ภายหลังจากที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำสั่งให้รับคำฟ้องคดีหมายเลขดำที่ อท. 352/2560 ไว้เพื่อพิจารณา ในคดีที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการ ด้านกลไกการปราบปรามการทุจริต คณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายประสงค์ พูนธเนศ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กับพวก รวม 18 คน เป็นจำเลย ในข้อกล่าวหา ละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง และความซื่อสัตย์สุจริต จนเป็นเหตุให้บริษัทได้รับความเสียหาย หรือทำให้ตนเองหรือผู้อื่น ได้รับประโยชน์จากการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว
ก่อนศาลอาญาคดีทุจริตฯ นัดคู่ความมาฟังคำสั่งคดีเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 มีประเด็นที่ต้องพิจารณา คือ คดีนี้อยู่ในขอบเขตอำนาจการพิจารณาของศาลอาญาคดีทุจริตฯ หรือไม่ หลังตรวจคำฟ้องของนายชาญชัยแล้ว ศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีความเห็นว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 ศาลอาญาคดีทุจริตจึงรับคำฟ้องของนายชาญชัยไว้พิจารณา แต่ยังไม่ถือเป็นการประทับรับฟ้อง โดยศาลอาญาทุจริตฯนัดรวบรวมพยานเอกสาร หลักฐาน บัญชีพยานบุคคล วันที่ 16 มกราคม 2561 เวลา 9.00 น. และตรวจสอบพยานหลักฐานวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 9.00 น.
ปรากฏว่ามีสำนักข่าวต่างประเทศหลายราย โดยเฉพาะในอังกฤษ เช่น The Guardian, The Mirror, BBC News ต่างพากันรายงานข่าวนี้กันอย่างกว้างขวาง เนื่องจาก นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ซึ่งนอกจากเป็นเจ้าของธุรกิจกลุ่มคิง เพาเวอร์ ยังเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลชื่อดัง คือ เลสเตอร์ซิตี้ (Leicester City) ในอังกฤษอีกด้วย
ล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งรายงานว่า นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และรองประธานสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
The Guardianได้รายงานข่าวนี้ไว้ในเว็บไซต์เช่นกัน ในหัวข้อข่าวว่า เจ้าของสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ เจอข้อกล่าวหาทุจริต 327 ล้านปอนด์
รายงานข่าวระบุว่า คิง เพาเวอร์ ซึ่งเป็นเจ้าของสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015-2016 กำลังเจอข้อกล่าวหาทุจริตในมูลค่าที่สูงถึงหลายล้านปอนด์ในประเทศไทย โดยศาลอาญาคดีทุจริตฯ ได้มีคำสั่งให้รับคำฟ้องที่ได้ยื่นฟ้องไว้ในเดือนกรกฎาคมไว้พิจารณาข้อกล่าวหาต่อกลุ่มบริษัท คิง พาวเวอร์ ที่มี นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ และนายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา เป็นผู้บริหารว่า คิง เพาเวอร์ ยังไม่จ่ายเงินค่าผลประโยชน์ตอบแทนมูลค่า 14,000 ล้านบาทหรือ 327 ล้านปอนด์ จากการบริหารร้านค้าภายในสนามบินสุวรรณภูมิให้กับรัฐนับตั้งแต่ได้ทำสัญญาไปในปี 2006
คำฟ้องนี้ยื่นโดยนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการด้านกลไกการปราบปรามการทุจริต โดยมีข้อกล่าวหาว่า คิง เพาเวอร์ และผู้บริหารได้ร่วมกับพนักงาน บมจ.ท่าอากาศยานไทย กระทำการเอื้อให้ คิง เพาเวอร์ จ่ายผลประโยชน์ให้รัฐเพียง 3% ของรายได้ ขณะที่สัญญาระหว่างบริษัทกับคิง เพาเวอร์ เพื่อการบริหารร้านค้าในสนามบินนั้นกำหนดไว้ที่ 15% ก่อนหน้านี้ คิง เพาเวอร์ ได้กล่าวไว้ว่า หากคดีนี้เข้าสู่กระบวนการพิจารณา บริษัทฯ จะต่อสู้ให้ถึงที่สุด
รายงานข่าวกล่าวว่า คำสั่งรับคำฟ้องของศาลมีผลเกี่ยวข้องกับจำเลยที่ประกอบด้วยพนักงานบริษัทเอโอที 14 คน บริษัทในกลุ่มคิง เพาเวอร์ 3 บริษัท และผู้บริหารบริษัท 1 ราย คือ นายสมบัตร เดชาพานิชกุล แต่ไม่มีชื่อนายวิชัยและนายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา เป็นจำเลย ทั้งนี้ในคำสั่งของศาลระบุว่า จากการตรวจสอบคำฟ้อง ศาลเห็นว่าคดีนี้เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง และเป็นไปตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ สำหรับกระบวนการทางศาลในขั้นตอนหลังจากนี้คือ การนำเสนอหลักฐานเพิ่มเติมพร้อมรายชื่อพยาน ซึ่งในคำฟ้องของนายชาญชัย มีชื่อนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นพยานปากที่ 2
