ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – รุมประชาทัณฑ์ดาบตำรวจ เหตุยิง กปปส. หน้าสโมสรทหารบก และจิ๊ก เนาวรัตน์ จิตอาสาแต่งหน้าศพ

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – รุมประชาทัณฑ์ดาบตำรวจ เหตุยิง กปปส. หน้าสโมสรทหารบก และจิ๊ก เนาวรัตน์ จิตอาสาแต่งหน้าศพ

1 กุมภาพันธ์ 2014


รักษาการนายกรัฐมนตรี โพสต์เชิญชวนเลือกตั้ง 2 ก.พ. 2557

จับดาบตำรวจ เหตุยิง กปปส. หน้าสโมสรทหารบก ถูกรุมประชาทัณฑ์

ดร.สมเกียรติ ขึ้นเวที กปปส. พูดถึงหนังสือ CONVERSATIONS WITH THAKSIN ฉบับภาษาอังกฤษ เปิดเผยตัวตนจริงของทักษิณ

ศิลปินดารารวมตัวหลัง ศรส. เรียกตัว

BBC News เสนอข่าวจิ๊ก เนาวรัตน์ จิตอาสาแต่งหน้าศพ

อ่าน…ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากสุดในโซเชียลมีเดียในรอบสัปดาห์ 26 มกราคม – 1 กุมภาพันธ์ 2557

เรื่องแรก ใกล้วันเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ชาวโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างพากันพูดถึงคลิปการเชิญชวนให้ออกไปเลือกตั้งของรักษาการนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผ่านเฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra ที่มีข้อความว่า

“พี่น้องประชาชนคะ การเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้มีความสำคัญมาก มีทั้งคนเห็นด้วยว่าต้องมีการเลือกตั้ง และคนที่เห็นว่าควรมีการปฏิรูปก่อน สิ่งที่ตัดสินที่ได้รับการยอมรับและเป็นสันติวิธีตามประชาธิปไตยนั้น ก็ต้องแสดงออกด้วยการใช้สิทธิ์เลือกตั้งเพราะสิทธิ์นี้เป็นสิทธิของประชาชนทุกคนที่แสดงว่าเรามีสิทธิเสรีภาพที่เท่าเทียมกัน 1 สิทธิ์ 1 เสียง ที่เท่าเทียมกัน จะเป็นโอกาสให้พี่น้องคนไทยได้บอกว่าทิศทางของประเทศข้างหน้าพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่มีความต้องการอะไร ดิฉันเชื่อว่ากลไกการเลือกตั้งเป็นกลไกตามครรลองของระบอบประชาธิปไตยที่เป็นหลักสากลได้รับการยอมรับ หากมีการร่วมกันแสดงออกซึ่งพลังที่เราจะรักษาประชาธิปไตยของเราให้เดินหน้าต่อไปได้ เราก็จะทำให้ประเทศของเรามีแสงสว่าง เปิดเส้นทางเดินสู่อนาคตข้างหน้าค่ะ อย่าลืมนะคะ 2 กุมภาพันธ์ ร่วมกันใช้สิทธิ์เยอะๆ รักษาประชาธิปไตยของเราค่ะ”(ชมคลิป)

พร้อมกับในเฟซบุ๊กก็ได้มีการเขียนข้อความอวยพรวันตรุษจีนไว้ด้วยว่า “ซินเหนียน ไคว่เล่อ (XinNianKuaiLe) ตรุษจีนปีนี้ ขออวยพรให้พี่น้องไทยเชื้อสายจีน ร่ำรวย มั่งมี ศรีสุข มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง สามัคคี รักใคร่ ปรองดองกันนะคะ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่มาภาพ :  https://www.facebook.com/Y.Shinawatra
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่มาภาพ : https://www.facebook.com/Y.Shinawatra

