ThaiPublica > เกาะกระแส > ร้องนายกฯสอบ “บิ๊กกรมศุลฯ” พัวพันขบวนการส่งออก “ไม้พะยูง – ส่วยเซียงกง”

ร้องนายกฯสอบ “บิ๊กกรมศุลฯ” พัวพันขบวนการส่งออก “ไม้พะยูง – ส่วยเซียงกง”

20 มีนาคม 2018


เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2561 นายชูชัย อุดมโภชน์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร แถลงข่าวจับกุมลักลอบส่งออกไม้ประดู่ และไม้พะยูง ณ ศูนย์เอกซเรย์และเทคโนโลยีศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง
ที่มาภาพ : www.mof.go.th/

เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2561 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ทำหนังสือถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยขอให้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของอธิบดีกรมศุลกากร และเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย), ด่านศุลกากรแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดอื่นๆ

หนังสือร้องเรียนดังกล่าวอ้างถึงการจับกุมขบวนการนำเข้าและส่งออกสินค้าผิดกฎหมายในบริเวณท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี โดยเฉพาะการลักลอบส่งออกไม้พะยูงและไม้หวงห้ามที่ปรากฏเป็นข่าวมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าสินค้าหนีภาษีเหล่านี้ใช้ท่าเรือของรัฐส่งออกสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักรได้อย่างไร ทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรใช้เครื่องเอกซเรย์แบบฟิกสแกนตรวจสอบสินค้าอยู่ตลอดเวลา

เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2561 พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าตรวจค้นโกดังเก็บสินค้าย่านบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ยึดไม้พะยูงและไม้ประดู่มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ช่วง 1 ปีที่ผ่านมาได้ทำการส่งไม้ออกจากโกดังแห่งนี้ไปแล้วกว่า 100 ลัง และจากการตรวจสอบเอกสารการส่งออกพบว่าช่วงเดือนธันวาคม 2560 ได้มีการส่งออกไม้ไปยังประเทศจีน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 35 ล้านบาท

โดย พล.ต.อ. ศรีวราห์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ไม่ทราบไม้เหล่านี้ผ่านการสแกนของศุลกากรไปได้อย่างไร แต่จะมีข้าราชการรู้เห็นหรือไม่จะต้องตรวจสอบอีกครั้ง”

หนังสือร้องเรียนระบุว่า จากการตรวจสอบภาพเอกซเรย์ทางกายภาพ พบว่าไม่ตรงตามที่สำแดงในใบขนสินค้าผ่านแดน โดยภาพเอกซเรย์จากท่าต้นทางที่ด่านศุลกากรหนองคายมีลักษณะเป็นถ่านไม้ แต่ภาพเอกซเรย์ปลายทางที่ท่าเรือแหลมฉบังกลับมีลักษณะคล้ายไม้ท่อนและไม้แปรรูป ชี้ให้เห็นว่ามีการลักลอบส่งออกสินค้าต้องห้ามผ่านด่านศุลกากรไปแล้วเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจจะมีเจ้าหน้าที่ศุลกากรบางรายเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง

ที่มาภาพ : http://racingweb.org/forum/threads/824177

นอกจากนี้ ทางสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยังได้รับจดหมายร้องเรียนจากผู้นำเข้าอะไหล่และเครื่องยนต์เก่า (เซียงกง) รายเล็ก ว่าขบวนการคอร์รัปชันของกรมศุลกากรเกิดขึ้นมานาน แต่ไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะกรณีการนำเข้าเครื่องยนต์และอะไหล่เก่าจากต่างประเทศส่วนใหญ่ไม่มีใบกำกับภาษี หรือที่เรียกว่า “การนำเข้าแบบ no number” ดังนั้น ในการจัดเก็บภาษีนำเข้าจึงต้องใช้วิธี “เหมาจ่าย” ซึ่งมีการสำแดงรายการไม่ตรงตามจำนวนและรุ่นของเครื่องยนต์ที่นำเข้า โดยผู้ประกอบการเซียงกงรายใหญ่ๆ จะเรียกเก็บส่วยจากผู้ประกอบการเซียงกงรายเล็ก เพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรบางราย แต่ผู้ร้องเรียนไม่เห็นด้วย ไม่จ่าย จึงเป็นเหตุให้มีการแจ้งเจ้าหน้าที่กองปราบฯ (กรมศุลกากร) เข้าตรวจค้นและพบว่าเครื่องยนต์เก่าที่ผู้ร้องเรียนนำเข้ามาเป็นสินค้าไม่มีใบกำกับภาษี ถือเป็นการเลี่ยงภาษี ซึ่งผู้ร้องเรียนไม่เคยทราบมาก่อน เนื่องจากที่ผ่านมากรมศุลกากรเก็บภาษีนำเข้าเครื่องยนต์เก่าแบบ no number ถือปฏิบัติกันมาตั้งแต่ก่อนที่ผู้ร้องเรียนจะเข้ามาทำธุรกิจนี้

หลังจากผู้ร้องเรียนไม่ยอมจ่ายส่วย จึงไม่มีผู้ประกอบการเซียงกงรายใดค้าขายด้วย ต้องนำเข้าเครื่องยนต์ และอะไหล่เก่ามาจากต่างประเทศเอง โดยไม่มีการสำแดงเท็จ ผลปรากฏว่าผู้ร้องเรียนต้องจ่ายภาษีแพงกว่าผู้ประกอบการเซียงกงรายใหญ่เฉลี่ย 200,000-300,000 บาทต่อ 1 ตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้ผู้ร้องเรียนไม่สามารถประกอบธุรกิจเซียงกงต่อไปได้ เพราะมีต้นทุนที่สูงกว่าผู้ประกอบการที่สำแดงเท็จ

ทั้งกรณีการจับกุมขบวนการลักลอบส่งออกไม้พะยูง และจดหมายร้องเรียนของผู้ประกอบการเซียงกงรายเล็ก ทางสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 63 ประกอบมาตรา 78 พร้อมพยานหลักฐานส่งถึงนายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เพื่อขอให้สั่งการกระทรวงการคลังแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของอธิบดีกรมศุลการกรไปจนถึงพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งที่ด่านท่าเรือกรุงเทพ-แหลมฉบัง-หนองคาย และต่างจังหวัดต่างๆ รวมทั้งผู้ประกอบการเซียงกงรายใหญ่ ว่ามีการหลบเลี่ยงหรือเสียภาษีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะนำไปสู่การปฏิรูประบบการจัดเก็บภาษีของกรมศุลกากรอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป