ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – งง!! “ฮาร์ดคอร์ข่าว” ตัดเนื้อหาข่าวกลางรายการ และ คลิป “ครบสองเดือน โชห่วย-โชว์สวย”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ – งง!! “ฮาร์ดคอร์ข่าว” ตัดเนื้อหาข่าวกลางรายการ และ คลิป “ครบสองเดือน โชห่วย-โชว์สวย”

29 มิถุนายน 2013


ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากสุดในโซเชียลมีเดียในรอบสัปดาห์ 23-30 มิถุนายน 2556

เรื่องแรก ประเด็นการเมืองที่เกี่ยวพันกับอดีตนายกรัฐมนตรียังคงมีผู้ติดตามอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด วงการโซเชียลเน็ตเวิร์กต้องถูกจับตามองอีกครั้ง เมื่ออดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของไทย มีอินสตาแกรมเป็นของตัวเอง โดยใช้ชื่ออินสตาแกรมว่า @thaksinlive ซึ่งได้มีการโพสต์ภาพของตัวเองลงอินสตาแกรมอย่างต่อเนื่อง ให้บรรดาแฟนคลับได้ติดตามความเคลื่อนไหว

ภาพที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โพสต์ในอินสตาแกรม เป็นภาพที่ถ่ายคู่บุตรสาวคนเล็ก คือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2556 พร้อมบรรยายข้อความใต้ภาพว่า “ลูกสาวคนเล็กกำลังสอนให้ใช้อินสตาแกรม”

แต่แล้ว เนื่องจากการโพสต์ข้อความในอินสตาแกรมสามารถมีการบอกพิกัดของผู้โพสต์รูปภาพได้ด้วย จึงทำให้มีประเด็นเกิดความสงสัยและเป็นที่พูดถึงกันมาก เพราะมีภาพที่ถูกโพสต์จำนวน 2 ภาพ บอกพิกัดว่าเป็นภาพที่ถูกโพสต์ในประเทศไทย!!

ภาพแรก เป็นภาพเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2556 โดยเป็นภาพที่อดีตนายกรัฐมนตรีกำลังขี่ม้า และมีข้อความใต้ภาพว่า “ม้าที่ผมกำลังขี่อยู่นี้คือม้าเซ็กเธาว์ ในเรื่องสามก๊ก” และอีกภาพคือ ภาพที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถ่ายจากสถานที่แห่งหนึ่งในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ถูกโพสต์เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2556 มีข้อความใต้ภาพว่า “มาพบนักลงทุนที่นิวยอร์ก” โดยทั้ง 2 ภาพ เป็นภาพที่มีการระบุสถานที่โดยอินสตาแกรมว่าโพสต์จากซอยพิมาน 21 ถนนพุทธมณฑลสาย 3

โดยเรื่องนี้ หลังจากที่ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานาในระยะเวลาหนึ่ง ล่าสุด นายพานท้องแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มีการโพสต์ข้อความลงในเฟสบุ๊คส่วนตัว ที่ใช้ชื่อว่า “Oak Panthongtae Shinawatra” เป็นการเฉลยเรื่องราว ชวนหัวจากอินสตาแกรม ยอมรับว่าตนเองคือผู้โพสต์ภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ ลงในอินสตาแกรมของอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นคุณพ่อเอง โดยข้อความที่นายพานทองแท้ โพสต์ไว้มีดังนี้

ที่มาภาพ : http://tnews.teenee.compolitic96961.html
ที่มาภาพ: http://tnews.teenee.compolitic96961.html

“ทักษิณปรากฏตัวสุวรรณภูมิ ทักษิณเข้ามาโพสต์อินสตาแกรมในเมืองไทย ฝีมือผมเองทั้งนั้นแหละครับพี่น้อง!!
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ผมเรียกว่าเป็น “ปรากฏการณ์ พานทองแท้ หยอกสลิ่ม” ครับ

