ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 22-28 พ.ย. 2558: “ปูติน-เรเซป” โต้เดือด ตุรกีสอยบินรบรัสเซียร่วง และ “ช่วยคนจน ‘ประยุทธ์’ ยัน เงินประมูล 4 จี เข้างบกลาง”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 22-28 พ.ย. 2558: “ปูติน-เรเซป” โต้เดือด ตุรกีสอยบินรบรัสเซียร่วง และ “ช่วยคนจน ‘ประยุทธ์’ ยัน เงินประมูล 4 จี เข้างบกลาง”

28 พฤศจิกายน 2015


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 22-28 พ.ย. 2558

    “ปูติน-เรเซป” โต้เดือด ตุรกีสอยบินรบรัสเซียร่วง
    “มาร์ค” ยืนยัน “หมู” ยังอยู่
    เห็นชอบแล้ว “พ.ร.บ.จีเอ็มโอ”
    รวบ “แก๊งอดีต ตชด.” เตรียมก่อวินาศกรรม กทม.
    ช่วยคนจน “ประยุทธ์” ยัน เงินประมูล 4 จี เข้างบกลาง

“ปูติน-เรเซป” โต้เดือด ตุรกีสอยบินรบรัสเซียร่วง

ที่มาภาพ : http://www.teapartytribune.com/wp-content/uploads/2015/11/ww3-turkey-shoots-down-russian-plane.jpg
ที่มาภาพ : http://www.teapartytribune.com/wp-content/uploads/2015/11/ww3-turkey-shoots-down-russian-plane.jpg
วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ที่มาภาพ: AFP
วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย
ที่มาภาพ: AFP

อีกเพียงเดือนเดียวก็จะสิ้นปี แต่พฤศจิกายนนี่กำลังจะผ่านไปนี้กับเป็นเดือนที่เรื่องร้อนระดับโลกเกิดขึ้นอย่างอาทิตย์เว้นอาทิตย์ นับตั้งแต่เหตุการณ์นักรบกลุ่มอิสลาม (ไอเอส) โจมตีกรุงปารีสในคืนวันที่ 13 พ.ย. 2558 จนมีผู้บาดเจ็บกว่า 300 รายและตายถึง 129 ถัดมาหนึ่งอาทิตย์ ในขณะที่ควันแห่งการเอาคืนไอเอสของฝรั่งเศสยังไม่ทันจางดี ก็กลับเกิดเหตุเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 ของตุรกี ยิงเครื่องบินทิ้งระเบิด ซู-24 (Su-24) ของรัสเซียตกบริเวณชายแดนประเทศตุรกีและซีเรีย เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2558 โดยให้เหตุผลว่าเครื่องบินของรัสเซียลำนั้นรุกล้ำน่านฟ้าตุรกีหลายครั้ง (10 ครั้งใน 5 นาที, อ่านรายละเอียด ที่นี่)

ทั้งนี้ นักบิน 2 คนของเครื่อง ซู-24 ที่ถูกยิงตกสามารถดีดตัวออกมาได้ แต่รายหนึ่งถูกกองกำลังกบฏในซีเรียยิงเสียชีวิต และปฏิบัติการช่วยเหลือนักบินยังทำให้รัสเซียต้องเสียนาวิกโยธินไป 1 นาย

เรืออากาศเอก คอนสแตนติน มูราคห์ติน นักบินผู้รอดชีวิตยืนยันว่าตนไม่ได้ล่วงล้ำน่านฟ้าตุรกีอย่างแน่นอน ทั้งยังยืนยันว่าไม่มีการแจ้งเตือน “หลายครั้ง” ก่อนที่จะยิงดังที่ทางตุรกีให้ข่าว เครื่องของเขาถูกยิงจากด้านหลังโดนไม่ได้รับคำเตือนใดๆ เลย

วันที่ 26 พ.ย. 2558 เว็บไซต์ไทยรัฐรายงาน ว่านายกรัฐมนตรี ดิมิทรี เมดเวเดฟ แห่งประเทศรัสเซีย กล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีซึ่งได้รับการถ่ายทอดผ่านทางโทรทัศน์ว่า รัฐบาลได้ออกคำสั่งให้มีการร่างมาตรการเพื่อตอบโต้พฤติกรรมก้าวร้าวของตุรกี ทั้งในด้านเศรษฐกิจ และมนุษยธรรม โดยจะมุ่งเน้นไปที่การจำกัดหรือ ระงับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของตุรกีในรัสเซีย และจำกัดอุปทานสินค้าซึ่งรวมทั้งอาหารด้วย

