ThaiPublica > เกาะกระแส > นายกฯ เผย ร.10 พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ เลี้ยงขอบคุณ ปชช. – มติ ครม.ขยายเวลาขอลดภาษี 10% หนุนเขต ศก. พิเศษ

นายกฯ เผย ร.10 พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ เลี้ยงขอบคุณ ปชช. – มติ ครม.ขยายเวลาขอลดภาษี 10% หนุนเขต ศก. พิเศษ

14 พฤษภาคม 2019


พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.
ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th/

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาลมีการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน

ร.10 พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ เลี้ยงขอบคุณ ปชช.

พล.อ. ประยุทธ์ ระบุว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงขอบพระทัยลงมาถึงประชาชนทุกหมู่เหล่า รวมความไปถึงพลเรือน ตำรวจ และทหาร และทรงได้รับสั่งให้มีการจัดเลี้ยงขอบคุณเจ้าหน้าที่ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ภาคเอกชน และจิตอาสาต่างๆ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังวางแผนงานอยู่ในการจัดงานก่อนวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 นี้ เพื่อเป็นการเลี้ยงขอบคุณ

โปรดเกล้า ฯ ประกาศคำอ่าน “พระปรมาภิไธย – พระนามาภิไธย”

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้พระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย คำอ่าน และสรรพนามต่างๆ รวมถึงคำขึ้นต้น ลงท้าย รวมความไปถึงการใช้บทเพลงสรรเสริญในพิธีการต่างๆ ได้มีการเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งสำนักราชเลขาธิการได้แจ้งไปยังหน่วยงานราชการต่างๆ แล้ว ทั้งนี้ พระนามที่ประชาชนทุกคนต้องรับทราบโดยทั่วกันมีดังนี้

  • พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร แบบย่อพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
  • สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง แบบย่อ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
  • พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้า เจ้าอยู่หัว แบบย่อ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี แบบย่อ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
  • สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี แบบย่อ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา ฯ
  • สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา แบบย่อ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ
  • สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร แบบย่อ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ
  • สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี แบบย่อ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
  • สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี แบบย่อ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระ ศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนาร
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ แบบย่อ พระเจ้าวรวงศ์เธอฯ กรมหมื่นสุทธนารีนาถ
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ แบบย่อ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ แบบย่อ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

อ่านประกาศพระปรมาภิไธย/พระนามาภิไธย คำอ่านและสรรพนาม เพิ่มเติม

ปัดตอบ “ประวิตร – อนุพงษ์” นั่ง รมต. ต่อ – ชี้เป็นหน้าที่รัฐบาลชุดใหม่

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามกรณีกระแสข่าวการจัดตั้งรัฐบาล ถึงรายชื่อ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรร และ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา นั้นจำเป็นต้องมีทั้ง 2 อยู่ใน ครม.หรือไม่ ว่า ตนตอบไม่ได้เพราะตนยังไม่ใช่นายกรัฐมนตรี (ของรัฐบาลชุดใหม่) ซึ่งผู้ที่จะจัดตั้งรัฐบาลและ ครม.คือนายกรัฐมนตรี ซึ่งตอนนี้ตนยังไม่ได้รับตำแหน่ง ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อยู่แล้ว ทุกอย่างเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีท่านใหม่ที่จะมาในขั้นตอนการคัดเลือกหลังจากการเปิดรัฐสภาไปแล้ว

“ยังไม่มีการเปิดสภาฯ ยังไม่มีการเลือกประธานสภาฯ ยังไม่มีการเลือกนายกฯ ผมจะไปตอบแทนใครได้”

