ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “ระเบิดทั่วกรุง” และ “ซาอุฯ เพิ่มสิทธิสตรี ขอหนังสือเดินทาง-ไปต่างประเทศได้เอง”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “ระเบิดทั่วกรุง” และ “ซาอุฯ เพิ่มสิทธิสตรี ขอหนังสือเดินทาง-ไปต่างประเทศได้เอง”

3 สิงหาคม 2019


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 27 ก.ค. – 2 ส.ค. 2562

  • ระเบิดทั่วกรุง
  • คอหวยเตรียมลุ้น รัฐจ่อจัดใหม่ “สลาก 12 นักษัตร” ลุ้น 2 รางวัลใหญ่ แปรผันตามจำนวนคนถูกหวย แก้ขายเกินราคา-หวยใต้ดิน
  • คค.เล็ง เพิ่มความเร็วรถถนน 4 ช่องเป็น 120 – จ่อจับ ขับแช่ขวาเร็วต่ำกว่า 80 ชี้ ต้นตอรถติด
  • สรรพากรทบทวนใหม่ ระงับคิดภาษีที่ดินจากราคาจริง – ด้านลดภาษีเงินได้ยังรอสรุป
  • ซาอุฯ เพิ่มสิทธิสตรี ขอหนังสือเดินทาง-ไปต่างประเทศได้เอง
  •  

    ระเบิดทั่วกรุง

    ที่มาภาพ: https://www.komchadluek.net/news/scoop/382185

    ช่วงเย็นของวันที่ 1 ส.ค. 2562 มีการพบกล่องต้องสงสัย ภายในบรรจุวัตถุคล้ายแผงวงจรไฟฟ้าและตลับลูกปืนแต่ไม่มีดินระเบิด บริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระราม 1

    ต่อมา วันที่ 2 ส.ค. 2562 ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นหลายจุดในกรุงเทพมหานคร ดังนี้

  • เกิดเหตุระเบิดสองครั้งบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีช่องนนทรี ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตึกมหานครได้รับบาดเจ็บ รถยนต์บริเวณใกล้เคียงเสียหาย และกระจกที่กั้นชานชาลาแตกร้าวทั้งบาน
  • เกิดเหตุระเบิดภายในซอย 57/1 ถนนพระราม 9 มีผู้บาดเจ็บเป็นเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดของกรุงเทพมหานคร 3 ราย
  • อาคารศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ เกิดเหตุระเบิด 3 ครั้ง และมีการเก็บกู้ระเบิดได้ 1 จุดก่อนเกิดการระเบิด ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
  • เกิดเหตุระเบิด 1 ครั้ง บริเวณหน้าป้ายสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จังหวัดนนทบุรี ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
  • ทั้งนี้ ระเบิดที่บริเวณบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีช่องนนทรี และริเวณหน้าป้ายสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จังหวัดนนทบุรี เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่อง ขณะที่ระเบิดบริเวณศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าเป็นนระเบิดแสวงเครื่อง ส่วนที่บริเวณซอย 57/1 ถนนพระราม 9 เป็นระเบิดปิงปอง

    นอกจากนี้ ในช่วงเช้ามืดของวันเดียวกัน ยังเกิดเหตุเพลิงไหม้พร้อมกัน 3 จุด บริเวณสถานีดับเพลิงพญาไท, ร้านจำหน่ายเสื้อผ้า ซอยเพชรบุรี และตลาดเฉลิมลาภ ซึ่งยังสรุปสาเหตุไม่ได้ และได้เกิดเพลิงไหม้ในร้านมินิโซ ห้างสรรพสินค้าสยามสแควร์วัน โดยกรณีหลังนี้กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุไว้ได้ด้วย

    คอหวยเตรียมลุ้น รัฐจ่อจัดใหม่ “สลาก 12 นักษัตร” ลุ้น 2 รางวัลใหญ่ แปรผันตามจำนวนคนถูกหวย แก้ขายเกินราคา-หวยใต้ดิน

    นายพชร อนันตศิลป์ ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล (กลาง) พร้อมด้วยนายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล (ซ้าย) และพันตำรวจเอกบุญส่ง จันทรีศรี ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล แถลงข่าว

