ThaiPublica > Sustainability > Global Issues > จีนเดินหน้าปลูกป่า 6.7 ล้านเฮกตาร์ทุกปี สร้าง Beautiful China เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้โลก

จีนเดินหน้าปลูกป่า 6.7 ล้านเฮกตาร์ทุกปี สร้าง Beautiful China เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้โลก

15 พฤษภาคม 2019


จีนประสบความสำเร็จอย่างมากในการปกป้องผืนป่าในช่วงตลอด 20 ปีที่ผ่านมา โดย จากการเปิดเผยของเหวิน ไห่จง เจ้าหน้าที่สำนักจัดการป่าและทุ่งหญ้าแห่งชาติ (National Forestry and Grassland Administration) พื้นที่ป่าธรรมชาติสงวนในปัจจุบันมีจำนวน 13.67 ล้านลูกบาศก์เมตร จาก 9.07 ล้านลูกบาศก์เมตรเมื่อ 20 ปีก่อน

จีนได้ริ่มโครงการอนุรักษ์ผืนป่าในพื้นที่นำร่องหลายแห่งปี 1998 โดยการดำเนินการระยะแรกอยู่ในช่วงปี 2000-2010 และระยะสองอยู่ในช่วงปี 2010-2020

เหวิน ไห่จง กล่าวว่า โครงการนี้เป็นรากฐานสำคัญในการปกป้องความมั่งคนของระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ

ทำให้โลกเขียวขึ้น

ในระยะแรกพื้นที่ป่าของจีนเพิ่มขึ้น 150 ล้านลูกบาศก์เมตรหรือ 10 ล้านเฮกตาร์ และผืนป่าสงวนเพิ่มขึ้น 725 ลูกบาศก์เมตร ช่วงปี 2010-2020 จีนได้สั่งห้ามการทำธุรกิจเชิงพาณิชย์จากพื้นที่ป่าอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ส่งผลให้การทำป่าไม้ลดลงราว 34 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี

ในช่วงนับจากนี้ไปจนถึงปี 2020 คาดว่าพื้นที่ป่าของจีนจะเพิ่มจาก 21.66% เป็น 23.04% ขณะที่ปริมาณผืนป่าจะเพิ่มจาก 15.137 พันล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 16.5 พันล้านลูกบาศก์เมตร

ภาพถ่ายทางดาวเทียมขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (National Aeronautics and Space Administration – NASA) แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของจีนและอินเดียที่ส่งผลให้พื้นที่สีเขียวของโลกเพิ่มขึ้น โดยจีนมีส่วนในพื้นที่สีเขียวของโลกถึง 42% ซึ่งเป็นผลจากโครงการอนุรักษ์และขยายพื้นที่ป่า หรือมีส่วนทำให้พื้นที่สีเขียวของโลกเพิ่มขึ้นถึง 1 ใน 4

ที่มาภาพ: https://
news.cgtn.com/news/3d3d774e34596a4e32457a6333566d54/index.html

สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ความหลากหลายทางชีวภาพที่ลดลง และปัญหาสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ยังคงเป็นประเด็นที่น่าวิตกสำหรับโลก แม้มนุษย์มีส่วนทำให้โลกมีพื่นที่สีเขียวมากขึ้น แต่ก็ยังต้องทำอีกมาก

จีนได้ทุ่มเทสรรพกำลังในการฟื้นฟูป่าทั่วประเทศ โดยแผนอนุรักษ์ป่าฉบับที่ 8 ระหว่างปี 2009-2013 แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น 21.63% จากที่มีเพียง 8.6% เมื่อปี 1949 หรือ 70 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นปีที่มีการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน

ส่วนผลของแผนอนุรักษ์ป่าฉบับที่ 9 ระหว่างปี 2014-2018 นั้นสำนักจัดการป่าและทุ่งหญ้าแห่งชาติยังไม่ได้รายงานออกมาก แต่ข้อมูลที่มีล่าสุดพบว่าผืนป่าของจีนเพิ่มขึ้นเป็น 21.66%

ป่ามีส่วนสำคัญในการสร้างเสถียรภาพของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ควบคุมระบบนิเวศให้สมดุล รวมทั้งปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ

ที่มาภาพ: https://
news.cgtn.com/news/3d3d674d30677a4e32457a6333566d54/index.html

ปลูกป่าคือโครงการหลัก

ความสำเร็จของการฟื้นฟูผืนป่าของจีนมาจากหลายยุทธศาสตร์ซึ่งรวมถึงการฟื้นฟูพัฒนาป่าด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับป่า ตลอดจนใช้การบังคับทางกฎหมาย กฎระเบียบเพื่อจัดการกับทรัพยากรป่า

หลังจากภัยพิบัติน้ำท่วมใหญ่ในบริเวณลุ่มแม่น้ำแยงซีและแม่น้ำซงหัว ปี 1998 จีนเริ่มโครงการอนุรักษ์ผืนป่า (Natural Forest Protection Program) เพื่อเปลี่ยนป่าที่มีการทำธุรกิจป่าไม้ไปสู่การสร้างระบบนิเวศ โดยจัดสรรงบประมาณ 300 พันล้านหยวนให้กับโครงการในรอบ 21 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก็ได้ผลลัพธ์ที่โดดเด่นชัดเจน