ถ้าแฟนเพจยังจำได้ เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ตรงกับวัน April Fool’s Day ที่ฝรั่งนิยมแกล้งโกหกหลอกกันเล่นแบบสนุกๆ แล้วก็มาเฉลยมาอำกันเป็นที่สนุกสนาน แต่พี่สลิ่มไทยเรากลับเล่นแรง ลงข่าวว่าพ่อผมรถคว่ำตายที่ดูไบ เล่นกันแบบนี้ก็ต้องเจอกันครับ พานทองแท้โพสต์ สวนทันควันว่าทักษิณกลับเมืองไทยแล้ว พร้อมด้วยภาพรีทัชยืนยัน คุณพ่อผมยืนกอดอกยิ้มแป้นอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ สลิ่มซึ่งมีความหูเบาเป็นทุนเดิม ตกอกตกใจกันยกใหญ่ งานนั้นวิเคราะห์กันว่า สลิ่มน่าจะหัวใจวายตายกันไปหลายคน

ในเมื่อพี่น้องสลิ่มทั้งหลาย ยังคงเวียนว่ายตายเกิดอยู่รอบตัว “ทักษิณ” อยู่แบบนี้ ก็เลยขอสนุกเพิ่มเติมกันสักหน่อยครับ ผมได้ขอ password ของอินสตาแกรมของพ่อ (แหะๆ…ที่จริงเป็นคน Register ให้ท่านเองแหละครับ พอถามไปท่านก็ตอบว่าเข้าได้เลย password เดิม) หลังจากนั้นพอพ่อไปที่ไหน ผมก็ขอให้ส่งรูปมาให้ทางมือถือ แล้วผมก็วิ่งไปโพสต์ที่โน่นที ที่นี่ที แล้วก็รออยู่ว่า เมื่อไหร่น้า…สลิ่มจะเห็นสักทีว่าโพสต์จากเมืองไทย !!

ที่จริงมันก็ไม่น่าจะต้องตื่นเต้นนะครับ รูปคุณพ่อผมก็เป็นรูปจริงที่ถ่ายเมืองนอก ถ่ายปุ๊บก็ส่งให้ลูกชายปั๊บ ผมก็แค่นำลงโพสต์ใน IG ก็เท่านั้น ตอนนี้พ่อผมอยู่แถวยุโรปครับ เดี๋ยวพอส่งรูปจากยุโรปมาให้ ผมกำลังคิดอยู่เลยว่าจะวิ่งไปโพสต์แถวไหนดี ให้สลิ่มอกสั่นขวัญแขวนเล่นๆ gagagagagagaga

หูเบาช่างจับผิดเป็นธรรมชาติของสลิ่มอยู่แล้วครับ ทุบพระพรหมก็ทักษิณฯ ผังล้มเจ้า ปฏิญญาฟินแลนด์ ก็ทักษิณฯ มาระยะหลังนี่เล่นแรง อุ้มเอกยุทธฯเอย ปล้นร้านเซเว่นเอย กล่าวหาว่าทักษิณฯ เป็นคนสั่งทั้งนั้น ก้าวข้ามทักษิณฯ ไม่พ้นก็เห็นมีแต่ สลิ่มกับอภิสิทธิ์ฯ นี่แหละวนเวียนอยู่ได้ ทักษิณฯ อยู่เมืองนอกมา 5-6 ปี ยังอยู่ในกระแสข่าวพาดหัวได้ทุกวัน เฮ้อออ….สลิ่มหนอสลิ่ม

สุดท้ายคุณพ่อฝากบอกมาครับว่า อาทิตย์ที่แล้วไปตรวจร่างกายมา คุณพ่อท้าคุณหมอเลยครับว่า คุณหมอช่วยจับผิดร่างกายผมหน่อย ว่ามีอะไรที่ผิดปกติบ้าง คุณหมอตรวจอยู่เป็นวันๆ ครับ สรุปว่า แข็งแรงเกินอายุครับ ความดันเอย ไขมัน คลอเรสเตอรอล มะเร็ง ฯลฯ ตัวชี้วัดทุกตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติทั้งหมด สุขภาพ พตท.ทักษิณฯ สมบูรณ์ 100% ครับ
ดังนั้นข่าวลือที่ว่าคุณพ่อผมเป็นมะเร็งนั้น เป็นอันยุติไปได้นะครับ ไอ้ต่อม ลูกหมาก-ลูกเหมิก อะไรนั่น ไว้ใจได้หายห่วง เป็นปกติ 100%

ถ้าจะห่วงให้ห่วง “ต่อมลูกมาร์ค” ต่อมเดียวก็พอครับ อย่าให้กำเริบจะเป็นนั่นเป็นนี่ขึ้นมาอีก เดี๋ยวทหารต้องออกมาอุ้ม แล้วชาวบ้านจะเดือดร้อน…!!
ฮิ้ววววววว….!!”