    บอร์ดสลากฯ เข็น “หวย 12 นักษัตร” ลุ้น 2 รางวัลใหญ่ แปรผันตามจำนวนคนถูกหวย แก้ขายเกินราคา-หวยใต้ดิน

    นายพชร อนันตศิลป์ ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล (บอร์ดสลากฯ) กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมบอร์ดสลากฯ มีมติเห็นชอบรูปแบบการออกสลากรูปแบบแบบใหม่ หรือที่เรียกว่า “สลาก 12 นักษัตร” (Picture 12) ผ่านระบบออนไลน์ ตามที่คณะทำงานศึกษาผลิตภัณฑ์และเกมสลากรูปปแบบอื่นๆ นำเสนอ แต่เพื่อให้เกิดความรอบคอบ และเป็นตามบทบัญญัติของกฎหมาย บอร์ดสลากฯ จึงมีมติให้สำนักงานสลากฯ ไปหารือคณะกรรมการกฤษฎีกา พร้อมยกร่างประกาศหรือกฎกระทรวงนำเสนอให้บอร์ดสลากฯ พิจารณา หลังจากนั้นให้นำข้อมูลดังกล่าวไปดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย รวมทั้งศึกษาผลกระทบทางด้านสังคม และนำเสนอบอร์ดสลากฯ ให้ความเห็นชอบอีกครั้ง ก่อนนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

    นายธนวรรธน์ พลวิชัย โฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ในฐานะประธานคณะทำงานศึกษาผลิตภัณฑ์และเกมสลากรูปแบบอื่นๆ กล่าวว่า คณะทำงานฯ ได้นำเสนอผลการศึกษาการออกสลากฯ รูปแบบใหม่ให้ที่ประชุมบอร์สลากฯ พิจารณา 5 รูปแบบ ได้แก่

      1. สลากแบบดั้งเดิม หรือ “สลากใบ”
      2. สลากแบบตัวเลข
      3. สลากขูด
      4. สลาก LOTTO
      5. สลากกีฬา

    โดยมีหลักการที่สำคัญ คือ ต้องเป็นไปตาม พระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์หลัก คือ เป็นทางเลือกเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ต้องการเสี่ยงโชคถูกกฎหมายนอกเหนือจากการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ในขณะเดียวกัน ต้องสามารถบรรเทาปัญหาสลากเกินราคา และมีผลข้างเคียงในการสกัดการเล่นหวยใต้ดิน

    ภายใต้หลักการดังกล่าวนี้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเหมาะสมมี 2 ประเภท คือ สลากแบบตัวเลข และสลาก Lotto ซึ่งสามารถจำแนกเกมการเล่นได้ 4 รูปแบบ คือ 1. สลากตัวเลข 3 หลัก 2. สลากตัวเลข 4 หลัก 3. สลากรูปภาพ 12 นักษัตร หรือ Picture 12 และ 4. สลาก Lotto 6/43 แต่ที่มีความเหมาะสมและตอบโจทก์การแก้ไขปัญหาของสำนักสลากฯ ได้ดีที่สุด และบอร์ดสลากฯ มีมติเห็นชอบ คือ “สลากรูปภาพ 12 นักษัตร”

    “ปัจจุบันมีการเล่นการพนันออนไลน์ข้ามประเทศกันเป็นจำนวนมาก ผ่านทางเว็บไซต์ที่มีเซิร์ฟเวอร์ตั้งอยู่ต่างประเทศ ไม่สามารถควบคุมได้ มีการจ่ายเงินรางวัลสูงถึง 1 ต่อ 7,000 ขณะเดียวกัน สำนักงานสลากฯ ก็มีปัญหาเรื่องขายสลากฯ รวมชุดเกินราคา และหวยใต้ดิน จึงจำเป็นต้องเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชน โดยการนำระบบออนไลน์มาใช้ในการแก้ปัญหา ยืนยันไม่ส่งผลกระทบกับผู้ค้าสลากฯ 2 แสนราย เพราะเป็นคนละตลาดกัน สลาก 12 นักษัตรมีโอกาสถูกรางวัลยากกว่าสลากกินแบ่งรัฐบาล ไม่ถือเป็นการมอมเมา เพราะราคาที่จำหน่ายรายการละ 50 บาท ผู้ซื้อต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี” นายธนวรรธน์กล่าว