ป่าธรรมชาติซึ่งรวมทั้งป่าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและป่าปลูกที่ภายหลังเกิดขึ้นหรือขยายตามธรรมชาติ ป่าธรรมชาติมีสัดส่วนใหญ่ที่สุดในทรัพยากรป่า ในรายงานปีที่แล้วของสำนักงานจัดการป่าและทุ่งหญ้าแห่งชาติ ป่าธรรมชาติที่ยังมีอยู่ของจีนมีสัดส่วนถึง 64% ของพื้นที่ป่าทั่วประเทศ หรืออีกนัยหนึ่งป่าธรรมชาติคือรากฐานของทรัพยากรป่า

อีกโครงการหนึ่งที่มีชื่อเสียงของจีนคือ Grain for Green Program เริ่มขึ้นในปี 1999 นำโดยเสฉวน ส่านซี และกานซู่ เพื่อเปลี่ยนพื้นที่เกษตรกรรมเป็นผืนป่า นับตั้งแต่นั้น มีหลายพื้นที่เข้าร่วมโครงการ และโครงการ Grain for Green Program เป็น 1 ใน 6 โครงการ ที่ได้ลงทุนมากที่สุด มีพื้นที่กว้างที่สุดและมีประชาชนเข้าร่วมมากที่สุด

ผลของโครงการ Grain for Green Program ในเสฉวน ที่มาภาพ: https://news.cgtn.com/news/3d3d674d30677a4e32457a6333566d54/index.html

ส่วนอีก 4 โครงการก็มีส่วนสำคัญในการฟื้นฟูและอนุรักษ์ผืนป่า เช่น Shelter-belt Development Programs หรือ Beijing and Tianjin Sandstorm Source Control Program รวมทั้ง Wildlife Conservation and Nature Reserve Development Program และ Fast Growing and High Yielding Timber Plantation

ในปีที่แล้วจีนตัดสินใจที่จะขยายการรณรงค์เรื่องพื้นที่สีเขียวให้กว้างขึ้น โดยภายในปี 2035 พื้นที่ป่าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 26%

ในปี 2018 หน่วยงานด้านดูแลป่าของจีนได้จัดทำแผนที่เพิ่มอุตสาหกรรมป่าและเพิ่มทรัพยากรป่าให้ถึงระดับเฉลี่ยของโลกภายในปี 2050 และจีนยังมีวันปลูกป่าแห่งชาติ (National Tree Planting Day) ด้วย

จาง เจี้ยนหล่ง ผู้อำนวยการสำนักจัดการป่าและทุ่งหญ้าแห่งชาติ เปิดเผยว่า พื้นที่ป่าของจีนเพิ่มขึ้นเกือบ 10 จุดเปอร์เซ็นต์ในช่วง 4 ทศวรรษที่ผ่านมา จากการปลูกป่าผืนใหญ่ที่สุดในโลกและการเพิ่มขึ้น 80% ของพื้นที่ป่า ขณะที่พื้นที่สีเขียวในชนบทเพิ่มขึ้นเป็น 20% ขณะที่พื้นที่สีเขียวในเขตเมืองขยายเพิ่มขึ้นเป็น 37.9%

ตั้งเป้าปลูกต้นไม้ 6.7 ล้านเฮกตาร์ทุกปี

รายงานของคณะกรรมการปลูกป่าที่เผยแพร่เมื่อเดือนมีนาคม 2562 มีข้อมูลว่า มีการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ใหญ่ถึง 7.1 ล้านเฮกตาร์ และมีการฟื้นฟูทุ่งหญ้าคิดเป็นพื้นที่ 6.7 ล้านเฮกตาร์

พื้นที่สีเขียวต่อประชากรในเขตเมืองในปี 2018 เพิ่มขึ้น 0.6 ตารางเมตรจากปีก่อนเป็น 14.1 ตารางเมตร ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากที่ประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์ประจำปีชุดที่ 19 ในเดือนตุลาคม 2017 ที่ตั้งเป้าสร้างความเจริญรุ่งเรือง ความมั่นคง เป็นประชาธิปไตย มีความก้าวหน้าอย่างมีวัฒนธรรม มีความกลมเกลียวและมีความสวยงามภายในปี 2050 โดยเป้าหมายการเป็นประเทศจีนที่สวยงาม (Beautiful China) นั้นมาจากการเพิ่มพื้นที่ป่าเป็น 26% ภายในปี 2035

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ จาง เจี้ยนหล่ง กล่าวว่า จีนต้องรักษาระดับการปลูกป่าไว้ด้วยการปลูกต้นไม้เป็นพื้นที่ 6.7 ล้านเฮกตาร์ทุกปี ขณะเดียวกันต้องมีการคุ้มครองทรัพยากรป่าอย่างเข้มงวด

