เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2558 ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวชี้แจงกรณีที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ออกมาเปิดเผยตัวเลขการส่งออกในเดือนสิงหาคม 2558 ที่ติดลบถึง 6.69% พร้อมระบุว่า หากการส่งออกติดลบ 3 ปีติดต่อกัน จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ว่าเป็นเพียงการส่งคำเตือนของนายอาคม แต่การส่งออกของไทยไม่ได้แย่ขนาดนั้น เพราะในปี 2557 ก็ติดลบเพียง 6 เดือน และเป็นบวกอีก 6 เดือน ส่วนในปี 2558 แม้จะติดลบต่อเนื่อง แต่ก็เป็นไปตามภาวะตลาดโลก เพราะประเทศอื่นๆ ก็ติดลบด้วย โดยไทยยังติดอันดับผู้ส่งออก 5 อันดับแรกของโลก แต่สาเหตุที่มีตัวเลขติดลบเพราะสินค้าเกษตรมีมูลค่าลดลง ทั้งที่สามารถส่งได้ปริมาณมากขึ้น ทั้งนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคในภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะยุโรปกับสหรัฐอเมริกา เริ่มดีขึ้น จึงเชื่อว่าในปี 2559 การส่งออกของไทยจะกลับมาได้ ดังนั้น ที่ห่วงว่าการส่งออกไทยจะติดลบ 3 ปีติดต่อกัน จึงเป็นเรี่องที่เป็นไปไม่ได้ ขอให้เลิกฝันร้ายได้แล้ว(อ่านเพิ่มเติม)
“แต่แม้จะมีโอกาสตีกลับ คงไม่กลับไปโต 15-20% เหมือนในอดีตอีกแล้ว เพราะสินค้าของไทยแข่งกับเขาเริ่มไม่ไหว จึงต้องหาทางที่จะโตจากภายในให้มีความเข้มแข็งก่อน มุ่งเน้นเศรษฐกิจระดับชุมชนเป็นหลัก เพื่อให้ภายในมีความสมดุลกับภายนอก” นายสมคิดกล่าว
นายสมคิดยังกล่าวว่า สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมวงเงิน 2.36 แสนล้านบาท ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพิ่งอนุมัติไปเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ขณะนี้เม็ดเงินยังไม่ลงไปถึงข้างหน้า ถ้าลงถึงและดันให้เร็ว คาดว่าในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปี 2558 จะเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้เศรษฐกิจสามารถเดินหน้าไปได้ นอกจากนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในไทย ปีนี้น่าจะแตะ 30 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 24 ล้านคน หรือราว 20% ซึ่งตนคำนวณมาหากเพิ่มในอัตรานี้อีก 3 ปี จำนวนนักท่องเที่ยวจะพุ่งสูงถึง 50 ล้านคน ที่สำคัญนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในไทยใช้จ่ายเฉลี่ยสูงกว่านักท่องเที่ยวในหลายๆ ชาติ ตนจึงได้หารือกับนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีอำนาจการซื้อสูง เช่น จากอาเซียน ตะวันออกกลาง หรือจีน หากมีนักท่องเที่ยวถึง 50 ล้านคนจริง น่าสนใจจะสร้างรายได้มากขนาดไหน เพราะแค่ 30 ล้านคน ก็ยังสร้างรายได้ถึง 2.2 ล้านล้านบาท หรือ 14-15% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP)
รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า เรื่องส่งออกกระทรวงพาณิชย์ทำงานอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ที่เหลือคือภาคเอกชนว่าจะเดินหน้าแค่ไหน ทั้งนี้ รัฐบาลเตรียมที่จะออกมาตรการจูงใจให้เอกชนลงทุนได้เร็วขึ้น เพราะในอีก 6 เดือนข้างหน้า ถ้าภาคเอกชนลงทุนเร็วกว่านี้ เศรษฐกิจก็จะดีขึ้นในไม่ช้า
“เศรษฐกิจเป็นเรี่องของความเชื่อมั่น ถ้านำเสนอแต่ข่าวไม่ดีก็จะมีผลกระทบ ไม่ว่าออกมากี่นโยบายก็ช่วยไม่ได้ การประคับประคองให้คนมั่นใจเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะเราเพิ่งผ่านเรื่องร้ายๆ มาเกือบสิบปี จึงอยากให้ทุกคนมาช่วยกัน สิ่งที่นายอาคมพูดเป็นเพียงการส่งสัญญาณเตือนเท่านั้น แต่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริง” นายสมคิดกล่าว