อการร้าย’ ปี 53 ศาลชี้ เป็นสิทธิทางการเมือง” และ “สื่อรัฐจีนยัน ม็อบฮ่องกงไม่ซ้ำรอยเทียนอันเหมิน”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ : “ยกฟ้อง 24 แกนนำ นปช. ‘ก่อการร้าย’ ปี 53 ศาลชี้ เป็นสิทธิทางการเมือง” และ “สื่อรัฐจีนยัน ม็อบฮ่องกงไม่ซ้ำรอยเทียนอันเหมิน”

17 สิงหาคม 2019


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 10-16 ส.ค. 2562

  • ยกฟ้อง 24 แกนนำ นปช. “ก่อการร้าย” ปี 53 ศาลชี้ เป็นสิทธิทางการเมือง
  • ป.ป.ช. ฟันบิ๊ก ป.ป.ช. “ประหยัด พวงจำปา” รองเลขาธิการฯ จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเท็จ กว่า 400 ล้านบาท
  • รมว.ยุติธรรม เสนอ “ลดภาษี” บริษัทที่รับอดีตผู้ต้องขังเข้าทำงาน
  • ผู้ตรวจการแผ่นดินเตรียมประชุมปมประยุทธ์ “ถวายสัตย์ฯ ไม่ครบ” 27 ส.ค. นี้ แจง ยังตอบไม่ได้ว่าจะส่งศาลไหน
  • สื่อรัฐจีนยัน ม็อบฮ่องกงไม่ซ้ำรอยเทียนอันเหมิน
  • ยกฟ้อง 24 แกนนำ นปช. ‘ก่อการร้าย’ ปี 53 ศาลชี้ เป็นสิทธิทางการเมือง

    เว็บไซต์ไทยพีบีเอสรายงานว่า วันที่ 14 ส.ค. 2562 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลย ประกอบด้วย นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช., นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช., นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช., พร้อมด้วยแกนนำ นพ.เหวง โตจิราการ, นายก่อแก้ว พิกุลทอง, นายยศวริศ ชูกล่อม, นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และแนวร่วม นปช. รวม 24 คน

    จำเลยทั้ง 24 คน ถูกฟ้องในความผิดร่วมกันก่อการร้าย ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 135/1, ม.135/2 และร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา ให้ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามมาตรา 116, 215, 216 และร่วมกันชุมนุม ฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 รวม 6 ข้อหา ระหว่างวันที่ 28 ก.พ.-20 พ.ค. 2553 เพื่อกดดันต่อต้านรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นประกาศยุบสภา

    ศาลอ่านคำพิพากษาเป็นความว่า เมื่อพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด เนื่องจากพยานหลักฐานตามทางนำสืบของโจทก์ไม่มีพยานปากใดที่จะยืนยันว่ามีจำเลยคนหนึ่งคนใดที่เป็นแกนนำกลุ่ม นปช.ได้กระทำอันเป็นการยุยงปลุกปั่น ให้ผู้ร่วมชุมนุมกระทำการที่จะมีเจตนาพิเศษถึงขนาดเปลี่ยนแปลงการปกครอง จึงเห็นว่าเป็นการชุมนุมเพื่อเรียกร้องตามสิทธิทางการเมือง

    ป.ป.ช. ฟันบิ๊ก ป.ป.ช. “ประหยัด พวงจำปา” รองเลขาธิการฯ จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเท็จ กว่า 400 ล้านบาท

    นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.

    วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม 2562 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเท็จ

    นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิดว่า นายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2560 ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่า มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน จำนวน 6 รายการ ซึ่งเป็นทรัพย์สินและหนี้สินในชื่อของนางธนิภา พวงจำปา คู่สมรส โดยเป็นทรัพย์สินในประเทศ จำนวน 2 รายการ รวม 2,010,000 บาท และทรัพย์สินในต่างประเทศ จำนวน 4 รายการ รวม 225,383,103 บาท มูลค่ารวม 227,393,103 บาท มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