The Guardianได้รายงานว่า คิง เพาเวอร์ โดยนายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และรองประธานสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ได้ออกแถลงการณ์ หลังจากที่ศาลมีคำสั่งรับคำฟ้อง โดยกล่าวว่า ข้อกล่าวหาในเรื่องนี้ยังไม่ได้มีการประทับรับฟ้องจากศาล และขอปฏิเสธเรื่องดังกล่าว
“คิง เพาเวอร์ ได้ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามมาตรฐานสูงสุดและยึดหลักจริยธรรมทางธุรกิจเป็นหลักในการปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง”
“เรามีความภาคภูมิใจในชื่อเสียงที่ดีของบริษัท ทั้งในด้านความซื่อสัตย์ซื่อตรง และจะต่อสู้ให้ถึงที่สุดกรณีที่มีความพยายามที่จะทำลายชื่อเสียงอันดีงามของบริษัท”
ข่าวของ The Guardian ยังรายงานว่า ขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าคดีนี้จะมีผลกระทบต่อสโมสรเลสเตอร์ซิตี้อย่างไร หากมีการเข้าสู่กระบวนการและผลเป็นที่สิ้นสุดแล้ว ทั้งนี้กติกาของพรีเมียร์ลีกมีข้อกำหนดไม่ให้บุคคลต้องห้ามถือหุ้นในสโมสรใดเกิน 30% หรือห้ามเป็นกรรมการของสโมสรหากเป็นบุคคลที่เคยต้องคดีอาญาในทางทุจริต แต่ยังไม่มีบรรทัดฐานสำหรับบริษัทที่ถือหุ้นในสโมสร ส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับรายบุคคล
ส่วนBBC รายงานสั้นๆ ว่า หลังจากที่ศาลมีคำสั่งรับคำฟ้อง บีบีซีได้ติดต่อทั้งสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ คิง เพาเวอร์ และบริษัทเอโอที เพื่อขอความเห็น
รายงานของบีบีซีระบุว่า กรณีนี้ต้องย้อนกลับไปที่การทำสัญญา ซึ่งมีขึ้นตั้งแต่การก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ และด้วยความยุ่งยากของสัญญาและสัมปทาน คดีนี้น่าจะใช้เวลานานมากเช่นเดียวกับคดีอื่นในไทย และในรอบหลายปีที่ผ่านมามีหลายคดีที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐีไทย ซึ่งก็ไม่มีใครได้รับโทษจำคุกแม้แต่รายเดียว
บีบีซีให้ข้อมูล คิง เพาเวอร์ ว่า เป็นธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีที่ก่อตั้งโดย วิชัย ศรีวัฒนประภา ในปี 1989 และได้รับสัมปทานให้เป็นผู้ประกอบการร้านค้าปลอดภาษีรายเดียวในปี 2006 ทั้งนี้ วิชัยมีความมั่งคั่งส่วนบุคคลสูงถึง 4.9 พันล้านดอลลาร์
รายงานข่าวจากเว็บไซต์ Sky Sports ระบุว่า นายวิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่า ศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีหลักฐานมากพอที่พิจารณาคดีในข้อกล่าวหาที่ว่า บริษัทคิง เพาเวอร์ฯ ไม่จ่ายค่าตอนแทนให้รัฐในจำนวน 322 ล้านปอนด์
รายงานข่าวระบุว่า ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ได้มีคำสั่งรับคำฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณา โดยนัดตรวจสอบพยานหลักฐานวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกแถลงการณ์ปฏิเสธ โดยนายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และรองประธานสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ กล่าวว่า ข้อกล่าวหาในเรื่องนี้ยังไม่ได้มีการประทับรับฟ้องจากศาลและขอปฏิเสธเรื่องดังกล่าว
ในรายงานข่าวของ Sky Sports ระบุว่า ประเด็นการไม่จ่ายเงินค่าตอบแทนให้รัฐมีต้นเหตุจากการผูกขาดร้านค้าปลอดภาษีในสนามบินที่คิง เพาเวอร์ ได้สัญญามาตั้งแต่ปี 2006
“ณ จุดนี้ คดีนี้เป็นคดีแพ่งที่พิจารณาโดยศาลอาญา แต่ข้อกล่าวหาอาจจะเป็นคดีอาญาก็ได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล” รายงานข่าวของ Sky Sports ระบุ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมซีรี่ย์เจาะธุรกิจดิวตี้ฟรีไทย