ThaiPublica > เกาะกระแส > “ประวิตร”เผยคุมเข้มงานพระราชพิธีฯ-มติครม.ปรับเกณฑ์รับขรก.แทนตำแหน่งเกษียณ-เน้นจ้างรูปแบบอื่น เริ่ม 1 ต.ค. ปีหน้า

“ประวิตร”เผยคุมเข้มงานพระราชพิธีฯ-มติครม.ปรับเกณฑ์รับขรก.แทนตำแหน่งเกษียณ-เน้นจ้างรูปแบบอื่น เริ่ม 1 ต.ค. ปีหน้า

3 ตุลาคม 2017


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในการประชุมคณะรัฐมนตร๊
ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2560 ที่ทำเนียบรัฐบาลมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน เนื่องจาก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ติดภารกิจในการเยือนสหรัฐอเมริกา

คุมเข้มงานพระราชพิธีฯ ปชช. พบเหตุแจ้ง 1441

พล.อ. ประวิตร ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ครม. ถึงการเตรียมการรักษาความปลอดภัยแก่ประชาชนในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชว่า รัฐบาลได้เปิดกองอำนวยการร่วมของกระทรวงกลาโหมเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา พร้อมจัดคนเข้าไปดูแลทั้งหมด ทั้งการเดินทาง ดูแลคน รวมถึงการซ้อมในพระราชพิธี เพื่อป้องกันการป่วนหรือการกระทำผิดกฎหมาย และดูแลสถานที่เพื่อให้มีความพร้อม ซึ่งพระราชพิธีนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อคนไทยและคนทั่วโลก ดังนั้นประชาชนต้องร่วมมือกันสร้างความปลอดภัย โดยผู้ที่จะเข้ามาในบริเวณพื้นที่ท้องสนามหลวงจะต้องมีบัตร ส่วนผู้ที่ไม่มีบัตรจะมีสถานที่เตรียมไว้ให้

ทั้งนี้ รัฐบาลยังได้เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ไว้รองรับ โดยมีทั้งจากกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จิตอาสา พร้อมดูแลพระเมรุมาศจำรองทั่วประเทศ 76 แห่ง การเตรียมความพร้อมเราได้ประชุมสั่งการไปหมดแล้ว และมีการดูแลอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดศูนย์อำนวยการไปจนถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2560 ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยประชาชนสามารถแจ้งเหตุได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 1441

ปัดคสช.ยื้อเลือกตั้ง – ย้ำเดินตามโรดแมป

พล.อ. ประวิตร กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ. ประยุทธ์ ยืนยันกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ว่าจะมีการประกาศวันเลือกตั้งในปี 2561 ว่า เรื่องของการเลือกตั้งตอบมาหลายครั้งแล้ว ในส่วนของวันเลือกตั้ง ต้องรอกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายลูกเสร็จ ซึ่งวันนี้ยังไม่มีใครรู้

“เอาเป็นว่าเมื่อกฎหมายลูกเสร็จ ก็นับต่อไปอีก 150 วัน จากนั้นก็จะเป็นวันเลือกตั้ง กรณีที่มีบางคนออกมาพูดว่า รัฐบาลอาจบิดพลิ้วนั้น จะบิดพลิ้วได้อย่างไร เพราะโรดแมปกำหนดไว้อย่างชัดเจน” พล.อ. ประวิตร กล่าว

เมื่อถามว่า การที่ พล.อ. ประยุทธ์ ยืนยันกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ถือเป็นการประกาศชัดเจนใช่หรือไม่ พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนไม่ได้เป็นคนคุยกับนายทรัมป์

ต่อคำถามที่บางฝ่ายมองว่า สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ส่วนใหญ่เป็นทหาร และถูกแต่งตั้งโดย สนช. อาจมีการล็อบบี้ เพื่อยื้อเวลาออกไป พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า เดี๋ยวก็ฟังดูแล้วกัน เอาเป็นว่ากฎหมายลูก 4 ฉบับประกาศใช้เมื่อไหร่ ก็จะมีการเลือกตั้ง

“ไม่ใช่ว่า คสช. จะอยากอยู่หรือไป มันไม่เกี่ยว อย่ามาพูดอย่างนี้ วันนี้ไม่มีความในใจอะไรที่ต้องพูด ทุกอย่างยืนยันทำตามโรดแมป รวมทั้งการจะพิจารณาเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ ต้องให้กฎหมายลูกแล้วเสร็จ ถึงวันนี้ไม่มีข้อห่วงใยอะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างเรียบร้อยดี” พล.อ. ประวิตร กล่าว