เช่นกันกับคำถามถึงการแบ่งเก้าอี้ตำแหน่งรัฐมนตรี ต่อกระแสข่าวที่พรรคพลังประชารัฐไม่พอใจที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้ามาดูแลรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจเองทั้งหมด พล.อ. ประยุทธ์ ระบุว่า ว่า อย่างที่บอกไปตนยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี การตั้งรัฐบาลนั้นตนคิดว่าพรรคการเมือง และนักการเมืองเป็นผู้ดำเนินการอยู่แล้ว เป็นเรื่องของเขา ซึ่งต้นให้เกียรติทุกท่าน เพราะเป็นผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชน ตนเคารพในเสียงของประชาชน พร้อมย้ำกว่าตนให้เกียรติกับนักการเมืองทุกคน

เมื่อถามว่านายกฯ มีความรู้สึกอย่างไร ขณะที่ยังไม่มีการตั้งรัฐบาลก็มีเรื่องการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ตอบเพียงสั้นๆ ว่า รู้สึกเบื่อหน่าย

“ถ้าเราพูดกันไปมาจนเลวร้ายกันไปทั้งหมดมันไม่เกิดอะไรดีขึ้นมาเลยผมว่า ประเทศก็ไม่ได้อะไร ประชาชนที่เขาไม่เกี่ยวข้องก็ไม่มีความสุข ต่างประเทศเขาก็ขาดความเชื่อมั่น ผมไม่รู้ว่าจะเสนอข่าวกันไปทำไม คนนี้พูดอย่าง คนนั้นพูดอีกอย่าง เหมือนกับตีลูกปิงปองกันไปมา ท้ายที่สุดก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา” นายกรัฐมนตรีกล่าว

เมิน “เรืองไกร” ร้อง กกต.ยุบ พปชร.

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เตรียมร้อง กกต.ให้ยุบพรรคพลังประชารัฐ ฐานที่ยอมให้ พล.อ. ประยุทธ์ พล.อ. ประวิตร และนายสมคิด เข้ามาร่วมพิจารณาจัดตั้งรัฐบาล ว่า ใครอยากจะร้องก็ร้องไปตนไม่ได้ห้าม ก็ต้องดูข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมามีการร้องต่อ กกต.ไปหลายเรื่อง ตนก็ไม่เคยตอบโต้ใดๆ ทั้งสิ้น เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม

“วันนี้อย่าให้ทุกอย่างมาทำให้บ้านเมืองเราเสียหายเลย จะพูดอะไรกันไปมาสื่ออย่าไปขยายความมากนัก เพราะหลายคนเขาไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น บางคนไม่เกี่ยวข้องก็วิพากษ์วิจารณ์กันต่อไป ก็เลยเชื่อกันไปมาจนกระทั่งวุ่นวายกันไปหมด ผมเองและท่านรองนายกฯ ยังไม่ได้เกี่ยวข้องทั้งสิ้น เพราะทุกคนยังไม่มีส่วนร่วมที่จะไปจัดตั้งรัฐบาลกับใคร เป็นเรื่องของพรรคการเมือง ให้เกียรติกับพรรคการเมือง ผมคิดว่าหลายคนมีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาชาติบ้านเมือง ผมก็รับฟังแนวคิดและนโยบายมาก็ดีๆ ทั้งนั้น ก็สุดแล้วประชาชน สุดแล้วแต่การประชุมของ 2 สภาที่จะว่ากันไป” นายกรัฐมนตรีกล่าว

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า ขอร้องอย่างเดียววันนี้เราทำอะไรก็ได้อย่างนั้น จะเขียนเฟซบุ๊ก เขียนโซเชียลมีเดียให้รุนแรง หรือชม หรือว่ากันไปมา เหล่านี้ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ แก่ประเทศ แม้กระทั่งการเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตย ซึ่งทุกคนก็คาดหวัง เราต้องมีรัฐบาลและรัฐบาลหน้าก็ต้องเป็นรัฐบาลที่ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริงเพราะทุกคนได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชนแล้ว คิดว่าทุกคนก็ตั้งใจที่จะคิดใหม่ทำใหม่ให้ได้ อย่างที่รัฐบาลนี้พยายามทำตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตนไม่อยากให้หลายๆ อย่างเกิดขึ้นมาแบบเดิมๆ อีก ซึ่งตนไม่ได้ให้ร้ายใคร คิดว่าทุกคนมีความตั้งใจดีในการเลือกตั้งครั้งนี้ และตนให้เกียรติทุกคน

