ThaiPublica > เกาะกระแส > นายกฯ ทูลเชิญ “สมเด็จพระเทพฯ” ปธ. พิธีบรมราชาภิเษก – มติ ครม. นัดแรก ผ่านร่าง กม.เวนคืนที่ดิน 20 ตำบล สร้างรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน

นายกฯ ทูลเชิญ “สมเด็จพระเทพฯ” ปธ. พิธีบรมราชาภิเษก – มติ ครม. นัดแรก ผ่านร่าง กม.เวนคืนที่ดิน 20 ตำบล สร้างรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน

2 มกราคม 2019


พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th

เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาลมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งที่ 1/2562 โดยมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวก่อนการตอบคำถามสื่อมวลชน ว่า การประชุม ครม. ในวันนี้เป็นการทำงานต่อเนื่องสืบต่อจากปีที่ผ่านมา มีหลายอย่างที่ต้องแก้ไขปรับปรุงให้สอดรับกับปัญหาตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

“สิ่งที่รัฐบาลกังวลคือปัญหาด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีหลายส่วนเกี่ยวพันกับภายนอกประเทศ ก็อยากให้ทุกคนติดตามข่าวสารด้วย ไม่ว่าเรื่องราคาน้ำมัน สงครามทางการค้า ซึ่งมีผลกระทบต่อประเทศทั้งสิ้น แต่รัฐบาลก็พยายามที่จะขับเคลื่อนภายในประเทศให้ได้ คือ ต้องแก้ปัญหาภายในของไทย ทำให้เศรษฐกิจอยู่ในสภาพสมดุลทั้งขนาดใหญ่ กลาง เล็ก รวมไปถึงภาคเกษตรกรที่รัฐบาลให้ความสำคัญที่สุด”

กราบบังคมทูลเชิญ “สมเด็จพระเทพฯ” ปธ. งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงขั้นตอนในการเตรียมการจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ว่า เมื่อเช้านี้ตนได้ออกแถลงการณ์ไปแล้วหลังจากได้ทราบพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ลงมา คือวันที่ 4-6 พฤษภาคม 2562 ซึ่งรัฐบาลได้มีการเตรียมการเบื้องต้นบ้างแล้ว เป็นการเตรียมการภายในของรัฐบาลเองในเรื่องการจัดเตรียมพระราชพิธีต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องหลายอย่างด้วยกัน แบ่งระยะเวลาเป็น ก่อนหน้าพระราชพิธี ระหว่างพระราชพิธี และหลังพระราชพิธี ซึ่งมีหลายกิจกรรมที่ต้องดำเนินการ

“ขณะนี้มีการหารือกันเพื่อตั้งคณะกรรมการในการจัดงานพระราชพิธีฯ ซึ่งได้มอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้างานตรงนี้เพื่อเตรียมการตรงนี้และจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมา และได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธาน เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย” นายกรัฐมนตรีกล่าว

โยน กกต. เคาะวันเลือกตั้ง – ยืนยันเดินตามโรดแมป

การเลือกตั้งยังคงเป็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 หรือไม่ ว่า ตนยังไม่ได้พูดในเรื่องนี้ และหลายอย่างยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง วันเลือกตั้งเหล่านี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้กำหนดอยู่แล้ว และหลังจากมีการกำหนดรายละเอียดวันพระราชพิธีฯ มา รวมทั้งพิธีที่เกี่ยวเนื่อง ก็สุดแล้วแต่ว่าจะว่าอย่างไรกัน ซึ่งสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญมากที่สุดขณะนี้คืองานพระราชพิธีบรมราชภิเษก เป็นงานสำคัญสำหรับคนไทยและประเทศไทย ที่เราสามารถดำเนินการคู่ขนานไปด้วยได้ อยากให้ทุกคนให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นพิเศษ