ชี้ซื้ออาวุธสหรัฐฯ เป็นไปตามแผนงานกองทัพ

พล.อ. ประวิตร กล่าวถึงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯ ว่า เป็นการวางแผนงานของกองทัพตั้งแต่ก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามา ซึ่งแผนการซื้ออาวุธนั้นเป็นไปตามแผนงานและงบประมาณที่ได้รับ

“หลังจากรัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศ ทางสหรัฐฯ เขาไม่ซื้อขายกับเรา ทำให้ประเทศไทยต้องไปซื้ออาวุธที่อื่น แต่ตอนนี้สามารถกลับมาซื้อได้แล้ว ทางการสหรัฐฯ ก็เอาของเดิมออกมาให้ซื้อขาย เช่น เฮลิคอร์ปเตอร์โจมตี แต่พอเราซื้อมาก็เหลือชั่วโมงบินน้อยมากแล้ว ซึ่งต้องพิจารณากันอีกครั้ง” พล.อ. ประวิตร กล่าว

เมื่อถามว่า จะพิจารณาซื้อในช่วงใด พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่รู้ ทางกองทัพบกจะกำหนดตามงบที่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องของหน่วยเท่านั้นที่จะต้องดำเนินการ รัฐบาลไม่ได้เกี่ยวข้อง รัฐบาลให้แต่งบประมาณที่หน่วยขอมา อันไหนให้ได้ก็ให้ อันไหนให้ไม่ได้ก็ไม่ให้

สำหรับเหตุการณ์กราดยิงในสหรัฐฯ พล.อ. ประวิต กล่าวถึงการรับมือของไทยว่า เราต้องเฝ้าระวังอยู่แล้ว ในพื้นที่ซึ่งมีคนจำนวนมากเข้าไปต้องดูแลทั้งหมด แต่ในทางการข่าวยังไม่มีอะไร มีเพียงการป่วนเพียงเล็กน้อย ประเทศไทยไม่มีก่อการร้าย มีแต่พวกที่คิดไม่ดีแล้วต่อต้าน โดยเราระวังทั้งหมด และต้องอาศัยประชาชนให้ช่วยกันดู เพราะเราไม่มีกำลังทหารและตำรวจเข้ามาสอดแทรกได้

มติ ครม. มีดังนี้

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ พ.อ. อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th

ปรับเกณฑ์รับ ขรก. แทนคนเกษียณ เน้นจ้างงานรูปแบบอื่น เริ่ม 1 ต.ค. ปีหน้า

พ.อ. อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบ แนวทางการทดแทนอัตราว่างจากผลเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เสนอ โดยแนวทางดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการบริหารและพัฒนากำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2557-2561) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการต่อไป

โดยแนวทางดังกล่าวจะมีผลต่อบุคลากรใน 2 กลุ่ม ได้แก่

1) สายงานหลัก ตำแหน่งประเภทวิชาการ ให้พิจารณาทดแทนอัตราว่างจากผลการ เกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่น โดยคำนึงถึงความจำเป็นตามภารกิจของส่วนราชการ ที่ต้องดึงดูดผู้มีความรู้ความสามารถและการแข่งขันกับภาคเอกชนและภาคส่วนอื่น ความเร่งด่วนในการใช้ผู้มีศักยภาพในการปฏิบัติงาน เป็นต้น สำหรับตำแหน่งประเภททั่วไป ให้ทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่นอย่างน้อยร้อยละ 10 ของอัตราว่างในปีนั้น

2) สายงานสนับสนุน ตำแหน่งประเภทวิชาการ เช่น ตำแหน่งในสายงานนักทรัพยากรบุคคล นักวิเคราะห์นโยบายและแผน นักวิชาการเงินและบัญชี นักวิชาการพัสดุ และนักวิชาการคอมพิวเตอร์ เป็นต้น หรือตำแหน่งประเภทวิชาการที่สนับสนุนการปฏิบัติภารกิจหลักของส่วนราชการ ให้ทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่นอย่างน้อยร้อยละ 10 ของอัตราว่างในปีนั้น สำหรับตำแหน่งประเภททั่วไป ทั้งด้านบริหาร เช่น สายงานเจ้าพนักงานธุรการ เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี และเจ้าพนักงานพัสดุ และส่วนที่สนับสนุนการปฏิบัติงานของสายงานหลัก เช่น นายช่างเครื่องกล นายช่างรังวัด และนายช่างเทคนิค เป็นต้น ให้ทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่นทั้งหมด

“ในการจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการคืนให้กับส่วนราชการ ยังคงดำเนินการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการ กำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) กำหนดไว้ ซึ่งในช่วงเปลี่ยนผ่าน เพื่อให้ส่วนราชการมีระยะเวลาเตรียมตัวและสามารถวางแผนการทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่นล่วงหน้า จึงเห็นควรให้การดำเนินการตามแนวทางนี้มีผลบังคับใช้สำหรับทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการวันที่ 1 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป” พ.อ. อธิสิทธิ์ กล่าว

ไฟเขียวร่าง พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอ ซึ่งเป็นการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ. ฉบับเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2535 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ปัญหาสิ่งแวดล้อมทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น และให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล

โดยร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว มีสาระสำคัญ เช่น

  • ขยายขอบเขตการบังคับของ พ.ร.บ. นี้ไปถึงเขตเศรษฐกิจจำเพาะ 200 ไมล์ทะเลจากฝั่ง เขตไหล่ทวีป และทะเลหลวง ซึ่งหมายถึงพื้นที่ทุกส่วนที่รัฐไทยมีอำนาจไปถึง ถ้าไม่มีการขัดแย้งต่อกฎหมายระหว่างประเทศ หรือข้อตกลงระหว่างประเทศที่ได้ทำไว้
  • เพิ่มเติมการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชน โดยให้กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมรับขึ้นทะเบียนสมาชิก องค์กร หรือบุคคล เพื่อสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนและประชาชนในการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
  • ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติกำหนดมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้แก่ น้ำ อากาศ เสียง และความสั่นสะเทือน ดิน ตะกอนดิน และสิ่งแวดล้อมในเรื่องอื่นๆ เพื่อเป็นเกณฑ์ทั่วไปสำหรับคุณภาพสิ่งแวดล้อม
  • ได้ปรับปรุงให้กองทุนสิ่งแวดล้อมจากที่เดิมอยู่ในสังกัดกระทรวงการคลัง ไปเป็นกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะมีการปรับปรุงวัตถุประสงค์ของกองทุนให้กว้างขึ้น ปรับปรุงแหล่งที่มาและการใช้จ่ายเงินของกองทุนในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมให้มีประสิทธิภาพและคล่องตัวยิ่งขึ้น
  • ต้องมีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียให้สอดคล้องกับ มาตรา 58 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
  • เพิ่มเติมให้เจ้าของโครงการหรือกิจการต้องชำระค่าธรรมเนียมการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยให้นำส่งเข้ากองทุนกำหนดให้มีการควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิด
  • กำหนดค่าธรรมเนียมในการปล่อยมลพิษและการกำหนดอัตราค่าบริการบำบัดหรือจำกัดน้ำเสีย ของเสีย หรือมลพิษอื่น การวางหลักประกันความเสี่ยงหรือความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม
  • มีการปรับปรุงบทกำหนดโทษ โดยกำหนดให้เจ้าของแหล่งกำเนิดมลพิษที่ก่อให้เกิดการรั่วไหลหรือแพร่กระจายมลพิษ ต้องรับผิดชอบใน 2 ประการ คือ 1) ใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือค่าเสียหายในอัตราไม่เกินสองเท่าของค่าเสียหายแท้จริง 2) ค่าใช้จ่ายที่หน่วยงานรัฐต้องใช้ในการขจัดมลพิษและฟื้นฟูคุณภาพสิ่งแวดล้อม รวมถึงให้คณะกรรมการควบคุมมลพิษมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานอัยการโดยความเห็นชอบของอัยการสูงสุด ให้มีหน้าที่ดำเนินคดีแพ่งและคดีอาญาในศาลแก่เจ้าของแหล่งกำเนิดมลพิษที่ก่อให้เกิดหรือเป็นแหล่งกำเนิดของการรั่วไหลหรือแพร่กระจายของมลพิษได้

