ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 4-10 พ.ย. 2560: ‘ประยุทธ์โยนหิน’ 6 คำถามจากนายกฯ ถึงประชาชน และบางเสียงจากคนที่ตอบ(โต้)แล้ว” และ “‘พาราไดซ์ เปเปอร์ส’ แฉ คนดังเลี่ยงภาษี”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 4-10 พ.ย. 2560: ‘ประยุทธ์โยนหิน’ 6 คำถามจากนายกฯ ถึงประชาชน และบางเสียงจากคนที่ตอบ(โต้)แล้ว” และ “‘พาราไดซ์ เปเปอร์ส’ แฉ คนดังเลี่ยงภาษี”

11 พฤศจิกายน 2017


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 4-10 พ.ย. 2560

  • “ประยุทธ์โยนหิน” 6 คำถามจากนายกฯ ถึงประชาชน และบางเสียงจากคนที่ตอบ(โต้)แล้ว
  • อาบน้ำลดภาษีได้ – ขี้เมื่อยเฮ อาบอบนวดช็อปช่วยชาติ
  • ชงขยายเพดานเกษียณ ขรก. ทำงานถึง 63 ปี
  • เริ่มเดือนหน้า เปิดซิมมือถือต้องสแกนหนเ้า-ลายนิ้วมือ
  • “พาราไดซ์ เปเปอร์ส” แฉ คนดังเลี่ยงภาษี

“ประยุทธ์โยนหิน” 6 คำถามจากนายกฯ ถึงประชาชน และบางเสียงจากคนที่ตอบ(โต้)แล้ว

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th

เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2560 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนายกรัฐมนตรี ได้แจกเอกสาร “6 คำถามสำหรับคำถามถึงพี่น้องประชาชน” ให้กับสื่อมวลชน โดยมีเนื้อหาดังนี้

คำถามที่ 1 วันนี้เราจำเป็นต้องมีพรรคการเมืองใหม่ๆ หรือนักการเมืองหน้าใหม่ๆ ที่มีคุณภาพให้ประชาชนได้พิจารณาในการเลือกตั้งครั้งต่อไปหรือไม่? การที่มีแต่พรรคการ เมืองเดิม นักการเมืองหน้าเดิมๆ แล้วได้เป็นรัฐบาล จะทำให้ประเทศชาติเกิดการปฏิรูป และทำงานอย่างต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์ชาติหรือไม่?

คำถามที่ 2 การที่ คสช. จะสนับสนุนพรรคการเมืองใด ก็ถือเป็นสิทธิ์ของ คสช. ใช่หรือไม่ เพราะนายกฯก็ไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งอยู่แล้ว

คำถามที่ 3 สิ่งที่ คสช. และรัฐบาลนี้ได้ดำเนินการไปในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ประชาชนมองเห็นอนาคตที่ดีของประเทศชาติบ้างหรือไม่ โดยมีคำถามย่อย ดังนี้

    – เห็นด้วยกับรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมาเป็นเวลานาน ด้วยการรื้อใหม่ ทำใหม่ การวางแผนงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เป็นระยะสั้น กลาง ยาว อาทิ การแก้ไขปัญหา IUU , ICAO ฯลฯ หรือไม่-เห็นด้วยกับการให้มียุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฏิรูปประเทศเพื่อให้การเมืองไทยในอนาคตมีประสิทธิภาพ มีธรรมาภิบาล เกิดความต่อเนื่องในการพัฒนาประเทศหรือไม่
    – การทำงานของทุกรัฐบาล ต้องคำนึงถึงภาพรวมทั้งประเทศ คนทั้งประเทศ ทุกจังหวัด มิใช่ทำแต่ตามนโยบายพรรคที่ได้หาเสียงไว้ หรือดูแลเฉพาะพื้นที่ฐานเสียงที่สนับสนุน รวมทั้งต้องทำงานตามยุทธศาสตร์ชาติให้เกิดความต่อเนื่องใช่หรือไม่

คำถามที่ 4 การเอาแนวทางจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีต มาเปรียบเทียบกับการจัดตั้งรัฐบาลในวันนี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้องทั้งหมดหรือไม่?เพราะสถานการณ์บ้านเมืองก่อนหน้าที่ คสช. และรัฐบาลนี้จะเข้ามา เราได้พบเห็นแต่ความขัดแย้ง ความรุนแรง การแบ่งแยกประเทศเป็นกลุ่มๆ เพื่อมาสนับสนุนทางการเมืองใช่หรือไม่?