อย่างไรก็ตาม รักษาการนายกรัฐมนตรีได้มีการโพสต์ข้อความเพื่อชวนไปเลือกตั้งอยู่เป็นระยะ โดยก่อนหน้าวันตรุษจีน ก็ได้มีการโพสต์ข้อความเชิญชวนไปเลือกตั้งไว้แล้วด้วยว่า “อยากถือโอกาสนี้เชิญชวนสื่อมวลชนและทุกภาคส่วนได้เปิดพื้นที่การรณรงค์ในการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เพราะเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศที่เราจะได้ร่วมกันที่จะให้คนไทยทุกคนออกมาใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้ง และแสดงออกซึ่งเป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตยและเป็นสิ่งที่จะทำให้เราสามารถมีทางออกในการเดินหน้าของประเทศและหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งอันจะก่อให้เกิดความรุนแรง”

“การเลือกตั้ง = รักษากติกาประชาธิปไตย เสียบบัตรแทนกันในสภา = รักษากติกาประชาธิปไตย ? สอดไส้ ปลอมแปลงเอกสาร = รักษากติกาประชาธิปไตย ? นิรโทษกรรม ล้างผิด คนโกง คนฆ่า คนเผา = รักษากติกาประชาธิปไตย ? จุดเทียนต่อดีกว่า….”

“ไปเลือกตั้งให้ปู กลับมาสานต่อ นโยบายเดิม…
-รถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย ป่านนี้ คนลืมไปแล้ว ว่าเคยหาเสียงไว้
-รถคันแรก ข่าวเงียบ
-รถไฟความเลวสูง ไว้ขนผัก 2.2 ล้านล้าน
-จัดการน้ำ 300,000 ล้าน
-จำนำข้าว
-ยกเลิกกองทุนน้ำมัน
-เร่ขายข้าว ครึงปี ไป 30 ประเทศ ทั่วโลก(ข้าว ยังเน่าอยู่เต็มโกดัง)
-ปู จะกระชากค่าครองชีพ เอาไหม คร้า….พี่น้อง
ทักษิณคิด เพื่อไทยอิ่ม”

“จะไปเลือกตั้งแต่ จะเลือกใคร อะไร อย่างไร น่าสงสารประเทศไทย จะเลือกตั้งแล้ว คงหาคนที่สมควรเลือกไม่ทันแล้วล่ะ และเขาคงคิดว่าไม่จำเป็นใดๆ ทั้งสิ้นกับนโยบายอะไร ที่ต้องให้ผูกมัดตนเองเหมือนที่ผ่านมาอีก”

“ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เพื่อหาทางออกให้ประเทศไทยสู่สิ่งที่ดีกว่า”

“ไม่โกง ทุจริตนโยบาย ไม่เสียบบัตรแทนกัน เคารพศาล จริยธรรมนักกาเมือง สปิริตนายก และนักการเมืองค่ะ แก้ก่อนเลย เช่นนายกลาออกก่อน จะเชื่อใจว่าไม่หรอกประชาชน”

“การเลือกตั้ง เป็นแค่กติกาหนึ่งในระบบอบประชาธิปไตย หากไม่บริสุทธิ์ ยุติธรรม โดยการใช้อำนาจทางการบริหาร ความไม่เป็นกลางของผู้รักษากฏหมาย นโยบายประชานิยมที่สร้างหนี้สินให้ประเทศ การเลือกตั้งก็เป็นแค่การสร้างความชอบธรรมให้คนทุจริต คนโกง ประเทศชาติกำลังวิกฤต ควรรักษาประเทศชาติ มากกว่ารักษาแค่กติกา หากยังรักประเทศอยู่โปรดพิจารณา”

เรื่องที่สอง จากการที่กลุ่ม กปปส. นำทีมโดยนายพุทธิพงษ์ ปุณณกัณฑ์ และนายชุมพล จุลใส เคลื่อนขบวนเดินทางไปยังสโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อกดดันการทำหน้าที่ของรักษาการนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้มีการใช้สถานที่ดังกล่าวในการประชุมและหารือกับกกต. เรื่องวันเลือกตั้ง จนทำให้เกิดเหตุการณ์ก่อความไม่สงบจากคนร้ายที่แต่งกายคล้ายวินรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มมวลชนที่อยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามสโมสรใกล้กับสะพานลอยปากซอยวิภาวดี 4 จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