“เรื่องการเลื่อนวันเลือกตั้ง เป็นเหตุเป็นผลของ กกต. ผมไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง ทุกอย่างผมยังยึด และยืนยันตามโรดแมป คือ หลังจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2561 ก็ต้องนับไปอีก 150 วัน จะต้องมีการเลือกตั้ง ซึ่งเราได้กำหนดไว้ขั้นต้นว่าเร็วที่สุดคือ วันอาทิตย์สัปดาห์แรก คือวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2561 แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้มุ่งหวังจะดึงการเลือกตั้งออกไป แต่ก็สุดแล้วแต่ว่าจะทำได้หรือไม่ต้องไปว่ากันมาในส่วนของ กกต. ก็ต้องให้เป็นไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว

“แทงกั๊ก” ยังไม่เลือกพรรค ขอดูนโยบายก่อน

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถาม เรื่องรายชื่อการคัดสรรสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 200 คน จาก กกต. ว่า ตนยังไม่ได้รับทราบ เรื่องนี้เป็นการคัดสรรมาในระดับพื้นที่ เมื่อได้มาเมื่อไรก็จะพิจารณาโดยคณะกรรมการของเราในการคัดสรรอีกที

เมื่อถามถึงความชัดเจนทางการเมือง หลังพรรคการเมืองเตรียมจะเสนอเชิญ พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ในบัญชีพรรค รอสัญญาณความพร้อม พล.อ. ประยุทธ์ ระบุว่า ยังมีเวลาตัดสินใจขอศึกษาดูก่อน ตอนนี้อยากให้ประชาชนได้ศึกษาแนวทางของแต่ละนโยบายของพรรคการเมืองก่อน ไม่ใช่ดูเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ

“ต้องมองทุกพรรคถึงความเป็นไปได้ของนโยบายที่ออกมาแล้วทั้งหมด และดูว่ารัฐบาลปัจจุบันทำอะไรไปแล้วบ้าง เพราะบางทีกล่าวซ้ำกับสิ่งที่เราทำไปแล้ว และเอาไปขยายไปในสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ อันนี้ต้องระวัง ไม่อย่างนั้นจะเสียหาย เดี๋ยวประชาชนเชื่อมั่นไปแล้ว เมื่อถึงเวลาแล้วทำไม่ได้จะทำอย่างไร ฉะนั้นอยากฝากประชาชนทุกคนที่คาดหวังจากการเลือกตั้ง เมื่อออกนโยบายต่างๆ มาแล้ว ท่านจะต้องจำคำให้ได้ว่าแต่ละพรรคจะทำอะไร ไม่ใช่พอเลือกตั้งเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วก็ลืมกันหมด วันนี้ประชาชนต้องตัดสิน ต้องดูให้ดีว่าอะไรคืออะไร ตนเองก็กำลังดูอยู่ นโยบายหลายพรรคก็น่าสนใจ”

เมื่อถามว่า สรุปได้หรือไม่ว่าตอนนี้ที่ พล.อ. ประยุทธ์ สนใจให้ชื่อกับพรรคใดพรรคหนึ่งเสนอชื่อเป็นนายกฯ ในบัญชีพรรค เพียงแต่อยู่ระหว่างพิจารณาจะให้พรรคไหนเสนอชื่อเท่านั้น พล.อ. ประยุทธ์ ระบุว่า ต้องแยกเป็น 2 ส่วน คือ การศึกษานโยบายพรรค และการตัดสินใจเลือกพรรคการเมือง

“มันมี 2 อัน ส่วนที่ 1 ตอนนี้เราก็ศึกษาดูว่านโยบายพรรคนี้เป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้ทุนการศึกษา ซึ่งตอนนี้ตนเป็นรัฐบาลอยู่ก็รู้ว่าการใช้จ่ายงบประมาณเป็นอย่างไร ฉะนั้นถ้าเราพูดไปแล้ว ทำไม่ได้ อย่างนี้มันเสียหาย ถ้าพูดอะไรเสียหายและเป็นไปไม่ได้ ตนก็ไม่เห็นด้วย ตนไม่ได้กล่าวถึงพรรคใด หลายคนก็เสนอจะทำนั่นทำนี้ ซึ่งบางอันเราทำอยู่แล้ว และไปพูดเหมือนกับเราไม่ได้ทำอะไรเลย อย่างนี้มันไม่ใช่ บิดเบือนหรือเปล่า ก็ไม่รู้เหมือนกัน ขอให้ซื่อสัตย์ต่อตัวเองกันหน่อยแล้วกัน”