คำถามที่ 5 รัฐบาลและการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยที่ผ่านมาของไทย ได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพ มีธรรมาภิบาล และมีการพัฒนาประเทศที่มีความต่อเนื่อง ชัดเจนเพียงพอหรือไม่?

คำถามที่ 6 ข้อสังเกตเพื่อพิจารณา เหตุใดพรรคการเมือง นักการเมืองจึงออกมาเคลื่อนไหว ด้อยค่า คสช., รัฐบาล, นายกรัฐมนตรี บิดเบือนข้อเท็จจริงในการทำงานในช่วงนี้อย่างมากผิดปกติ ฝากถามพี่น้องประชาชนว่าเป็นเพราะอะไร อำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ อยากให้ทุกคนที่เป็นคนไทยได้พิจารณาตัดสินใจ

คำถามดังกล่าว ทำให้มีผู้มีบทบาททางการเมืองหลายๆ ท่านออกมาตอบ(โต้?) ดังตัวอย่างต่อไปนี้

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

“การตั้งคำถามแบบนี้ทำให้เกิดความเผชิญหน้าระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กับนักการเมืองมากกว่า อย่างไรก็ตาม คำถามข้อสุดท้ายถ้านายกฯมีความรู้สึกว่า เสียงวิจารณ์นั้นไม่เป็นความจริง หรือไม่ถูกต้อง  รัฐบาลมีกลไกในการชี้แจงมากกว่ารัฐบาลอื่นๆ แต่ตนก็ไม่ทราบว่า นักการเมืองในคำถามนั้นหมายถึงใครบ้าง ตนก็เคยก็วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล แต่ไม่เคยมีวัตถุประสงค์ให้ร้าย และกล้าท้าด้วยว่าไม่เคยบิดเบือนข้อมูล”

(อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, 8 พ.ย. 2560)

อ่านทั้งหมดได้ที่เว็บไซต์เดลินิวส์

นายจาตุรนต์ ฉายแสง
นายจาตุรนต์ ฉายแสง

“คำถาม 6 ข้อของพลเอกประยุทธ์แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พลเอกประยุทธ์ไม่ต้องการให้พรรคการเมืองและนักการเมืองที่เคยเป็นรัฐบาลกลับมาเป็นรัฐบาลอีก โดยคสช.ต้องการจะสนับสนุนพรรคการเมืองบางพรรค ทั้งที่จะตั้งขึ้นใหม่และที่มีอยู่แล้ว เพื่อจัดตั้งรัฐบาลภายใต้กำกับของ คสช. ขึ้นมาบริหารประเทศไปตามยุทธศาสตร์และแผนการปฏิรูปอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน โดยไม่ต้องฟังเสียงความเรียกร้องต้องการของประชาชนที่แสดงออกในการเลือกตั้ง”

(จาตุรนต์ ฉายแสง, 9 พ.ย. 2560)

อ่านทั้งหมดที่เว็บไซต์คมชัดลึก

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่มาภาพ: http://talk.mthai.comtopic44844

“ประชาชนคนใดจะตอบคำถาม 6 ข้อของนายกฯ ก็ถือเป็นสิทธิ์ แต่ตนคงไม่มีความจำเป็นหรือประโยชน์ใดๆ เพราะคำถามทุกข้อมีคำตอบของผู้มีอำนาจอยู่ในตัวแล้ว และเป็นคำตอบที่ตกผลึกมาตลอดเวลาเกือบ 4 ปี ดังที่ปรากฏในการให้สัมภาษณ์หรือปาฐกถาของนายกฯ มาตลอด”

(ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, 9 พ.ย. 2560)

อ่านทั้งหมดที่เว็บไซต์เนชั่นทีวี

ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ที่มาภาพ: เว็บไซตข่าวสด (https://goo.gl/EdaNp3)

“ถ้าคสช.จะยังคงลงมาเป็นผู้เล่นเอง หรือไปสนับสนุนพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่ง ความเสมอภาคของการเแข่งขันในการเลือกตั้งก็จะถูกกระทบและกลายเป็นปัญหาไม่เชื่อมั่นกลไกรัฐที่ คสช.ควบคุมอยู่ คำถามคือ แล้วมันจะนำประเทศชาติกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้จริงหรือ”