ในเวลาต่อมา กลุ่มมวลชนได้จับชายผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืน พร้อมทั้งรุมประชาทัณฑ์จนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งทางการ์ดของ กปปส. ได้ยึดรถจักรยานยนต์ของคนร้าย รวมทั้งยึดเสื้อวินที่ระบุด้านหลังว่า เป็นจักรยานยนต์รับจ้างเขตบางซื่อ หน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่น บางซ่อน หมายเลข 35 พร้อมวิทยุสื่อสารที่มีชื่อเขียนด้วยปากกาเมจิกว่า “ดาบติ” กับกุญแจมือ และประแจ นอกจากนี้ยังพบกล้องบันทึกภาพติดอยู่บริเวณด้านหน้าของรถมอเตอร์ไซค์ด้วย และทราบชื่อภายหลังว่าคือ ด.ต.คงเพชร เพชรกังหา อายุ 44 ปี ตำแหน่ง ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ทำหน้าที่สืบสวน สายงานป้องกันปราบปราม และเคยถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนเมื่อปี 2552

ที่มาภาพ : http://news.mthai.compolitics-news305885.html
ที่มาภาพ: http://news.mthai.compolitics-news305885.html

ทำให้เรื่องนี้มีผู้สงสัยว่า เหตุใดเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงกลายเป็นผู้ร้ายที่ต้องการยิงกลุ่มมวลชน ซึ่งทางกองบังคับการตำรวจนครบาล และศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ได้มีการชี้แจงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ด.ต.คงเพชรเข้าไปถ่ายภาพ แต่ถูกการ์ดทำร้าย จึงใช้อาวุธปืนยิงป้องกันตัว เช่นเดียวกับ พล.ต.ต.สุรนิตย์ พรหมบุตร ผบก.น.2 ที่ได้กล่าวเช่นกันว่าทางตำรวจได้จัดชุดสืบสวนเพื่อถ่ายภาพเข้าไปปะปนกับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยการ์ดของผู้ชุมนุมเห็น ด.ต.คงเพชรถ่ายภาพ การ์ดจึงได้เข้ามาขอค้นตัว แต่ ด.ต.คงเพชร ไม่ยอมให้ทำการตรวจค้นจึงถูกรุมทำร้าย ซึ่ง ด.ต.คงเพชรใช้อาวุธปืนยิงป้องกันตัวเพียง 1 นัด จนไปถูกผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ 1 ราย และกลุ่มการ์ดก็เข้าจับตัว ด.ต.คงเพชร พร้อมรุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทางด้าน พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผกก.สส.บก.น.2 ก็ยืนยันอีกว่า การลงพื้นที่ของ ด.ต.คงเพชร เป็นการลงพื้นที่หาข่าวการชุมนุมอย่างใกล้ชิด ยืนยันว่าไม่ได้ส่งตำรวจเข้าไปสร้างสถานการณ์เป็นมือที่ 3 แต่ส่งคนไปหาข่าวตามปกติ

“ทำร้ายประเทศพอหรือยัง คนไทยส่วนใหญ่เขาต้องการประชาธิปไตยไม่ใช่เผด็จการ”

“เป็นไงครับ เขาจับตัวได้จนต้องไปนอนโรงพยาบาลราชวิถี คราวนี้จะแก้ว่าอะไรดีครับ ยังไงก็ถนอมน้ำใจคนที่นอนที่โรงพยาบาลด้วยครับ และขอแสดงความยินดีกับครอบครัวของคนที่่นอนโรงพยาบาลด้วยนะครับที่ได้ แจ็คพ็อตรางวัลใหญ่ จะได้รู้ถึงความเจ็บปวดของผู้ถูกกระท่ำ ยังไงก็มาดูใจกันบ้างนะครับ”

“ต้องให้จบแบบเป็นเยี่ยงในประวัติศาสตร์ อย่าได้มีคนคิดทำร้ายชาติและคนไทยอีกตลอดไป”

“จับโจรได้ แล้วอย่าลืมส่งให้โจรคืนนะ อย่าทำร้ายเขา เรามาด้วยสันติ อย่าใช้ความรุนแรงนะ! จับได้ทีไรปล่อยทุกที แล้วให้กลับมาฆ่ากันอีก ถ้าทำแบบนี้อีก ขอประณามแกนนำทุกเวทีว่า สมรู้ร่วมคิด ฆ่าประชาชน”

จับได้ ! เอาขึ้นเวที ถ่ายทอดสด ทำกรงขัง ขังให้อยู่ จนกว่าเราจะชนะ !”