นายเมดเวเดฟระบุด้วยว่า ภาคการท่องเที่ยว, การเดินทาง, การค้า, แรงงาน, ศุลกากร และข้อตกลงด้านมนุษยธรรมกับตุรกี ก็อาจได้รับผลจากการคว่ำบาตรเช่นกัน นอกจากนี้ กฎแบบเดียวกันอาจถูกนำไปใช้กับโครงการลงทุนทั้งหมดด้วย เพื่อการร่วมมือระหว่างพวกเขากับตุรกีถูกพิจารณาด้วยความไว้วางใจในระดับสูง

นอกจากนี้ เว็บไซต์ไทยรัฐยังรายงานว่า รัสเซียกับตุรกียังคงทำ “สงครามน้ำลาย” กันอย่างต่อเนื่อง โดยประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ออกมากล่าวว่า รัสเซียยังไม่ได้รับคำขอโทษอย่างชัดเจนจากบรรดาผู้นำตุรกี, การเสนอขอค่าชดเชย หรือ คำมั่นสัญญาว่าจะลงโทษผู้กระทำผิดที่ยิงเครื่องบินรัสเซียตกเลย และพวกเขากำลังรู้สึกว่า ผู้นำตุรกีกำลังทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศมุ่งสู่ทางตัน

ด้านนาย เรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี ออกมากล่าวตอบโต้ว่า ฝ่ายที่ต้องขอโทษไม่ใช่ตุรกี แต่เป็นฝ่ายที่รุกล้ำน่านฟ้าของตุรกี ต่างหากที่ต้องขอโทษ

“มาร์ค” ยืนยัน “หมู” ยังอยู่

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ซ้าย) และ มรว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่มาภาพ: เว็บไซต์ไทยรัฐ (http://www.thairath.co.th/content/542151)
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ซ้าย) และ มรว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์
ที่มาภาพ: เว็บไซต์ไทยรัฐ (http://www.thairath.co.th/content/542151)

วันที่ 25 พ.ย. 2558 เว็บไซต์เดลินิวส์ รายงานว่านายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส. กทม. และนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวว่าคณะผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์มีมติไม่เป็นทางการให้ มรว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ พ้นสภาพจากการเป็นสมาชิกพรรค โดยนายวิลาศนั้นปฏิเสธเรื่องการประชุมพรรคว่าทำไม่ได้ เพราะยังติดคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่ มรว.สุขุมพันธุ์ควรจะพิจารณาตัวเอง เพราะการทำงานไม่เป็นที่พึงพอใจของประชาชน รวมทั้งทำให้พรรคเสียหายอยู่หลายครั้ง ส่วนนายวัชระก็บอกว่า มรว.สุขุมพันธุ์ควรพิจารณาตัวเองเช่นกัน เพราะจากการประเมินการทำงานแล้วถือว่าสอบตก

ต่อมา วันที่ 26 พ.ย. 2558 เว็บไซต์ไทยรัฐ รายงานว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงว่าไม่มีมติดังกล่าว โดยให้เหตุผลเดียวกับนายวิลาศว่าการประชุมพรรคเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ในขณะนี้เพราะยังติดคำสั่งของ คสช. ซึ่งเมื่อประชุมพรรคไม่ได้ก็ย่อมมีมติอะไรไม่ได้

นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ยังมองว่านี่ไม่ใช่เรื่องความเห็นที่ไม่ลงรอยกันระหว่างสมาชิกในพรรค แต่คือความขลุกขลักในการประสานงานระหว่างทางพรรคกับผู้ว่าฯ กทม. โดยข่าวที่ออกมาอาจเป็นเพราะเรื่องที่มีสมาชิกพรรคออกมาตรวจสอบประเด็นการทำงานที่เกี่ยวพันกับการทำงานของ กทม.

“ผมและพรรคฯก็ต้องมีความสำนึกว่า ในวันที่มีการเลือกตั้งแล้วก็ส่งท่านผู้ว่าฯลงสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคฯ ก็ได้พูดว่าจะต้องมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสิ่งต่างๆ เพราะฉะนั้นมันก็จึงเป็นหน้าที่ของผมและพรรคฯ ที่จะต้องให้ได้ข้อเท็จจริงต่างๆ เพื่อให้เกิดความกระจ่างต่อประชาชน” นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ทุกวันนี้ตนหรือว่าสมาชิกของพรรคฯ พบปะกับผู้คน โดยเฉพาะใน กทม. ก็จะถูกคนใน กทม. ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องของการบริหารงานของ กทม. ซึ่งเราก็จะมีหน้าที่ถ่ายทอดไปยัง กทม. เพราะฉะนั้นมันก็จึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องติดตามประสานงาน แต่ก็เกิดปัญหาความขลุกขลักตรงนี้ขึ้น ก็เลยเป็นที่มาของอะไรต่างๆ ที่อาจจะมีการลือ หรืออะไรกันไปที่อาจจะมีการลือ หรืออะไรกันไปนั้น แต่ว่าในที่สุดพรรคฯ ก็ต้องให้ระบบตรงนี้เดิน เพราะมันเป็นความรับผิดชอบของพรรคฯ และมันไม่ใช่เรื่องส่วนตัวตนจึงไม่เคยยอมรับว่ามันเป็นเรื่องความขัดแย้ง หรือว่าไม่ลงรอยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า พรรคฯ ก็มีหน้าที่ กทม. ก็มีหน้าที่ เรามีหน้าที่มาช่วยกันทำความกระจ่างแล้วก็แก้ปัญหาให้กับประชาชน จะเห็นว่าประเด็นที่มีการหยิบยกขึ้นมานี้มันเป็นประเด็นสำคัญ แล้วก็คนก็พูดอยู่แล้วพรรคประชาธิปัตย์เองเวลามีข้อมูล หรือข้อกล่าวหาจะจริงจะเท็จสุดแล้วแต่เกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชัน หรือการทำงานที่มีผลกระทบต่อประชาชน เราก็ต้องติดตามทำงานตรงนี้ นั่นคือหน้าที่ของนักการเมืองพรรคการเมือง

เห็นชอบแล้ว “พ.ร.บ.จีเอ็มโอ”

ที่มาภาพ: Reuters [via ผู้จัดการออนไลน์ (http://goo.gl/Wh2A5E)]
ที่มาภาพ: Reuters [via ผู้จัดการออนไลน์ (http://goo.gl/Wh2A5E)]

วันที่ 24 พ.ย. 2558 เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ รายงานว่าพล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความปลอดภัยทางชีวภาพ พ.ศ. …. เพื่อพัฒนากฎหมายในประเทศที่จะใช้ในการดำเนินการควบคุมดูแลการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่ให้เกิดวามปลอดภัยต่อความหลากหลายทาวงชีวภาพ และคำนึงถึงความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์และสอดคล้องกับการดำเนินงานในระดับสากล โดยมีสาระสำคัญดังนี้ ให้บังคับใช้หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี กำหนดสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมที่อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมาย ได้แก่ สิ่งมีชีวิตที่มีการตัดต่อ ตัดแต่ง หรือเปลี่ยนแปลงสารพันธุกรรมหรือผสมผสานสารพันธุกรรมใหม่ที่ได้จากวิธีการใช้เทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่ หรือวิธีการอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ทั้งนี้ ไม่ใช้บังคับกับสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมที่เป็นยาสำหรับมนุษย์หรือสัตว์ตามที่มีกฎหมายเฉพาะควบคุมอยู่แล้ว

นอกจากนี้ ยังห้ามมิให้มีการปลดปล่อยสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมใดๆ สู่สิ่งแวดล้อม เว้นแต่สิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมดังกล่าวจะได้ผ่านการใช้ในสภาควบคุมและการใช้ในภาคสนามเพื่อทดสอบความปลอดภัยทางชีวภาพ การประเมินความเสี่ยงอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์และสัตว์ และกำหนดให้ผู้ประกอบกิจกรรมกับสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินใหมทดแทนสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น

ในวันที่ 26 พ.ย. 2558 เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ ให้ความเห็นที่แตกต่างต่อ พ.ร.บ. ดังกล่าว ผ่านการสัมภาษณ์ ศ. ดร.พีระศักดิ์ ศรีนิเวศน์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาปรับปรุงพันธุ์พืช ภาควิชาพืชไร่นา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน (สนับสนุนจีเอ็มโอ) และ ผศ. ดร.ปิยะศักดิ์ ชอุ่มพฤกษ์ อาจารย์ประจำภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ต่อต้านจีเอ็มโอ)

