ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 21-27 ต.ค. 2560: “รวมสกู๊ปพิเศษไทยพับลิก้า ร่วมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย” และ “กาตาลุญญาประกาศเอกราช”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 21-27 ต.ค. 2560: “รวมสกู๊ปพิเศษไทยพับลิก้า ร่วมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย” และ “กาตาลุญญาประกาศเอกราช”

28 ตุลาคม 2017


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 21-27 ต.ค. 2560

  • รวมสกู๊ปพิเศษไทยพับลิก้า ร่วมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
  • จับตามวลน้ำ 1,300 ล้าน ลบ.ม. จ่อ นนท์-ปทุม – กรมชลฯ ยัน ไม่มีแผนปล่อยน้ำหลังวันที่ 26
  • เล็งดึงเงินฝากไม่เคลื่อนไหวเกิน 10 ปีเข้าคลัง
  • แน่นปึ้ก เงินคงคลัง ก.ย. 60 พุ่ง 5.23 แสนล้าน
  • กาตาลุญญาประกาศเอกราช
  • รวมสกู๊ปพิเศษไทยพับลิก้า ร่วมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

  • บันทึกภาคประชาชน: ถอดองค์ความรู้สถาปนิกงานพระราชพิธีจาก “ครูสู่ครู” กับการส่งเสด็จฯ รัชกาลที่ 9 อย่างงดงามสมพระเกียรติ
  • บันทึกภาคประชาชน : “ธงทอง จันทรางศุ” ย้อนรำลึก 23 ต.ค. 2453 สู่ความเงียบงันในวันที่ 14 ต.ค. 2559
  • บันทึกภาคประชาชน : ประวัติศาสตร์งานถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 การมีส่วนร่วมของประชาชนต่อพระราชาผู้ยิ่งใหญ่
  • บันทึกภาคประชาชน : ร่วมร้อยใจ ร้อยรัก ดอกไม้สดถักอุโมงค์เพื่อพ่อ
  • บันทึกภาคประชาชน : มุ่งมั่นส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย ในหลวงรัชกาลที่ 9 เหนื่อยแค่นี้ เพียงเสี้ยว พระมหากรุณาธิคุณของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่
  • บันทึกภาคประชาชน : เราจะทำความดีตามคำสอนพ่อ ทุกภาพการทรงงานยังคงตราตรึง – ศูนย์ข้อมูลสื่อฯ รับสื่อ ตปท. 318 คน  86 สำนัก
  • ประมวลภาพ พระราชพิธีพระราชกุศลออกพระเมรุมาศ
  • ประมวลภาพริ้วขบวนที่ 1 ขบวนพระบรมราชอิสริยยศพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
  • ประมวลภาพริ้วขบวนที่ 2 ขบวนพระบรมราชอิสริยยศพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
  • ประมวลภาพริ้วขบวนที่ 3 ขบวนพระบรมราชอิสริยยศพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
  • ประมวลภาพริ้วขบวนที่ 4 ขบวนพระบรมราชอิสริยยศพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
  • 372 วันพระเมรุมาศทรงบุษบก 9 ยอด พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
  • สื่อต่างประเทศรายงานข่าวพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
  • จับตามวลน้ำ 1,300 ล้าน ลบ.ม. จ่อ นนท์-ปทุม – กรมชลฯ ยัน ไม่มีแผนปล่อยน้ำหลังวันที่ 26

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ข่าวสดออนไลน์ (https://www.khaosod.co.th/?p=592405)

    เว็บไซต์ข่าวสดออนไลน์รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2560 นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ยอมรับว่าน้ำใน 12 ทุ่งแก้มลิงมีจำนวนไม่น้อย แต่กรมชลประทานกำลังบริหารจัดการ เชื่อว่าสามารถควบคุมให้อยู่ในระบบได้ จากแผนที่ทางอากาศของ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จิสด้า ที่มีน้ำปริมาณมาก แต่กรมชลประทานยืนยันว่า น้อยกว่าปี 2554 จากเครื่องมือบริหารจัดการน้ำในฝั่งตะวันตกแม่น้ำเจ้าพระยา มีจำนวนจำกัด แต่ปริมาณน้ำมีจำนวนมากกว่า ฝั่งตะวันออกแม่น้ำเจ้าพระยา กรมชลประทานจึงเตรียมระบายน้ำให้ไหลลงไปยังฝั่งตะวันออกแม่น้ำเจ้าพระยามากขึ้น เพราะมีเครื่องมือในการบริหารจัดการน้ำมากกว่า ส่วนฝั่งตะวันตกก็ใช้เครื่องสูบน้ำให้ไหลออกท่าจีนให้ได้มากที่สุด

    นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา เปิดเผยว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำที่ค้างอยู่บริเวณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดสุพรรณบุรี มีปริมาณ 1,300 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งมากกว่าความจุเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่มีความจุ 756 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งเป็นเขื่อนขนาดเล็กซึ่งขณะนี้มีปริมาณน้ำเกินความจุเขื่อนแล้วนั้น กรมชลประทานได้บริหารน้ำเหนือ โดยเอาเข้าไปเก็บในแก้มลิงที่มีอยู่ประมาณ 12 แก้ม ตอนนี้แก้มลิงเต็มแล้วมีปริมาณ มากกว่า 95% ของความจุของแก้มลิงทั้งหมดที่จะรับได้ สำหรับ สัดส่วนน้ำที่อยู่ในแก้มลิง ทางฝั่งตะวันตกมีประมาณ 800 ล้าน ลบ.ม. และฝั่งตะวันออกแม่น้ำเจ้าพระยามีประมาณ 500 ล้าน ลบ.ม.

    ส่วนภาพน้ำที่ค้างในแก้มลิงจำนวนมาก ที่ประชาชนในแถบฝั่งตะวันตกแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ จิสด้า ได้สำรวจในแผนที่ทางอากาศ พบว่า มีน้ำจำนวนมากที่จ่อที่จะไหลลงมายังจังหวัดปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม หรือจังหวัดริมฝั่งตะวันตกแม่น้ำเจ้าพระยา นั้นเบื้องต้นกรมชลประทานดำเนินการบริหารจัดการอยู่แล้ว น้ำปริมาณดังกล่าวแม้อยู่ในทุ่งจำนวนมาก แต่อยู่ในแผนของกรมชล ที่มีการตัดสินใจระบายน้ำเข้าแก้มลิงฝั่งตะวันตกมากกว่า ฝั่งตะวันออก ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติ แต่กรมชลประทานเห็นว่า ฝั่งตะวันตกแม่น้ำเจ้าพระยา มีศักยภาพ มีปริมาณแก้มลิงจำนวน 7 แห่ง สามารถรับน้ำได้มากกว่าฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา

    นายสัญญา กล่าวว่า ภาพรวมทั้ง 12 ทุ่งแก้มลิงตอนล่างมีปริมาณน้ำ 1,300 ล้าน ลบ.ม. มากกว่าเขื่อนป่าสักนิดหน่อย แต่น้ำกระจายกันอยู่ กรมชลประทาน เน้นระบายไปยังฝั่งตะวันตก ทุ่งผักไห่ ป่าโมก 800 ล้าน ลบ.ม. ฝั่งตะวันออกประมาณ 500 ล้าน ลบ.ม. หากมองและประชาชนสงสัย และมีคำถามมายังกรมชลประทานว่าทำไมระบายน้ำเข้าทุ่งฝั่งตะวันตกมากกว่าฝั่งตะวันออกที่เป็นเขตอุตสหกรรม มีการก่อสร้าง จำนวนมาก มันจะท่วมบ้านเรือนชาวบ้านเพราะมีเครื่องมือระบายน้ำน้อยกว่าฝั่งตะวันออก มันจะเป็นเลือกปฏิบัติหรือไม่นั้นขอตอบว่ากรมชลประทานไม่เลือกปฏิบัติ แต่เพราะฝั่งตะวันตกมีทุ่งนา ที่จะเป็นแก้มลิงจำนวนมาก แต่ในฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาแก้มลิงน้อยกว่าเก็บน้ำได้น้อยกว่า

    “กระบวนการเอาน้ำออกจากฝั่งตะวันตกแม่น้ำเจ้าพระยา จากวันนี้อาจใช้เวลาสักประมาณ 30-45 วันสถานการณ์น้ำภาคกลางจะเข้าสู่ภาวะปกติ ในเรื่องนั้นเครื่องมือมันบริหารจัดการน้ำมีน้อย กรมชลประทานไม่ปฏิเสธ แต่น้ำที่เข้ามาพักในแก้มลิง เป็นเรื่องปกติ เป็นตามกระบวนการที่นำน้ำเข้าตามกระบวนการที่กำหนดให้เข้า น้ำยังอยู่ในคันปิดล้อม บนถนน หนทางสามารถออกได้ตามระบบที่มีอยู่ แต่ จังหวัดนนทบุรี อ.ไทรน้อย อ.ไทรใหญ่ และริมเจ้าพระยาในช่วงวันที่ 27 ต.ค.น้ำจะยกตัวสูงขึ้น เป็นน้ำทะเลหนุนสูงสุด 10 ซม. แต่เวลาน้ำลดไม่สามารถลดลงไปสุด จึงอาจมีน้ำท่วมได้ ยอมรับผลกระทบมีแน่นอน เนื่องจากน้ำทะเลหนุน”

    ขณะเดียวกัน ต่อกระแสข่าวที่ว่า หลังวันที่ 26 ต.ค. 2560 จะมีการปล่อยน้ำเพราะไม่สามารถต้านทานได้แล้วนั้น เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า ทางกรมชลประทานได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

    เล็งดึงเงินฝากไม่เคลื่อนไหวเกิน 10 ปีเข้าคลัง

    วันที่ 27 ต.ค. 2560 เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการบัญชีเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของสถาบันการเงิน พ.ศ. …. เพื่อใช้กำหนดหลักเกณฑ์ในการบริหารจัดการบัญชีเงินฝาก ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวในทางธุรกรรมการเงินเป็นระยะเวลานานของสถาบันการเงิน ทั้งธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม

    “ร่างกฎหมายที่จัดทำเป็นการบริหารจัดการเงินในบัญชีเงินฝากที่ไม่เคลื่อนไหวเวลานาน ซึ่งเป็นหลักการสากล ต่างประเทศก็ทำกัน โดยจะนำเงินมาไว้ในคงคลัง แต่ไม่ได้นำเงินจำนวนนี้ไปใช้อย่างอื่น เพราะเป็นเงินฝากของประชาชน นำไปใช้ไม่ได้ เอามาแค่พักไว้เท่านั้น เมื่อเจ้าของบัญชีมีหลักฐานมาขอคืนเงิน ก็จะส่งมอบคืนให้ ปัจจุบันมีบัญชีเงินฝากที่ไม่เคลื่อนไหวระดับหมื่นล้านบาท”

    สำหรับ ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการบัญชีเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของสถาบันการเงิน มีสาระสำคัญ คือ บัญชีเงินฝากที่ไม่มีการฝาก ถอน หรือโอน เงินในบัญชีเงินฝากเป็นระยะเวลาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ซึ่งไม่รวมถึงการได้รับดอกเบี้ยจากสถาบันการเงิน โดยภายใน 3 เดือนก่อนวันสิ้นปี ให้สถาบันการเงินตรวจสอบข้อมูลของเจ้าของบัญชีของสถาบันการเงินที่จะครบกำหนดระยะเวลาเป็นบัญชีเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหว และแจ้งให้เจ้าของบัญชีหรือทายาท เพื่อดำเนินการ ฝาก ถอน หรือ โอนเงิน หรือปิดบัญชีนั้นภายในวันสิ้นปี

    แน่นปึ้ก เงินคงคลัง ก.ย. 60 พุ่ง 5.23 แสนล้าน

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ (https://www.prachachat.net/?p=59983)

    วันที่ 25 ต.ค. 2560 เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อํานวยการสํานักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงข่าวฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดประจำปีงบประมาณ 2560 (ตุลาคม 2559 – กันยายน 2560) ว่ารัฐบาลมีรายนําส่งคลังทั้งสิ้น จำนวน 2,348,805 ล้านบาท ในขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้นจำนวน 2,890,545 ล้านบาท ทั้งนี้ รัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลจำนวน 552,922 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2560 มีจํานวนทั้งสิ้น 523,758 ล้านบาท

    “ฐานะการคลังในปีงบประมาณ 2560 ยังคงมีความเข้มแข็งโดยมีระดับเงินคงคลังที่มากกว่า 5 แสนล้านบาท และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 82,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อการดำเนินนโยบายการคลังของรัฐบาลในปีงบประมาณต่อไป โดยกระทรวงการคลังจะเร่งรัดให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่าย เพื่อให้มีเม็ดเงินอัดฉีดลงสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและสนับสนุนให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้” นายสุวิชญ กล่าว

    แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ระดับเงินคงคลังดังกล่าวถือว่าสูงกว่าก่อนหน้านี้เมื่อต้นปลายปีงบ 2559 ในเดือนกันยายน 2559 เงินคงคลังอยู่ที่ 441,300 ล้านบาท โดยระดับเงินคงคลังในปีงบ 2560 เคยต่ำสุดในเดือนธันวาคม 2559 อยู่ในระดับ 74,907 ล้านบาท เป็นเหตุถูกวิจารณ์ว่าถังแตก กระทรวงการคลังชี้แจงว่าไม่ต้องการให้เงินคงคลังสูงเพราะต้องการเสียดอกเบี้ยมาก ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกู้เงินมากองไว้ อย่างไรก็ตามในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของปีงบประมาณจำเป็นต้องกู้เงินมากองไว้ เพราะกฎหมายกู้เงินกำหนดให้กู้ปีต่อปี

    กาตาลุญญาประกาศเอกราช

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์บีบีซีไทย (http://bbc.in/2zdD3nc)

    วันที่ 27 ต.ค. 2560 เว็บไซต์บีบีซีไทยรายงานว่า รัฐสภากาตาลุญญาลงมติท่วมท้นเห็นชอบให้ประกาศเอกราชจากสเปน หลังรัฐบาลสเปนมีท่าทีจะเข้ามายึดอำนาจควบคุมการปกครอง

    นายกรัฐมนตรีมาริอาโน ราฮอย ของสเปน กล่าวต่อสมาชิกวุฒิสภาก่อนหน้านี้ว่า จำเป็นต้องเข้าปกครองแคว้นกาตาลุญญาโดยตรง เพื่อคืน “กฎหมาย, ประชาธิปไตย และเสถียรภาพ” ให้แก่แคว้นกาตาลุญญา

    วิกฤตนี้เริ่มขึ้นเมื่อชาวคาตาลันลงประชามติสนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราช โดยรัฐบาลกาตาลุญญาระบุว่า 90% ของผู้ลงประชามติ สนับสนุนการเป็นเอกราช แต่ศาลรัฐธรรมนูญของสเปนตัดสินว่าการลงประชามตินี้ขัดต่อกฎหมาย

    มติให้ประกาศเอกราชจากสเปนได้รับการรับรองจากสมาชิกรัฐสภากาตาลุญญา 70 เสียง คัดค้าน 10 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง จากสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 135 คน

    หลังจากการประกาศเอกราชของแคว้นกาตาลุญญา นายกรัฐมนตรีสเปนได้ขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ และรับปากว่าจะ “คืนความชอบธรรม” ให้แก่แคว้นกาตาลุญญา

    วุฒิสภาสเปนยังคงต้องลงมติว่าจะบังคับใช้มาตรา 155 ของรัฐธรรมนูญสเปนเป็นครั้งแรกหรือไม่ โดยกฎหมายนี้จะให้อำนาจรัฐบาลในการ “ใช้มาตรการทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อสั่งการ” ในภูมิภาคกรณีเกิดเหตุวิกฤต ซึ่งจะส่งผลให้รัฐบาลสเปนสามารถปลดผู้นำของแคว้นกาตาลุญญาได้ และเข้าควบคุมด้านการเงิน ตำรวจ และสื่อสาธารณะของแคว้นได้