    ทรัพย์สินในประเทศ

    รายการที่ 1) บัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ประเภทกระแสรายวัน ยอดเงินฝากคงเหลือ ณ วันที่มีหน้าที่ยื่นบัญชี จำนวน 10,000 บาท ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากที่มีรายการเคลื่อนไหวทางบัญชีเป็นจำนวนมากทั้งก่อนและหลังจากที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน โดยในช่วงปี 2559ก่อนยื่นบัญชีฯ มีรายการฝากเงินจำนวน 89 ครั้ง จำนวนเงินรวม 103,393,332.68 บาท และปี 2560 หลังจากยื่นบัญชีฯ แล้ว มีรายการฝากเงินจำนวน 88 ครั้ง จำนวนเงินรวม 143,582,940.73 บาท รวมเป็นเงิน246,976,273.41 บาท

    รายการที่ 2) เงินลงทุนในบริษัท ปาล์ม บิซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด จำนวน 20,000 หุ้น ราคาจดทะเบียนมูลค่าหุ้นละ 100 บาท มูลค่ารวม 2,000,000 บาท

    ทรัพย์สินในต่างประเทศ

    รายการที่ 3) – 5) บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาลอนดอน สหราชอาณาจักร จำนวน 3 บัญชี ยอดเงินฝากคงเหลือ ณ วันที่มีหน้าที่ยื่นบัญชี จำนวน 237,959.46 ปอนด์ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 10,312,353 บาท)

    รายการที่ 6) ห้องชุดที่ตั้งอยู่ ณ ถนน Kensington High Street ลอนดอน สหราชอาณาจักร โดย ณ วันที่ซื้อห้องชุดดังกล่าวมีมูลค่า 4,500,000 ปอนด์ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 215,070,750 บาท)

    การตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินในกรณีนี้ เนื่องจากนายประหยัดได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2560

    ต่อมา ได้มีหนังสือสำนักงาน ปปง. แจ้งข้อมูลเบาะแสการวิเคราะห์ธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัยซึ่งเกี่ยวข้องกับนางธนิภา พวงจำปา คู่สมรสของนายประหยัด ทำให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.เห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่านายประหยัด จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ จึงมีการแต่งตั้งคณะทำงานดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของนายประหยัด พวงจำปา โดยการตรวจสอบเชิงลึก เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2561 มีเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธานคณะทำงาน ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ประกาศระเบียบคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่าด้วยการยื่นบัญชี การตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 158 และการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการยื่นบัญชี พ.ศ. 2561 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2561 ซึ่งตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นตำแหน่งที่อยู่ภายใต้ประกาศดังกล่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีมติให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของนายประหยัด รองเลขาธิการฯ เป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะดำเนินการ โดยมอบหมายให้นางสาวสุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. และนางสุวณา สุวรรณจูฑะ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นกรรมการผู้รับผิดชอบสำนวน

    คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาพยานหลักฐานและแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมทั้งให้โอกาสนายประหยัด ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ประกอบกับพิจารณาหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของนายประหยัดแล้ว เห็นว่าจากพยานหลักฐานมีมูลว่า การกระทำของนายประหยัดเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 จึงมีมติด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ว่า นายประหยัด รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน และให้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อขอให้พ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ (วันที่ศาลประทับฟ้อง) ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และขอให้ลงโทษทางอาญา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 158 มาตรา 43 มาตรา 81 มาตรา 167 และมาตรา 188 ต่อไป

    อ่านเพิ่มเติม

  • “ประหยัด” รองเลขา ป.ป.ช.ดับเครื่องชน ถูกชี้มูลปกปิดทรัพย์สิน ระบุถูกกลั่นแกล้ง
  • รมว.ยุติธรรม เสนอ “ลดภาษี” บริษัทที่รับอดีตผู้ต้องขังเข้าทำงาน

    นายสมศักดิ์เทพ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

    เว็บไซต์ไทยรัฐรายงานว่า วันที่ 10 ส.ค. 2562 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อพบปะให้กำลังใจญาติผู้ต้องขัง พร้อมสอบถามถึงความต้องการและสิ่งที่ขาดเหลือในเวลาเยี่ยมญาติ

