![](https://thaipublica.org/wp-content/uploads/2016/05/ตรวจเบี่ยมอาการพระธัมมชโย-620x263.jpg)
นับจากวันที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ให้พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย มาพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา “กระทำความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร” จนถึงปัจจุบัน วัดพระธรรมกาย และกลุ่มศิษยานุศิษย์ ออกแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ยืนยันความบริสุทธิ์ของพระธัมมชโยผ่าน DMC TV มาอย่างต่อเนื่อง
วันที่ 29 มีนาคม 2559 ดีเอสไอออกหมายเรียกให้พระธัมมชโยมารับทราบข้อกล่าวหาครั้งที่ 1
วันที่ 30 มีนาคม 2559 พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ออกแถลงข่าว “ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและยืนยันความบริสุทธิ์ของพระธัมมชโย” และวันที่ 1 เมษายน 2559 แถลงข่าว “วัดพระธรรมกายปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ทำความดีมาตลอดกว่า 50 ปี ด้วยใจบริสุทธิ์”
ครบกำหนดเวลามารับทราบข้อกล่าวหา ตามหมายเรียกครั้งที่ 1 ในวันที่ 8 เมษายน 2559 เวลา 09.00 น. พระธัมมชโยมอบหมายทนายความมายื่นคำร้องขอเลื่อนวันนัดพบพนักงานสอบสวน อ้างติดศาสนกิจหลายอย่าง ดีเอสไอออกหมายเรียกครั้งที่ 2 กำหนดนัดพบพนักงานสอบสวน วันที่ 25 เมษายน 2559 เวลา 09.00 น.
ถึงกำหนดวันนัดพบพนักงานสอบสวน วันที่ 25 เมษายน 2559 ปรากฏว่าพระธัมมชโย มอบหมายทนายความ ยื่นคำร้องขอเลื่อนวันนัดพบพนักงานสอบสวน ที่ประชุมร่วมพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและอัยการ จึงมีมติให้ดีเอสไอไปขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับครั้งที่ 1 วันเดียวกันนั้น วัดพระธรรมกายออกแถลงข่าว 2 ฉบับ ชี้แจงเหตุผลขอเลื่อนนัดดีเอสไอ และ ยืนยันอาการอาพาธ อ้างเหตุปฏิบัติศาสนกิจตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2559 ทำให้พระธัมมชโยมีอาการอาพาธ วิงเวียนศีรษะ บ้านหมุนรุนแรงเฉียบพลัน มีปัญหาในการทรงตัว และมีอาการปวดหลัง ปวดขาซ้าย เนื่องจากกล้ามเนื้ออักเสบรุนแรง ประกอบกับมีอาการเจ็บป่วยเรื้อรังและรุนแรงจากโรคเบาหวาน ภูมิแพ้ เส้นเลือดอุดตันที่โคนขาซ้าย มีแผลติดเชื้อที่เท้าเรื้อรัง คณะแพทย์ผู้รักษาลงความเห็นพักรักษาอาการ 15 วัน
วันที่ 26 เมษายน 2559 ศาลอาญายกคำร้องอนุมัติหมายจับพระธัมมชโย ดีเอสไอจึงออกหมายเรียกให้พระธัมมชโยมาพบพนักงานครั้งที่ 3 ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2559
วันที่ 27 เมษายน 2559 มีคลิปวีดีโอปรากฏภาพพระธัมมชโยยืนพูดคุยกับลูกหลานที่มาถวายการต้อนรับหลวงพ่อและคณะสงฆ์ วัดพระธรรมกายจึงออกแถลงข่าวยืนยันว่า เป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเวลาประมาณ 13.30 น. ของวันที่ 22 เมษายน 2559 เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่พระธัมมชโยมีอาการเจ็บป่วยฉับพลัน
วันที่ 28 เมษายน 2559 วัดพระธรรมกาย ออกแถลงข่าว พระธัมมชโยมอบอำนาจให้ทนายความแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่ใช้เอกสารปลอมกล่าวหาพระธัมมชโย โดยพระธัมมชโยปฏิเสธไม่เคยเห็น และไม่เคยรับเช็คธนาคารกรุงไทยมูลค่า 100 ล้านบาท
วันที่ 14 พฤษภาคม 2559 พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส พร้อมกับคณะแพทย์ผู้ทำการรักษา แถลงข่าวยืนยัน พระธัมมชโยอาพาธหนัก เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษไม่ได้ ขอให้ดีเอสไอมาแจ้งข้อกล่าวหาที่วัดพระธรรมกายวันที่ 16 พฤษภาคม 2559 เวลา 14.00 น.
