ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “เทพเทือกนำทัพ ‘เดินคารวะแผ่นดิน’ – กกต. ไฟเขียว เดินหาเสียงได้ทุกพรรค” และ “สหรัฐฯ เผย สกัดจับวัตถุระเบิด ส่งถึงโอบามา – คลินตัน”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “เทพเทือกนำทัพ ‘เดินคารวะแผ่นดิน’ – กกต. ไฟเขียว เดินหาเสียงได้ทุกพรรค” และ “สหรัฐฯ เผย สกัดจับวัตถุระเบิด ส่งถึงโอบามา – คลินตัน”

27 ตุลาคม 2018


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 20-26 ต.ค. 2561

  • เทพเทือกนำทัพ “เดินคารวะแผ่นดิน” – กกต. ไฟเขียว เดินหาเสียงได้ทุกพรรค
  • “ไก่อู” พ้นโฆษกสำนักนายกฯ “บี พุทธิพงษ์” นั่งแทน
  • สมคิด ชี้ เร่ง “ภาษีที่ดิน-อีบิซิเนส” ผ่านก่อนเลือกตั้ง
  • สธ. เผย มีแนวโน้มพิจารณาปรับกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์
  • หน่วยสืบราชการลับสหรัฐฯ เผย สกัดจับวัตถุระเบิด ส่งถึงโอบามา-คลินตัน
  • เทพเทือกนำทัพ “เดินคารวะแผ่นดิน” – กกต. ไฟเขียว เดินหาเสียงได้ทุกพรรค

    ที่มาภาพ : https://www.facebook.com/suthep.fb/

    เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2561 ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) นำคณะผู้จัดตั้งพรรค รวมทั้งพี่น้องประชาชนราว 50 คน เข้าวางพานพุ่มดอกไม้ถวายสักการะ ณ เบื้องหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งพระราชวงจักรี หลังจากนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะประธานคณะทำงานรณรงค์เชิญชวนประชาชนเป็นสมาชิกพรรคคณะผู้จัดตั้งพรรค กล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณ ว่าพรรครวมพลังประชาชาติไทยจะจงรักภักดี เทิดทูน ปกป้อง สถาบันพระมหากษัตริย์ตามอุดมการณ์ข้อแรกของพรรค และจะเป็นพรรคการเมืองที่ยึดถือผลประโยชน์ของชาติ และของประชาชนอย่างแท้จริง โดยยืนยันจะไม่รับตำแหน่งใดๆ ในพรรคการเมืองเป็นเพียงแค่ผู้สมัครสมาชิกพรรคคนหนึ่งร่วมกับพี่น้องประชาชนเท่านั้น

    จากนั้นได้เริ่มเดินเชิญชวนประชาชน มาร่วมกันเป็นเจ้าของพรรค ด้วยการสมัครเป็นสมาชิกพรรค โดยวันนี้จะเคลื่อนขบวนไปในย่านปากคลองตลาด บ้านหม้อ พาหุรัด วังบูรพา ดิโอลด์สยาม ศาลาว่าการ กทม. ศาลเจ้าพ่อเสือ จนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

    นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ สื่อมวลชน เพิ่มเติมระบุว่า ว่า ยืนยันการเดินดังกล่าว ไม่ได้เป็นการหาเสียง แต่การเดินคารวะแผ่นดินและประชาชน ที่ยึดตามกฎหมายพรรคการเมือง หลัง กกต. รับรองให้จัดตั้งเป็นพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการ และหลังจากนี้ จะเดินสายคารวะแผ่นดินและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ โดยในวันที่ 15 ธันวาคม 2561 จะมีการประชุมสมัชชาประชาชนใหญ่ เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่มาจากมติของสมัชชาประชาชน