“ต่อไปเวลา จับ ได้ ให้ กปปส. ไต่สวน และอัดวีดีโอไว้เป็นหลักฐานให้รัดกุม พร้อมพยาน หลักฐาน แถลง และฉายขึ้นเวที ว่าใครจ้างวานมา หรือทำเพราะอะไรเหตุจูงใจ และนำฉายขึ้นจอ ทุกครั้งที่จับได้ เวลาให้การกับตำรวจ ก็ให้สอบสวนต่อหน้า กปปส. เพื่อเป็นหลักฐาน อัดวีดีโอ จนถึงตำรวจ”

“เห็นหลักฐานกรณีตำรวจยิงผู้ชุมนุม กลุ่ม กปปส.ที่หน้าสโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีฯ พูดได้อย่างเต็มปากว่านี่คือผลงานของ“รัฐบาลโจร”อย่างแท้จริง มีประเทศใดในโลกที่ผู้รักษากฎหมายมาไล่ยิงประชาชนมือเปล่าเช่นนี้ วันนี้ไม่เพียงเราจะเรียกร้องให้ปฏิรูปฯก่อนเลือกตั้งเท่านั้น แต่เรากำลังต่อสู้กับสัตว์ร้ายหน้าขาวที่จิตใจอำมหิตด้วย และยิ่งทำให้การต่อสู้นี้ได้รับการสนับสนุนจากคนดีๆ เต็มแผ่นดิน รอดูกันซิว่า“รัฐบาลโจร”จะล่มสลายอย่างไร”

เรื่องที่สาม เป็นที่พูดถึงกันทั่วเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ขณะที่ ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ขึ้นพูดบนเวทีราชประสงค์ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2557 ซึ่งเป็นเรื่องที่พูดต่อจากครั้งที่ขึ้นเวทีปทุมวัน ในคืนวันที่ 26 มกราคม 2557 ถึงหนังสือที่ชื่อ CONVERSATIONS WITH THAKSIN ซึ่งสรุปโดยรวม ดร.สมเกียรติเล่าบนเวทีปราศรัยว่า ย้อนกลับไปเมื่อเดือนธันวาคม 2553 ที่บ้านพักในนครดูไบของคุณทักษิณ ชินวัตร ได้มีบทสนทนากับนักเขียนชื่อ ทอม เพลท ซึ่งเป็นชาวอเมริกัน มีการให้สัมภาษณ์ทั้งหมด 4 รอบ รอบละ 2 ชั่วโมง และต่อมารอบที่ 5 ณ ร้านอาหารชื่อ เบิร์ด คาริฟา ที่ดูไบ และอีกครึ่งปีในปี 2554 ก็มีการสนทนารอบที่ 6 รวมทั้งการติดต่อพูดคุยผ่านอีเมลล์กับคุณทักษิณอีกเป็นระยะๆ และคุยโทรศัพท์อีก 2 ครั้ง จนบทสนทนาทั้งหมดกลายเป็นหนังสือที่ชื่อ “CONVERSATIONS WITH THAKSIN” พิมพ์จำหน่ายที่สิงคโปร์ ในปี 2554

อีกทั้งเรื่องที่ ดร.สมเกียรติได้กล่าวอ้างถึง คือ ผู้ที่แปลหนังสือเล่มนี้เป็นภาษาไทย ได้แก่สุรนันท์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ที่ไม่ได้ยึดการแปลจากต้นฉบับที่เป็นภาษาอังกฤษอย่างซื่อสัตย์ เพราะเนื้อหาที่แตกต่างของฉบับภาษาไทยและฉบับอังกฤษ โดยที่ฉบับภาษาอังกฤษนั้นเป็นเล่มที่ถูกเก็บจากชั้นขายหนังสือทั่วไป และต้องขายออนไลน์แทน เพราะเนื้อหาเป็นอันตรายต่อตัวคุณทักษิณ เนื่องจากการให้สัมภาษณ์แบบไม่ยั้งปากและพาดพิงถึงบุคคลหลายบุคคล

ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ที่มาภาพ : เฟซบุ๊ก Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)
ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ที่มาภาพ : เฟซบุ๊ก Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)

ยกตัวอย่างตอนที่กล่าวถึง การที่คุณทักษิณต้องการกลับประเทศไทยแบบมีเกียรติ แบบพ้นมลทินและน้องสาวได้เป็นนายกรัฐมนตรี คาดว่าจะจัดการให้กลับประเทศไทยโดยเร็วภายใน 12 เดือน ซึ่งคุณทักษิณได้วางแผนไว้แล้วว่ากับการนิรโทษกรรมและหวังว่าจะเสร็จปลายปี 2554 อีกทั้งในช่วงบางตอนของหนังสือ ดร.สมเกียรติอ้างระบุคำว่ามีเกียรติ ตามพจนานุกรมของ สอ เสถบุตร ไม่ได้แปลว่า มีเมตตา ตามแบบที่คุณสุรนันท์แปลให้มีใจความในทำนองว่าการกลับมาของคุณทักษิณจะต้องเป็นวิถีที่เมตตา และอีกหลายตอนที่คุณสุรนันท์แปลไม่ตรงกับต้นฉบับ เพราะมีการตัดทอนข้อความสำคัญออกไปในบางช่วงบางตอน

อย่างไรก็ตาม ทางด้านบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ได้มีการออกคำแถลงไว้แล้วหลังจากที่ ดร.สมเกียรติขึ้นปราศรัยครั้งแรกเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อคืนวันที่ 26 มกราคม 2557 ซึ่งมีข้อความดังต่อไปนี้

“ต่อกรณีการปราศรัยบนเวที กปปส. ของนายสมเกียรติ อ่อนวิมล เมื่อคืนวันที่ 26 มกราคมโดยระบุว่า สำนักพิมพ์ มติชน ได้ซื้อต้นฉบับหนังสือ Conversations with Thaksin ซึ่งเขียนโดย Tom Plate บรรณาธิการอาวุโสของหนังสือพิมพ์หลายฉบับในสหรัฐอเมริกา แล้วนำมาเก็บไว้โดยไม่มีการตีพิมพ์ เพื่อจะเป็นการช่วยปกปิดความผิดของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น

บริษัท มติชน จำกัด(มหาชน) และสำนักพิมพ์ มติชน ขอยืนยันว่าคำปราศรัยดังกล่าวเป็นความเท็จอย่างสิ้นเชิง เพราะหนังสือดังกล่าวเป็นหนึ่งในชุด ยักษ์ใหญ่แห่งเอเชีย หรือ “GIANTS of ASIA” ซึ่งสำนักพิมพ์มติชนได้ซื้อลิขสิทธิ์ และแปลออกมาทั้งชุด รวมถึง”จับเข่าคุย ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งแปลโดย สุรนันทน์ เวชชาชีวะ ออกวางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2555 โดยมีการเปิดตัวหนังสือเล่มนี้ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ พร้อมกับอีก 3 เล่ม ซึ่งเป็นการสนทนากับ ลี กวน ยิว , บัน คี มุน และมหาธีร์ โมฮัมหมัด ดังเคยปรากฏเป็นข่าวในสื่อต่างๆ

หากเปิดเว็บไซต์ www.matichonbook.com แล้วเปิดหาชื่อ “จับเข่าคุย ทักษิณ ชินวัตร” จะพบกับหนังสือเล่มนี้ทันที โดยมีรายละเอียดของหนังสือ กล่าวคือ ชื่อผู้แต่ง : ทอม เพลต,ชื่อผู้แปล : สุรนันทน์ เวชชาชีวะ,สำนักพิมพ์ : สำนักพิมพ์มติชน ราคาปก: 165 บาท ราคาขายในขณะนี้ 149 บาท และให้รายละเอียดบางส่วนของหนังสือว่า

“พบกับเรื่องราวของอดีตนายกรัฐมนตรีที่มีคนรักและคนเกลียดมากที่สุดคนหนึ่ง ฟังเขาเล่าเรื่องราวตั้งแต่การถูกรัฐประหาร ไปจนถึงการลี้ภัยซึ่งต้องเดินทางรอบโลกพร้อมหนังสือเดินทาง 80 เล่ม โทรศัพท์ 12 เครื่อง และความปรารถนาลึกๆ ที่อยากกลับบ้าน”