  • ผลสำรวจพฤติกรรมการพนันปี ’60 พบคนไทยเริ่มเล่นตั้งแต่ 7 ขวบ – กว่า 2 .3 ล้านคน เล่นพนันข้ามชาติ
  • สำรวจพฤติกรรมคนไทย “เล่นการพนัน” 29 ล้านคน ตั้งเด็กถึงคนแก่ ลอตเตอรี่ฮอตสุด แถมกลุ่ม “เล่นหนัก” เพิ่มมากขึ้น
  • 4 ปี รัฐบาล คสช. กับการแก้ปัญหาสลาก ยิ่งแก้ยิ่งขายเกินราคา
  • คนจนเล่นหวย คนรวยเก็บออม
  • รูปแบบสลาก 12 นักษัตร

    สลาก 12 นักษัตรจะมีทั้งหมด 4 หลัก แต่ละหลักจะใช้รูปภาพออกรางวัลทั้งหมดหลักละ 12 ภาพ ผู้ซื้อสามารถเลือกภาพได้ตามความต้องการผ่านระบบออนไลน์ โดยจะเปิดให้เลือกได้หลักละ 1 ภาพ จากทั้งหมด 12 ภาพ จนครบ 4 หลัก จะมี 4 ภาพ (เลือกภาพซ้ำกันก็ได้) เรียกว่า 1 รายการ ราคา 50 บาท

    ใน 1 รายการมีโอกาสลุ้นรางวัลได้ 2 ประเภท คือ ถูกรางวัล 4 ภาพตรง กับถูกรางวัล 4 ภาพสลับหลัก หรือที่เรียกว่า “โต๊ด” (ภาพเหมือนกัน แต่หลักไม่ตรงกัน) โดยสำนักงานสลากฯ จะออกรางวัลทุกวันที่ 1 และวันที่ 16 ของทุกเดือน ผ่านเครื่องออกรางวัลแบบใหม่ ไม่อ้างอิงกับการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล

    การจ่ายเงินรางวัลเป็นอย่างไร

    สำหรับการจ่ายเงินรางวัล “สลาก 12 นักษัตร” จะผันแปรตามจำนวนผู้ถูกรางวัล โดยสำนักงานสลากฯ จะกันเงินรางวัลรวม 60% ของยอดขาย ตามกฎหมาย มาจัดสรรเป็นเงินให้ผู้ถูกรางวัล 4 ภาพตรง 50% ถูกรางวัล 4 ภาพสลับหลัก 50% ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ถูกรางวัล ถ้ามีคนถูกรางวัลจำนวนมาก ตัวหารเยอะ ก็ได้รับรางวัลน้อย แต่ถ้ามีผู้ถูกรางวัลน้อย ตัวหารน้อย ก็จะได้รับเงินรางวัลก้อนใหญ่ ยกตัวอย่าง ถูกรางวัลภาพเหมือนกันและตรงหลักมีโอกาสความน่าจะเป็นที่จะถูกรางวัลแค่ 1 ใน 20,736 หากมีคนถูกรางวัลแค่ 10 รายการ ก็เอา 10 ไปหารเงินรางวัลที่สำนักงานสลากฯ กันไว้จ่ายตามที่กล่าวข้างต้น การจ่ายเงินรางวัลจ่ายเต็มจำนวน หากเหลือเศษจะนำไปจ่ายให้กับผู้ถูกรางวัลที่ซื้อเป็นคนแรกของแต่ละประเภทรางวัล

    ยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น สมมติ มีคนมาสั่งซื้อสลาก 12 นักษัตร ผ่านระบบออนไลน์ทั้งหมด 20,736 รายการ รายการละ 50 บาท จะมียอดขายรวมทั้งสิ้น 1,036,800 บาท (ข้อมูลการขายสลาก 2 ตัว 3 ตัวในอดีตมียอดขาย 1,000-2,000 ล้านบาท) สำนักงานสลากฯ จะกันเงิน 60% ของยอดขาย 1,036,800 บาท เตรียมไว้จ่ายเป็นเงินรางวัล 622,080 บาท แบ่งเป็นรางวัล 4 ภาพเหมือนกันตรงหลัก 311,040 บาท (50%) รางวัล 4 ภาพเหมือนกันแต่สลับหลัก 311,040 บาท