เมื่อถึงกำหนดวันนัดพบพนักงานสอบสวน ตามหมายเรียกครั้งที่ 3 วันที่ 16 พฤษภาคม 2559 พระธัมมชโยไม่มารับทราบข้อกล่าวหา ที่ประชุมร่วมพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและอัยการมีมติรวมให้ดีเอสไอไปยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขออนุมัติหมายจับพระธัมมชโยครั้งที่ 2
วันที่ 17 พฤษภาคม 2559 มีภาพพระธัมมชโยปล่อยนกเผยแพร่ผ่านทั้งสื่อมวลชนและโซเชี่ยลมีเดีย วัดพระธรรมกายจึงออกแถลงข่าวชี้แจง และลำดับเหตุการณ์อาการอาพาธของพระธัมมชโย ระบุ ภาพปล่อยนกเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2559 พระธัมมชโยปล่อยนกหน้ากุฎิใกล้ๆ ภายในวัดพระธรรมกาย
ขณะที่ทนายความของวัดพระธรรมกาย ส่งเอกสารให้กับดีเอสไอไม่ครบถ้วน แต่ในที่สุดศาลอาญาจึงอนุมัติหมายจับพระธัมมชโยตามคำร้องของดีเอสไอ
จากนั้นนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์ของวัดพระธรรมกาย ออกแถลงการณ์ “กระบวนการสอบสวนพระธัมมชโยไม่ชอบธรรม”
วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 13.30 น. พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย แถลงข่าวยืนยันอาการอาพาธของพระธัมมชโย และไม่มีแผนหลบหนีไปต่างประเทศ ณ ห้องประชุม สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย พร้อมแสดงใบรับรองแพทย์
วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 14.30 น. นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย นำสื่อมวลชนตรวจเยี่ยมอาการอาพาธพระธัมมชโย ผ่านทีวีวงจรปิด จากนั้นก็เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงจุดยืนวัดพระธรรมกายกรณีหมายจับของดีเอสไอ
ทั้งนี้นายองอาจพาสื่อมวลชนตรวจเยี่ยมอาการอาพาธของพระธัมมชโยในห้องปลอดเชื้ออยู่ในเขตสังฆาวาส อาคารดาวดึงส์ ซึ่งไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไปในห้อง ทางวัดพระธรรมกายจึงเตรียมทีวีวงจรปิดไว้ด้านนอก ก่อนเดินเข้าไปในห้องปลอดเชื้อนายองอาจนำปากกาพร้อมกับกระดาษ A4 ให้ตัวแทนสื่อมวลชน 5 คน เขียนตัวหนังสือหรือแสดงสัญลักษณ์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงว่าเป็นการถ่ายทอดสด จากนั้นนายองอาจก็เดินเข้าไปในห้องปลอดเชื้อ พร้อมกับโชว์หนังสือพิมพ์และกระดาษ A4 ที่สื่อมวลชนเขียนสัญลักษณ์ไว้เป็นหลักฐานแสดงผ่านทีวีวงจรปิด มีการพูดคุยกับพระธัมมชโยสักพัก แพทย์ที่ทำการรักษาก็ลุกขึ้นมาเปิดผ้าห่มที่คลุมปลายขาซ้าย เพื่อให้สื่อมวลชนได้เห็นแผลที่ติดเชื้อมีอาการบวมและมีสีดำคล้ำ ยืนยันว่าพระธัมมชโยอาพาธจริงและไม่คิดหลบหนีไปต่างประเทศ หลังจากนั้นนายองอาจ นำคณะสื่อมวลชนขึ้นรถกลับมาแถลงข่าวที่ห้องประชุมสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย
นายองอาจกล่าวว่า หลังจากที่มีกระแสข่าววิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานาว่าหลวงพ่อธัมมชโยมีแผนหลบหนีไปต่างประเทศ หลวงพ่อมีอาการป่วยจริงหรือไม่ ภาพขาซ้ายที่วัดพระธรรมกายนำมาแสดงก่อนหน้านี้ทำไมสีผิวดำคล้ำไม่เหมือนสีผิวหลวงพ่อ ทางวัดพระธรรมกายจึงนำสื่อมวลชนมาตรวจเยี่ยมอาการอาพาธหลวงพ่อผ่านทีวีวงจรปิด และผู้สื่อข่าวทุกคนก็เห็นแล้วว่าหลวงพ่อป่วยจริง ไม่สามารถเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาได้ ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเดินทางมาแจ้งข้อกล่าวหาหลวงพ่อที่วัดพระธรรมกายได้ ทางวัดพระธรรมกายพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกเต็มที่ รับรองไม่มีมาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่แน่นอน คณะศิษยานุศิษย์เคารพกฎหมาย จะไม่ยอมให้มีการใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย กรณีที่มีข่าวหลวงพ่อจะหนีออกนอกประเทศ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะหลวงพ่อไม่มีหนังสือเดินทาง จะไปขอทำวีซ่ากับสถานทูตอเมริกาได้อย่างไร
นายองอาจยืนยันว่า ใบรับรองแพทย์เป็นของจริง แพทย์เดินทางมาตรวจอาการพาธของหลวงพ่อจริง ไม่มีข้อความใดเป็นเท็จ หนึ่งในแพทย์ที่เดินทางมาตรวจอาการอาพาธหลวงพ่อ เป็นแพทย์จากโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งมีสิทธิลงความเห็นและออกใบรับรองได้ ทางโรงพยาบาลต้นสังกัดได้ชี้แจงต่อดีเอสไอไปแล้ว
![พระสนิทวงศ์ วุฑิฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย](https://thaipublica.org/wp-content/uploads/2016/05/พระสนิทวงศ์-วุฑิฒิวังโส-620x419.jpg)
จากนั้น พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย อ่านแถลงข่าวจุดยืนวัดพระธรรมกาย กรณีหมายจับของดีเอสไอ ว่า ตามที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ขอออกหมายจับพระเทพญาณมหามุนี วัดพระธรรมกายขอเรียนชี้แจงดังนี้
1. พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) เคารพกระบวนการยุติธรรมและยินดีปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
2. ขณะนี้พระเทพญาณมหามุนีอาพาธ ต้องนอนพักฟื้นอยู่ที่วัดพระธรรมกาย ไม่ได้หลบหนีไปที่ใดทั้งสิ้น โดยอายุและภาวะสุขภาพของท่านซึ่งอ่อนแอมากก็ไม่สามารถเดินทางไกลได้ ท่านจึงไม่เคยเดินทางออกจากวัดมาเป็นเวลา 8 ปีแล้ว ไม่ใช่มาแกล้งป่วยในช่วงนี้ ถ้าไม่ใช่อาพาธมากจริงๆ คงไม่มีใครไม่เดินทางออกนอกวัดเลยถึง 8 ปีอย่างนี้ ที่มีบางท่านปล่อยข่าวว่าท่านจะหลบหนีไปต่างประเทศนั้น จึงไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง เพราะถ้าฝืนเดินทางไปอย่างนั้น ท่านก็คงมรณภาพกลางทาง ไม่มีประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น