บริจาคกองทุนยุติธรรม หักภาษี 2 เท่า

นายณัฐพรกล่าวว่า ครม. เห็นชอบคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการบริจาคให้แก่กองทุนยุติธรรม) แบ่งเป็น 1) กำหนดให้บุคคลธรรมดาที่บริจาคเงินให้แก่กองทุนยุติธรรมสามารถนำมาหักเป็นค่าลดหย่อนได้สองเท่าของจำนวนเงินที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาสำหรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการได้ความเห็นชอบแล้วต้องไม่เกินร้อยละสิบของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนอื่นๆ แล้ว

2) กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่กองทุนยุติธรรมสามารถนำมาหักเป็นรายจ่ายได้สองเท่าของรายจ่ายที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาสำหรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบ และรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสร้างและการบำรุงรักษาสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ หรือสนามกีฬาของเอกชนที่เปิดให้ประชาชนใช้เป็นการทั่วไปโดยไม่เก็บค่าบริการใดๆ หรือสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ หรือสนามกีฬาของทางราชการแล้วต้องไม่เกินร้อยละสิบของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา ตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร

รายงานความคืบหน้ามาตรการสนับสนุนรถไฟฟ้า

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลระบุว่า ครม. รับทราบการดำเนินการตามมาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย โดยมีมาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย

มาตรการที่ดำเนินงานแล้วเสร็จ

มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อสร้างอุปทาน ได้แก่ 1) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2560 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้มีมติเห็นชอบให้ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ขยายกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ปีละประมาณ 70,000 ชิ้น และชิ้นส่วนยานพาหนะ ปีละประมาณ 9,100,000 ชิ้น เงินลงทุนรวม 19,016 ล้านบาท ณ นิคมอุตสาหกรรมเวย์ซิตี้ จังหวัดฉะเชิงเทรา

2) กระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 138) ลงวันที่ 14 มิถุนายน 2560 โดยลดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดและรถยนต์ไฮบริดปลั๊กอินจากอัตราปกติลงกึ่งหนึ่ง และรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่จากอัตราปกติเหลือ 6%

มาตรการสนับสนุนที่อยู่ในระหว่างดำเนินงาน

มาตรการส่งเสริมการลงทุนที่สร้างอุปทาน ได้แก่ 1) กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างยกร่างประกาศ เพื่อยกเว้นอากรให้สำหรับรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและร่างประเทศกรมศุลกากรเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และพิธีการศุลกากร

2) กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงอุตสาหกรรมได้ประชุมหารือกันเพื่อพิจารณาแนวทางแก้ไขข้อผูกพันภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) เนื่องจากเห็นว่ามีความจำเป็นในการพิจารณาขอแก้ไขข้อผูกพันภายใต้ ACFTA สำหรับอัตราภาษีนำเข้าภายใต้พิกัด 8703.80 ยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมและเตรียมการสำรับการเจรจาต่อไป

3) บีโอไอ ได้จัดประชุมชี้แจงมาตรการส่งเสริมการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า ชิ้นส่วน และอุปกรณ์ ให้แก่ผู้ประกอบการไทยและต่างชาติ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2560 และได้มีการประชาสัมพันธ์มาตราการผ่านทางเว็บไซต์และสื่อต่างๆ ซึ่งหากผู้ประกอบการสนใจจะลงทุนภายใต้โครงการพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี จะต้องยื่นคำขอภายใน 31 ธันวาคม 2561

มาตรการกระตุ้นตลาดในประเทศ ได้แก่ 1) สำนักงบประมาณอยู่ระหว่างสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับการจำหน่ายรถยนต์นั่งไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ที่จำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งมีแผนจะนำเข้ามาจำหน่าย 3 ยี่ห้อ คือ Nissan Leaf, Tesla และ FOMM

2) กระทรวงคมนาคม อยู่ระหว่างรอให้สัญญาเช่ารถยนต์ (ลีมูซีน) ฉบับเก่าหมดลงในเดือนมีนาคม 2561 โดยบริษัท การท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เตรียมจะเพิ่มปริมาณรถไฟฟ้าไฮบริดปลั๊กอินและแบบแบตเตอรี่ในสัดส่วนที่มากขึ้นในสัญญาเช่ารถยนต์ฉบับใหม่

3) กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้กำหนดพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดเป็นพื้นที่เป้าหมายเริ่มต้น รวมทั้งการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจะมีการพิจารณานำรถยนต์แบบแบตเตอรี่มาใช้ในภารกิจเพิ่ม รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในนิคมนำมาใช้งานมากขึ้น

4) กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างของบประมาณจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปี 2561 เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการนำรถแท็กซี่มาปรับเปลี่ยนเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เพื่อต่อยอดความรู้ในลักษณะเดียวกันกับรถตุ๊กตุ๊ก

5) กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการในส่วนของอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ พระนครศรีอยุธยา และกำแพงเพชร โดยได้นำรถยนต์ไฟฟ้ามาให้บริการนักท่องเที่ยวและเพื่อเป็นการรองรับนักท่องเที่ยวมีเพิ่มขึ้น กรมศิลปากรจึงมีแผนจะจัดหารถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพิ่มเติมในปีงบประมาณ 2561

มาตรการการเตรียมความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ 1) กระทรวงพลังงาน คมนาคม การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อยู่ระหว่างรอบรวมข้อมูลสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่มีการติดตั้งไปแล้วและเตรียมที่จะติดตั้งในอนาคต เพื่อพิจารณาถึงความครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายและถนนหลักที่เชื่อมต่อพื้นที่เป้าหมาย เพื่อพิจารณาของงบประมาณจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปี 2561 ต่อไป

2) กระทรวงอุตสาหกรรม ได้จัดทำแผนหลักและออกแบบการใช้พื้นที่ในภาพรวมของโครงการศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการปรับพื้นที่ 375 ไร่ ส่วนการก่อสร้างสนามทดสอบยางล้อ R117 และก่อสร้างอาคารสำนักงาน อยู่ระหว่างดำเนินการตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560

มาตรการการจัดทำมาตรฐานรถยนต์ไฟฟ้า ได้แก่ 1) กระทรวงอุตสาหกรรมได้จัดทำมาตรฐานระบบการประจุไฟฟ้าของรถไฟฟ้าเสร็จแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพื่อประกาศใช้ต่อไป รวมทั้งอยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับมาตรฐานความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) มาตรฐานแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และมาตรฐานมิเตอร์กระแสตรงเพื่อใช้ในการจำหน่ายไฟฟ้า

มาตรการบริหารจัดการแบตเตอรี่ใช้แล้ว ได้แก่ 1) ปัจจุบันการจัดการซากแบตเตอรี่ประเภทนิกเกิล เมทัลไฮไดรด์ และลิเธียมไอออน ของรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดมีปริมาณไม่มากนัก ผู้ประกอบการจึงต้องขออนุญาตส่งไปรีไซเคิลที่ต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม หากในอนาคตมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดมากขึ้น ผู้ประกอบการอาจสนใจลงทุนตั้งโรงงานรีไซเคิลในประเทศ ซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรมจะเป็นผู้อำนวยความสะดวกและกำกับดูแลการตั้งโรงงานดังกล่าว

2) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ ได้ยกร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. …. ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐมนตรี และเมื่อพระราชบัญญัติดังกล่าวมีผลใช้บังคับจะมีการพิจารณาผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าอีกครั้ง

มาตรการอื่นๆ ได้แก่ 1) กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินโครงการเพิ่มผลิตภาพและพัฒนาบุคลากรจำนวน 140 คนใน 4 สาขา ประกอบด้วย งานปรับแต่งระบบไฮดรอลิก งานออกแบบและประกอบวงจรนิวเมติก งานประกอบอุปกรณ์ไฟฟ้า และงานซ่อมบำรุงเครื่องจักร

เห็นชอบร่างอนุสัญญาความร่วมมือคดีอาญาระหว่างประเทศ

พ.อ. อธิสิทธิ์ กล่าวว่า ครม. เห็นชอบร่างอนุสัญญา BIMSTEC ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญา (BIMSTEC Convention on Mutual Legal Assistance in Criminal Matters) โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้แทนรัฐบาลไทยลงนามในร่างอนุสัญญาฉบับนี้ ซึ่งอนุสัญญาดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่าง 7 ประเทศในรอบอ่าวเบงกอล ได้แก่ บังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย เมียนมา เนปาล ศรีลังกา และไทย ภายใต้ 14 สาขา เช่น การค้าการลงทุน การคมนาคมและการสื่อสาร การท่องเที่ยวและการลดความยากจน ซึ่งจะมีการการลงนามให้สัตยาบันต่อร่างอนุสัญญาดังกล่าวระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำภายใต้กรอบ BIMSTEC ในเดือนธันวาคม 2560

“สำหรับขอบเขตการบังคับใช้ร่างอนุสัญญาดังกล่าว เกี่ยวกับการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เช่น การสืบหาและระบุตัวบุคคลและวัตถุ การส่งเอกสาร รวมถึงเอกสารที่เรียกบุคคลให้ไปปรากฏตัว การให้ยืมของกลาง รวบรวมพยานหลักฐาน แต่ไม่บังคับใช้กับการจับกุมหรือคุมขังบุคคลใดๆ เพื่อส่งบุคคลนั้นเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ไม่รวมถึงการโอนตัวบุคคลซึ่งอยู่ในการควบคุมตามกฏหมายเพื่อไปรับโทษหรือความผิดภายใต้กฎหมายทหารซึ่งไม่ได้เป็นความผิดภายใต้กฎหมายอาญาทั่วไป” พ.อ. อธิสิทธิ์ กล่าว

แก้ไขมติ ครม. หนุน SMEs ซื้อป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน

นายณัฐพรกล่าวว่า ครม. ได้แก้ไขมติเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2560 มาตรการเพิ่มขีดความสามารถและส่งเสริมความรู้ให้กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนจากเดิมที่ระบุให้เอสเอ็มอีสามารถซื้อตราสารออปชันแบบธรรมดาได้เท่านั้น อาจจะทำให้เข้าใจผิดว่าซื้อได้เฉพาะสัญญาซื้อเงินตราต่างประเทศ จึงแก้ไขให้ไม่มีความกำกวม โดยเอสเอ็มอีตามมาตรการดังกล่าวสามารถซื้อตราสารออปชันทั้งสัญญาซื้อและขายเงินตราต่างประเทศเทศเพื่อใช้ป้องกันความเสี่ยงได้

ทั้งนี้ ครม. เคยอนุมัติมาตรการเพิ่มขีดความสามารถและส่งเสริมความรู้ให้กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยจะเริ่มต้นจากการจัดโครงการสัญจรลงพื้นที่ต่างๆ โดยสมาคมธนาคารไทย เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ตราสารการเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยง ขณะเดียวกัน เอสเอ็มอีที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวรัฐบาลจะให้วงเงินรายละ 30,000 บาทสำหรับซื้อตราสารทางการเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงอย่างออปชันกับธนาคารพาณิชย์ในราคาตลาด (โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายดำเนินการ) จำนวน 17,000 ราย รวมวงเงินทั้งสิ้น 500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะช่วยป้องกันความเสี่ยงได้รายละ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3 ล้านบาท

ยันแก้ประมง IUU ไม่ใช่เพราะต่างชาติกดดัน

พ.อ. อธิสิทธิ์ กล่าวว่า พล.อ. ประวิตร ได้สั่งการในที่ประชุม ครม. ให้ทุกกระทรวงสร้างการรับรู้ต่อทุกภาคส่วนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า เรื่องการทำประมงผิดกฎหมายและปัญหาการค้ามนุษย์ถือเป็นวาระแห่งชาติ ไม่ได้ทำเพราะต่างประเทศกดดัน แต่เรื่องนี้เป็นปัญหามานานแล้ว ซึ่งกระทบต่อสิทธิมนุษยชน กฎหมาย และกระทบกับการส่งออก

“ประเทศไทยจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ส่วนที่หน่วยงานจากต่างประเทศจะเข้ามาตรวจสอบความคืบหน้าการแก้ปัญหาของประเทศไทยนั้น เราพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะ เพื่อนำมาแก้ปัญหาต่อไป ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าที่ประชุม ครม. วันนี้ ส่วนการพิจารณาอนุมัติการจัดซื้ออาวุธต่างๆ นั้น ที่ประชุมไม่ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าว และไม่มีการพิจารณาวาระลับมาก (มุมแดง) ด้วย” พล.อ. อธิสิทธิ์ กล่าว

เด้งอธิบดีกรมป่าไม้เข้ากรุ ตามคำสั่ง คสช.

มีรายงานว่า ครม. อนุมัติตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอรับโอน นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ (นักบริหารระดับสูง) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ตามข้อ1 วรรค 1 ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 16/2558 เรื่อง มาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบและการกำหนดกรอบอัตรากำลังชั่วคราว ลงวันที่ 15 พฤศภาคม 2558 ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป โดยผู้มีอำนาจสั่งบรรจุทั้งสองฝ่ายได้ตกลงยินยอมในการโอนแล้ว

มติครม.วันที่ 3 ตุลาคม 2560