(ปริญญา เทวานฤมิตรกุล, 9 พ.ย. 2560)

อ่านทั้งหมดได้ที่เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ

อาบน้ำลดภาษีได้ – ขี้เมื่อยเฮ อาบอบนวดช็อปช่วยชาติ

เว็บไซต์วอยซ์ทีวีรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….)  ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2560) หรือช็อปช่วยชาติ ตามเกณฑ์ดังต่อไปนี้

1. สามารถนำใบกำกับภาษีชนิดเต็มรูปแบบ มาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท
2. เป็นการซื้อสินค้า บริการ ร้านอาหาร และตั๋วเครื่องบินเดินทางในประเทศซึ่งไม่รวมแพ็กเกจทัวร์
3. ไม่รวมสินค้าประเภท แอลกอฮอล์ บุหรี่ และทองคำแท่ง ส่วนทองรูปพรรณสามารถลดหย่อนได้เฉพาะค่ากำเหน็จเท่านั้น

ซึ่งเกิดคำถามว่าสินค้าประเภทใดเข้าข่ายบ้าง วันที่ 8 พ.ย. 2560 นางแพตริเซีย มงคลวนิช รองอธิบดีกรมสรรพากร ชี้แจงว่า การใช้บริการอาบอบนวดหรือคาราโอเกะหากออกใบกำกับภาษีถูกต้องก็สามารถลดหย่อนภาษีได้ ส่วนกรณีศูนย์ฟิตเนสหากทำสัญญารายปีไม่ได้ แต่ถ้าหากผ่อนชำระสินค้ารายเดือนลดหย่อนได้ ด้านบัตรโดยสารเครื่องบินจะหักภาษีได้เฉพาะสายการบินที่คิดภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเที่ยวบินในประเทศ และซื้อและบินในช่วงเวลาดังกล่าว โดยจะยึดเก็บจากใบกำกับภาษีเป็นหลัก ทางกรมสรรพากรคาดว่ารัฐจะสูญเสียรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท

ชงขยายเพดานเกษียณ ขรก. ทำงานถึง 63 ปี

ที่มาภาพ: เว็บไซต์เดลินิวส์https://goo.gl/HpLfns

เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นพ.อำพล จินดาวัฒนะ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านสังคมและโฆษกกรรมการ นายวิเชียร ชวลิต กรรมการปฏิรูปประเทศด้านสังคม แถลงข่าวการประชุมหารือการปฏิรูปประเทศสังคม ด้านกลุ่มผู้เสียเปรียบทางสังคม ประกอบด้วย เด็ก เยาวชน สตรี ผู้พิการ คนยากจน คนไร้ที่พึ่ง ผู้สูงอายุ คนไร้สถานะทางทะเบียนราษฎร ผู้พ้นโทษ ผู้ติดเชื้อเอชไอวี แลละผู้บริโภค โดยจะดำเนินการภายใต้แนวคิดปฏิรูปเพื่อปลดล็อก อุปสรรคต่างๆ ที่ทำให้คนบางกลุ่มในสังคมกลายเป็นผู้เสียเปรียบ

นายวิเชียร กล่าวว่า ปัญหาเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องเร่งดำเนินการมี 5 ประการ คือ

1. ปฏิรูประบบขนส่งสาธารณะ รวมถึงกฎหมายในการดูแล
2. ปฏิรูปการเสริมสร้างศักยภาพ กลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุในการทำงาน  ทั้งนี้คณะกรรมการฯ จะมีการเสนอให้ขยายเกษียณอายุทำงานของราชการ จากเดิมกำหนดไว้ที่อายุ 60 ปี  เป็น 63 ปี โดยจะขยายแบบขั้นบันได เช่น ปี 2562 ขยายเกษียณอายุเป็น 61 ปี จากนั้นปี 2564 ขยายเกษียณเป็น 62 ปี ซึ่งจะใช้ระยะเวลาดำเนินการ 6 ปี ทั้งนี้จะต้องมีการพูดคุยรายละเอียดอีกครั้งว่าจะครอบคลุมข้าราชการในส่วนใดบ้าง เช่น ข้าราชการกลุ่มใช้กำลัง ทหาร อาจจะไม่ขยายเพิ่ม
3. ปฏิรูประบบการคุ้มครองผู้บริโภค ให้มีบทบาททางปกครองมากขึ้น พร้อมผลักดันให้เกิดองค์กรภาคประชาชนการดูแลผู้บริโภค
4. การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ให้คนเหล่านี้เข้าสู่ระบบการจ้างงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ต่อปี
5. การให้สัญชาติแก่ผู้ไร้สถานะทางทะเบียนราษฎร