โดย ศ. ดร.พีระศักดิ์ ให้ความเห็นว่า

“เหมือนสิ้นสุดการรอคอยสำหรับผมเลย แล้วก็เป็นนิมิตรหมายใหม่ให้คนที่ทำจีเอ็มโอแบบหลบๆซ่อนๆ ได้เปิดมุ้งเผยโฉมกันออกมาเสียที ซึ่งผมว่าเป็นเรื่องดีเพราะเราจะได้รู้ไปเลย ว่าขณะนี้ใครมีอะไรอยู่ในมือบ้าง ซึ่งมันจะง่ายต่อการควบคุม และมันจะไม่หลุดเหมือนที่ผ่านมาด้วย ถ้ามีการจัดระบบระเบียบเสียที แล้วผมก็รู้นะว่ารัฐบาลและคนทั่วไปยังไม่มั่นใจ ซึ่งผมเชื่อว่าคนที่ต้องการทำวิจัยจีเอ็มโอยอมที่จะลงทะเบียน หรือปฏิบัติตามกฎเกณฑ์แน่นอน แล้วผมก็จะทำวิจัยจีเอ็มโอในพืชที่ไม่ใช่พืชอาหารด้วย เลยไม่อยากให้ค้านกัน”

ใขณะที่ ผศ. ดร.ปิยะศักดิ์ ให้ความเห็นว่า

“ผมพูดเรื่องข้อเสียของของจีเอ็มโอไปบ่อยแล้ว พูดในหลากหลายมิติด้วยแต่ในเมื่อพวกคุณไม่ฟัง ผมก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากจะต้องจับตา และอยากให้ประชาชนช่วยกันจดจำด้วยว่า หัวหน้ารัฐบาลและคณะรัฐมนตรีที่ตัดสินใจให้จีเอ็มโอผ่านมีใครบ้าง เพราะเขาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ไหนว่าเราจะเป็นครัวของโลกไม่ใช่หรือ แต่ทำไมวันนี้เราสะดุดขาตัวเอง ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราจะต้องมายอมเสียผลประโยชน์ทางการเกษตรซึ่งเป็นเม็ดเงินหลักของเราไปกับการเปิดช่องทางเล็กๆ ที่ดูแล้วไม่เห็นจะมีใครได้ประโชน์”

นอกจากนี้ ในวันที่ 27 พ.ย. 2558 ยังมีจดหมายจากชมรมแพทย์ชนบทถึงกระทรวงสาธารณสุข ขอให้ปกป้องประชาชนจาก พ.ร.บ.ความปลอดภัยทางชีวภาพ (อ่านรายละเอียด คลิก)

รวบ “แก๊งอดีต ตชด.” เตรียมก่อวินาศกรรม กทม.

ที่มาภาพ: เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ (http://goo.gl/8AX5Zc)
ที่มาภาพ: เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ (http://goo.gl/8AX5Zc)

วันที่ 27 พ.ย. 2558 เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ รายงานว่าพล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่ทหารควบคุมตัว จ.ส.ต. ประธิน จันทร์เกศ อดีตตำรวจตระเวนชายแดน, นายพิษณุ พรหมสร และนายณัฐพล ณวรรณ์เล ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ หลังพบพฤติกรรมมีการสื่อสารตระเตรียมก่อเหตุวุ่นวายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า กรณีนี้ทางตำรวจสืบสวนติดตามมาตลอด เฝ้าฟัง และดำเนินกรรมวิธีข่าวกรองด้านความมั่นคงทุกมิติ กระทั่งพบข้อมูลว่ากลุ่มนี้มีความเคลื่อนไหวจะก่อเหตุไม่สงบ จึงได้สืบสวนจับกุมคุมตัวไว้ตามปรากฏข่าว แต่บอกไม่ได้ว่ามีเป้าประสงค์ก่อเหตุลักษณะใด

“ที่บอกได้คือกลุ่มนี้พุ่งเป้ามาที่ กทม. มาก่อเหตุ มีมูลว่าพุ่งเป้ามาที่บุคคลสำคัญในรัฐบาล ในทำนองว่ามาก่อวินาศกรรม วางระเบิดประมาณนั้น แต่ยังไม่ทราบแนวคิดของกลุ่มนี้มาเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองหรือไม่ เรามีหลักฐานแต่อยู่ในขั้นตอนสืบสวนสอบสวนยังไม่สามารถบอกได้ อย่างที่รู้ๆ กันก็มีข้อมูลการสื่อสาร ทั้งการติดต่อในแอพพลิเคชั่นไลน์ ลายมือชื่อ ที่ปรากฏในโลกออนไลน์ ซึ่งการที่ศาลทหารอนุมัติหมายจับผู้ต้องหากลุ่มนี้เพราะมีข้อมูลยืนยันได้ว่าจะมาก่อเหตุใน กทม.” ผบ.ตร. กล่าว

อีกทั้ง ย้ำตำรวจกำลังสืบสวนขยายผลว่ามีความเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดก่อนหน้านี้ทุกๆ เหตุ ทั้งที่ราชประสงค์ และห้างสยามพารากอน หรือไม่ ตอนนี้ให้น้ำหนักมูลเหตุจูงใจทุกประเด็นรวมถึงเรื่องการเมือง ไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง หรือให้น้ำหนักประเด็นใดเป็นพิเศษ