ยันไม่เคยเห็นเอกสารลับ กต. เจรจายุติคดี “ฟิลลิป มอริส”

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามกรณีเพจ CSI LA โพสต์ข้อความ เอกสารหลักฐานลับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ขอให้รัฐบาลยุติการฟ้องร้องคดีอาญาบริษัทฟิลลิป มอร์ริส อ้างมีข้อเสนอแลกเปลี่ยนกับการไม่ให้บริษัทดังกล่าวฟ้องร้องไทยใน WTO และเสนอเงินสนับสนุนการยาสูบของไทย ว่า ตนไม่รู้เรื่อง ไม่มี และยังไม่เห็น

มติ ครม.มีดังนี้ 

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th

ขยายเวลาขอลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 10% หนุนเขต ศก. พิเศษ

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.มีมติอนุมัติหลักกการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่…) พ.ศ. …. (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีสาระสำคัญคือขยายเวลาการจดแจ้งขอใช้สิทธิลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับการประกอบการในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจาก 20% เหลือ 10% เป็นระยะเวลา 10 รอบบัญชี หรือ 10 ปีต่อเนื่องกันนับตั้งแต่มาจดแจ้งของใช้สิทธิ โดยนับเฉพาะกำไรสุทธิจากรายได้ที่เกิดจากการผลิตสินค้าหรือการให้บริการและมีการใช้บริการในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ออกไปเป็นตั้งแต่ 1 มกราคม 2561 ถึง 30 ธันวาคม 2563

ทั้งนี้ คาดว่าจะสูญเสียรายได้ภาษีประมาณปีละ 4 ล้านบาท แต่จะช่วยส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษ ช่วยให้มีการผลิตสินค้าและบริการในพื้นที่จังหวัดชายแดนเพิ่มขึ้น รวมทั้งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านให้เพิ่มขึ้น โดยเดิมมาตรการดังกล่าวกำหนดระยะเวลาการจดแจ้งไว้ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน 2558 ถึง 31 ธันวาคม 2560

เว้นภาษีกำไร ขาย “คาร์บอนเครดิต” 3 ปี

นายณัฐพรกล่าวว่า ครม.มีมติอนุมัติในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่…) พ.ศ. …. (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ) โดยมีสาระสำคัญคือให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลแก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับกำไรสุทธิในการดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ เฉพาะส่วนที่เกิดจากการจำหน่ายคาร์บอนเครดิตไม่ว่าจะกระทำในประเทศหรือนอกประเทศ เป็นระยะเวลา 3 รอบบัญชีหรือ 3 ปีต่อเนื่องกัน ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ของโครงการลดการปล่อยก๊าซฯ ได้แก่ โครงการที่จำหน่ายคาร์บอนเครดิตที่ได้ขึ้นทะเบียนการดำเนินโครงการจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 และให้นับรอบบัญชีแรกตั้งแต่ที่อบก.ออกใบรับรองการจำหน่ายคาร์บอนเครดิตแก่ผู้เข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้ 280 ล้านบาท

ขยายเวลารถขนส่งสินค้าผ่านด่านสะเดา 24 ชม. แก้รถติด 3 เดือน

นายณัฐพรกล่าวว่า ครม.มีมติอนุมัติให้ทดลองขยายเวลาทำการด่านศุลกากรสะเดา-บูกิตกายูฮิตัม 24 ชั่วโมง จากเดิมที่เปิดในห้วงเวลาตั้งแต่ 05:00-23:00 น. เท่านั้น และให้เริ่มต้นในวันที่ 17 มิถุนายน 2562 เป็นระยะเวลา 3 เดือน ทั้งนี้ การทดลองดังกล่าวจะครอบคลุมเฉพาะการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์เท่านั้น โดยไม่รวมผู้โดยสาร รวมทั้งได้กำหนดประเภทรถเฉพาะ รถบรรทุกขนาดใหญ่และรถพ่วง และไม่รวมรถกระบะหรือรถน้ำหนักเบา โดยจำกัดจำนวนคนบนรถเพียง 2 คนคือคนขับและผู้ช่วยคนขับเท่านั้น