3. อาการหลอดเลือดดำอุดตันทั้งสายหลักและสายรองที่ขาซ้ายของท่านเป็นมาก จนกระทั่งเมื่อลุกขึ้นนั่งเพียงเวลาสั้นๆ 3-4 นาที ขาก็จะบวมมากขึ้นตามลำดับและปวดมาก เพราะเมื่ออยู่ในท่านั่งหลอดเลือดดำบริเวณขาหนีบก็จะถูกกดทับเพิ่มขึ้นไปอีก ทำให้เลือดไหลกลับสู่หัวใจได้ยากขึ้น ต้องนอนยกขาสูงกว่าระดับหัวใจเพื่อประคับประคองอาการ ขนาดเส้นรอบวงของโคนขาซ้าย = 86 ซม. โคนขาขวา = 46 ซม. ใหญ่กว่ากันเกือบ 2 เท่า
4. วัดพระธรรมกายไม่มีนโยบายจะใช้พลังมวลชนมาต่อต้านกระบวนการทางกฎหมาย ดังจะเห็นได้จากขณะที่มีการออกหมายจับ มีผู้นำอุบาสิกาแก้วจำนวน 50,000 กว่าคนมาปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดพระธรรมกาย ทุกคนก็สวดมนต์นั่งสมาธิตามปกติ เมื่อเสร็จงานวันวิสาขบูชา ต่างก็เดินทางกลับภูมิลำเนาตามกำหนดการ
5. เพื่อให้กระบวนการทางกฎหมายสามารถดำเนินไปได้ด้วยความเรียบร้อย พระเทพญาณมหามุนีจะได้มีหนังสือแจ้งไปทางราชการว่า ท่านได้รับทราบเรื่องหมายจับแล้ว และขณะนี้ท่านพักรักษาตัวอยู่ที่วัดพระธรรมกาย จึงแจ้งมายังเจ้าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้เดินทางมาแจ้งข้อกล่าวหาได้ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2559 โดยไม่ต้องรอถึงเส้นตายวันที่ 26 พฤษภาคม 2559 ตามที่ดีเอสไอได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อไว้ ทางวัดจะอำนวยความสะดวกให้อย่างเต็มที่ ทั้งพนักงานสอบสวน อัยการที่ปรึกษา และคณะสื่อมวลชนที่จะมาทำข่าว โดยไม่มีมวลชนมาขัดขวางใดๆ ทั้งสิ้น
6. เมื่อพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว กระบวนการยุติธรรมก็จะได้ดำเนินไปตามลำดับอีกหลายขั้นตอน ทั้งดีเอสไอ อัยการ ศาล ซึ่งพระเทพญาณมหามุนีมั่นใจในความบริสุทธิ์ของท่านว่าจะได้รับความยุติธรรมจากกระบวนการยุติธรรมในที่สุด
7. การร่วมมือกันแก้ไขสถานการณ์ให้กระบวนการตามกฎหมายสามารถดำเนินไปได้ด้วยความเรียบร้อยเช่นนี้ เป็นไปตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม และเป็นผลดีต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองตามนโยบายของรัฐบาลมากที่สุด ดีกว่าการที่ต่างฝ่ายต่างถือทิฐิดึงดัน จนกระทั่งถึงกำหนดวันที่ 26 พฤษภาคม 2559 แล้ว เจ้าหน้าที่นำกำลังจำนวนมากพร้อมรถหุ้มเกราะบุกมาตรวจค้นจับตัวท่าน ซึ่งศิษยานุศิษย์จำนวนมากก็ย่อมเป็นห่วงและเดินทางมารวมตัวกันที่วัด หากมีมือที่สามสอดแทรกเข้ามาก็อาจทำให้เหตุการณ์บานปลายได้ เสียหายต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลและประเทศชาติไปทั่วโลก จึงเจริญพรมาเพื่อทราบถึงจุดยืนและท่าทีของพระเทพญาณมหามุนีและวัดพระธรรมกายโดยทั่วกัน
อ่านเพิ่มเติม ซีรีย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น