    กรณีภาพที่ออกไม่ซ้ำกัน หากมีผู้ที่ถูกรางวัล 4 ภาพเหมือนกัน หลักตรงกัน เพียง 1 ราย จะได้รับเงินรางวัลไปคนเดียว 311,040 บาท และมีผู้ที่ถูกรางวัล 4 ภาพเหมือนกันสลับหลัก 23 ราย จะได้รับเงินรายละ 13,523 บาท

    กรณีภาพที่ออกซ้ำกัน 1 คู่ หากมีผู้ที่ถูกรางวัล 4 ภาพตรง จำนวน 1 ราย ได้รับเงิน 311,040 บาท และมีผู้ที่ถูกรางวัล 4 ภาพเหมือนกัน แต่สลับหลัก 11 ราย จะได้รับเงินรายละ 28,276 บาท

    กรณีภาพที่ออกซ้ำกัน 2 คู่ หากมีผู้ที่ถูกรางวัล 4 ภาพตรง จำนวน 1 ราย ได้รับเงิน 311,040 บาท และมีผู้ที่ถูกรางวัล 4 ภาพเหมือนกัน แต่สลับหลัก 5 ราย จะได้รับเงินรายละ 62,208 บาท

    กรณีภาพที่ออกซ้ำกัน 3 คู่ หรือที่เรียกว่า “ตอง” หากมีผู้ที่ถูกรางวัล 4 ภาพตรง จำนวน 1 ราย ได้รับเงิน 311,040 บาท และมีผู้ที่ถูกรางวัล 4 ภาพเหมือนกัน แต่สลับหลัก 3 ราย จะได้รับเงินรายละ 103,680 บาท

    กรณีภาพที่ออกซ้ำกัน 4 ภาพ กรณีนี้จะไม่มีผู้ที่ถูกรางวัล 4 ภาพเหมือนแต่สลับหลักเลย ดังนั้น รางวัลทั้งหมดจะถูกโอนไปให้กับผู้ที่ถูกรางวัล 4 ภาพตรง มี 1 ราย จะได้รับเงิน 622,080 บาท

    ข้อสังเกต กรณีสำนักงานสลากฯ ออกรางวัลภาพซ้ำกันจะมีจำนวนผู้ที่ถูกรางวัล 4 ภาพเหมือนกันสลับหลักน้อยลง แต่ผู้ที่ถูกรางวัลจะได้รับเงินเพิ่มขึ้น เพราะตัวหารน้อยลง แต่ถ้าสำนักงานสลากฯ ออกรางวัลเป็นภาพซ้ำกัน 4 ภาพ กรณีนี้จะไม่มีผู้ที่ถูกรางวัล 4 ภาพเหมือนสลับหลักเลย เงินรางวัลส่วนนี้จะถูกโอนไปให้ผู้ที่ถูกรางวัล 4 ภาพตรง

    นี่คือตัวอย่างการจัดสรรเงินรางวัลแบบแปรผันตามจำนวนผู้ที่ถูกรางวัล ภายใต้สมมติฐานว่าการสั่งซื้อสลาก 12 นักษัตรมียอดขายรวม 1,036,800 บาทต่องวดเท่านั้น หากมียอดขายรวม 100 ล้านบาทหรือ 1,000 ล้านบาทต่องวด จำนวนเงินรางวัลก็จะเพิ่มขึ้นตามยอดขาย โดยสำนักงานสลากฯ จะกันเงิน 60% ของรายได้จากยอดขายทั้งหมดมาจัดสรรตามจำนวนผู้ที่ถูกรางวัลแต่ละประเภทในสัดส่วน 50% ของยอดเงินรางวัลทั้งหมด ดังนั้น การจ่ายเงินรางวัลแต่ละงวด จึงไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับยอดขายและจำนวนผู้ที่ถูกรางวัลแต่ละประเภท ซึ่งแตกต่างจากสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือ “สลากใบ” ในปัจจุบันที่จ่ายรางวัลแบบคงที่ เช่น ถูกรางวัลที่ 1 ได้ 6 ล้านบาท ถูกเลขท้าย 2 ตัว ได้ 2,000 บาท