ทำให้เรื่องนี้เป็นอันคลายความสงสัยเรื่องการกลับมาเมืองไทยของอดีตนายกรัฐมนตรี แต่ก็ยังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของชาวโซเชียลฯ คอการเมือง ให้ยังคงคิดวิเคราะห์และพูดถึงกันไปต่างๆ นานา อาทิเช่น

“สร้างกระแส ให้คนทะเลาะกัน ไม่เลิกเลยนะ คุณพานทองแท้”

“จะโพสต์อะไรก็โพสต์ไปเถอะ ไม่มีใครสนใจหรอก คนไม่มีเครดิต เคยทำอะไรประสบความสำเร็จด้วยความสามารถตัวเองบ้าง การเมืองก็ไม่เคยเล่น แต่ทำเป็นรู้ดี ออกความคิดเห็นทุกอย่างนะ”

“ความสง่างามอยู่ตรงไหนครับ ถ้าเป็นผม ผมจะไม่ทำอย่างนี้ มันสื่อให้เห็นอะไรได้หลายอย่าง ในทางเสื่อม และที่สำคัญเสียชื่อ เสียเกียรติวงศ์ตระกูล คิดเองก็แล้วกันว่ามันเสียอย่างไร เสียตรงไหน หลอกกันไปมา โตโตกันแล้วนะครับ”

“สงสัยลูกชายเค้า ล๊อกอินอัพรูปสร้างกระแสให้พ่อเค้า”

“ไม่เห็นแปลก บางคนชอบแสดงตัวตน บางคนชอบหลบๆ ซ่อนๆ เขามีเหตุผลทั้งนั้น ที่ชอบแสดงตนอาจเป็นเพราะจะทำให้คนที่เคยทำกับเขาไว้กลัวว่าจะมาถึงตัวเมื่อไหร่ แต่บางคนก็ชอบหลบๆ ซ่อนๆ ไม่กล้าพบปะผู้คนหรือให้ใครเห็น เพราะกลัวว่าถ้ามีคนเจอะแล้วจะไปจับกุม หรือกลัวว่าจะโดนทำร้ายหรืออย่างไร จึงทำเป็นเหมือนคนที่มองไม่เห็นไง! อันนี้ก็อยู่ที่คนจะจิตนาการไป แต่ที่แน่ๆ ทำอะไรกันไว้ระวัง วันหนึ่งคนที่ถูกกระทำจะมาทวงคืน”

เรื่องที่สอง เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์หนักในโซเชียลเน็ตเวิร์กอีกแล้ว เมื่อสกู๊ปข่าว “ฮาร์ดคอร์ข่าว” ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เมื่อวันพุธที่ 26 มิถุนายน 2556 เวลา 18.00–18.30 น. นำเสนอในประเด็นเรื่อง “โครงการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล ภายใต้สัมปทาน บริษัท เค-วอเตอร์” โดยมี “เขมสรณ์ หนูขาว” เป็นผู้ดำเนินรายการ

ตามรายงาน มีการอธิบายรายละเอียดไว้ว่า ผู้ดำเนินรายการได้เกริ่นข้อมูลเบื้องต้นว่า “บริษัท เค-วอเตอร์ มีหนี้สินถึง 700% และไม่เคยรับหน้าที่ในโครงการการบริหารจัดการขนาดใหญ่ ก็เลยกังวลใจถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น” ก่อนจะมีการตัดภาพเข้าสู่สกู๊ปรายงานพิเศษ และผู้สื่อข่าวก็เริ่มบรรยายเกี่ยวกับแผนจัดทำฟลัดเวย์และแก้มลิงของบริษัทเค-วอเตอร์ ภายใต้งบประมาณ 1.63 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทของรัฐบาล แต่เมื่อออกอากาศไปได้ไม่ถึง 1 นาที ก็ต้องถูกตัดภาพออกไปเข้าสู่โฆษณาอย่างกะทันหัน และเมื่อกลับเข้าสู่รายการตามปกติแล้วก็ไม่มีการชี้แจงใดๆ ทำให้เกิดเป็นกระแสพูดถึงในโลกโซเชียลมีเดีย

จนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน ทาง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 (กอญ.ททบ.5) ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงสาเหตุดังกล่าวว่า ความผิดพลาดเกิดขึ้นจากเนื้อหาที่ยังไม่ชัดเจน ทางสถานีจึงต้องระงับการออกอากาศทันที เพราะหากทางสถานีนำเสนอข้อมูลไปแล้วไม่ตรงกับข้อเท็จจริงอาจถูกฟ้องร้องได้ ถือเป็นการป้องกันไว้ก่อน

โดยทางบรรณาธิการซึ่งเป็นผู้ดูแลทางด้านนี้ ได้ตัดสินใจระงับการออกอากาศด้วยสาเหตุดังกล่าว และยืนยันว่าการตัดสินใจระงับการออกอากาศไม่มีผู้ใดสั่งการ และเป็นการตัดสินใจของบรรณาธิการข่าว 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งยังให้เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียน ต้องไม่เกิดความผิดพลาดอีก เพราะการเสนอข่าวของทาง ททบ.5 ต้องมีความรอบคอบ เป็นไปตามนโยบายให้ถูกต้องชัดเจนและเชื่อถือได้

ชาวโซเชียลมีเดียมีการให้ความเห็นและวิพากษ์วิจารณ์กันมาก เพราะเรื่องการถูกระงับออกอากาศของช่องฟรีทีวี ซึ่งมีประชาชนให้การติดตามยังคงเป็นเรื่องที่ประชาชนค้างคาใจอยู่ เช่น กรณีละครดังทางสถานีโทรทัศน์สีช่อง 3 ที่อาจมีการพาดพิงถึงการทำงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดออกมาอธิบายหรือให้ความกระจ่างใด

“เราปล่อยให้คนที่เรียกว่า “นักประชาธิปไตย” นักการเมือง ที่อ้างเสียงข้างมาก อาศัยอำนาจในการกดขี่ประชาชนทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านสื่อ ด้านการรับรู้ข่าวสาร การคอรัปชั่น การปิดกันฝ่ายตรงข้ามในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็น ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดกับหลักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง อยากเห็นความถูกต้องทำงาน อยากเห็นความยุติธรรมทำงาน อยากเห็นข้าราชการที่ดีทำงาน บางครั้งการมีอำนาจล้นเกินไป ก็เป็นเหมือนดาบสองคม หากเหลิงอำนาจ ก็จะเห็นว่าทุกอย่างที่ตนเองไม่ได้คิดนั้น ผิดหมด บางครั้งต้องลองหลับตา ทำใจให้นิ่งๆ แล้วลองทบทวนว่าอะไรคือจริง อะไรคือเหตุผล อะไรคือสิ่งที่ควรทำ เราต่างเข้าใจกันว่า การรักษาตัวรอดเป็นยอดดี แต่มันดีจริงไหม อนาคตลูกหลานจะเป็นอย่างไร”

“ต้องเข้าใจ ต้องทำใจ ว่าประเทศไทยอยู่ในยุคอะไร ประเทศไทยกำลังอยู่ในยุคเมฆ หมอกควันพิษ ครอบคลุมดำทะมึน ยุคคนดีหนีไป อยู่เพื่อเอาตัวรอด ข่าวสารต้องรับรู้เพียงด้านเดียว”

“สัจธรรม ความถูกต้องคือความถูกต้อง ความจริงคือความจริง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ขอให้กระบวนการยุติธรรม ทำหน้าที่ด้วยหลักแห่งความยุติธรรม เพราะบ้านเมืองไทยนี้ เป็นของคนไทยทุกคน ดังนั้นเงินภาษีของประชาชนคนไทย ที่จ่ายไปทุกบาททุกสตางค์ ก็หวังว่าจะนำเงินภาษีนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงที่สุดสำหรับการพัฒนาประเทศชาติ ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน”

“สื่อที่ดีต้องมีหน้าที่คือเสนอข่าวที่เป็นจริงให้แก่ประชาชน ถ้าความจริงพูดไม่ได้หรือไม่กล้าพูด อย่ามาทำงานสื่อเลยครับขอร้อง”

“ความลับไม่มีในโลก เดี๋ยวความจริงก็เผยให้เราได้เห็นเอง”

“เหนือเมฆ ชี้แจงว่าอย่างไรครับ ขอข่าวด้วย แล้วเรื่องนี้เป็นไงต่อครับ ขอความชัดแจนให้มันรู้ไปเลยว่าเป็นอย่างไร มีใครอยู่เบื้องหลัง จะได้ไม่ต้องว่ากันไปมา เอาให้ชัดเจนครับ อยากรู้ความจริง”

ภาพจากคลิปวิดีโอเพลง ที่มาภาพ : http://news.sanook.com1193696
ภาพจากคลิปวิดีโอเพลง ที่มาภาพ: http://news.sanook.com1193696

เรื่องที่สาม คลิปดังในรอบสัปดาห์ เมื่อนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มีการจัดคลิปวิดีโอที่ใช้ชื่อว่า “ครบสองเดือน โชห่วย โชว์สวย” ซึ่งเป็นเพลงที่มีเนื้อหาพูดถึงการครบรอบ 2 เดือนโครงการ “โชห่วย โชว์สวย ทั่วไทย รวมใจช่วยสังคม” ที่นายณัฐวุฒิเป็นผู้คิดโครงการ

โดยภายในคลิปดังกล่าว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และบรรดาข้าราชการในกระทรวงฯ ต่างร่วมร้อง และเต้นประกอบมิวสิควิดีโอกันด้วยตนเอง แต่เมื่อคลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ไป กลับมีเสียงวิจารณ์อย่างหนักหน่วงถึงความเหมาะสม อีกทั้งเพลงดังกล่าว ยังมีทำนองที่ดัดแปลงมาจากเพลง Black Superman ของ Muhammad Ali ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านลิขสิทธิ์ ซึ่งทางรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็ได้สั่งให้มีการลบคลิปวิดีโอดังกล่าว ออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ยังได้มีการพูดถึงคลิปดังกล่าวกับสื่อว่า คลิปเพลง “โชห่วย โชว์สวย” เป็นคลิปโชว์ผลงานของกระทรวงพาณิชย์ จากที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า เพลงในคลิปคล้ายกับเพลงต่างประเทศ และอาจจะเข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์นั้น ไม่ได้มีเจตนาละเมิดลิขสิทธิ์ และไม่คิดว่าจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด สำหรับความตั้งใจที่ทำเพลงนี้ เพียงแค่อยากสร้างสีสันและอยากให้เป็นเพลงที่เข้าใจง่ายสร้างขวัญและกำลังใจประชาชนด้วย โดยได้เริ่มแต่งเพลงนี้ตั้งแต่เริ่มโครงการประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา ระหว่างเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดราชบุรี และให้ทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้าช่วยทำงานด้านดนตรีให้

“นี่คือผลงานของรัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์ ตอนนักข่าวถามเรื่องโครงการจำนำข้าวตอบไม่ได้ อ่อ! ท่านเอาเวลามาแต่งเพลงนี่เอง”

“ท่านก็คงพยายามทำเต็มที่ ในการเข้าถึงประชาชน ก็ขำดีนะ”

“นี่แหละครับ ที่พี่น้องปวงชนชาวไทยส่วนใหญ่ของประเทศ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย เป็นคนเลือกท่านเข้าไปทำงาน ก็ได้เห็นแล้วถึงผลงานที่ท่าน รมช. ได้ทำงานอย่างเต็มความสามารถ ควรที่จะร่วมกันยินดี ถึงความสามารถของท่านซึ่งอยู่ในกลุ่มผู้นำที่บริหารประเทศให้เจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่ง”

“อย่าคิดมาก เขาให้ความบรรเทิงเป็นค่าตอบแทนภาษี ก็ดีกว่า ไม่ทำอะไร เดี่ยว ท่านไปดูกรมประชาสัมพันธ์ ก็จะมีเพลงให้ฟังทุกเช้า ก่อนฟังข่าว หอกระจายข่าวทุกหมู่บ้าน จะได้ใช้ประโยชน์ซะที ”

“ชอบๆ ครับ ชอบคุณเต้นและติดตามผลงานมาตั้งนาน ตลกโปกฮาดี ตอนนี้เป็นใหญ่แล้ว แน่นอนมาจากความสามารถล้วนๆ”

“โชว์ห่วยจริงๆ ครับ”

เรื่องที่สี่ จากประเด็นเรื่องการลาสิกขาของอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก พระอาจารย์ชาวญี่ปุ่นชื่อดัง เจ้าอาวาสวัดป่าสุนันทวนาราม จังหวัดกาญจนบุรี ล่าสุด ได้มีภาพชุดอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ คู่กับหญิงสาวชื่อว่า แอน หรือ สุทธิรัตน์ มุตตามระ ด้วยท่าทีที่สนิทสนม

ล่าสุด นายวิทเยนทร์ มุตตามระ กรรมการผู้จัดการ บลูสกายแชนเนล ซึ่งเป็นน้องชายของสุทธิรัตน์ ได้มีการโพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า “Vittayen Muttamara” โดยมีข้อความว่า

“จากกรณีที่มีภาพอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะและสุภาพสตรีคนหนึ่งปรากฏและเป็นที่พูดถึงในวงกว้างอยู่ในขณะนี้ ผมได้รับคำถามจำนวนมากว่าสตรีท่านนี้เป็นอะไรกับผม ผมจึงขอตอบตรงๆ เพื่อความชัดเจนตรงนี้ว่าเป็น “พี่สาว” ผมครับ
ทั้งพี่สาวผมและอาจารย์มิตซูโอะทั้งสองเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว อาจารย์ท่านก็ศึกษาธรรมะปฏิบัติมานานไม่เคยมีเรื่องมัวหมอง ตอนนี้ท่านก็ลาสิกขาออกไปเป็นฆราวาสแล้ว ผมเชื่อว่าท่านมีสติรู้ว่าท่านทำอะไรอยู่และกำลังจะทำอะไรต่อไปในอนาคต

ผมเชื่อว่าคนสองคนที่ตกลงปลงใจจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันได้ คนทั้งสองต้องทำบุญทำกรรมร่วมชาติกันมามากอย่างที่เขาเรียกว่าบุพเพสันนิวาส และการตัดสินใจของคนทั้งสองก็อยู่ในกฏเกณฑ์กติกาทั้งทางโลกและทางธรรม หากจะถามผมว่าอนาคตของทั้งสองจะอยู่กันที่ไหนอย่างไร ผมตอบตรงๆ ว่าไม่ทราบครับ เพราะถึงเราจะเป็นพี่น้องกันเราเคารพการตัดสินใจซึ่งกันและกัน เขาจะอยู่เมืองนอกหรือเมืองไทยคือการตัดสินใจของเขาทั้งสองครับ

ถ้ามีความคืบหน้าอย่างไรผมจะเรียนให้ทราบอีกครั้ง”

ที่มาภาพ : http://news.mthai.comgeneral-news250309.html
ที่มาภาพ: http://news.mthai.comgeneral-news250309.html

อย่างไรก็ตาม ภาพคู่ดังกล่าวถูกพบจากเฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า “Suttirat Muttamara” ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นของแอน สุทธิรัตน์ มุตตามระ โดยที่เรื่องนี้ ฝ่ายหญิงตกเป็นที่กล่าวหาจากสังคมว่า เธอตั้งใจจะแบล็คเมล์อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะโดยการเปิดเผยภาพดังกล่าว ซึ่งเธอก็ได้โพสต์ข้อความไว้เฟซบุ๊กดังกล่าวด้วยว่า

“ขอบคุณสำหรับผู้ที่ไม่หวังดีต่อดิฉัน ที่กล่าวหาว่าดิฉันวางยา Blackmail อาจารย์มิตซูโอะ โดยมีเจตนาทำให้ดิฉันเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงทำให้อาจารย์มิตซูโอะผู้ที่มีเมตตา และความรักต่อดิฉัน จะต้องออกมาปกป้องศักดิ์ศรีของดิฉัน ด้วยการเปิดเผยความจริงต่อสังคมเร็วๆ นี้ ขอบคุณอีกครั้ง”

และล่าสุดความจริงก็ปรากฏ เมื่ออดีตพระอาจารย์มิตซูโอะได้มีการโพสต์คลิปวิดีโอลงบนเว็บไซต์ยูทูป ด้วยข้อความที่สั้น และเข้าใจง่าย เป็นการแถลงเรื่องราวดังกล่าวว่า

