ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – “ประชาชนแห่ถอนเงินธนาคารออมสิน อีกด้านกลุ่มนักธุรกิจนัดรวมตัวฝากเงินช่วยชาวนา” และ “ภารกิจขอคืนพื้นที่ เจ้าหน้าที่ปะทะมวลชน บาดเจ็บ 64 ตาย 5”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – “ประชาชนแห่ถอนเงินธนาคารออมสิน อีกด้านกลุ่มนักธุรกิจนัดรวมตัวฝากเงินช่วยชาวนา” และ “ภารกิจขอคืนพื้นที่ เจ้าหน้าที่ปะทะมวลชน บาดเจ็บ 64 ตาย 5”

22 กุมภาพันธ์ 2014


ประชาชนแห่ถอนเงินธนาคารออมสิน อีกด้านกลุ่มนักธุรกิจนัดรวมตัวฝากเงินช่วยชาวนา

ภารกิจขอคืนพื้นที่ เจ้าหน้าที่ปะทะมวลชน บาดเจ็บ 64 ตาย 5

CNN รายงานข่าว ภาพอีกมุมเหตุปาระเบิดใส่กลุ่มตำรวจ

ยิ่งลักษณ์แถลง เงินชาวนายังไม่ได้เพราะมีเกมการเมืองขัดขวาง

เหตุระเบิด กปปส. ราชประสงค์ คืนวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์

อ่านต่อ…

ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากสุดในโซเชียลมีเดียในรอบสัปดาห์ 16-22 กุมภาพันธ์ 2557

เรื่องแรก จากกรณีที่ นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ออกมายอมรับว่า ธนาคารออมสินได้มีการปล่อยเงินกู้ในรูปแบบอินเตอร์แบงก์ให้กับ ธ.ก.ส. เพื่อนำมาชำระหนี้ให้กับชาวนาในโครงการรับจำนำข้าว จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์ประชาชนต่างพากันถอนเงินและปิดบัญชีกับธนาคารออมสินกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งประชาชนที่ไปถอนเงินรวมไปถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคมต่างพากันโพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพที่ตนเองเดินทางไปถอนเงินกันหลายราย

ความโกลาหลของการพร้อมใจกันไปถอนเงินออกจากธนาคารออมสินนั้น ทำให้นายวรวิทย์ถึงกับต้องรีบออกมาแถลงยุติการปล่อยเงินกู้ให้กับ ธ.ก.ส. เพื่อหวังยุติการถอนเงินจากประชาชน แต่ก็ยังไม่สร้างความไว้วางใจให้ประชาชนมากพอ จนนายวรวิทย์ต้องรับผิดชอบเรื่องราวทั้งหมดด้วยการลาออก พร้อมเหตุผลที่ว่าไม่อยากให้คนภายนอกมองว่าธนาคารออมสินเป็นธนาคารเสื้อแดง อีกทั้งปัญหาทั้งหมดต้องได้รับการรับผิดชอบ และตนขอเป็นผู้รับผิดชอบเพียงผู้เดียว

นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน แถลงข่าวชี้แจงกรณีออมสินปล่อยกู้ธ.ก.ส. 5,000 ล้านบาท  เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2557
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน แถลงข่าวชี้แจงกรณีออมสินปล่อยกู้ธ.ก.ส. 5,000 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2557

อย่างไรก็ตาม นอกจากจะมีประชาชนจำนวนมากที่แห่กันไปถอนเงิน ก็ยังมีประชาชนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ส่วนมากเป็นนักธุรกิจ ได้มีการนัดรวมตัวกันเพื่อทำการนำเงินไปฝากที่ธนาคารออมสิน ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการให้สถานะทางการเงินของธนาคารมั่นคง และเพื่อเป็นการช่วยเหลือกลุ่มชาวนาที่กำลังเดือดร้อน