นอกจากนี้ หากค้นหาชื่อของหนังสือเล่มนี้ จะพบกับข่าวสารต่างๆ รวมถึงคลิปที่กล่าวถึงหนังสือเล่มนี้ ในระยะเวลาที่หนังสือออกวางจำหน่ายอีกด้วย

ในคำนำของหนังสือดังกล่าว ทอม เพลต ผู้เขียนหนังสือยังระบุด้วยว่า เนื้อหาของหนังสือที่ตีพิมพ์นี้ตั้งใจและระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะมิให้หมิ่นเหม่ต่อกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และยืนยันด้วยว่าในการสนทนากับ พ.ต.ท.ทักษิณหนละ 2 ชั่วโมง ทั้ง5 ครั้ง ไม่มีครั้งใดเลยที่ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าววาจาจ้วงจาบให้เป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท”

ทางด้านชาวโลกออนไลน์ ก็ได้มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไว้มากมายเช่นกัน
“คงไม่ต้องอ่านแล้วหละ เพราะเค้าแปลและสรุปสิ่งที่เขาอยากให้คนไทยรับรู้ไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว”

“แต่สิ่งที่ผมสนใจคือเนื้อหาในนั้น ที่ทักษิณได้แสดงตัวตนที่แท้จริงไว้ให้เห็นเป็นเรื่องจริง”

“ชอบใครก็เชียร์คนนั้น คนไทยเป็นอย่างนี้ นี่ครับ คนที่ชอบแล้วด่า เขาน่ะ หายาก นะ คนแบบนี้ น่ากลัวกว่า ชอบแต่ด่า ไม่ชอบแต่ชมจัง มีนะคนพวกนี้ อย่าคิดว่าไม่มี ชอบอะไร ทำไปอย่างนั้น ดีครับ”

“ขอให้อาจารย์สมเกียรติออกมาอีกหลายๆครั้งน่ะค่ะ พวกเราอยากฟังข้อมูลที่ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน เชื่อเต็มร้อย เพราะว่าอาจารย์เป็นนักวิการชาร เป็นสื่อ ไม่ได้มีธุรกิจใดๆที่ไหน ขอชื่นชมและอยากเรียกร้อง ทุกท่านที่มีองค์ความรู้ มาให้ข้อมูลข่าวสารกับคนไทย วันนี้ชาติไทยของเราต้องการให้คนไทยด้วยกันออกมาต่อสู้กับคนโกง คนคอรัปชัน ฉ้อราษฎร์บังหลวง ยักยอกเงินของแผ่นดิน สู้ๆค่ะ อาจารย์”

“ขอบคุณมากครับ… ได้ฟังดร.สมเกียรติ อ่อนวิมลพูดทั้งที่เวที่กปปส.แยกอโศก (ตอนที่ 1) และแยกปทุมวัน (ตอนที่ 2) ได้ทราบความจริงมากมาย…ผมเชื่อถือเพราะดร.สมเกียรติเคยร่วมงานกับพ.ต.ท.ทักษิณ จึงรู้ตื้นลึกดี ผมไม่เคยอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะแค่ชื่อเรื่องก็เขียนเชียร์กันเกินเหตุ CONVERSATION WITH THAKSIN ได้บอกตัวตนที่แท้จริงของพ.ต.ท.ทักษิณ จากปากคำของดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล นักวิชาการสื่อสารมวลชนที่ดีที่สุดคนหนึ่งในประเทศนี้”