“ส่วนที่ 2 เมื่อตนดูนโยบายแต่ละพรรคและความเป็นไปได้ ตนก็จะตัดสินใจว่าจะชอบพรรคใด การตัดสินใจของตนเพราะตนต้องไปเลือกตั้งด้วย ดังนั้น การจะเลือกพรรคไหนเป็นเรื่องส่วนตัว แต่การจะเป็นนายกฯ หรือไม่ก็แล้วแต่ใครจะมาขอตน ซึ่งตอนนี้มีให้ตนตัดสินใจ 2 อย่าง ขอให้ใจเย็นๆ วันนี้อยู่กับฉันไปก่อน เธอจะรีบไปไหน”

เมื่อถามว่า เมื่อพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เลือกตั้งออกแล้ว การประชุม ครม.สัญจรยังจะมีอยู่หรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนทำงานของตน ไม่เกี่ยวอะไรกับพรรคการเมือง ทุกคนก็ระมัดระวังกันอยู่แล้ว วันนี้รัฐบาลจำเป็นต้องแก้ปัญหาของวันนี้ ถ้ามาบอกว่าฉันไม่ต้องไปหาใคร ไม่ต้องไปเจอกัน ไม่ต้องไปติดตามงานเลย แล้วถ้าเกิดความเสียหายใครจะรับผิดชอบ ฉันอีกหรือเปล่า ดังนั้นฉันต้องไปฟังประชาชน แต่ฉันไม่ได้ไปหาเสียงให้ใคร เข้าใจไหม หรือจะหาเสียงให้ตัวเองก็ไม่ใช่ เพราะไม่ได้ลงเลือกตั้ง เข้าใจหรือไม่

สั่งทุกหน่วยรับมือ “พายุโซนร้อนปาบึก” เรือโดยสารห้ามออกจากฝั่ง

ถามว่า รัฐบาลได้เตรียมการตั้งแต่ 2 วันที่ผ่านมาแล้ว โดยมีการแจ้งเตือนไปทุกกลุ่มอาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประมง การท่องเที่ยว และในเรื่องของการสัญจรไปมาในพื้นที่อ่าวไทย และอันดามัน ขอประชาชนทุกคน เตรียมการป้องกันตนเอง ขอร้องภาคเอกชนในการใช้เรือโดยสาร วันนี้ได้สั่งห้ามไปแล้ว และได้มีการย้ำเตื่อนใน ครม. ไปอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน กระทรวงมหาดไทยรับหน้าที่เป็นแม่งานในการการประชุมเตรียมการบูรณาการทุกภาคส่วนอีกครั้ง ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กองทัพเรือ กองทัพบก กรมเจ้าท่า หลังจากได้มีการสั่งการไปแล้ว

“คาดว่าพายุจะเข้าภาคใต้ในวันที่ 3-5 มกราคม 2562 เดิมเป็นพายุดีเปรสชั่น และจะขยายตัวรุนแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน ซึ่งจะพัดผ่านตั้งแต่ภาคใต้ตอนบนไปจนถึงข้างล่าง จะทำให้ช่วงนี้มีฝนตกชุก ต้องเตรียมการในเรื่องการป้องกันน้ำท่วม แก้ไขการคมนาคม อย่างไรก็ตาม หากปริมาณฝนมาก ก็ต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหาบ้าง ขอให้ประชาชนทุกคนติดตามข่าวสารสภาพอากาศด้วย วันนี้รัฐบาลนี้เต็มที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบรรเทาภัยพิบัติต่างๆ รัฐบาลนี้มีหลายอย่างที่ดำเนินการมาใหม่ในการบูรณาการข้อมูลและการช่วยเหลือ ทำทุกวัน หากสังเกตดูจะเห็นว่ามีความแตกต่างมากพอสมควร” นายกรัฐมนตรีกล่าว