    จากนั้น นายสมศักดิ์ เดินทางไปรับประทานอาหารที่ครัวชวนชม ซึ่งเป็นสถานฝึกอาชีพทัณฑสถานหญิงกลาง และเปิดเผยว่า จากการตรวจเยี่ยม เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์นั้น ทำงานได้อย่างแข็งขัน ไม่ขาดตกบกพร่อง มีระบบการบริการที่ดี ในการดูแลญาติพี่น้องที่เดินทางมาเยี่ยมผู้ต้องขัง ซึ่งวันจันทร์-วันศุกร์ จะมี 300 ราย สำหรับวันหยุด นักขัตฤกษ์ ที่เปิดเป็นพิเศษในการเยี่ยมญาติ จะมีมากถึง 500 ราย จากการสอบถามกับประชาชนก็ไม่มีใครสะท้อนว่ากรมราชทัณฑ์มีจุดบกพร่องในส่วนนี้

    นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การเดินทางมารับฟังปัญหา เนื่องจากมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้นได้สะท้อนถึงปัญหา อาทิ ในการเยี่ยมญาติไม่มีความสะดวกสบาย ผู้ต้องขังล้นเรือนจำ ตนจึงเดินทางมาติดตามว่ามีปัญหาจริงหรือไม่ สุดท้ายก็พบว่าอาจจะมีเพียงแค่บางจุดที่เป็นเรือนจำเก่าที่มีปัญหา แต่เราก็ต้องพัฒนากันต่อไป และจะต้องดีขึ้นในทุกๆ วัน กรมราชทัณฑ์นั้นพยายามในการดูแลผู้ต้องขังให้เป็นไปตามสิทธิมนุษยชน ไม่เคยมีการปิดกั้นในเรื่องการซื้อของเข้าเยี่ยม อาหารนักโทษก็สามารถที่จะสั่งได้ในราคาไม่เกิน 300 บาทต่อวัน ญาติพี่น้องนั้นสามารถเยี่ยมของฝากได้ในแต่ละครั้งไม่เกิน 3,000 บาท ก็ไม่มีอะไรที่ไปลิดรอนสิทธิ์

    นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหานักโทษเมื่อออกจากเรือนจำแล้วไม่มีงานทำว่า ขณะนี้กำลังคิดกันอยู่ หากเราไปขอสิทธิ์ทางภาษีให้กับบริษัทห้างร้านที่รับผู้ต้องขังไปทำงาน จะได้รับสิทธิพิเศษในการลดภาษี ผู้ต้องขังที่ออกไปล้วนมีฝีมือชำนาญในทักษะต่างๆ ทั้ง คหกรรม งานช่าง กรมราชทัณฑ์ฝึกเขาอย่างจริงจัง เวลานี้ก็ขาดเพียงโอกาส และหากทุกคนเปิดใจ เราจะสามารถช่วยสังคมได้

    ผู้ตรวจการแผ่นดินเตรียมประชุมปมประยุทธ์ “ถวายสัตย์ฯ ไม่ครบ” 27 ส.ค. นี้ แจง ยังตอบไม่ได้ว่าจะส่งศาลไหน

    พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
    ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th/

    วันที่ 15 ส.ค. 2562 เว็บไซต์เนชั่นรายงานว่า พล.อ. วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการตรวจสอบ กรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเข้ายื่นหนังสือ ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการส่งเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อประเด็นที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วน ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริง ของผู้ตรวจการแผ่นดิน หลังจากมีมติให้รับเรื่องร้องเรียนไว้พิจารณา

    ขั้นตอนอยู่ในระหว่างการสอบสวนและรวบรวมข้อเท็จจริงซึ่งถือเป็นหลักการทั่วไปหลังจากรับเรื่องไว้พิจารณาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยอีกว่า หลังจากรวบรวมข้อเท็จจริงเสร็จสิ้น ก็จะหาทางออกอีกครั้งหนึ่งว่าจะดำเนินการอย่างไร ส่วนกรอบเวลา คาดว่าใช้เวลาไม่นานเนื่องจากประเด็นนี้ไม่ได้เป็นประเด็นที่ซับซ้อนมากนัก มีข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องไม่กี่มาตรา ซึ่งน่าจะใช้เวลาประมาณ 15 วันก่อนจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมของผู้ตรวจการแผ่นดินให้พิจารณาในวันที่ 27 สิงหาคม 2562