“จดทะเบียนกันเรียบร้อยแล้ว บวชมา 38 พรรษา ไม่เคยคิดจะสึก ไม่เคยคิดจะแต่งงานในชาตินี้ แต่สำหรับ สุทธิรัตน์ มุตตามระ หรือ แอน น่าจะเป็นเนื้อคู่กันมาแต่ชาติปางก่อน เป็นคู่บารมีของอาจารย์”

ทั้งยังมีจดหมายลายมือของอดีตพระมิตซูโอะ ที่ยืนยันว่าจดทะเบียนสมรส และไม่ได้กระทำผิดธรรมวินัยแต่อย่างใด โดยที่ความรักของทั้งคู่เกิดขึ้นโดยความสุจริต

นางสุทธิรัตน์ มุตตามระ หรือ แอน เป็นที่รู้จักในแวดวงไฮโซและนักธุรกิจ เนื่องจากเธอดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือเดอะควอลิตี้ กรุ๊ป และประธานกรรมการบริหาร บริษัท คิว เมดิคอล เซ็นเตอร์ จำกัด ผู้นำเทคโนโลยีศูนย์ต่อต้านความชราครบวงจร นอกจากนี้เธอยังมีศักดิ์เป็นพี่สาวแท้ๆ ของ วิทเยนทร์ มุตตามระ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เขตบางเขน อีกด้วย

“ยอดเยี่ยมครับ ความจริงน่าชื่นชมเสียด้วยซ้ำ ที่ลาสิกขาก่อนครับ ไม่เหมือนพระที่มั่วกิเลสในผ้าเหลือง อย่างน้อยในชีวิตท่านก็เคยเป็นพระที่สร้างประโยชน์นานับประการ หลายคนบอกบวชมาแล้ว 38 ปี ยังตัดกิเลสไม่หมด แล้วพระที่ตัดกิเลสหมดสมัยนี้องค์ไหนครับ? ถ้าให้คุณเลือกทำบุญเฉพาะพระที่ตัดกิเลสหมด ชาตินี้คุณไม่ต้องทำบุญหรอกครับ ผมว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีมาก ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าเรามองที่การกระทำที่เป็นประโยชน์เป็นหลักสำคัญ”

“รู้สึกและคิดตั้งแต่ครั้งแรกที่ทราบว่าพระท่านนี้ลาสิกขาบทแบบปู๊บปั๊บว่าอาจต้องมีเรื่องทำนองนี้ และแล้ววูบหนึ่งของความคิดก็เป็นจริง กรรมของแต่ละบุคคลหลีกเหลี่ยงกันไม่ได้จริงๆ”

“ไม่แปลกที่สึกไปแต่งงานหรอกค่ะ แต่แปลกที่เขาครองผ้าเหลืองมากี่ปีค่ะ คุณทราบหรือเปล่า แล้วคำถาม เกิดขึ้นว่า ไปรักกันตอนไหน ตอนห่มผ้าเหลืองใช่หรือไม่ ท่านเพิ่งสึกไม่ถึง 10 วันค่ะ คุณผู้หญิงท่านนี้ ก็ประกาศขนาดนี้ เธอดีใจที่สึกพระสำเร็จ ในที่สุดก็ ไม่สามารถผ่านกิเลส ได้”

“คนไทยเป็นชนชาติที่ยอมรับกับความจริงได้ยาก ชอบมองแค่เปลือก ใครที่ความคิดไม่ตรงกับตัวเองคือผิดหมด ก็เห็นกันอยู่ว่า รูปอดีตพระที่อยู่กับผู้หญิงนั้น กริยาก็แสดงให้เห็นว่าขาดจากความเป็นพระตั้งนานแล้ว ก็ยังดีที่รู้ตัวเอง ลาสิกขาออกมา”

“กามกิเลสเป็นสิ่งที่ตัดยากที่สุดในกิเลสทั้งปวง อดีตพระมิตซูโอะท่านทำถูกแล้ว เมื่อรู้ตัวว่าไม่อาจห้ามความรักได้ ก็ลาสิกขาบทไป ไม่ให้พระศาสนาต้องมัวหมอง ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และขณะที่เป็นพระก็ได้ปฏิบัติตัวเพื่อยังประโยชน์มากมาย เมื่อรู้ธรรมะแล้วเห็นธรรมแต่ยังไม่บรรลุธรรมก็ต้องเป็นไปตามกรรม แล้วแต่วาระกรรมที่ทำกันมาแต่อดีต เมื่อวาระกรรมนั้นมาถึงก็ยากที่จะหลีกพ้น แต่ทั้งสองคนก็ทำถูกแล้ว ที่ออกจากเพศบรรพชิตก่อน เป็นการตัดสินใจที่ไม่กระทบธรรมและโลก”