มติ ครม. มีดังนี้

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th

จัดงบฯ 3,100 ล้าน ให้กรมชลฯ สร้างอ่างเก็บน้ำ “ลำน้ำชี”

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม. มีมติอนุมัติโครงการอ่างเก็บน้ำ ลำน้ำชีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชัยภูมิ (โครงการอ่างเก็บน้ำยางนาดี จังหวัดชัยภูมิเดิม) ของกรมชลประทาน อยู่บริเวณพื้นที่บ้านยางนาดี ตำบลชีบน อำเภอบ้านเขว้า และพื้นที่บ้านละหานค่าย ตำบลโคกสะอาด อำเภอหนองบัวระเหว โดยมีกำหนดแผนงานโครงการ 6 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2562-2567 รวมกรอบวงเงินงบประมาณโครงการทั้งสิ้น 3,100 ล้านบาท พร้อมทั้งอนุมัติให้กรมฯ สามารถจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรที่ดินแปลงอพยพในกรณีที่กรมฯ ไม่สามารถจัดสรรที่ดินแปลงอพยพให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบหรือราษฎรไม่ประสงค์จะรับที่ดินแปลงอพยพ

อนึ่ง วัตถุประสงค์โครงการ เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับสนับสนุนพื้นที่การเกษตร บรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ชุมชนและเขตเกษตรกรรม เป็นแหล่งน้ำด้านการอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรม และเพื่อรองรับแผนการพัฒนาที่เพิ่มขึ้นให้เต็มศักยภาพในลุ่มน้ำชี โดยประกอบด้วยกิจกรรมหลัก ดังนี้ 1) เขื่อนดินประเภทแบ่งโซน (Zone Dam) ความยาว 1,580 เมตร ความสูง 24 เมตร ความกว้างสันทำนบดิน 9 เมตร และขนาดความจุที่ระดับเก็บกัก 70.21 ล้านลูกบาศก์เมตร 2) อาคารระบายน้ำล้น (Spillway) ชนิดประตูระบายเหล็กบานโค้ง ขนาดความกว้าง 12.50 X 7.50 เมตร จำนวน 6 บาน 3) อาคารส่งน้ำลงลำน้ำเดิม ขนาดท่อส่งน้ำจำนวน 2 แถว กว้าง 3.8 เมตร สูง 3 เมตร

ทั้งนี้ ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ ได้แก่ 1) เป็นแหล่งน้ำสนับสนุนสถานีสูบน้ำตามลำน้ำชีตั้งแต่บริเวณท้ายเขื่อนในเขตพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ จนถึงจุดบรรจบลำน้ำพองในเขตพื้นที่จังหวัดขอนแก่น 2) พื้นที่รับประโยชน์ในฤดูฝน จำนวน 75,000 ไร่ และฤดูแล้ง จำนวน 30,000 ไร่ 3) เป็นแหล่งน้ำสนับสนุนการประมง และ 4) สามารถช่วยบรรเทาอุทกภัยบริเวณพื้นที่ท้ายอ่างเก็บน้ำ

ทั้งนี้ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กรมฯ รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไป

ไฟเขียว “คค.-พณ.” เชื่อมโยงข้อมูลใบหน้า แก้ปัญหา IUU – จดทะเบียนธุรกิจ

นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า ครม. มีมติอนุมัติการเชื่อมโยงข้อมูลภาพใบหน้าบุคคลจากฐานข้อมูลทะเบียนกลางของกรมการปกครองด้วยระบบคอมพิวเตอร์ แบ่งเป็น

  •  กระทรวงคมนาคม เสนอการเชื่อมโยงข้อมูลภาพใบหน้าบุคคลจากฐานข้อมูลทะเบียนกลางของกรมการปกครองด้วยระบบคอมพิวเตอร์แก่กรมเจ้าท่า เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (Illegal, Unreported and Unregulated Fishing: IUU Fishing) ตามมาตรา 285 แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ การเชื่อมโยงดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อนำการพิจารณาการออกใบอนุญาต การรายงานเรือเข้า-ออกเมืองท่าของเรือประมงไทย โดยเก็บบันทึกข้อมูลภาพใบหน้าคนประจำเรือและแรงงานประมงเพื่อการพิสูจน์ยืนยันตัวบุคคลโดยการตรวจจับใบหน้าปัจจุบัน (Face Detection) เปรียบเทียบกับรูปโครงหน้าเดิม (Face Recognition) ที่เคยทำการลงทะเบียนหรือรายงานไว้ในการแจ้งเรือเข้า-ออกให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ เพื่อเป็นการควบคุมคนประจำเรือและแรงงานประมงทะเล

นอกจากนี้ จะนำการเชื่อมโยงดังกล่าวมาใช้กับระบบการอนุญาตคนประจำเรือและแรงงานประมงทะเลที่เริ่มใช้งานตั้งแต่เดือนเมษายน 2560 โดยในขั้นตอนกระบวนการตรวจพิสูจน์ยืนยันตัวบุคคลจากฐานข้อมูลทะเบียนกลางของกรมการปกครอง เดิมกรมเจ้าท่าได้รับอนุญาตให้ดูภาพได้เฉพาะแรงงานต่างด้าว ส่วนแรงงานสัญชาติไทยจะไม่ปรากฏภาพใบหน้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อการปฏิบัติงานเพื่อใช้ในการเปรียบเทียบว่าเป็นบุคคลเดียวกันหรือไม่ กระบวนการตรวจพิสูจน์ยืนยันตัวบุคคลของแรงงานสัญชาติไทยจึงยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์

ดังนั้น จึงมีความจำเป็นจะต้องเชื่อมโยงข้อมูลภาพใบหน้าบุคคลจากฐานข้อมูลทะเบียนกลาง ของกรมการปกครองเพื่อการพิสูจน์ยืนยันตัวบุคคลของคนประจำเรือและแรงงานประมง มาเปรียบเทียบกับภาพใบหน้าที่จัดเก็บอยู่ในระบบของกรมเจ้าท่า ให้เกิดความน่าเชื่อถือของการตรวจสอบแรงงานในภาคประมง สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ ลดการปลอมแปลงเอกสาร การสวมตัวของแรงงานประมงไร้สัญชาติ ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศกลุ่มสหภาพยุโรปและประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีการตรวจสอบการทำการประมงของประเทศไทยอย่างเข้มงวด มีความเชื่อมั่นในไทยมากยิ่งขึ้น

อนึ่ง ในปัจจุบันมีผู้ได้รับอนุญาตให้ลงทำการงานในเรือประมงแล้วเป็นจำนวนทั้งหมด 67,217 ราย เป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย จำนวน 24,488 ราย และเป็นบุคคลต่างด้าว จำนวน 42,729 ราย

  •  กระทรวงพาณิชย์ เสนอให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเชื่อมโยงข้อมูลภาพใบหน้าบุคคลจากกรมการปกครองด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อรองรับการให้บริการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) ซึ่งถือเป็นการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ก่อให้เกิดผลกระทบระดับสูงและต้องใช้วิธีการแบบปลอดภัยในระดับเคร่งครัด โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามีความจำเป็นในการเชื่อมโยงข้อมูลรูปภาพใบหน้าบุคคลจากฐานข้อมูลทะเบียนกลางของกรมการปกครอง เพื่อตรวจสอบและยืนยันความมีตัวตนของบุคคลในการพิจารณาคำขอจดทะเบียนผ่านระบบจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ลดความผิดพลาดของข้อมูลและขั้นตอนการทำงาน และบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐ

ตั้งงบฯ ปี 63 ปรับปรุงคลองระบายน้ำ 3 โครงการ 16,593 ล้าน

นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า ครม. มีมติอนุมัติตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไปของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 3 โครงการ วงเงินรวม 16,593.5986 ล้านบาท ได้แก่

1) โครงการคลองระบายน้ำหลากบาลบาล-บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วงเงิน 12,797.357 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ 2563-2566 โดยในปี 2563 ตั้งงบประมาณไว้ 2,559.4714 ล้านบาท

2) โครงการปรับปรุงคลองยม-น่าน วงเงิน 2,189.3204 ล้านบาท ระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2563-2567 โดยในปี 2563 ตั้งงบประมาณไว้ 437.8641 ล้านบาท

3) โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ (ระยะที่ 1) วงเงิน 1,606.9212 ล้านบาท ระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปี 2563-2566 โดยในปี 2563 ตั้งงบประมาณไว้ 3,318.7197 ล้านบาท

เห็นชอบกฎกระทรวง เปิดทาง “EXIM” รับประกันความเสี่ยงการเมือง

นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับประกันความเสี่ยงทางการเมือง พ.ศ. …. ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน. หรือ EXIM Bank) โดยมีสาระสำคัญคือกำหนดนิยาม “ความเสี่ยงทางการเมือง” โดย

  1. ให้ ธสน. สามารถรับประกันความเสี่ยงทางการเมืองแก่ผู้ลงทุนหรือรับประกันความเสี่ยงในการให้สินเชื่อของธนาคารของผู้ลงทุน สำหรับความเสียหายจากการไม่ได้รับชำระคืนเงินกู้อันเนื่องมาจากความเสี่ยงทางการเมือง โดยมีวงเงินรับประกันสูงสุดตามที่คณะกรรมการ ธสน. กำหนด
  2. กำหนดให้ ธสน. ไม่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ลงทุนหรือธนาคารของผู้ลงทุน ในกรณีที่การกระทำหรือการละเว้นการกระทำการใดของรัฐบาลของประเทศที่ผู้ลงทุนไปลงทุนหรือของผู้ลงทุนตกลงยินยอมด้วย โดยผู้ลงทุนมีส่วนก่อให้เกิดความเสี่ยงหายหรือปฏิบัติฝ่าฝืนกฎหมาย ระเบียบ หรือกฎเกณฑ์ของประเทศที่ไปลงทุน
  3. กำหนดให้ ธสน. อาจนำความเสี่ยงทางการเมืองที่รับประกันมาประกันต่อกับบริษัทประกันภัยทั้งจำนวนหรือเพียงบางส่วนได้ตามหลักเกณฑ์ของ ธสน. และสามารถรับประกันต่อจากบริษัทประกันภัยได้ด้วย

อนึ่งเดิมได้มีกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับประกันความเสี่ยงทางการเมือง พ.ศ. 2547 บังคับใช้อยู่ ก่อนที่ต่อมาจะมีพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2561 ประกาศบังคับใช้ ซึ่งในบางส่วนได้กระทบกับอำนาจกระทำกิจการของ ธสน. ในส่วนที่เกี่ยวกับการรับประกันความเสี่ยงทางการเมือง รวมทั้งขยายขอบเขตของ ธสน. ในการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ลงทุน จึงต้องมีการแก้ไขกฎกระทรวงใหม่

จัดงบฯ 19,094 ล้าน ให้กระทรวงวิทย์ เร่งพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ 3 โครงการ

นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบโครงการของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจำนวน 3 โครงการ วงเงินรวม 19,094 ล้านบาท ได้แก่

  • 1) โครงการพัฒนาโรงงานต้นแบบ Biorefinery (ไบโอรีไฟเนอรี) ในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี วงเงิน 3,410 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2563-2565 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อใช้เป็นโครงสร้างพื้นฐานกลางในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ไบโอรีไฟเนอรี ทั้งด้านเทคโนโลยีและการตลาด รวมไปถึงเตรียมความพร้อมด้านกำลังคนที่มีความเชี่ยวชาญ และเปิดโอกาสรวมทั้งลดความเสี่ยงให้เอกชนและนักวิจัยสามารถใช้ประโยชน์ได้ เพระโครงการดังกล่าวมีมูลค่าสูง

โครงการประกอบด้วย 2 ส่วนหลังคือ โรงงานมาตรฐาน GMP เพื่อรองรับการวิจัยและพัฒนาสินค้าประเภทอาหาร และโรงงานที่เป็น Non GMP เพื่อรองรับการวิจัยสินค้าชีวภาพอื่นๆ เช่น Biochemical และ Biomaterial

  • 2) โครงการสร้างเครื่องกำเนินแสงซินโครตรอนระดับพลังงาน 3 GeV และห้องปฏิบัติการ วงเงิน 9,220 ล้านบาท ระยะเวลา 7 ปี ตั้งแต่ปี 2563-2569 โดยมีวัตถุประสงค์หลักส่งเสริมให้เกิดการวิจัยและพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อใช้ในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิมหรือคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ตลอดจนเพื่อแก้ปัญหาข้อจำกัดของเครื่องกำเนิดแสงฯ เดิมที่ใช้งานมากว่า 30 ปี และมีพลังงานต่ำเพียง 1,200 ล้านอิเล็กตรอนโวลต์ (1.2 GeV) ซึ่งไม่ครอบคลุมขอบเขตการใช้งานเพื่อวิจัยเชิงลึกทั้งด้านอุตสาหกรรมและการแพทย์
  • 3) โครงการวิจัยและนวัตกรรมขนาดใหญ่เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเป้าหมาย (Spearhead) แผนงานบูรณาการวิจัยและนวัตกรรม ประจำปีงบประมาณ 2563 ในวงเงินงบประมาณ 6,464 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี ตั้งแต่ปี 2563-2567

ผ่านร่าง กม.เวนคืนที่ดิน 20 ตำบล 850 ไร่ สร้างรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน

นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบในหลักการตามการเสนอของกระทรวงคมนาคมร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในบริเวณที่ ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา โดยกระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทยจะต้องมีการจัดทำรายละเอียดการเวนคืนที่ดินในจุดต่างๆ ซึ่งมีทั้งในส่วนของพื้นที่หน่วยงานรัฐและพื้นที่ของประชาชน โดยจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยมีที่ดินที่จะต้องเวนคืนประมาณ 850 ไร่ และสิ่งปลูกสร้างประมาณ 245 หลัง

ทั้งนี้ พื้นที่เบื้องต้นของรถไฟฟ้าความเร็วสูงประกอบด้วย แขวงคลองสามประเวศ แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กทม.

ตำบลหนองปรือ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ

ตำบลบางเตย ตำบลวังตะเคียน ตำบลท่าไข่ ตำบลบางขวัญ ตำบลบ้านใหม่ ตำบลบางไผ่ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา

ตำบลบ้านสวน ตำบลหนองข้างคอก ตำบลห้วนกะปิ อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี

ตำบลบางพระ ตำบลสุรศักดิ์ อำเภอศรีราช จังหวัดชลบุรี

ตำบลนาเกลือ ตำบลหนองปรือ ตำบลห้วใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

ตำบลนาจอมเทียน ตำบลบางเสร่ ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

ตำบลสำนักท้อน ตำบลพลา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะทำการสำรวจ เพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน อีกครั้งหนึ่ง โดยทางกระทรวงการคลังได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมว่าสำหรับแนวเขตที่ดินที่จะเวนคืนหากตรวจสอบแล้วมีที่ราชพัสดุอยู่ในเขตดังกล่าว จะได้พิจารณาดำเนินการให้เป็นประโยชน์ต่อโครงการสาธารณะ ตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุต่อไปด้วย ส่วนทางด้านกระทรวงเกษตรแสดงความเห็นว่า ควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังการก่อสร้างด้วยเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต

เตรียม สัญจรฯ เหนือตอนบน 14-15 ม.ค. นี้

นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า ครม. มีกำหนดการไปประชุม ครม. นอกสถานที่ในวันที่ 14-15 มกราคม 2561 ในจังหวัดกลุ่มภาคเหนือตอนบน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง โดยในวันที่ 14 จะเป็นการตรวจราชการที่จังหวัดเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน ก่อนที่ในวันที่ 15 จะเป็นการประชุม ครม. นอกสถานที่ที่ลำปาง

อ่านมติ ครม. ประจำวันที่ 2 มกราคม 2562เพิ่มเติม