อย่างไรก็ตาม อัตราการรอดของต้นไม้คือประเด็นสำคัญที่มีผลต่อเป้าหมายการปลูกป่า ซึ่งสำนักงานจะหาทางแก้ไขในปีต่อไป จาง เจี้ยนหล่ง กล่าวว่า การดูแลให้ต้นไม้เติบโตและไม่ตายมีความสำคัญมากกว่าการลงมือปลูกอย่างเดียว และต้องมีวิธีการปลูกที่เหมาะสำหรับต้นไม้แต่ละพันธุ์

เล็งตั้งเขตอุทยานแห่งชาติ

สำนักจัดการป่าและทุ่งหญ้าแห่งชาติยังมีแผนที่จะส่งเสริมการฟื้นฟูระบบนิเวศของทุ่งหญ้า และผลักดันโครงการนำร่องการตั้งอุทยานแห่งชาติ

จีนมีทุ่งหญ้าจำนวนมาก โดยพื้นที่ทุ่งหญ้าธรรมชาติราว 400 ล้านเฮกตาร์คิดเป็นสัดส่วน 41.7% ของพื้นที่ดินของประเทศโดยรวม ซึ่ง จาง เจี้ยนหล่ง กล่าวว่า การคุ้มครองและการฟื้นฟูทุ่งหญ้าจะต้องเข้มงวดมากขึ้น

มาตรการหนึ่งคือ การสำรวจทุ่งหญ้าในภาพรวม ประเมินนโยบายที่ปฏิบัติอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งจัดทำแนวทางเพื่อการคุ้มครองและการฟื้นฟูทุ่งหญ้าให้เข้มงวดมากขึ้น

สำหรับการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติ สำนักจัดการป่าและทุ่งหญ้าแห่งชาติได้ร่างโครงการและมาตรฐานการคุ้มครองไว้แล้ว หลังจากที่รัฐบาลกลางอนุมัติแผนงานรวมในการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติ

นอกจากนี้ ยังมีการจัดการกับโครงการที่ผิดกฎหมายอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อคุ้มครองป่าสงวน โดยปัจจุบันมีการเพิกถอนโครงการเหมืองแร่ผิดกฎหมายออกจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูเชาฉีเหลียน ซึ่งเป็น 1 ใน 10 พื้นที่นำร่องที่จะตั้งอุทยานแห่งชาติ

ภายใต้แผนงานที่ประกาศในปี 2017 จีนมีเป้าหมายที่จะประกาศเขตอุทยานแห่งชาติขึ้นและมีพื้นที่รวม 200,000 ตารางกิโลเมตร และจะรวมศูนย์ระบบบริหารจัดการภายในปี 2020

จาง เจี้ยนหล่ง กล่าวว่า นับจากปี 2020-2035 พื้นที่ป่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 26% หรือคิดเป็นปริมาณ 21 พันล้านลูกบาศก์เมตร และในช่วงเดียวกันพื้นที่สีเขียวในชนบทจะเพิ่มจาก 30% เป็น 38% และภายในปี 2050 จะเพิ่มเป็น 43%

ภายในปี 2050 ผืนป่าของจีนจะขยายเป็น 26.5 พันล้านลูกบาศก์เมตร และ 72% ของการขยายตัวของอุตสาหกรรมป่าจะมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

ขนาดป่าเท่ากับพื้นที่ไอร์แลนด์

แผนการปลูกป่าของจีนที่ประกาศว่าจะปลูกให้ได้พื้นที่ถึง 6.6 ล้านเฮกตาร์นั้นเทียบเท่ากับพื้นที่ของไอร์แลนด์ทั้งประเทศ

จีนเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่สุดของโลกจากการใช้ถ่านหิน แต่ได้เร่งแก้ไขใน 2-3 ปีที่ผ่านมาด้วยความตระหนักถึงผลของมลพิษทางอากาศและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

จาง เจี้ยนหล่ง เรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน โดยกล่าวว่าพร้อมที่จะรับ บริษัท องค์กร และผู้ที่มีความชำนาญในการทำงานด้านสิ่งแวดล้อมหรือสีเขียว ให้เข้าร่วมโครงการใหญ่ของประเทศ เพราะความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและสังคมคือสิ่งที่มีความสำคัญอันดับแรก

ป่าแหล่งใหม่ที่จะปลูกนี้อยู่ในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของมณฑลเหอเป่ย มณฑลชิงไห่ในที่ราบสูงทิเบต และทะเลทราย Hunshandake ในมองโกเลีย

จาง เจี้ยนหล่ง กล่าวว่า ใน 5 ปีที่ผ่านมา จีนได้ใช้เงินไปกับการปลูกป่า 538 พันล้านหยวนหรือ 83 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้พื้นที่ป่าของประเทศเพิ่มเป็น 208 ล้านเฮกตาร์

นอกจากนี้รัฐบาลยังได้สั่งการให้ทหารจำนวน 60,000 คนร่วมปลูกป่าด้วย

เรียบเรียงจาก cgtn, xinhuanet, ecowatch, weforum, nasa, china, chinadaily,