ThaiPublica > คอลัมน์ > Rich Hill รอยยิ้มอันแสนเศร้า

Rich Hill รอยยิ้มอันแสนเศร้า

26 กรกฎาคม 2015


1721955

1 OPEN rich-hill-trio

นี่คือสารคดีที่โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนมักหลีกเลี่ยงที่จะดู เพราะรู้ตัวว่าเปราะบางเกินกว่าจะทนรับรู้เรื่องราวเหล่านี้ได้ เรื่องจำพวกที่อาจทำให้น้ำตาหล่นเอาง่ายๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าสารคดีเจ้าของรางวัลแกรนด์จูรีไพรซ์ จากเทศกาลหนังซันแดนซ์เรื่องนี้ Rich Hill (2014) จะเป็นสารคดีฟูมฟายตีแผ่เรื่องเศร้าสาวไส้ดราม่า ตรงกันข้ามเลย เพราะนี่คือสารคดีที่จงใจจะไม่เรียกน้ำตา เด็กผู้ชายพวกนี้ไม่ได้ทำตัวซึมเศร้า พวกเขามีอารมณ์ขัน และเลือกวิธีที่จะขจัดความเศร้าความเจ็บปวดด้วยท่าทีกร้านโลก ขำขำกับชีวิต โดยที่ไม่ได้ดูเสแสร้งต่อหน้ากล้องเลยแม้สักนิดเดียว แต่นั่นกลับยิ่งทำให้คนดูหนังเรื่องนี้ใจสลาย

หนังสือพิมพ์ บอสตัน โกลบ จั่วหัวว่า “Rich Hill มีพลังที่จะทำให้น้ำตาคุณร่วงมากกว่าหนึ่งครั้ง”

ส่วน เดอะ วอชิงตัน โพสต์ ก็บอกว่า “Rich Hill ไม่ใช่แค่สารคดีที่จะพาคุณไปทำความรู้จักกับเด็กผู้ชายพวกนี้เท่านั้น แต่มันยังทำให้คุณแคร์พวกเขาด้วย”

Rich Hill 2

Rich Hill เป็นเมืองในรัฐมิสซูรี อเมริกา ชื่อเมืองนี้ฟังดูเสียดสีไม่น้อย (ยิ่งถ้าได้รู้ว่าเมืองถัดไปชื่อ Happy Hill) เมื่อมันมีความหมายว่า ‘เนินเขาร่ำรวย’ เพราะเคยอู้ฟู่เมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ด้วยว่าเคยเป็นเหมืองถ่านหินมาก่อน กระทั่งผู้คนเลิกใช้สินแร่ชนิดนี้แล้ว เหมืองจึงปิดตัว ชาวบ้านต่างพากันอพยพออก ปัจจุบันจึงมีประชากรน้อยนิดแค่ 1,393 คน และสารคดีเรื่องนี้เล่าชีวิตเล็กๆของเด็กชายห่ามๆสามคนในนั้น

Rich Hill 3

แอนดรูว์ วัย 14 ปี อาศัยอยู่กับพ่อแม่และน้องสาวฝาแฝดของเขา ภายในครอบครัวที่เต็มไปด้วยความรักความอบอุ่น แต่พวกเขาย้ายบ้านบ่อย เพราะพ่อไม่มีปัญญาจะจ่ายค่าเช่าบ้าน พวกเขาจึงมาลงเอยกันที่เมืองนี้ เพราะค่าครองชีพที่นี่ไม่แพง และแอนดรูว์หวังว่าจะไม่ต้องย้ายหนีไปไหนอีก เขาฝันไว้ว่า “สักวันพวกเราจะมีบ้านหลังใหญ่ อยู่ริมทะเลสาป” เขาเป็นนักฟุตบอลประจำโรงเรียน ว่างๆก็ไปยกเวทอัปหุ่นให้ล่ำขึ้น เพื่อกรุยทางอนาคตสำหรับโอกาสแจ้งเกิดในวงการบันเทิง แต่ทุกวันนี้เขาถูกคนอื่นมองว่า “ไม่มีใครชายตาแลพวกเราเลย ผู้คนเชิดใส่เรา แอ็คท่าราวกับว่าพวกเขาดีเด่เริ่ดหรูกว่าเรา…แต่เราไม่ใช่ขยะสังคม พวกเราเป็นคนดี”

Rich Hill 4

อาปาเช วัย 13 ปี ทันทีที่เขาปรากฎตัว เด็กขาโจ๋รายนี้อาจทำให้คุณคิดว่าเขาเป็นพวกก้าวร้าว เขาชอบชกกำแพง มือคีบบุหรี่พ่นควันตลอดเวลา พร้อมกับสบถคำหยาบแทบจะทุกประโยค แต่ถ้าได้นั่งฟังเขาพล่ามสักพัก คุณจะได้เห็นความเปราะบางภายในจิตใจเขา เขาจะอวดนั่นอวดนี่ให้ดู โดยเฉพาะบทกวีที่เขาเขียน และสเก็ตบอร์ดของรัก หรือสถานที่ลับส่วนตัวใต้สะพาน เขาเป็นเด็กฉลาด แต่ชอบบ่นงึมงำ และทำอะไรซ้ำๆ หรือจู่ๆก็ตะโกนใส่หน้าคนอื่น เขาใฝ่ฝันว่า “สักวันผมจะไปเป็นครูสอนศิลปะที่เมืองจีน ที่นั่นผมจะได้นั่งวาดรูปมังกรทั้งวันเลย” พ่อทิ้งเขาไปตั้งแต่เขาหกขวบ และเร็วๆนี้เขาต้องขึ้นศาลพินิจเยาวชน