“เรื่องนี้สืบเนื่องจากปัญหาการจราจรติดขัดที่ชายแดนสะเดา ทางไทยได้หารือกับมาเลเซียว่าควรจะทดลองเปิดด่าน 24 ชั่วโมงเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยประโยชน์คาดว่าจะทำให้เกิดความยืดหยุ่นในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ประหยัดต้นทุนวันละ 400,000 บาทจากค่าน้ำมันที่เกิดขึ้นจากการจราจรที่ติดขัด และหนุนการค้าชายแดนให้เติบโตประมาณ 5% ขณะที่ผลทางลบคิดว่ายังสามารถบริหารจัดการได้ เช่น การไหลเข้าออกของสินค้าเข้ามาเพิ่มขึ้น รวมไปถึงสินค้าเกษตรต่างๆ และการใช้สาธารณูปโภคที่เกินขีดความสามารถ” นายณัฐพร กล่าว

ปลดล็อกต่างชาติทำธุรกิจเพิ่มอีก 3 กิจการ

นายณัฐพรกล่าวว่า ครม.มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดธุรกิจบริการที่ไม่ต้องขออนุญาตในการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ สืบเนื่องจากพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 9 วรรคสอง กำหนดให้คณะกรรมการการประกอบกิจการธุรกิจของคนต่างด้าวพิจารณาทบทวนประเภทธุรกิจตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้อย่างน้อยครั้งหนึ่งในทุกรอบระยะเวลาหนึ่งปี แล้วทำความเห็นเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และในบัญชีสาม (21) ท้ายพระราชบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดให้การทำธุรกิจบริการอื่นที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการกับคนต่างด้าว เป็นธุรกิจที่ต้องขออนุญาตในการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ยกเว้นธุรกิจบริการอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง

ดังนั้นในปีนี้ กระทรวงพาณิชย์ โดยคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ในคราวประชุมครั้งที่ 9/2561 เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2561 ได้พิจารณาเห็นว่า 1) ธุรกิจบริการให้กู้ยืมเงินแก่บริษัทในเครือในกลุ่มในประเทศ 2) ธุรกิจบริการให้เช่าพื้นที่อาคารสำนักงาน พร้อมสาธารณูปโภคให้แก่บริษัทในเครือในกลุ่ม และ 3) ธุรกิจบริการให้คำปรึกษาแนะนำให้แก่บริษัทในเครือในกลุ่มเฉพาะด้านบริหารจัดการ ด้านการตลาด ด้านทรัพยากรบุคคล และด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ จำนวน 3 ธุรกิจ เป็นธุรกิจที่ไม่กระทบต่อผู้ประกอบการไทยในเรื่องความพร้อมในการแข่งขันเพราะเป็นการจำกัดการให้บริการเฉพาะแก่บริษัทในเครือในกลุ่ม และช่วยลดต้นทุนในการดำเนินการ อันเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการประกอบธุรกิจของหน่วยธุรกิจในระบบเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งยังเป็นการอำนวยความสะดวกและเกิดความคล่องตัวในการประสานงานระหว่างกัน ทำให้การบริหารงานและการจัดการของบริษัทในเครือในกลุ่มมีประสิทธิภาพและเป็นมาตรฐานเดียวกัน