    สลาก 12 นักษัตรมีข้อดีข้อเสียอย่างไร

    ข้อดี คือ 1. เลือกภาพได้ตามความต้องการ 2. ไม่มีปัญหาเลขไม่สวยหรือเลขเน่า เช่น 0000 3. เป็นเกมใหม่ ไม่อ้างอิงตัวเลข ซื้อและจำหน่ายได้ตามความต้องการของผู้บริโภค 4. เป็นเกมใหม่ที่เน้นการเล่นเพื่อความเพลิดเพลิน 5. มีเงินรางวัลจูงใจ แต่ต้องอั้นจำนวนภาพที่ซื้อ เนื่องจากทางสำนักงานสลากฯ ไม่ต้องการให้ผู้ถูกรางวัลได้รับเงินน้อยเกินไป 6. การจ่ายเงินรางวัลผันแปรตามจำนวนผู้ถูกรางวัล และมีโอกาสได้รับรางวัลสูงมาก

    ข้อเสีย ไม่มีเงินรางวัลแจ็กพอตและเงินรางวัลแต่ละงวดจ่ายไม่เท่ากัน ทำให้ยากในการประชาสัมพันธ์

    ด้าน พ.ต.อ. บุญส่ง จันทรีศรี ผู้อำนวยการสำนักงานสลากแบ่งรัฐบาล กล่าวถึงเงื่อนไขการจ่ายเงินรางวัลว่า สลากฯ ประเภทนี้มีโอกาสที่จะไม่มีผู้ถูกรางวัลในบางงวด หากงวดไหนไม่มีผู้ถูกรางวัลเลย ทางสำนักงานสลากฯ จะนำเงินจำนวนนี้สมทบเป็นเงินรางวัลงวดถัดไป โดยการสมทบเงินรางวัลจะแยกตามประเภทผู้ถูกรางวัล เช่น เงินรางวัล 4 ภาพเหมือนกันหลักตรง หรือรางวัล 4 ภาพเหมือนกันแต่สลับหลัก ส่วนช่องทางการจัดจำหน่ายนั้นจะขายผ่านระบบออนไลน์ เช่น ขายผ่านแอปพลิเคชันมือถือ หรือขายผ่านเครื่องจำหน่ายสลากอัตโนมัติ หรือขายผ่านเว็บไซด์ของสำนักงานสลากฯ โดยตรง แต่ตามกฎหมายสลากฯ ฉบับใหม่ ต้องให้ผู้ด้อยโอกาสและคนพิการได้เข้าถึงการเป็นตัวแทนจำหน่ายสลากฯ ประเภทนี้ด้วย ส่วนการสั่งซื้อสลากฯ จะต้องใช้บัตรประชาชนลงทะเบียน โดยสำนักงานสลากฯ จะเขียนโปรแกรมจำกัดอายุผู้ซื้อว่าต้องไม่ต่ำกว่า 20 ปี ซึ่งในส่วนของช่องทางการจัดจำหน่ายนั้น ตอนนี้อยู่ระหว่างการศึกษาของคณะทำงานฯ ยังไม่ได้ข้อสรุป

     

    คค.เล็ง เพิ่มความเร็วรถถนน 4 ช่องเป็น 120 – จ่อจับ ขับแช่ขวาเร็วต่ำกว่า 80 ชี้ ต้นตอรถติด

    นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข (ขวา) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ(ซ้าย)

    เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า  วันที่ 31 ก.ค. 2562 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (รมว. คค.) กล่าวถึงนโยบายปรับเพิ่มความเร็วรถเป็น 120 กม./ชม. บนถนน 4 ช่องทางเพื่อแก้ปัญหารถติดว่า ขณะนี้มีแนวคิดเพิ่มเติมเพื่อแก้ปัญหารถติด จะเสนอให้ลงโทษผู้ขับขี่ในช่องทางขวาสุด แต่ขับรถด้วยความเร็วต่ำกว่า 80 กม./ชม. อาจจะถูกจับและปรับตามกฎหมาย เนื่องจากปัจจุบันพบว่ามีรถจำนวนมากขับช้าแต่ใช้ช่องทางขวาทำให้เกิดปัญหารถติดเป็นอย่างมาก เบื้องต้นต้องแก้ไขกฎกระทรวงเพื่อปรับกำหนดอัตราความเร็วในช่องทางขวา อาจให้ใช้ความเร็วระหว่าง 80-120 กม./ชม.เท่านั้น แต่ต้องไปหารือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ด้วย ส่วนการปรับเพิ่มความเร็วรถเป็น 120 กม./ชม. ขอชี้แจงว่าจะบังคับใช้เฉพาะรถยนต์ส่วนบุคคลเท่านั้น ส่วนรถโดยสารสาธารณะทั่วไปต้องปฏิบัติตามระเบียบของรถแต่ละชนิดตามเดิม ขณะนี้สั่งการเพิ่มให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทไปเตรียมจัดทำแถบชะลอความเร็วบนพื้นถนน เพื่อเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วช่วงโค้ง หรือทางแยกด้วยเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