เรื่องที่สี่ จากการที่ ศรส. หรือ ศูนย์รักษาความสงบ ประกาศเรียกดาราศิลปินที่ออกมาแสดงความคิดเห็นและเข้าร่วมชุมนุมทำกิจกรรมตามเวทีต่างๆ ร่วมกับกลุ่ม กปปส. ในพื้นที่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้เหล่าบรรดาดาราศิลปิน อาทิ ท็อป ดารณีนุช, เหมี่ยว ปวันรัตน์, เอื้อง สาลินี ปันยารชุน, ญาณี จงวิสุทธิ์, หมอก้อง สรวิชญ์, เกลือ กิตติ, น็อต วรฤทธิ์, ครูลิลลี่, แทค ภรัณยู ออกมาประกาศเชิญชวนประชาชนชาวไทยที่ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ให้มาร่วมกิจกรรมปาร์ตี้ปิกนิกกันที่เวที กปปส. หน้าเซ็นทรัลชิดลม ซึ่งจะมีร้านค้า ร้านอาหาร และกิจกรรมมากมายให้ประชาชนร่วมสนุก

ที่มาภาพ : http://manager.co.thEntertainmentViewNews.aspxNewsID=9570000009922
ที่มาภาพ: http://manager.co.thEntertainmentViewNews.aspxNewsID=9570000009922

โดยทั้งหมดร่วมกันแสดงพลังและจุดยืนร่วมกับกลุ่ม กปปส. ทั้งผ่านทางเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม หรือทวิตเตอร์ส่วนตัว ยืนยันไม่ไปเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 อีกทั้งยังมีการสร้างความบันเทิงให้ผู้ร่วมชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง จัดการแสดงแฟชั่นโชว์ การจัดรายการทอล์คโชว์ยำแซบการเมือง ซึ่งออกตัวว่าเป็นการจัดเวทีสมมติเท่านั้น หากมีการเผยแพร่จะฟ้องกลับทันที เพราะในการจัดรายการ “ชิดลมนิวส์” มีการล้อเลียนบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ทางการเมือง และปิดท้ายด้วยว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นเพียงการสมมุติ บุคคลดังกล่าวเป็นตัวปลอมไม่ได้มีอยู่จริง ทั้งยังล้อเลียนมุกตัวอักษรย่อ ศรส. ว่าเป็นศูนย์รวมการแสดง รวมทั้งเปรียบเทียบว่าการโดนหมายเรียกครั้งแรก ก็เปรียบกับตอนมีผัวครั้งแรก จะตื่นเต้นหน่อย แต่พอผ่านไปแล้วจะเซ็งหน่อย หลังจากนั้นก็มีครั้งต่อๆ ไป

“จงภูมิใจเถิด ประกาศจับของ ศรส. คือใบการันตีว่าท่านคือ “ดาราของประชาชน””

“อันนี้พูดกันตามจริง โดยไม่ใช้อคติเลยนะ รัฐบาลนี้ เวลาออกหมายอะไรแต่ละอย่าง แบบว่าเห็นมาหลายงานแล้ว ไม่รู้เอาอะไรคิด อันนี้พูดกันตามจริง อย่างมีอคติล้วนๆ”

“ถ้าไม่ผิดก็ไปรับทราบ ข้อหาฝ่าฝืน พรก.ด้วย เป็นดารา ก็แค่ในจอเท่านั้น อยู่ข้างนอกจอ ก็ต้องปฏิบัติตาม กฏหมายเหมือนคนทั่วไปด้วย สังคมจับตาดูอยู่”

“ในเมื่อกล้าแสดงออกก็ต้องกล้ายอมรับในกฎกติกาบ้านเมือง อย่าคิดว่าสิ่งที่แสดงออกจะถูกต้องตามที่คิดเสมอไป พวกดาราคงลืมอะไรบางอย่าง เพราะสิ่งที่สุเทพทำนั้นมัน คัทและแสดงใหม่ไม่ได้ ถูกผิดต้องยอมรับไปตามกฎหมาย”

“อยากออกหมายจับใคร ไม่ว่าหรอก ขอแต่ไปจับไอ้ตั้ง อาชีวะ มาเข้าคุกด้วยนะท่าน”

“ถ้าเกิดพรรคพวกดารานักร้องนักแสดง ร่วมกันออกโรงต่อต้านคราวนี้หละ หนักเลย แฟนคลับเยอะ คิดสภาพไม่ออก กล้าจับดาราขังจริงเหรอ จะกลายเป็นข่าวใหญ่สะเทือนประเทศเลย คิดว่าคงแบบเดิม ขู่ไปงั้น เพราะที่ออกหมายเรียกนี่ เห็นเรียกมา 4 เดือนแล้ว ไม่เห็นมีใครสนใจเลย”