แจงความคืบหน้าแก้ราคาปาล์มตกต่ำ

พล.ท. วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่ประชุม ครม. พล.อ. ประยุทธ์ ได้หารือเกี่ยวกับความคืบหน้าของมาตรการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำตามข้อสั่งการเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ชี้แจงว่าได้ลงพื้นที่ตรวจสต็อกน้ำมันปาล์มดิบในช่วงที่ผ่านมา พบว่ามีอยู่ประมาณ 208,000 ตัน ซึ่งได้หารือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตให้เตรียมรับซื้อภายในเดือนพฤษภาคม 2562 ไปก่อน 100,000 ตัน และในเดือนต่อๆ ไปจะทยอยรับซื้อเพิ่มเดือนละ 5,000 ตัน

ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ชี้แจงว่าในส่วนของการใช้น้ำมันประเภท B20 ได้เร่งประชาสัมพันธ์ว่ารถบรรทุก รถโดยสารส่วนใหญ่ที่ใช้น้ำมันดีเซล ยกเว้นรถยุโรป สามารถใช้น้ำมัน B20 ได้ และมีค่าประสิทธิภาพที่ดีกว่า โดยกระทรวงจะเร่งเพิ่มสถานีจำหน่ายเป็น 300 สถานี และคาดว่าในช่วงสิ้นเดือนราคาจะทยอยปรับขึ้นตามเป้าหมาย ทั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ ได้สั่งการเพิ่มเติมให้ดูแลการขนย้ายและรับซื้ออย่างรอบคอบและต้องตรวจสอบให้สอดคล้องกับการตรวจนับสต็อกที่ผ่านมา ไม่ให้มีปัญหาการลักลอบนำน้ำมันปาล์มดิบเข้ามาสวมรอยได้

ประกาศ 3 มิ.ย.ของทุกปี เป็น “วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบรมราชินี”

พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้วันที่ 3 มิถุนายน ของทุกปี ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เป็นวันหยุดราชการประจำปี ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ

โดยได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสถาปนาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562 และโดยที่ วันที่ 3 มิถุนายน เป็นวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จึงเห็นสมควรกำหนดให้วันดังกล่าวเป็นวันหยุดราชการประจำปี

นายกฯตรวจราชการ “ชุมชนคลองเตย” 15 พ.ค.นี้

พ.อ.หญิง ทักษดา กล่าวว่า ในวันพุธที่ 15 พฤษภาคม 2562 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดจะตรวจราชการพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อติดตามการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในชุมชนแออัดเขตคลองเตย

โดยจะเยี่ยมชมศูนย์สร้างสุขทุกวัยคลองเตย ซึ่งเป็นศูนย์ให้บริการด้านนันทนาการครอบคลุมทุกกลุ่มทุกช่วงวัยตั้งแต่เด็ก เยาวชน คนทำงาน และผู้สูงอายุ และศูนย์บริการสาธารณสุข 41 คลองเตย เพื่อติดตามการให้บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในระดับปฐมภูมิ (primary care) สำหรับประชาชนในชุมชนเมือง ที่มีการเจ็บป่วยไม่รุนแรง ครอบคลุมทั้งการตรวจรักษาโรคทั่วไป การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันควบคุมโรคติดต่อ รวมทั้งการฟื้นฟูสภาพทางกาย จิต สังคม และยังสามารถส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลขนาดใหญ่ต่อไป นอกจากนี้ ศูนย์บริการสาธารณสุข 41 คลองเตย ยังจัดให้มีอาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) ออกไปให้บริการสาธารณสุขแก่ประชาชนถึงบ้านอีกด้วย

ทั้งนี้ รัฐบาลมีเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในชุมชนแออัดพื้นที่เขตเมือง โดยเฉพาะชุมชนคลองเตย ซึ่งเป็นชุมชนแออัดเก่าแก่และมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานครให้เป็นพื้นที่นำร่องไปสู่การพัฒนาชุมชนแออัดในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะการพัฒนาคุณภาพชีวิต ทั้งด้านกายภาพ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามแนวทางประชารัฐ ด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน สถานประกอบการ องค์กรศาสนา ประชาชน ชุมชน และสถาบันการศึกษา ตามความตั้งใจของนายกรัฐมนตรีที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