Rich Hill 5

ฮาร์เลย์ วัย 15 ปี ตั้งแต่ต้นเรื่องหนังก็เกริ่นว่าเขามีแม่ติดคุกในข้อหาพยายามฆ่าพ่อเลี้ยงของเขา ตัวเขาต้องรับยาเพื่อบำบัดอารมณ์หงุดหงิดและหวาดกลัว เขาไม่เรียนหนังสือและใช้ชีวิตทั้งวันจมจ่อมอยู่แต่บนโซฟาหน้าจอทีวี คนเดียวที่คอยเยียวยาให้เขาหายกลัวได้ก็คือยาย บ่อยครั้งที่เขามักจะเรียกหายายในเวลาค่ำคืนว่า “แวะมาดูผมหน่อย เพราะเรื่องร้ายอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา” เขาชอบสะสมมีด ซุกมันไว้ตามกล่องรองเท้า หลังจากที่ไม่เข้าเรียนสักเดือนกว่า ครูฝ่ายปกครองก็เชิญเขามาคุย “การศึกษาคือสิ่งสำคัญที่สุดนะ” ครูสอน แต่ฮาร์เลย์สวนกลับทันทีว่า “ไม่” เขาเถียงมือสั่น “สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมคือครอบครัว!” เขามักจะปล่อยมุขตลกฝืดๆ แต่แล้วจู่ๆเขาก็โพล่งขึ้นว่า “เคยมีบางอย่างเกิดขึ้นกับผม ผมเกือบจะลืมมันไปได้แล้วล่ะ ปกติผมไม่ค่อยอยากจะพูดถึงมัน เพราะผมไม่อยากจะคิดถึงมันมากนัก…”

โปรดิวเซอร์ และผู้กำกับ เทรซี่ ดรอซ ทรากอส เล่าที่มาให้ฟังว่า “สารคดีเรื่องแรกของฉัน Be Good, Smile Pretty (2003) เกิดขึ้นหลังจากฉันไปคุ้ยเจอภาพถ่ายของพ่อในวันที่เขาถูกฆ่าตายในเวียดนาม หนังเรื่องนั้นประสบความสำเร็จอย่างมาก และคว้ารางวัลเอ็มมีเมื่อปี2004 แต่แล้วฉันกลับพบว่ายากที่จะหาโปรเจ็กต์อื่นที่ทำให้ฉันเกิดความรู้สึกร่วมและอยากจะทำได้ กระทั่งในปี2011 ฉันได้กลับมาเจอลูกพี่ลูกน้องของฉันอีกครั้ง เขาคือ แอนดรูว์ ดรอซ ปาเลอร์โม พวกเรารื้อฟื้นความหลังเกี่ยวกับบ้านเกิดของพ่อแม่พวกเรา ซึ่งก็คือเมืองริชฮิลนี่ล่ะ” ขณะนั้นแอนดรูว์กำลังสร้างชื่อจากการกำกับภาพให้หนังสยองทุนต่ำที่ทั้งกวาดรางวัลและโกยรายได้เรื่อง You’re Next (2011)

Rich Hill 6

“ตอนเด็กๆพ่อมักจะพาฉันกลับไปเยี่ยมบ้านที่นั่นทุกซัมเมอร์ ซึ่งทุกวันนี้มีแต่คนตกงานเพียบ กิจการต่างๆพากันเจ๊ง และมีครอบครัวล่มสลายเยอะมาก สิ่งเหล่านี้เชื่อมโยงฉันกับแอนดรูว์ ทำให้เราอยากรู้ว่าทำไมผู้คนจำนวนหนึ่งจึงยังคงอาศัยอยู่ที่นั่น เมืองผุพังที่ไม่เหลืออะไรให้ขุดคุ้ยอีกแล้ว” พฤศจิกาปีนั้นพวกเขาเริ่มถ่ายสารคดีเรื่องนี้ ด้วยการตระเวนสำรวจบรรยากาศรอบๆเมือง โชคดีที่ปู่ของพวกเขาเป็นที่รู้จักของผู้คนในเมืองเพราะมีกิจการค้าของชำเล็กๆ ส่วนคุณยายก็เคยเป็นครูมาก่อน

แอนดรูว์ ดรอซ ปาเลอร์โม โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ และผู้กำกับภาพ เล่าเสริมว่า “เราเจอเด็กๆในหนังของเราด้วยหนทางที่ต่างกันไป อย่างอาปาเช่เรารู้จักเขาเพราะครูบอก เราชอบเขาทันทีที่เจอ ภายนอกเขาดูเป็นเด็กหัวดื้อ แต่ระหว่างที่เขาคุยต่อหน้ากล้อง เราก็พบว่าเขาฉลาดและแก่แดดเกินอายุ ขณะที่ฮาร์เลย์เราไปคุยกับญาติของเขาก่อน แล้วเทรซีก็เหลือบไปเห็นเขานั่งเงียบๆอยู่บนโซฟา เธอว่าเขาดูมีอะไรบางอย่างน่าสนใจ ส่วนแอนดรูว์ผมเห็นเขาเล่นบาสกับเพื่อนๆในสวนสาธารณะ จนครอบครัวเขาชวนพวกเราไปเที่ยวบ้าน ผมก็รู้เลยว่าสามคนนี้ล่ะที่เราอยากจะตามติดชีวิต เพราะพวกเขาไม่กลัวที่จะแชร์เรื่องราวต่างๆให้เราฟัง”

เทรซีบอกด้วยว่า “ในฐานะที่ฉันเป็นแม่คน ฉันทำใจหันหลังให้กับเรื่องราวของเด็กพวกนี้ไม่ได้เลย มันไม่ใช่แค่เพราะว่าฉันมีส่วนร่วมกับสถานที่แห่งความหลังแห่งนี้ แต่นี่คือเรื่องราวของครอบครัวเล็กๆในสังคมอเมริกา เมืองที่เคยรุ่งโรจน์ในยุคอเมริกันดรีม แต่บัดนี้กลับถูกทอดทิ้งแทบจะร้างไร้ผู้คน”

ผู้กำกับแอนดรูว์บอกต่ออีกว่า “เราถ่ายทำกันปีครึ่ง ได้ฟุตเตจมาร่วม 450ชั่วโมง เราเห็นพวกเขาเติบโต พวกเขาเข้มแข็งขึ้นมาก ผมดูฟุตเตจเหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเขาทำให้หัวใจผมแหลกสลาย ผมเริ่มเข้าใจอะไรมากกว่าคราวแรกๆที่ถ่ายทำ พวกเขาทั้งสร้างและรื้อทำลายอะไรอีกหลายๆอย่างในใจผมในระหว่างที่พวกเราคลุกคลีกัน ความโดดเดี่ยว การโดนดูถูก การถูกทอดทิ้ง การถูกมองในแง่ร้าย เต็มไปด้วยบาดแผลในจิตใจ สิ่งเหล่านี้ล้วนเคยเกิดกับผมหรือใครต่อใครมาก่อนแล้วทั้งนั้น ตอนที่เราต่างก็อายุไล่เลี่ยกับพวกเขา”

Rich Hill 7

แต่ถ้าหวังจะได้เห็นน้ำตาของเด็กเหล่านี้ปรากฎบนจอสักหยด นี่จะไม่ใช่สารคดีแบบนั้นเลย ตรงกันข้าม พวกเขากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ยกตัวอย่างฉากหนึ่ง ฮาเลย์โดดลุกขึ้นจากเตียงแต่เช้ามืด “วันนี้มันต้องเชี่ยแน่ๆ” เขาบ่นเดินวนไปวนมา “วันนี้เป็นวันเกิดผม ผมกำลังจะอายุสิบหก” เขาพูดขณะพ่นบุหรี่ ด้วยเสียงสั่นเครือ จากนั้นก็พยายามจะฝืนยิ้ม ตัวสั่น ก่อนจะอัดบุหรี่เข้าปอดอีกสักปื้ด เช้าวันนั้นเขาบอกครูฝ่ายปกครองถึงเหตุผลที่ไม่อยากมาโรงเรียนเพราะ “ผมหายใจไม่ออก ผมอยู่ในโรงเรียนไม่ได้” เขายิ้มด้วยสีหน้าที่ใครๆต้องหาว่าเขากวนประสาทแน่ๆ ตอนหนึ่งยายเล่าเรื่องแม่ของฮาร์ลีย์ที่ติดคุกอยู่ให้ฟังว่า “แม่เขาไม่ได้เป็นตัวอันตรายอย่างที่คนอื่นคิดหรอกนะ” แล้วจู่ๆฮาร์เลย์ก็เล่าด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “มีไม่กี่คนหรอกที่จะรู้ความจริงทั้งหมด…ผมเคยถูกพ่อเลี้ยง…ข่มขืน”

ผู้กำกับแอนดรูว์ปิดท้ายว่า “คำถามหนึ่งที่ผมเชื่อว่าคนเรามักจะถามตัวเองบ่อยๆว่า ถ้าเราสามารถจะเลือกเกิดได้ สามารถเปลี่ยนแปลงอดีตได้ เราจะเลือกทางเดินชีวิตที่ต่างออกไปและดีกว่าที่เป็นอยู่ไหม? ส่วนตัวผมกลับเห็นว่า ถ้าผมมีชีวิตต่างไปจากที่ผมเป็น ผมคงไม่ได้เป็นผมอย่างที่ผมภาคภูมิใจในทุกวันนี้หรอก”

ป้ายคำ :