    พร้อมทำไพรมารีโหวต 350 เขต ไปพร้อมๆ กัน โดยยืนยัน แม้ที่ประชุมสมัชชาประชาชน จะเสนอให้รับตำแหน่งภายในพรรค ก็จะไม่รับตำแหน่งใดๆ และเชื่อว่า สมาชิกที่สนใจเข้าร่วมงานกับพรรค จะยึดมั่นในระบบมากกว่าตัวบุคคล ทั้งนี้ ขอย้ำว่า ตนเองไม่มีอิทธิพลเหนือพรรค มีสิทธิ์เท่าเทียมกับสมาชิกพรรคคนอื่น

    นายสุเทพ ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นว่าหลังเลือกตั้งอาจมีรัฐบาลแห่งชาติ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีท่าทีที่เป็นมิตรกับนักการเมืองการเมืองมากขึ้น และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ว่าที่เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกมาระบุ พร้อมร่วมงานกับทุกพรรคการเมือง โดยนายสุเทพ ระบุสั้นๆ ว่า อย่าคาดการณ์ในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ทุกอย่างต้องยึดตามระเบียบกติกาและกฎหมาย และไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์พรรคการเมืองอื่น ซึ่งไม่ได้เกรงกลัว แต่ต้องเคารพสิทธิเสรีภาพพรรคการเมืองอื่น

    อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 26 ตุลาคม 2561 พรรค รปช. จะลงพื้นที่ที่ถนนสุขุมวิท วันที่ 27 ตุลาคม ที่เยาวราช วันที่ 29 ตุลาคม ที่ถนนสีลม วันที่ 30 ตุลาคม ที่ถนนสาธร-บางรัก วันที่ 31 ตุลาคม ที่ประตูน้ำ วันที่ 1 พฤศจิกายน จะปฏิบัติการที่ภาคตะวันออก โดยเริ่มจากสักการะศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่จังหวัดจันทบุรี ก่อนออกเดินพบปะประชาชนอีกหลายจังหวัด และวันที่ 10 พฤศจิกายน ที่ อ.เบตง จ.ยะลา

    วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พ.ต.อ. จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงการเดินพบปะประชาชนของพรรคการเมืองเพื่อเชิญชวนรับสมัครสมาชิก หรือเลือกตั้งหัวหน้าพรรคว่า ต้องดูข้อกฎหมาย หากเป็นการหาสมาชิกพรรคก็เป็นเรื่องจำเป็น เพราะต้องมีสาขาพรรคจึงจะส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งได้ จึงต้องหาสมาชิกให้ได้ ดังนั้นต้องดูที่เจตนา

    เช่น บางพรรคมีการเลือกหัวหน้าพรรคก็ต้องมีกิจกรรม แต่ทั้งหมดต้องอยู่บนหลักความสงบเรียบร้อยด้วย เพราะการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองมีเรื่องของข้อกฎหมายอยู่ การคลายล็อกสุดท้ายมี 7 ข้อ นอกนั้นต้องขออนุญาต ซึ่งทุกกลุ่มที่ทำกิจกรรมในขณะนี้ได้แจ้ง กกต. แล้ว

    ทั้งนี้ ตามคำสั่ง คสช. ที่ 13 /2561 กำหนดให้พรรคการเมืองที่จะทำกิจกรรมดังกล่าว แจ้งกกต.ทราบก่อน 5 วันและให้ถือได้รับอนุญาต โดย กกต. เพียงรับทราบเท่านั้น ไม่ได้ไปตรวจสอบหรือบอกว่ากิจกรรมที่จะดำเนินการนั้นไม่เข้าข่ายเป็นกิจกรรมทางการเมืองต้องห้าม พรรคการเมืองจึงต้องระมัดระวัง ซึ่งทางสำนักกิจการพรรคการเมืองของ กกต. ก็จะติดตามเก็บข้อมูลไว้เช่นกัน

    “ไก่อู” พ้นโฆษกสำนักนายกฯ “บี พุทธิพงษ์” นั่งแทน

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์เดลินิวส์ (http://bit.ly/2PiiEVJ)

    เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า เมื่อเวลา 14.40 น.วันที่ 24 ต.ค. 2561 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก รัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. แถลงภายหลัง การประชุม ครม. ว่า สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป จะมอบหมายให้ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ทำหน้าที่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อชี้แจงในนามของสำนักนายกรัฐมนตรี ในเรื่องของ ครม. อะไรต่างๆเหล่านี้ เพราะหลายคนอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง

    “ผมก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศของตนเองบ้างเหมือนกันแต่มันเปลี่ยนไม่ได้ จะให้ใครไปชี้แจงแทนนายกฯโดยตรงก็ไม่ได้ ผมก็คือตัวผม จะเห็นได้ว่าระยะที่ผ่านมาอารมณ์เย็นเป็นที่สุด ที่ผ่านมาเปิดดูในโซเชียลจะโมโห แต่เดี๋ยวนี้ก็ไม่โมโห เพราะไอ้คนว่าก็คนเดิมนั่นแหละ ผมก็ให้สัมภาษณ์แบบเดิมเพียงแต่ทำหน้าที่ชี้แจงแทน พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปทำหน้าที่รักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ก็แบ่งงานกันไปยังช่วยกันไปเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าทำงานด้วยกันรัฐบาลเดียวกันใครอยู่ตรงไหนก็เหมือนกัน เพียงแต่วิธีการนำเสนออาจจะได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ลุคใหม่หน่อย ไม่เบื่อหน้านายกฯ เบื่อหรือยัง จะได้หาคนมาชี้แจงแทนนายกฯ” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว

    ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ท. สรรเสริญ จะรั้งตำแหน่งรักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์อยู่หรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็จะแยกหน้าที่กันไปเลย แบ่งหน้าที่กันใหม่ เป็นการภายในได้อยู่แล้ว ไม่ต้องไปออกคำสั่งอะไรใหม่หรอก คุยกันแล้วไม่มีปัญหาอะไร ทางพล.ท.สรรเสริญ ก็สามารถจะชี้แจงได้เหมือนกัน ถ้าสงสัยตรงนี้ไปถามตรงโน้นก็ได้ พูดแบบนี้เดี๋ยวนักข่าวก็ไปบอกว่าถูกขึ้นหิ้ง”

    เมื่อถามว่า เป็นการกลยุทธ์การให้ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า นายพุทธิพงษ์ พูดภาษาง่ายๆ บางทีทหารพูดเป็นทางการ ทั้งนี้ พล.ท. สรรเสริญ ไม่ได้บกพร่องอะไรเพียงแต่เปลี่ยนบรรยากาศเท่านั้นเอง เมื่อถามว่า เป็นเพราะใกล้เลือกตั้งหรือไม่ ถึงได้ให้คนที่เชี่ยวชาญ การเมือง อย่างนายพุทธิพงษ์ เข้ามาทำหน้าที่โฆษกรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวปฏิเสธว่า “ไม่เกี่ยวๆการเมืองก็คือการเมือง”

    เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า เมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 25 ต.ค. 2561 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปฏิบัติหน้าที่ภายหลังได้รับการแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า จากนี้ในประเด็นที่มีความจำเป็น โดยเฉพาะเรื่องที่มีการกล่าวหา หรือการนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง การให้ร้ายและข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ตนจะออกมาชี้แจงและนำข้อมูลที่ถูกต้องมานำเสนอ ที่ผ่านมาอาจจะมีการตั้งรับและไม่ค่อยมีการชี้แจงก็จะมีกระบวนการเบี่ยงเบน ให้ข้อมูลที่เป็นเท็จในการกล่าวหารัฐบาล จากนี้ตนจะพยายามชี้แจงให้มากที่สุด เพื่อเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งส่วนนี้ไม่ใช่ข้อกังวลของนายกฯ แต่เนื่องจากสถานการณ์กำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง รัฐบาลก็เป็นฝ่ายตั้งรับและต้องทำงาน แต่ในเรื่องที่มีการกล่าวหา ใส่ร้ายป้ายสี และให้ข้อมูลเป็นเท็จกับรัฐบาลนั้น มีเกิดขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา จากนี้จึงต้องชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้อง สื่อสารกับประชาชน