พล.ต.อ. จักรทิพย์ กล่าวด้วยว่า ตำรวจจะสืบสวนขยายผลขบวนการนี้ เชื่อว่ามีมากกว่า 3 คน และมีผู้ที่ใหญ่กว่านี้สั่งการอยู่ข้างบนไปอีก อย่างไรก็ตามเมื่อพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้แล้ว เจ้าหน้าที่จึงรีบเข้าไปดำเนินการจับกุม ยับยั้งเอาไว้ไม่ให้ก่อเหตุ ขอยืนยันกับประชาชนว่าอย่าตระหนกกับข่าวนี้ โดยตำรวจดูแลความปลอดภัยของประชาชน มีหน่วยข่าวกรองจับตาเฝ้าระวังคนกลุ่มนี้อย่างใกล้ชิด ป้องกันไม่ให้ก่อเหตุ เรื่องนี้ต้องสืบสวนต่อไป หาที่มาที่ไปของกลุ่มนี้ โดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคงได้สั่งให้ติดตามเฝ้าระวังเหตุต่อไปอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้คงไม่ต้องคาดโทษ หรือลงโทษตำรวจในพื้นที่ เพราะพื้นที่มีงานมากอยู่แล้ว ขณะเดียวกันสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็มีชุดพิเศษที่ทำงานด้านความมั่นคง มีเครื่องมือทำงานด้านข่าวมากกว่า ก็เข้าไปช่วยกันทำงาน

ด้าน พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ด้านความมั่นคง กล่าวว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้วและติดตามอย่างใกล้ชิด คาดว่าจะเริ่มทำสำนวนคดีนี้ได้เร็วๆนี้ เบื้องต้นทราบว่ามีการจับกุมผู้ต้องหาแล้ว เบื้องต้นข้อมูลทหารชี้ว่ากลุ่มนี้เตรียมก่อเหตุไม่สงบใน กทม. โดย พล.อ. ประวิตร ได้กำชับให้เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความสงบและความปลอดภัยในพื้นที่ กทม. อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา พ.อ. บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เข้าพบตนหารือและนำข้อมูลคดีนี้มาให้ เพื่อร่วมกันดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ช่วยคนจน “ประยุทธ์” ยัน เงินประมูล 4 จี เข้างบกลาง

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มาภาพ: เว็บไซต์ไทยรัฐ (http://www.thairath.co.th/content/542136)
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ที่มาภาพ: เว็บไซต์ไทยรัฐ (http://www.thairath.co.th/content/542136)

26 พ.ย. 2558ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีเงินที่ได้จากการประมูลคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมย่าน 1800 MHz ชุดที่ 2 ความถี่ 1725-1740 MHz คู่กับ 1820-1835 MHz ว่า จะนำมาใส่ในงบของรัฐบาล เนื่องจากรัฐบาลมีเรื่องที่ต้องดำเนินการหลายอย่าง จึงไม่จำเป็นต้องนำงบส่วนนี้ไปทำอะไรให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่เอาง่ายๆ ว่าจะต้องไปทำในสิ่งที่ใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งเงินประมูลทั้งหมดก็มาถูกแก้ไขในรัฐบาลนี้ แต่ก่อนหน้านี้ดำเนินการอะไรได้เสียที่ไหน อย่างไรก็ตาม จะแบ่งเงินจากส่วนนี้เอาเข้างบกลางของกระทรวงการคลัง เพราะถือว่าเป็นงบประมาณของรัฐ ซึ่งมีแผนงานที่รองรับอยู่แล้ว แล้วมาตรการเร่งด่วนที่ต้องทำเพื่อประชาชนผู้มีรายได้น้อย การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาในมิติอื่นๆ

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ต้องเร่งดำเนินการในทุกเรื่อง ทั้งเรื่องที่ต้องลงทุนโดยรัฐ การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) หรือการลงทุนโดยต่างประเทศ ซึ่งจะต้องทำให้เกิดความชัดเจนให้ได้โดยเร็ว แต่ในส่วนความร่วมมือในต่างประเทศ การเจรจาถือว่ามีความสำคัญ เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีความคิดเห็นที่ยังแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ยืนยันว่าจะเกิดขึ้นได้แน่นอน เริ่มต้นได้ในรัฐบาลนี้จะต้องเกิดขึ้นให้ได้ อย่างน้อยก็ให้เป็นพื้นฐาน หรือโครงการเริ่มต้นเพื่อให้รัฐบาลหน้าสานงานต่อ