โดยข้อมูลในช่วง 4 วันที่ประชาชนต่างพากันไปถอนเงินกันเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่วันที่ 17-20 กุมภาพันธ์ 2557 ธนาคารมีเงินไหลออกสุทธิรวมประมาณ 60,900 ล้านบาท โดยมียอดถอนเงินรวม 105,700 ล้านบาท และยอดฝากเงินรวมอยู่ที่ 44,800 ล้านบาท สำหรับยอดการฝาก-ถอนเงิน ของวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 ธนาคารออมสินมียอดฝากเงิน 12,000 ล้านบาท ถอนเงิน 24,000 ล้านบาท สุทธิติดลบ 12,000 ล้านบาท วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557 มียอดฝากเงิน 10,800 ล้านบาท ถอนเงิน 38,000 ล้านบาท สุทธิติดลบ 27,200 ล้านบาท และวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 มียอดฝาก 10,000 ล้านบาท และถอนเงิน 30,000 ล้านบาท สุทธิติดลบ 20,000 ล้านบาท (ข้อมูลเว็บไซต์จากกรุงเทพธุรกิจ)

“ผมก็มีความตั้งใจจะไปถอนเช่นกัน แม้ผมจะมีเงินไม่ค่อยมาก แต่ก็เป็นจำนวนเงินที่จะแสดงให้ทราบได้ผมก็อีกคน ที่ไม่พอใจในการกระทำของพวกคุณ”

“การสร้างกระแสว่าประชาชนถอนเงินเกิดจาก กปปส ขัดขวาง ธนาคารออมสินนำเงินไปให้รัฐบาลแก้ปัญหาจำนำข้าวเป็นสิ่งที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ในความเป็นจริง ที่ ประชาชนแห่กันไปถอนเงินเกิดจากไม่มีความมั่นใจว่าเงินฝากของตนจะอยู่ครบถ้วนหรือสูญกรณีออมสินจะนำเงินจำนวนมากกว่าแสนล้านออกไปให้ใช้ลักษณะกู้ยืมโครงการจำนำข้าว ใน ขณะเดียวกัน การที่กลุ่มตรงข้ามผู้ชุมนุมนำเงินไปฝากเพิ่มเป็นการปลุกกระแสให้ประชาชนรู้สึกเหมือนถูกสบประมาทจึงมีการแห่ถอนเงินเพิ่ม นี่คือความเป็นจริง ส่วนธนาคารทั้งของรัฐและพาณิชย์เอง ที่ไม่กล้าให้รัฐกู้ยืมเพราะมีผลทางกฎหมาย ไม่ใช่เพราะกลัวผู้ชุมนุมไปถอนเงิน ตามที่มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารในขณะนี้”

“จำไดัว่ามันมีกฎหมายที่ระบุการรับผิดชอบเงินของธนาคารหากเกิดกรณีธนาคารล้มนี่ครับ ถ้าจำไม่ผิด เช่นฝาก 100 ล้านรับผิดชอบสูงสุด ล้านเดียวใช่มั๊ย คนถึงไดัแห่ถอน เหมือนประชาชนดูออกว่าจะถูกลอยแพ”

“สมควรละ ปล่อยเงินกู้แบบไม่ชัดเจน การกู้แบบ inter-bank คือการกู้เสริมสภาพคล่องให้ธนาคาร ในระยะเวลาสั้นๆ แต่ ธกส ออกมายืนกรานว่ามีเงินสำรองสำหรับสภาพคล่องดีอยู่แล้ว แต่นี้อะไร ระยะเวลาในการกู้ไม่บอก คนค้ำประกันไม่มี ดอกเบี้ยที่ให้กู้ไม่บอก คนเขากลัวเงินตัวเองหาย ก็ย่อมถอนเป็นธรรมดา ทำธุรกรรมมีพิรุธ น่าสงสัย ปล.สงสารชาวนา ที่โดนรัฐบาลจับเป็นตัวประกัน ”

“ถ้าไม่ใจร้ายเกินไป ไม่ถอนก็ได้นะ ช่วยชาวนากับความผิดผู้กระทำมันคนละส่วน ไม่ใช่เหรอ โลกสวยนะ แต่ เราก็คนไทยด้วยกัน เห็นใจชาวนา มากที่ถูกหลอกถูกโกง จะซ้ำเติมกันไปถึงไหน”

“ชาวนาเห็นแก่ตัวเพราะจะเอาเงินของประชาชนคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องมาให้ตัวเอง (เรียกร้องความเห็นใจแบบนี้คือรูปแบบหนึ่งของการเห็นแก่ตัว) ฉะนั้นมองให้ถูกดีกว่า ว่าใครผิด? คนที่รับจำนำข้าวแล้วไม่ยอมจ่ายเงินให้คุณรึเปล่า เขากำลังจะมาโกงคนอื่นเพื่อคืนเงินพวกคุณ คุณก็ไม่ต่างกับโจรที่ลักเขาต่อ จริงไหม?”