“ผิดตรงไหนถ้าพระอาจารย์ จะครองเรือนโดยการลาสิกขา คุณงามความดีของพระอาจารย์ก็ยังดีอยู่ในใจค่ะ เป็นกำลังใจให้พระอาจารย์นะคะ”

เรื่องที่ห้า คลิปดีๆ เพื่อสังคมในรอบสัปดาห์นี้ เป็นคลิปที่มีชื่อว่า “ส่งมาเรียน by MOVING IMAGE” จาก เครือข่ายองค์กรเลิกเหล้า (Stopdrink) ผลงานจาก Moving Image โปรดิวเซอร์โดย พิริยะ ทองสอน, กำกับโดย อรุณกร พิค และ กำกับภาพโดย นพดล ขันธ์รัตน์

ที่มาภาพ : http://pantip.comtopic30635792
ที่มาภาพ: http://pantip.comtopic30635792

ในคลิป มีเนื้อหาที่สะท้อนให้เห็นถึงเบื้องหลังของความสุขฉาบฉวย ผ่านการบอกเล่าจากปากของผู้เป็นแม่ ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อหาเงินมาให้ลูกใช้จ่ายอย่างเต็มใจ โดยไม่เคยรู้ว่า ลูกชายของตน นำเงินที่ส่งให้ไปใช้ดื่มเหล้าเมายากับเพื่อนอย่างไม่เห็นค่า

“”ไม่เคยบอกลูกเลยว่าเหนื่อยแค่ไหน เพราะกลัวลูกไม่มีสมาธิในการเรียนหนังสือ” ประโยคนี้ ประทับใจผมมากเลย ใครกันเล่าจะรักเราเท่าพ่อแม่”

“เห็นหัวเรื่องก็เศร้าแล้ว ไม่กล้าพอที่ดูเพราะทำใจกับความลำบากของคนเป็นพ่อแม่ไม่ได้จริงๆ”

“ผมชอบมุมมองในคลิปนี้นะครับ แม้ไม่ทั้งหมด พ่อแม่บางคนก็ซื่อ และมีลูกไม่ดี (จะทำตัวไม่ดีเพราะตัวเองหรือสิ่งแวดล้อมก็ตามแต่) จริงๆ ทุกวันนี้ไม่ใช่สักแต่หาเงินๆ ลำบากก็ต้องลำบากด้วยกัน พอแล้วที่เลี้ยงลูกด้วยเงินและบ่นเหมือนเป็นพ่อแม่อันประเสริฐ แก้ไขครับวิธีการใช้ชีวิตแบบนั้น”

“ที่จริงถ้าจะดื่มจะเที่ยวก็ทำได้นะครับ แต่ก็ต้องให้มันพอเหมาะพอควรบ้าง และที่สำคัญต้องไม่ให้เสียการเรียนด้วย”

“ผมเป็นอีกคนนึงที่ชอบดื่มสุราและของมึนเมาทั้งหลายแหล่ แต่โชคดีมากๆ ที่ยังคิดทันและกลับตัวได้ ถามว่าทางบ้านเคยว่าอะไรมั้ย? ทางบ้านเขาปล่อยครับคือไม่อยากห้าม ห้ามไปก็เท่านั้นปล่อยดีกว่า ปล่อยให้ได้เรียนรู้เองอะไรเอง เพราะเดี๋ยวถึงจุดหนึ่งมันจะคิดได้ โชคดีที่ผมยังคิดได้และกลับตัวได้ เมื่อก่อนนี่ ยอมรับว่ากินหนักมาก ตอนนี้เบาลงแล้วล่ะครับ โชคดีที่เราคิดทัน”

“ก่อนหน้านั้น ตอนที่เรายังเด็กพ่อแม่ก็เลี้ยงเรามาเรื่อยๆ จนเราเรียนจบมีการมีงานมเงินเดือน ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องช่วยพ่อแม่ ตอบแทนบุญคุณที่เลี้ยงเรามีจนมีวันนี้ครับ”