    ส่วนการที่จะเรียนเชิญนายกรัฐมนตรีมาชี้แจงในประเด็นนี้หรือไม่ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน บอกว่า อาจจะต้องเชิญผู้ถูกร้องหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงขณะที่ในการพิจารณาของผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่าจะส่งเรื่องนี้ให้กับศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองเป็นผู้วินิจฉัย ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินบอกว่า ณ ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากต้องดูข้อกฎหมายก่อนซึ่งทั้งหมดก็อยู่ที่การประชุมของคณะผู้ตรวจการแผ่นดินกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีออกมาเปิดเผยว่าประเด็นนี้ สามารถส่งศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองเป็นผู้วินิจฉัย ถือเป็นการชี้นำผู้ตรวจการแผ่นดินหรือไม่นั้นประเด็นนี้ผู้ตรวจการแผ่นดินเปิดเผยว่าไม่เป็นการชี้นำ

    ถือเป็นเรื่องปกติที่แต่ละฝ่ายทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลจะมีความคิดเห็นไม่ตรงกันแต่ทั้งหมดก็อยู่ในดุลยพินิจของผู้ตรวจการแผ่นดินว่าจะคิดเห็นอย่างไร ซึ่งเชื่อว่าในวันที่ 27 สิงหาคมนี้น่าจะมีความชัดเจนขึ้นนอกจากนี้ผู้ตรวจการแผ่นดินยังย้ำว่า ไม่กังวลต่อการตรวจสอบเครื่องนี้ และส่วนตัวก็ไม่ประสงค์ที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง โดยจะพิจารณาเรื่องนี้ไปตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายและย้ำว่าจะทำหน้าที่ด้วยความเที่ยงธรรม

    ส่วนกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ออกมาบอกอีกว่ากรณีนี้ผู้ตรวจการแผ่นดินสามารถหยิบยกขึ้นมาพิจารณาได้โดยไม่ต้องมีผู้ร้อง ผู้ตรวจการแผ่นดินชี้แจงว่าในเรื่องที่จะส่งศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองให้พิจารณาในมาตรา 231 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ เมื่อดูแล้วไม่สามารถที่จะนำหยิบยกออกมาพิจารณาได้เนื่องจากเรื่องนี้ไม่มีผู้ได้รับความเดือดร้อน อันเกิดจากหน่วยงานรัฐไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งมีเหตุต้องแก้กฎหมาย จึงไม่สามารถหยิบยกมาพิจารณาได้ทันที

    สื่อรัฐจีนยัน ม็อบฮ่องกงไม่ซ้ำรอยเทียนอันเหมิน

    เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2562 ว่า บทบรรณาธิการประจำฉบับวันศุกร์ของหนังสือพิมพ์ “โกลบอล ไทมส์” หนึ่งในสื่อกระบอกเสียงภาคภาษาอังกฤษของพรรคคอมมิวนิสต์จีน มีสาระสำคัญว่า “เหตุการณ์ที่ฮ่องกงจะไม่ซ้ำรอยเหตุการณ์ทางการเมืองเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2532” เนื่องจาก “จีนแข็งแกร่งและเติบโตมากขึ้นกว่าในอดีต และมีศักยภาพเพียงพอในการจัดการกับสถานการณ์ที่มีความซับซ้อนเช่นนี้”

    แม้ไม่มีการใช้คำว่า “กวาดล้าง” และ “จัตุรัสเทียนอันเหมิน” ในบทบรรณาธิการดังกล่าว แต่ถือเป็นกรณีไม่บ่อยครั้งนักที่สื่อของแผ่นดินใหญ่จะเอ่ยถึงเหตุการณ์กวาดล้างทางการเมืองที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ซึ่งรัฐบาลปักกิ่งไม่เคยรายงานจำนวนผู้เสียชีวิต “อย่างเป็นทางการ” ขณะที่ผู้รอดชีวิตจำนวนไม่น้อยหลบหนีไปยังฮ่องกงและไต้หวัน