เรื่องที่สอง จากการชุมนุมที่ยาวนานของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) ทำให้รัฐบาลต้องค่อยๆ หาลู่ทางที่จะยุติการชุมนุม เพื่อให้ทิศทางของประเทศเดินหน้าต่อไป จึงทำให้ในรอบสัปดาห์นี้ ศูนย์รักษาความสงบหรือ ศรส. ได้ดำเนินการ “ขอคืนพื้นที่” กับภารกิจคืนความสงบ กทม. หรือ Peace for Bangkok Mission ในวันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ทำให้เกิดการปะทะกันและนำไปสู่สถานการณ์ที่ตึงเครียดจนถึงขั้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บ

ที่มาภาพ : http://news.voicetv.co.thdemocracycrisis97607.html
ที่มาภาพ: http://news.voicetv.co.thdemocracycrisis97607.html

ภารกิจนี้ใช้กำลังตำรวจกว่า 25,000 นายประจำทั้ง 5 จุด โดยที่กระทรวงพลังงานขอคืนพื้นที่ได้สำเร็เวลา 06.00 น. ต่อมาเวลา 07.00 น. ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เกิดการปะทะกัน ทั้งยังมีการรื้อข้าวของสิ่งกีดขวางต่างๆ และต้องมีการเจรจากันยาวนาน แต่ไม่ได้ข้อสรุป และต่อมาที่กระทรวงมหาดไทย ผู้ชุมนุมมีการยึดรถเมล์และปิดเส้นทางไม่ให้ตำรวจเข้า จนตำรวจที่ตรึงกำลังรออยู่ต้องถอนกำลังออกไปในที่สุดเวลา 13.30 น. จุดต่อมาที่ทำเนียบรัฐบาล ต้องใช้กำลังถึง 40 กองร้อย ประจันหน้ากับผู้ชุมนุมในระยะ 100 เมตร ทั้งยังมีการส่งตัวเทนเพื่อการเจรจา ในที่สุดผู้ชุมนุมก็ยอมเปิดทางให้เพื่อให้เป็นสถานที่จัดงานกาชาด และจุดที่ 5 สถานที่ขอคืนพื้นที่ที่ตึงเครียดที่สุด คือ สะพานผ่านฟ้าลีลาศ เพราะมีการปะทะกันอย่างรุนแรง ทั้งยังมีการยิงแก๊สน้ำตา มีเสียงดังคล้ายเสียงปืนและระเบิด เกิดการชิงตัวแกนนำ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ที่ถูกจับตัวไปและชิงตัวคืนมาได้ กระทั่งภาพของหญิงสาวที่นั่งสวดมนต์ประจันหน้าตรงแนวรั้วของตำรวจ จนเป็นภาพที่ถูกแชร์ต่อและพูดถึงในวงกว้าง โดยเหตุการณ์การปะทะกันในวันดังกล่าวส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บรวม 64 ราย และเสียชีวิต 5 ราย ทั้งฝ่ายผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจ

“ทุกปัญหามีทางออก แต่ไม่มีใครคิดจะแก้ปัญหา มีแต่สร้างปัญหา สร้างความแตกแยก ชิงชัง เข่นฆ่ากัน สงสารประเทศไทย ไทยฆ่าไทยให้ชาติอื่นครอง วิญญาณปู่จะร้องคุณลูกหลานคนไม่ดี”

“ตำรวจเค้าทำตามหน้าที่ถ้าโดนไล่ออกใครหน้าไหนมาดูแลครอบครัวไหนลูกที่ต้องเรียนค่านมค่าใช้จ่ายทุกๆ อย่าง เข้าใจกันบ้าง”

“ขอส่งกำลังใจให้มวลมหาชนและกำนันสุเทพ ขอให้รักษาชีวิตให้ดี และสู้ต่อไปค่ะ พระคุ้มครองคนดีแน่นอน เราทำเพื่อประเทศชาติ แต่คุณคนที่ทำเพื่อพวกพ้องและตระกูลตนเอง ต้องมีอันเป็นไปตอนนี้รัฐบาลใกล้ล้มแล้ว แค่ผลักก็เซแล้ว ขอให้มวลชนชนะในเร็ววันค่ะ”