เรื่องที่ห้า เป็นเรื่องราวดีๆ ที่สื่อต่างชาติให้ความสนใจ เมื่อ BBC News มีการรายงานที่ใช้ชื่อว่า“Thailand TV star Naowarat Yuktanan: A day in the life”นำเสนอข่าว จิ๊ก เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ ดาราชื่อดังของไทยใช้เวลาที่ถ่ายละครเสร็จไปเป็นจิตอาสาช่วยแต่งหน้าศพที่โรงพยาบาล ซึ่งเหตุผลที่ตั้งใจทำงานนี้เพราะอยากจะทำให้คนทุกคนในโลกนี้มีความสุข การที่เธอมีชื่อเสียงได้ก็เพราะคนที่เสียชีวิตก็เป็นแฟนหนังแฟนละครของเธอ แม้จะไม่รู้จักกัน แต่เธออยากจะขอบคุณ อีกทั้งคนไทยถือว่าการรดน้ำศพในวันที่จากโลกนี้ไป เขาจะต้องนอนรดน้ำศพแบบเห็นใบหน้า และถ้าใบหน้าของเขาดำ หม่นหมองก็ดูไม่ดี จึงอยากให้ทำเขาเหล่านั้นดูดี

โดยตามรายงานข่าวเล่าว่าจิ๊ก เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ เป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศไทย ที่เข้าสู่วงการมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1970 ตอนนี้ เธอมีชื่อเสียงมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งงานละครโทรทัศน์และจัดรายการวิทยุ

เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ ที่มาภาพ : http://www.bloggang.commainblog.phpid=sitcom&month=31-01-2014&group=70&gblog=167
เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ ที่มาภาพ: http://www.bloggang.commainblog.phpid=sitcom&month=31-01-2014&group=70&gblog=167

ทั้งนี้ จุดเริ่มต้นจาการที่ครั้งหนึ่งเคยป่วยหนักและได้ไปกราบอธิษฐานต่อสมเด็จกรมหลวงชุมพรฯ อยากจะลุกขึ้นมาเดินได้ ใช้ชีวิตได้ดังเดิม และจะขออุทิศตนช่วยเหลือทางโรงพยาบาล เพราะเข้าใจความรู้สึกคนป่วยว่ามีทุกข์หนัก อยากจะให้มีความสุข และเมื่อปาฎิหารย์เกิดขึ้นจริง ทำให้ได้กลับมาใช้ชีวิตปกติ จึงได้อุทิศตนช่วยเหลือโรงพยาบาลอย่างสม่ำเสมอเมื่อมีเวลาว่าง จากภารกิจ การงาน

“น่าชื่นชมเธอจริงๆนั่นแหละ เป็นดาราดัง เก่ง สวย รวย แล้วยังมีน้ำจิตน้ำใจทำเพื่อการกุศลแบบนี้ และสิ่งที่เธอทำ มันน้อยนักที่จะมีคนอยากทำและกล้าที่จะทำ!! อันนี้ถือเป็นแบบอย่างที่ดีที่สังคมต้องช่วยกันให้กำลังใจและสนับสนุนความมีจิตสาธารณะที่แท้จริงของเธอ ชื่นชมจากใจจริงๆ”

“สนับสนุนให้ทุกคนทำดีค่ะ พี่จิ๊กน่ารักทำบุญเยอะๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ”

“คนทำดี ขนาดคนต่างชาติยังเห็น น่าชื่นชม”

“จิตต้องนิ่งจริงๆนะ ถึงจะทำได้ ฟังเจ้แกมาออกหลายรายการ ยังหลอนแทนเลย นับถือในน้ำใจ หาได้ยากในยุควัตถุนิยม ที่ดาราส่วนใหญ่ทำดีแค่สร้างภาพ”

“เกิดมาชาติหน้าก็ขอให้คุณจิ๊กสวยแบบนี้ตลอดไปนะครับ”

“ขอให้พี่จิ๊กได้รับแต่สิ่งที่ดีๆเหมือนที่พี่ได้ตั้งใจทำกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนะคับ”