
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2559 เวลา 11.00 น. นายประกิต พิลังกาสา ประธานกรรมการบริหารลูกหนี้ และผู้จัดทำแผนฟื้นฟูสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น นำคณะผู้บริหารสหกรณ์ฯ เข้าพบ พ.ต.ท. สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และ พ.ต.ท. ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร เพื่อติดตามความคืบหน้าคดียักยอกเงินสหกรณ์ ภายหลังดีเอสไอตรวจเส้นทางเงิน พบหลักฐานสั่งจ่ายเช็คให้วัดพระธรรมกายและพระธัมมชโยเพิ่มเติมอีก 7 ฉบับ คิดเป็นมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท
พ.ต.ท. สมบูรณ์ กล่าวว่า จากการขยายผลตรวจสอบเส้นทางเงินของผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับคดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ล่าสุดกรมสอบสวนคดีพิเศษตรวจพบเช็คสั่งจ่ายเครือข่ายวัดพระธรรมกายเพิ่มเติม 7 ฉบับ คิดเป็นมูลค่ากว่า 450 ล้านบาท รวมจำนวนเช็คสั่งจ่าย เดิมที่ดีเอสไอตรวจพบก่อนหน้านี้อีก 20 ฉบับ รวมทั้งสิ้น 27 ฉบับ คิดเป็นมูลค่า 1,458 ล้านบาท หากนำมารวมกับยอดเงินที่เชื่อมโยงกับ น.ส.ศศิธร โชคประสิทธิ์ ผู้ต้องหาอีกรายหนึ่งจำนวน 33 ล้านบาท มีมูลค่ารวมเกือบ 1,500 ล้านบาท สรุปผลการตรวจสอบเส้นทางเงินในคดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นมีการสั่งจ่ายเช็คทั้งหมด878 ฉบับคิดเป็นมูลค่าประมาณ 12,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ทางผู้บริหารสหกรณ์ต้องไปดำเนินการทางแพ่งเพื่อขอรับเงินคืนเอง ทราบว่าก่อนหน้านี้ทางวัดพระธรรมกายทยอยชำระคืนเงินให้สหกรณ์ฯ แล้ว 684 ล้านบาท
“ส่วนการขอหมายค้นวัดพระธรรมกายรอบที่ 2 นั้น ผมต้องขอหารือกับกับ พ.ต.อ. ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อีกครั้งก่อน แต่ไม่จำเป็นต้องนำตัวผู้ต้องหามาให้ได้ก่อนวันที่ 13 กรกฎาคม 2559 ซึ่งเป็นวันที่อัยการสูงสุดนัดมาฟังคำสั่งคดีว่าจะสั่งฟ้องศาลหรือไม่ หรือจะให้สอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากหมายจับตามคำสั่งศาลอาญามีอายุความ 15 ปี สำหรับผู้ต้องหาที่รับทราบข้อกล่าวหาไปแล้วสามารถส่งฟ้องศาลไปก่อนได้ ส่วนผู้ต้องหาที่ยังไม่ได้รับทราบข้อกล่าวหา ได้ตัวเมื่อไหร่ก็สามารถส่งฟ้องตามหลังได้” พ.ต.ท. สมบูรณ์ กล่าว

ด้านนายประกิต พิลังกาสา ประธานกรรมการบริหารลูกหนี้และผู้ทำแผนฟื้นฟูสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น กล่าวว่า หลังจากที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นได้รับเงินจากกองทุนเฉพาะกิจลูกศิษย์วัดพระธรรมกายงวดแรก 684 ล้านบาท ซึ่งตามแผนฟื้นฟูฯ กำหนดให้จ่ายเงินคืนแก่ผู้ฝากเงินปีละ 2 ครั้ง ทางคณะกรรมการบริหารลูกหนี้ฯ มีมติให้นำเงินจำนวนนี้มาจ่ายให้กับสมาชิกที่ฝากเงินกับสหกรณ์ฯ ทั้ง 12 กลุ่ม รอบแรกวันที่ 30 มิถุนายน 2559 ส่วนเงินที่กองทุนเฉพาะกิจลูกศิษย์วัดพระธรรมกายจะทยอยชำระคืนสหกรณ์ฯ ทุกเดือนอีก 370 ล้านบาท ล่าสุดในเดือนพฤษภาคม 2559 ได้รับเงินมาอีก 20 ล้านบาท คณะกรรมการบริหารฯ จะนำเงินที่ได้รับจากกองทุนฯ มาเก็บสะสมไว้ เพื่อเตรียมไว้จ่ายเงินคืนสมาชิกผู้ฝากเงินในรอบที่ 2 ช่วงเดือนธันวาคม 2559 ส่วนกรณีดีเอสไอตรวจพบเช็คสั่งจ่ายวัดพระธรรมกายและพระเพิ่มเติมอีก 7 ฉบับ ขอตรวจสอบความถูกต้องก่อนที่จะทำหนังสือไปขอรับเงินคืนจากกองทุนฯ ต่อไป
สำหรับหลักเกณฑ์การจ่ายเงินคืนสมาชิกผู้ฝากเงินในวันที่ 30 มิถุนายน 2559 นั้น นายประกิตกล่าวว่า ทางสหกรณ์ฯ จะนำเงิน 684 ล้านบาท มาจ่ายให้สมาชิกที่ฝากเงินกับสหกรณ์ฯ ไม่เกิน 10,000 บาท ตามจำนวนเงินที่ฝากเต็มจำนวน (100%) ซึ่งสมาชิกกลุ่มนี้มีประมาณ 13,000 คน ส่วนสมาชิกที่เหลืออีก 11 กลุ่ม เช่น สมาชิกหลักที่ฝากเงินเกิน 10,000 บาท มีประมาณ 5,000 ราย รวมสหกรณ์อื่นๆ อีก 74 แห่ง จ่ายคืน 3.7% ของยอดเงินฝาก ส่วนที่เหลือจะทยอยจ่ายคืนให้ปีละ 2 ครั้ง แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับฐานะการเงินของสหกรณ์ฯ ด้วย ปัจจุบันมีสมาชิกที่แสดงความประสงค์ขอรับชำระหนี้คืน 18,000 คน จากจำนวนสมาชิกทั้งหมด 50,000 คน
และในวันเดียวกันนี้ นายประกิตได้จัดทำสรุปผลการประชุมร่วมกับ พ.ต.ท. สมบูรณ์ และทีมพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ แจ้งให้สมาชิกสหกรณ์และผู้เกี่ยวข้องรับทราบว่า
1.กรณียอดเงินตามเช็คสั่งจ่ายออกไป 1,400 ล้านบาท จากการสอบถามรายละเอียด ทางดีเอสไอแจ้งผลการตรวจสอบ พบเช็คสั่งจ่ายออกจากสหกรณ์ฯ ไปยังวัดพระธรรมกาย พระธัมมชโย และผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งสิ้น 1,400 ล้านบาท เมื่อพิจารณายอดการชำระคืนและกำลังทยอยคืนโดยกองทุนคณะลูกศิษย์วัดพระธรรมกายที่ทำการตกลงกับคณะกรรมการผู้บริหารแผนที่จำนวนเงิน 1,055.56 ล้านบาท มียอดต่างกันอีกประมาณ 400 ล้านบาท คณะกรรมการบริหารแผนฯ จะเปรียบเทียบเช็คทั้งหมด 34 ฉบับ กับยอดเงิน 1,400 ล้านบาท เพื่อดำเนินการต่อไป
2.กรณีการดำเนินคดีต่อนายศุภชัย ศรีศุภอักษรและพวก สหกรณ์ฯ ได้ติดตามสอบถามการสรุปสำนวนการพิจารณาสั่งฟ้องของอัยการและสอบสวนทำสำนวนเพิ่มเติม ซึ่งทางดีเอสไอได้แจ้งให้ทราบดังนี้
- จำนวนคดีที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ 13 คดี
- สรุปสำนวนส่งให้อัยการฟ้องแล้ว 4 คดี
- สอบสวนรายละเอียดกรณีฟอกเงินกล่าวโทษ โดยดีเอสไอ 3 คดี
- สอบสวนรายละเอียดกรณีฟอกเงินกล่าวโทษ โดยสมาชิกสหกรณ์ฯ 6 คดี
โดย พ.ต.ท. ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร แนะนำให้สหกรณ์ฯ ซึ่งเป็นผู้เสียหายโดยตรงดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาให้ครบทุกคดี เพื่อความสมบูรณ์ของการดำเนินคดี ทั้งนี้นายประกิต พิลังกาสา ได้แจ้งในที่ประชุมว่าได้สั่งการให้ทีมคณะติดตามคดีและทีมกฎหมายเร่งดำเนินการโดยเร็ว
3.การร่วมประสานงานเพื่อเร่งรัดสรุปสำนวนคดี
- สหกรณ์ฯ จะจัดส่งสำเนาคดีฟ้องทางแพ่งทั้งหมด 6 คดี ให้ดีเอสไอเพื่อประกอบการทำสำนวนเพิ่มเติม
- สหกรณ์ฯจะจัดส่งมอบเล่มแผนฟื้นฟูเพิ่มเติมให้ดีเอสไอ เพื่อตรวจสอบความเสียหายและช่วยชี้แจงสมาชิกที่ไปกล่าวโทษเรียกร้องการชำระหนี้ต่างๆ
- ดีเอสไอจะดำเนินการตรวจสอบเอกสาร สัมภาษณ์สืบสวนเจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯ ในการบริหารดำเนินงานและการให้สินเชื่อ รวมทั้งอดีตกรรมการสหกรณ์ฯ
- ดีเอสไอและสหกรณ์ฯ จะร่วมกันตรวจสอบบันทึกรายงานของอดีตคณะกรรมการที่อาจมีการจัดเก็บ ยึดอายัดไว้ที่ดีเอสไอและ ปปง.
และในโอกาสนี้ นายประกิตในฐานะประธานคณะกรรมการชุดใหม่ (ชุดที่31) พร้อมทั้งคณะกรรมการและที่ปรึกษาสหกรณ์ฯ ได้แสดงความยินดีย้อนหลังกับ พ.ต.ท. สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ที่ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมให้กำลังใจต่อคณะทำงานของดีเอสไอ ในการดำเนินคดีทุจริตยักยอก ฉ้อโกง และฟอกเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
อ่านเพิ่มเติม: ซีรีย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น