“กฎหมายที่เอามาทำเป็นข้ออ้างกับประชาชน แต่คนที่ถือกฎหมายกลับทำผิดซ้ำจะแก้กฎหมายเพื่อล้างความผิด นี้หรือว่ะคนที่จะมาเป็นผู้นำ ใครทำผิดก้อต้องโดนลงโทษไม่ว่า ทักษิณ หรือ สุเทพ ถึงจะถูกต้องไม่ใช่เลือกข้างนะ”

“อยากถามม็อบว่าเมื่อรัฐบาลออกไปเเล้วเราจะเอาอะไร เเถลงการหรือนโยบายที่จะดูเเลประเทศต่อเป็นอย่าไรใครมีคลิปช่วยเอามาลงหน่อยค่ะอยากรู้ก็รู้ว่ารัฐบาลนี้โกงเเล้วรัฐบาลใหม่จะทำอย่างไรคะ ให้เรามั่นใจว่าคุณจะกินเเต่พออิ่ม ชุมนุมกันก็นานเเล้วจนเริ่มมีคนตายเเล้วอย่าให้รุนเเรงไปกว่านี้เลย รัฐบาลก็เลิกด้านเสียทีส่วนม็อบก็สลายกลับบ้านสักเจ็ดวันดีมั้ยเเล้วค่อยดูท่าทีรัฐบาลจะได้ลดความตึงเครียดบ้าง จัดทำเว็บไซต์โหวตประชาพิจารณ์ดีมั้ยใช้เลขที่บัตรประชาชนล็อกอินเข้าไปโหวต (เลขที่ผู้เสีภาษีก็ได้ถ้าคนกลัวคนสวมบัตรไปโหวต) จะได้รู้ว่าเสียงส่วนใหญ่เป็นอย่างไร ถ้านโยบายใครดีประชาชนก็เข้าข้างอยู่เเล้ว เบื่อเเล้วที่เอาชื่อสัตว์เอาบรรพบุรุษมาด่ากัน เเล้วก็เบื่อทีวีเเต่ละสีจังไม่เป็นกลางเลย ถ้าสื่อเป็นอย่างงี้เเล้วจะหาข่าวที่ไหนเนี่ย”

“ต้องให้มีคนเจ็บล้มตายอีกซักกี่คนพวกคุณถึงจะพอ ทั้งพวกสุเทพและรัฐบาล ประเทศไทยคงไม่มีทางที่จะเจริญมากไปกว่านี้แล้ว ถ้ายังทะเลาะกันแบบนี้”

เรื่องที่สาม ยังคงเป็นเรื่องต่อเนื่องของภารกิจการขอคืนพื้นที่ในวันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557 ที่นอกจากเป็นกระแสให้มีการรายงานความเคลื่อนไหวของการปฏิบัติภารกิจผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กกันเป็นระยะๆ แล้ว ยังมีภาพที่ถูกแชร์ต่อกันมากไม่ว่าจะเป็นภาพหญิงสาวที่นั่งสวดมนต์ตรงหน้าแนวรั้วของตำรวจ หรือกระทั่งภาพการปะทะที่มีการปาระเบิดใส่กลุ่มของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเห็นเป็นภาพของ ด.ต.ธีระเดช เล็กภู่ อายุ 44 ปี ที่พยายามใช้เท้าเตะระเบิดเพื่อช่วยชีวิตเพื่อนตำรวจจนตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัส และภาพนี้ก็เป็นกระแสให้ได้พูดถึงในสังคมไทยถึงเรื่องว่าเหตุใดผู้ชุมนุมจึงได้มีอาวุธร้ายแรง และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เป็นผู้ถูกกระทำจนได้รับบาดเจ็บ

ที่มาภาพ : http://www.naewna.compolitic91611
ที่มาภาพ: http://www.naewna.compolitic91611