    นายพุทธิพงษ์กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับทีมโฆษกเดิม ก็ยังเป็นทีมเดียวกันอยู่ แต่อาจจะต้องมีการเพิ่มเติมในบางส่วนตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยจะพยายามเน้นในเรื่องผลงานของรัฐบาลที่ทำมา หรืออาจจะนำข้อมูลที่เกิดขึ้นก่อนและหลัง รวมถึงผู้ที่มีส่วนได้เสีย หรือได้รับประโยชน์จากนโยบายต่างๆ มาแลกเปลี่ยนให้ประชาชนทราบมากขึ้น

    สมคิด ชี้ เร่ง “ภาษีที่ดิน-อีบิซิเนส” ผ่านก่อนเลือกตั้ง

    นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th

    วันที่ 25 ต.ค. 2561 เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า ที่กระทรวงการคลัง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมมอบนโยบายผู้บริหารกระทรวงการคลังว่า ในไตรมาสสุดท้ายก่อนเลือกตั้งมามอบโยบายต่อผู้บริหารกระทรวงการคลัง เพื่อดูว่างานอะไรที่สำคัญและยังค้างอยู่ โดยรับรายงานจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ทราบว่างานทุกอย่างยังไปได้ดี ปีที่แล้วรายได้เกินมา 4 หมื่นล้านบาทเฉพาะกรมสรรพากร ส่วนการจัดเก็บรายได้ภาพรวมเกินเป้าหมายมา 2 หมื่นล้านบาท ดังนั้นคาดว่าปีงบ 2562 ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องการจัดเก็บ

    นายสมคิดกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในเรื่องเศรษฐกิจคงต้องดูให้นิ่ง รัฐบาลต้องเตรียมความพร้อมไว้ไม่ประมาท มีเรื่องสำคัญอยากให้ผลักดัน คือ ในเรื่องกฎหมายยังค้างอยู่อยากให้ผ่านช่วง 2-3 เดือนที่เหลือ เรื่องแรกคือภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ผ่านการวิพากษ์วิจารณ์การวิเคราะห์ไปพอสมควร ดังนั้นให้กระทรวงการคลังไปประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้กฎหมายผ่านภายในรัฐบาลชุดนี้ แม้จะไม่สามารถบังคับใช้ในรัฐบาลชุดนี้ไม่เป็นไร

    นายสมคิดกล่าวว่า นอกจากนี้ต้องการให้เร่งแก้ไขร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เพื่อรองรับการจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (อีบิซิเนส) ยังอยู่ในการพิจารณาของกฤษฎีกา เพื่อให้กฎหมายผ่านภายในรัฐบาลนี้ เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวเป็นอนาคตในการจัดเก็บรายได้ ขณะนี้ ธุรกิจในออนไลน์ รัฐบาลยังไม่สามารถเก็บภาษีได้ดังนั้นเร่งรัดกฎหมายเพื่อให้การค้าขายออนไลน์เข้ามาอยู่ในระบบภาษีให้ถูกต้อง

    “กระทรวงการคลังต้องประสานงาน เพื่อให้กฎหมาย 2 ฉบับผ่านในรัฐบาลขุดนี้ เพราะกฎหมาย 2 ตัวนี้สำคัญมาก แม้ว่ากฎหมายทั้ง 2 ตัวพิจารณามานาน แต่เป็นเรื่องที่ต้องเร่งรัดดำเนินการจบก่อนเลือกตั้ง”นายสมคิดกล่าว

    สธ. เผย มีแนวโน้มพิจารณาปรับกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ (http://bit.ly/2PoG1gf)

    เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2561 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงแนวทางการปลดล็อกกัญชาเพื่อใช้รักษาในทางการแพทย์ ว่า ความเป็นไปได้ตอนนี้คือ การที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประชุมร่วมคณะกรรมการพิจารณาการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ที่มี นพ.โสภณ เมฆธน ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน เพื่อหาข้อดีข้อเสียก่อน หากพบว่าข้อดีมีมากก็ชงประกาศปรับสถานะของสารสกัด น้ำมันกัญชาจากยาเสพติดประเภท 5 เป็นประเภทที่ 2 แทน เพื่อให้สามารถนำมาใช้ทางการแพทย์ได้ ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นแนวทางการปลดล็อกที่ต้องทำให้ขั้นต้น  ทั้งนี้ ตนได้มอบหมายให้ดำเนินการให้ได้ข้อสรุปมาเสนอภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ แล้วจะพิจารณาออกเป็นประกาศยกสถานะ

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการสาธารณสุข ร่วมกับสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เตรียมจัดสัมมนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นเรื่อง “สนช. ปลดล็อกกัญชาเป็นยารักษาโรค” ในวันที่ 30 ตุลาคม 2561  เวลา 09.00 น.-13.30 น.ที่อาคารรัฐสภา 2 ขณะเดียวกัน คณะกรรมการพิจารณาการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ก็เตรียมจะประชุมเกี่ยวกับความคืบหน้าเรื่องนี้ในวันที่ 31 ตุลาคม 2561 ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเช่นเดียวกัน

    หน่วยสืบราชการลับสหรัฐฯ เผย สกัดจับวัตถุระเบิด ส่งถึงโอบามา-คลินตัน

    เฟซบุ๊กบีบีซีไทย – BBC thai รายงานว่า หน่วยสืบราชการลับของสหรัฐฯ ระบุว่า สามารถสกัดวัตถุระเบิดที่ส่งไปรษณีย์ถึงอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา และนางฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังพบห่อพัสดุต้องสงสัยที่อาคารทำการสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นในนครนิวยอร์ก ส่งผลให้ต้องอพยพผู้คนออกจากตึก

    หน่วยสืบราชการลับ แถลงว่า มีการตรวจพบพัสดุต้องสงสัยที่จ่าหน้าถึงบ้านพักของนางคลินตัน และอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ที่นครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2561 จากนั้นช่วงเช้าของวันที่ 24 ต.ค. 2561 เจ้าหน้าที่เทคนิคหน่วยสืบราชการลับในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้ตรวจพบวัตถุระเบิดระหว่างการตรวจสอบไปรษณีย์ที่ส่งถึงอดีตประธานาธิบดีโอบามา โดยพัสดุทั้งสองถูกสกัดไว้ได้ก่อนที่จะถูกนำส่งไปให้นางคลินตันและนายโอบามา

    สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ระบุว่าได้รับแจ้งเรื่องพัสดุต้องสงสัยดังกล่าว และหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายร่วมของเอฟบีไอกำลังสอบสวนเรื่องนี้

    ขณะเดียวกันที่อาคารไทม์วอร์เนอร์ ที่ทำการของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นก็มีการอพยพพนักงานที่อยู่ในตึก หลังพบพัสดุต้องสงสัยในห้องเก็บจดหมายและพัสดุของอาคาร ซึ่งนายเจฟฟ์ ซักเกอร์ ประธานซีเอ็นเอ็นได้แถลงยืนยันเรื่องนี้ พร้อมระบุว่าหลังเกิดเหตุได้สั่งการให้ตรวจสอบสำนักงานซีเอ็นเอ็นทั่วโลกแล้ว

    สื่อในสหรัฐฯ รายงานว่าพัสดุที่ส่งถึงซีเอ็นเอ็นนั้นดูเหมือนว่าจะจ่าหน้าถึงนายจอห์น เบรนนัน อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ซึ่งมักไปให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นอยู่บ่อยครั้ง และเป็นกระบอกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นับแต่พ้นจากตำแหน่ง

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น 2 วันหลังจากมีข่าวพบวัตถุระเบิดในตู้จดหมายที่บ้านพักของนายจอร์จ โซรอส มหาเศรษฐีนักลงทุนชาวฮังกาเรียน-อเมริกัน ที่อยู่นอกนครนิวยอร์ก