เคาะ “บิ๊กป้อม – สมคิด – วิษณุ” รักษาราชการแทนนายกฯ ตามลำดับ

พ.อ.หญิง ทักษดา กล่าวว่า ครม.เห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามลำดับ ดังนี้

1. ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามลำดับ ดังนี้ 1.1 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ 1.2 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ 1.3 นายวิษณุ เครืองาม

2. ในระหว่างการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ผู้รักษาราชการแทนข้างต้น จะสั่งการใดเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบประมาณอันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรีได้ ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีเสียก่อน

แต่งตั้ง “สุทธิ สุโกศล” นั่งปลัดแรงงาน

พ.อ.หญิงทักษดา กล่าวว่า ครม.มีมติแต่งตั้งนายสุทธิ สุโกศล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงแรงงาน และแต่งตั้งนายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน พร้อมทั้งอนุมัติแต่งตั้งนายสุชาติ สินรัตน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ที่ปรึกษาการพาณิชย์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ตามที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะรักษาราชการแทนรมว.กระทรวงแรงงงาน เสนอ

และครม.รับทราบการดำรงตำแหน่งของนายสรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตามพ.ร.บ.ปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2562 บัญญัติให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน งบประมาณ สิทธิ หนี้ ภาระผูกพัน ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง และอัตรากำลังของสำนักงานนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวง กรมวิทยาศาสตร์บริการ และสำนักงานปรมาณู กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯไปเป็นของกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตามที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนรมว.กระทรวงอุดมศึกษาฯ

นอกจากนี้ ครม.มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการการยาสูบแห่งประเทศไทย แทนผู้ที่ลาออกและผู้ที่จะพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์ จำนวน 3 คน ดังนี้ 1. พลตำรวจตรี ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ กรรมการ แทน นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล 2. นางศรีวรรณ เอี่ยมรุ่งโรจน์ กรรมการ แทน พลตำรวจเอก รชต เย็นทรวง 3. นายธีรัชย์ อัตนวานิช (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) (เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ) กรรมการ แทน นายยุทธนา หยิมการุณ

ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นไป ทั้งนี้ กรณีพลตำรวจตรี ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ และนางศรีวรรณ เอี่ยมรุ่งโรจน์ ให้มีผลไม่ก่อนวันที่ 18 มิถุนายน 2562 และวันที่ 24 กรกฎาคม 2562 ตามลำดับ และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว

วิษณุเผย ร.10 เสด็จเปิดสภาฯ 24 พ.ค.นี้

มีรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เรียกประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2562 ความว่า

“พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 แล้ว และตามความในมาตรา 121 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กำหนดให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาภายในสิบห้าวันนับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันเป็นการเลือกตั้งทั่วไป โดยให้ถือเป็นวันเริ่มสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 121 มาตรา 122 และมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป”

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมสภาสมัยสามัญครั้งแรก ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2562 ซึ่งอยู่ในกำหนด 15 วันนับตั้งแต่วันประกาศ ซึ่งทางสภาฯ จะเชิญประชุมโดยจะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเด็จพระราชดำเนินพิธีเปิดสภาในวันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม 2562 และหลังจากนั้นคาดว่าจะสามารถเลือกประธานรัฐสภาได้ แต่ก็ขึ้นอยู่ว่าจะเลือกกันเมื่อไร

“รัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา เคยทำวันเดียวกันกับวันเปิดสภาฯ แต่ในครั้งนี้เนื่องจากเกี่ยวพันกับสถานที่ พระที่นั่งอนันตสมาคมมีการปิดซ่อม หากจะใช้ที่หอประชุมทีโอทีก็คงจะไม่เหมาะสม ขณะนี้กำลังดูสถานที่กันอยู่ และจะนำความกราบบังคมทูลต่อไป โดยชื่อเรียกนั้นจะเรียกว่ารัฐพิธีก็ได้ แต่เนื่องจากเห็นว่าไม่ได้ทำพิธีที่รัฐสภา จึงเห็นว่าควรเรียกว่า พิธีเปิดประชุมรัฐสภา โดยกำหนดเวลาไว้เบื้องต้นคือ 15.00 น. ส่วนสถานที่นั้นยังไม่ชัดเจนมีอยู่ 2 ที่ คือหอประชุมทีโอที และศูนย์วัฒนธรรม” นายวิษณุกล่าว

นายวิษณุกล่าวต่อไปว่า สถานที่สำรับทำพิธีเปิดสภาฯ อาจใช้ประชุมสภาฯ ไม่ได้ ใช้สำหรับเสด็จพระราชดำเนินเท่านั้น จึงคาดว่าการประชุมสภาฯ จะไม่ใช่วันเดียวกันกับพิธีเปิดสภาฯ เร็วที่สุดก็คือวันรุ่งขึ้น (25 พฤษภาคม 2562) ซึ่งตนเห็นว่าควรเลือกประธานวุฒิสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมทั้งรองประธานของทั้ง 2 สภา ซึ่งหากประชุมได้ในวันเดียวกัน จะได้กราบบังคมทูลแต่งตั้งได้ภายในวันเดียวกัน

ทั้งนี้หลังจากประธานสภาฯ ได้โปรดเกล้าแต่งตั้งก็สามารถเรียกประชุมเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีได้แล้ว หากดูตามไทม์ไลน์แล้วก็สามารถที่จะทำได้ในเดือนพฤษภาคมนี้ แต่รัฐมนตรีได้ได้พร้อมกันหรือไม่ก็เป็นเรื่องของนายกฯ ต้องไปว่ากันเอง

รองนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปถึงกระแสรายชื่อ ส.ว. ที่มียศนายทหาร ตำรวจกว่า 100 คน โดยอธิบายว่า ในรายชื่อดังกล่าวมีจำนวนหนึ่งที่พ้นจากจำแหน่งนานแล้ว เพียงแต่มียศติดไว้ทำให้คนนับรวมไปเท่านั้น พร้อมโต้กรณีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ตั้งคำถามถึง ส.ว. 250 คนซึ่งแต่งตั้งโดย คสช. โหวตเลือก พล.อ. ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ถือว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 114 ที่ว่าด้วยการขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือไม่ ว่า กรณีดังกล่าวถูกบังคับด้วยมาตรา 272 ในรัฐธรรมนูญ ที่ให้ ส.ว.ประชุมร่วมกับ ส.ส.เพื่อเลือกนายกฯ ดังนั้นต้องเลือกเอาว่าจะเอามาตรา 114 หรือมาตรา 272

“มาตรา 272 นั้นอยู่ในบทเฉพาะกาลที่ออกแบบมาเฉพาะการเลือกนายกฯ ในครั้งนี้ และเป็นมาตราที่ได้มาจากการลงประชามติ ที่มีคำถามพ่วงไปด้วยว่าเอาแบบนี้หรือไม่ ซึ่งเสียงส่วนใหญ่บอกว่าเอา เมื่อถามว่า การที่ประชาชนลงประชามติเช่นนั้น เพราะยังไม่ทราบว่าหัวหน้าคสช.จะเป็นแคนดิเดตนายกฯหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ก็ไม่รู้อะไรทั้งนั้น และ คสช.ก็ถูกบังคับด้วยรัฐธรรมนูญให้เป็นผู้แต่งตั้ง ส.ว. ถ้า คสช.ไม่ตั้ง คนอื่นก็ตั้งไม่ได้ แล้วจะให้ทำอย่างไร” นายวิษณุกล่าว

อ่านมติ ครม.ประจำวันที่ 14 พฤษภาคม 2562 เพิ่มเติม