ขณะที่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นเปิดเผยคลิปการปะทะกันของตำรวจและผู้ชุมนุม ซึ่งภาพที่ได้ตรงกันข้ามกับความเข้าใจของโซเชียลเน็ตเวิร์กไทย ที่เห็นว่าผู้ชุมนุมปาระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะช่างภาพจากซีเอ็นเอ็นได้ทำการบันทึกภาพอยู่ด้านข้าง จึงเห็นชัดว่ามีตำรวจคนหนึ่งในกลุ่ม เป็นผู้โยนวัตถุคล้ายระเบิดออกมาจากกลุ่มตำรวจ นอกจากนี้ยังมีภาพที่เห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ปืนพกสั้นในการขอคืนพื้นที่อีกด้วย ซึ่งทาง ศรส. ก็ได้มีการอธิบายยืนยันว่าหน่วยเผชิญหน้าจะไม่มีอาวุธสงคราม จะมีเพียงอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนคือโล่และกระบอง แต่ชุดระวังป้องกันที่เป็นแนวหลังจะมีอาวุธ และจะใช้กรณีที่มีการใช้อาวุธเกิดขึ้นในพื้นที่เท่านั้น(ชมคลิป
วินาทีที่เจ้าหน้าที่เตะระเบิด)

“ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ สรุปได้อย่างเดียว จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้หรอก กี่ครั้งแล้วที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ มือนึงถืออาวุธ อีกมือถือกฏหมาย ทำอะไรไม่เคยผิด เถีียงข้างๆคูๆ ทำอย่างกับบ้านนี้สมัยนี้ทุกอย่างต้องถูกต้องตามตำรวจเท่านั้น นี่คุณ…สมัยนี้โลกออนไลน์แล้วครับ คุณหลบๆซ่อนๆไม่ได้แล้ว ทุกคนมีมือถือถ่ายรูปอยู่ในมือ มันถ่ายรูปได้ตลอดเวลา อันนี้แหละอาวุุธชั้นดี ดีกว่ามีปืนเสียอีก”

“บ้ากันใหญ่แล๊วว ที่เห็นมันไม่ใช้ปืน แต่มันเป็นนิ้วชี้และนิ้วกลางนะ ดูดีๆซิ”

“สรุปก็คือตำรวจขว้างระเบิดไปแล้วโดนอะไรซักอย่างแล้วเด้งกลับมาที่ตำรวจเหมือนเดิมใช่หรือเปล่า เหมือนกับกรรม ที่ทำอะไรกับใครไว้ ก็เจอแบบนั้น”

“จากคลิปก็ไม่ได้ชัดเจนว่าเป็นระเบิดหรือไม่ เพราะ ตอนที่ตำรวจขว้างไปก็มีการขว้างแก้สน้ำตาอยู่แล้ว แล้วพอขว้างไปก็ยังไม่ระเบิด ปรากฏตัดภาพมาที่กล้องอีกตัว ก็ระเบิดตูมซึ่งดูไม่สมเหตุผลนักนะครับ มันไม่ใช่ระเบิดสังหาร แต่ใช่ว่าคนที่ใช้จะเป็นตำรวจเสมอไป กล้องมีเป็นร้อยนน่าจะมีภาพที่ชัดกว่านี้”

“ไม่เห็นต้องนิติวิทยาศาสตร์ใดเลยภาพชัดเจนอยู่แล้ว ลูกระเบิดพุงมากระทบโล่ เสียงดังเป๊ก วิถีพุ่งชนแทบขนานกับพื้น ก่อนระเบิดตกลงสู่พื้น กล้องที่ถ่ายมันเป็นกล้องความเร็วต่ำมาก จึงไม่มีเฟลมที่ระเบิดลอยมาในอากาศ”

“ถ้าเป็นระเบิดจริงตายแน่ๆ และคนเตะก็รู้ว่ามันไม่ร้ายแรงมากเพราะเป็นของตำรวจเอง พอเห็นมันเด้งกลับมาก็เลยรีบเตะให้ไกลๆ เพราะสัญชาตญาณคนเราถ้ารู้ว่าเป็นระเบิดแต่ไม่รู้ว่าชนิดไหน ยังไงก็ต้องหมอบหลบหรือวิ่งหนีกันไปแล้ว นี่รู้ว่าเป็นของพวกเราเองและไม่รุนแรงเลยกล้าออกมาเตะ แต่นับถือในความกล้าของตำรวจคนนี้ครับและขอให้หายไวๆนะครับ เพราะท่านถือเป็นตำรวจที่กล้าหาญน่ายกย่อง”

เรื่องที่สี่ จากเหตุการณ์ที่ชาวนารวมตัวกันประท้วงรัฐบาลเพื่อเรียกร้องเงินจากโครงการรับจำนำข้าวจากรัฐบาลที่รุนแรงขึ้น จนถึงขนาดผู้คนจำนวนมากต่างไปถอนเงินออกจากธนาคารออมสิน ทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องมีการออกแถลงการณ์เพื่อเป็นการชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมให้เหตุผลกับชาวนาที่ยังไม่ได้รับเงิน โดยยังให้ความเชื่อมั่นว่าโครงการจำนำข้าวเป็นโครงการที่ยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตเพื่อสร้างรายได้และความมั่นคงให้กับชาวนา ซึ่งโครงการจำนำข้าวทำให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจภาพรวมก็จะมีการเติบโตขึ้นไปด้วย แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการเล่นเกมทางการเมือง ทำให้ไม่สามารถดำเนินงานตามโครงการได้ แต่ก็ยังสัญญาที่จะปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องชาวนาและประชาชน โดยมีเนื้อความดังนี้

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี   อ่านแถลงการณ์การจ่ายเงินชาวนาโครงการจำนำข้าว ที่มาภาพ : เฟซบุ๊กYingluck Shinawatra
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี อ่านแถลงการณ์การจ่ายเงินชาวนาโครงการจำนำข้าว
ที่มาภาพ : เฟซบุ๊กYingluck Shinawatra

“ชาวนาผู้ปลูกข้าวถูกเอารัดเอาเปรียบ 2 ปีที่ผ่านมา โครงการจำนำข้าวช่วยให้ชาวนามีรายได้เพิ่ม แหล่งเงินของโครงการจำนำข้าวคือ

1.การระบายข้าว
2.กลไกการบริหารเงินของกระทรวงการคลัง ที่ให้ ธกส.กู้ตามวงเงินที่กำหนด

ที่ผ่านมาเงินจำนำข้าวถึงมือชาวนา แต่ปัจจุบันนี้โดนเกมทางการเมือง เอาชาวนาเป็นตัวประกัน ทำให้รัฐบาลไม่สามารถดำเนินโครงการได้ และมีเกมการเมืองต้องการล้มรัฐบาลแล้วตั้งรัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตย แต่เมื่อได้ยุบสภาเป็นการคืนอำนาจให้แล้ว แต่กลับต่อต้านการเลือกตั้ง กลุ่มต่อต้านรัฐบาลไม่ร่วมเลือกตั้ง และต้องการบ่อนทำลายโครงการจำนำข้าว สกัดกั้นการจ่ายเงินแก่ชาวนาโดยไม่มีเหตุอันควร หากทุกฝ่ายต้องการแก้ปัญหา ทุกธนาคารต้องการช่วยเหลือชาวนาอย่างแท้จริง การแก้ปัญหาให้ชาวนาก็จะดำเนินหน้าต่อไปได้ ไม่มีการใช้เงินฝากของธนาคารไปใช้ในทางที่ผิดได้ และปัจจุบันสถาบันการเงินไทยแข็งแกร่ง ทุกกระบวนการมีกฎหมายรองรับ ไม่มีการทุจริตในระดับนโยบายของโครงการรับจำนำข้าว ในระดับปฏิบัติหากรั่วไหล อยากเห็นการตรวจสอบที่เข้มงวดโดย ปปช. อยากเห็นการตรวจสอบโครงการจำนำข้าวของ ปปช. ที่ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่มีวาระซ่อนเร้น มิเช่นนั้นโครงการดีๆ จะถูกทำลายไปได้

โดยทาง ธ.ก.ส. จะขยายระยะเวลาการชำระหนี้ 6 เดือน และขยายวงเงินให้ลูกค้าปัจจุบันโดยใช้หลักค้ำประกันเดิมซึ่งรวมถึงชาวนาที่ไม่ได้เป็นลูกค้า ทั้งนี้ รัฐบาลจะปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องชาวนาและประชาชนทุกคน ไม่ให้เกมการเมืองเข้ามากระทบต่อวิถีชีวิตอย่างแน่นอน และรัฐบาลจะต้องทำให้ชาวนามีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกับคนไทยทุกคน”(ชมคลิป)