    สรรพากรทบทวนใหม่ ระงับคิดภาษีที่ดินจากราคาจริง – ด้านลดภาษีเงินได้ยังรอสรุป

    ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร

    วันที่ 29 ก.ค. 2562 เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรจะนำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรเรื่องการกำหนดฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ ตามมาตรา 49 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร กลับมาทบทวนใหม่ หลังจากก่อนหน้านี้ได้เสนอไปถึงขั้นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต้องการให้พิจารณาใหม่ในภาพรวม พร้อมไปกับการศึกษาปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

    ทั้งนี้ สำหรับการปรับปรุงมาตรา 49 ทวิ ดังกล่าว เป็นการกำหนดให้คำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ จะต้องใช้ราคาซื้อขายจริงหรือราคาประเมิน โดยใช้ราคาที่สูงที่สุด จากปัจจุบันที่ใช้แต่ราคาประเมินเป็นฐาน ซึ่งมักจะต่ำกว่าราคาซื้อขายจริง

    สำหรับกรณีนโยบายลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10% นั้น นายเอกนิติ กล่าวว่า ต้องขึ้นกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สรุปออกมาว่า หากดำเนินการจะลดภาษีในรูปแบบใด ซึ่งเมื่อ สศค.ได้ข้อสรุปแล้วทางกรมสรรพากรจึงจะสามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่าจะมีผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้แค่ไหน อย่างไรก็ดี การลดภาษีทุกกรณีย่อมมีผลกระทบต่อรายได้รัฐอยู่แล้ว ส่วนนโยบายไม่เก็บภาษีค้าขายออนไลน์ 2 ปีนั้นก็ต้องพิจารณาอีกที เพราะหลักการคือต้องสร้างความเท่าเทียมให้ผู้ค้าไม่ว่าออนไลน์หรือออฟไลน์

    “จากที่กรมได้ศึกษาไว้ ไม่ว่าจะลดภาษีประเภทไหน ก็กระทบรายได้ โดยต้องไม่ลืมว่า รายได้ของกรมสรรพากรมีสัดส่วนกว่า 70-80% ของรายได้ทั้งประเทศ ดังนั้น หายไปก็อาจจะกระทบเสถียรภาพทางด้านการคลังได้ อย่างไรก็ดี ก็ต้องรอนโยบายว่าจะตัดสินใจอย่างไร”

    ซาอุฯ เพิ่มสิทธิสตรี ขอหนังสือเดินทาง-ไปต่างประเทศได้เอง

    เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาของซาอุดีอาระเบียเผยแพร่พระราชโองการของมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน เมื่อวันพฤหัสบดี อนุญาตให้สตรีสัญชาติซาอุดีอาระเบียซึ่งมีอายุ “มากกว่า 21 ปี” สามารถดำเนินการขอหนังสือเดินทางได้เองและเดินทางออกไปยังต่างประเทศได้ลำพัง โดยไม่จำเป็นต้องได้รับ “การอนุมัติจากผู้ปกครองที่เป็นชาย” อีกต่อไป

    นอกจากนี้ นับจากนี้เป็นต้นไป สตรีชาวซาอุดีอาระเบียสามารถมีสิทธิ์และเสรีในการแจ้งเกิด ตัดสินใจแต่งงานและหย่าร้างได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องผ่าน “ความเห็นชอบจากผู้ปกครองที่เป็นชาย” ซึ่งหมายถึงบิดา พี่ชาย สามี หรือญาติสนิทที่เป็นชาย