หลังการแถลงการณ์ของนางสาวยิ่งลักษณ์เสร็จสิ้น ก็ได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์กันเป็นจำนวนมาก ดังตัวอย่างต่อไปนี้

“ขอร้องอย่ามาแก้ตัว บ้านเรายังไม่ได้เงินเลย และยังหาว่าเป็นชาวนาปลอมอีก ทำไมเป็นแบบนี้นะ”

“เขาตาสว่างเกือบ 50 ล้านคน แล้วท่านได้เวลาหยุดแล้วท่าน ใบประทวน นั้น 5 เดือน แล้วครับ ม๊อบมาแค่ 3 เดือน อย่าเอาม๊อบมาอ้าง”

“เป็นคำแถลงที่ดีมากเลยคับ ผมชอบมากเยี่ยม เห็นมั้ยครับคุณๆ ทั้งหลายนี้คือนายกที่ดีนะคับ ป้องกันไม่ให้ชาวนาถูกเอารัดเอาเปรียบ ให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้น แหล่งเงินก็มีที่มาชัดเจน คือการระบายข้าวครับ กลไกการบริหารเงินของกระทรวงการคลัง ก้อให้ ธกส.กู้ตามวงเงินที่กำหนด ทุกฝ่ายต้องการแก้ปัญหา พอเกิดม็อบทำให้การจ่ายเงินให้กับชาวนาชะงัก สะกัดกั้นการจ่ายเงินชาวนา มีเกมการเมืองต้องการล้มรัฐบาล และต้องการบ่อนทำลายโครงการจำนำข้าว ไม่มีการทุจริตในระดับนโบาย อยากเห็นการตรวจสอบรับจำนำข้าวของ ปปช. ไม่เลือกปฏิบัติ มิฉะนั้นโครงการดีจะถูกทำลายลงได้โดยทาง ธกส.จะขยายระยะเวลาการชำระหนี้ 6 เดือน และขยายวงเงินให้ลูกค้าปัจจุบันโดยใช้หลักค้ำประกันเดิมซึ่งรวมถึงชาวนาที่ไม่ได้เป็นลูกค้า ทั้งนี้รัฐบาลจะปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องชาวนาและประชาชนทุกคน ไม่ให้เกมการเมืองเข้ามากระทบต่อวิถีชีวิตอย่างแน่นอนและรัฐบาลจะต้องทำให้ชาวนามีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เท่าเทียมกับคนไทยทุกคน อ่านแล้วเข้าใจมั้ยครับ ***ตาสว่างยังคับ*** รำไม่ดี โทษปี่โทษกลอง เงินไม่มีจ่ายชาวนานั้นมันก่อนที่เราจะชุมนุมนะครับ ชาวนาถูกเอาเปรียบอย่างเห็นครับ ใบประทวนเท่าไหร่ แต่จ่ายเท่าไรครับ ได้ยินมา ระบายข้าวแล้วทำไมไม่ระบายข้าวเอาเงินมาจ่ายชาวนาครับ จริงหรือครับไม่มีการทุจริต จริงหรือโครงการรับจำนำข้าวทำให้ชาวนามีรายได้เพิ่ม ชาวนาเขามีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เต็มตัวอยู่แล้ว แล้วใครละครับที่ไม่มีศักดิ์ศรี ไม่รับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่เคารพเสียงประชาชนไหนว่า 1 เสียงเท่ากัน แต่นี้มันกี่เสียงครับที่ไม่เห็นด้วย ยังไม่รู้ตัวอีก”

“เมื่อไหร่หนอ แสงธรรมจะนำใจท่านให้หยุดพูดปด แต่งเรื่องไปเรื่อยซะทีนะ เพิ่งไปเข้าวัด ทำบุญมาแท้ๆ”

“นายกจะรู้ตัวบ้างมั๊ยว่าเขาทำอะไรผิดไว้บ้าง ความรับผิดชอบคือการลาออก ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ก็ลาออกมาแล้ว ทำไมยิ่งลักษณ์ไม่รู้ตัว ยังทนอยู่เพื่ออะไร”

“ยิ่งลักษณ์เคยทำอะไรผิดบ้างมั๊ย เกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็โยนให้คนอื่นตลอดเลย คุณไม่มีเงินให้ชาวนาตั้งแต่ก่อนมีม็อบแล้ว แต่นี้กลับอ้างว่าเป็นเพราะม็อบ ป่วยจริงๆ”

“นี้คือความสามารถของรัฐบาลชุดนี้ สามารถทำให้สินค้าส่งออกอันดับ 1 ของประเทศไทย ย่อยยับลงไปได้ นับถือเลย”

เรื่องที่ห้า เหตุการณ์ล่าสุดที่สร้างความตกใจให้ผู้ชุมนุมในเขตชุมชนเมือง จนมีการโพสต์เตือนต่อกันบนหน้าเฟซบุ๊กเป็นจำนวนมาก เพราะเมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. คืนวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ประชาชนหลายคนมักจะใช้เวลาดังกล่าวไปร่วมการชุมนุม ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณด่านตรวจของ การ์ด กปปส. เวทีราชประสงค์ ตรงเชิงสะพานโรงแรมโนโวเทล ใกล้แยกประตูน้ำ ซึ่งถือว่าเป็นเวทีที่มีประชาชนไปร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้สร้างความแตกตื่นและหวาดหวั่นให้ผู้ที่ต้องการไปร่วมชุมนุม โดยทางด้านนายชุมพล จุลใส แกนนำ กปปส. ราชประสงค์ ได้มีการกล่าวต่อสื่อถึงที่มาของระเบิด โดยคาดการณ์ว่าคนร้ายน่าจะโยนระเบิดลงมาจากสะพานข้ามแยก ส่งผลให้รถที่จอดติดไฟแดงอยู่เสียหาย 3 คัน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 คน

ที่มาภาพ : https://www.facebook.comphoto.phpfbid=829709583711098&set=pcb.829710270377696&type=1&relevant_count=3
ที่มาภาพ: https://www.facebook.comphoto.phpfbid=829709583711098&set=pcb.829710270377696&type=1&relevant_count=3

ทำให้ประชาชนโพสต์ข้อความแชร์ต่อกัน เพื่อเป็นการเตือนภัยและเพิ่มความระมัดระวังในการรักษาความปลอดภัยของผู้ชุมนุมไว้ด้วย

“ตอนกลางวันใครผ่านไปใกล้ม๊อบ ไล่จับตรวจค้นเขา พอตกกลางคืน ไม่มีกล้อง ไม่มีนักข่าว จับใครไม่ได้เลย หาเรื่องโยนระเบิดใส่กันเอง เพื่อสร้างสถานะการณ์ มันถึงไม่มีหลักฐาน จับใครไม่ได้”

“วันนี้ผมไปมาด้วย เดินผ่านตรงนั้น แต่โชคดีจริงๆ ที่ผมผ่านมาไม่เจอระเบิดและกลับถึงบ้านก่อน”

“จะก่อสงครามกันแล้วใช่มั๊ย ถึงได้มีกระสุน มีระเบิดกัน แล้วระเบิดนี้หาซื้อกันได้ที่ไหน มันง่ายหรือไง ทำไมถึงเอามาปาใส่ประชาชนกันได้ง่ายนัก”

“หรือนี้จะเป็นเวรกรรม ที่ไปปาใส่ตำรวจไว้ มันเลยกลับมาสนองคืน”

“ปฎิบัติการสุดโต่ง เริ่มรุนแรงมากขึ้น เพราะไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรแล้ว”

“รายละเอียดจาก EOD ลูกระเบิดขว้างชนิดสังหาร RGD5 จากโซเวียต
-รัศมีทำการ 5 เมตร ระเบิดใช้เวลาทำงานหลังจากดึงสลัก ประมาณ 5 วินาที
-ระยะขว้างจากสะพาน 17 เมตร
-หลุมระเบิด 3 ซม. กว้าง12 ซม.
-ระยะจากหลุ่มระเบิดถึงกระเดื่อง 10ม.10ซม. รหัสกระเดื่อง 152 -88Y3PRM-2 ซึ่งเป็นล็อตเดียวกับที่ระเบิดธนาคารไทยพาณิชย์ เมื่อเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 21 กพ. 57 ซาฟาร์รีเวอร์ สน คันนายาว”