ด้าน นพ.อำพล กล่าวอีกว่า จะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นกับทุกภาคส่วน ถึงข้อเสนอจากคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านด้านสังคมใน 4 เวที คือ ภาคกลาง วันที่ 15 พ.ย. ที่โรงแรมเอมเมอรัลรัชดา ภาคอีสาน วันที่ 24 พ.ย. ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ภาคใต้ วันที่ 30 พ.ย. ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช และภาคเหนือ วันที่ 12 ธ.ค. ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

เริ่มเดือนหน้า เปิดซิมมือถือต้องสแกนหนเ้า-ลายนิ้วมือ

ที่มาภาพ: เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ (https://www.prachachat.net/?p=66691)

วันที่ 6 พ.ย. 2560 เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ได้ประกาศวันเริ่มต้นการใช้ระบบลงทะเบียนผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยระบบอัตลักษณ์ พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 15 ธันวาคม 2560

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2560 สำนักงาน กสทช. ได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกราย ให้เริ่มจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยวิธีอัตลักษณ์ ด้วยการตรวจสอบใบหน้า (face recognition) หรือสแกนลายนิ้วมือ (finger print) เพื่อเป็นวิธีที่สามารถพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคล และป้องกันการแอบอ้างหรือปลอมแปลงการลงทะเบียนซิมการ์ดได้ ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2560 เป็นต้นไป

โดยครอบคลุมถึงผู้ที่ซื้อซิมการ์ดใหม่ ทั้งการใช้งานแบบรายเดือน (โพสต์เพด) และแบบเติมเงิน (พรีเพด) รวมถึงบุคคลที่ไม่ใช่สัญชาติไทย และนักท่องเที่ยวที่ต้องการเปิดใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วย

การลงทะเบียนซิมด้วยวิธีอัตลักษณ์ เป็นการส่งเสริมนโยบายของของรัฐบาลในเรื่องการดำเนินธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจำเป็นต้องมีการปรับปรุงการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้บริการ และต้องมีการปรับปรุงการพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคลของผู้ใช้บริการให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะมีการเปรียบเทียบใบหน้า (face recognition) หรือ ลายนิ้วมือ (finger print) ของผู้ซื้อซิมการ์ดกับข้อมูลที่เก็บในบัตรประชาชนฉบับจริง โดยหากข้อมูลมีความถูกต้องตรงกัน จึงจะอนุญาตให้มีการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้บริการและเปิดใช้งานซิมการ์ดได้

ดังนั้น ประชาชนที่ต้องการเปิดซิมใหม่ จะต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงไปด้วยเพื่อให้จุดให้บริการตรวจสอบข้อมูล อย่างไรก็ตาม หากมีการตรวจสอบอัตลักษณ์แล้วไม่สามารถดำเนินการตรวจสอบได้ ให้ผู้ใช้บริการติดต่อศูนย์ให้บริการ หรือสำนักงานบริการลูกค้าเพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อมูล เพิ่มเติมการเปิดใช้งานซิมการ์ดต่อไป

“เมื่อมีการลงทะเบียนซิมการ์ดเรียบร้อยแล้ว ข้อมูลของผู้ใช้บริการจะถูกจัดส่งตรงไปยังฐานข้อมูลของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยไม่ได้มีการจัดเก็บข้อมูลไว้ที่จุดให้บริการ ซึ่งประชาชนสามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกจัดเก็บเป็นความลับและปลอดภัยอย่างแน่นอน ซึ่งการดำเนินงานครั้งนี้เป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการดำเนินการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ในการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้มีประสิทธิภาพ มีการพิสูจน์ตัวตนได้ และยังช่วยในเรื่องความมั่นคงของรัฐ และความปลอดภัยของสังคมด้วย” นายฐากรกล่าว

“พาราไดซ์ เปเปอร์ส” แฉ คนดังเลี่ยงภาษี

วันที่ 6 พ.ย. 2560 เว็บไซต์คมชัดลึกรายงานว่า หนังสือพิมพ์ซุดดอยช์ ของเยอรมนี ที่เคยเปิดโปง “ปานามา เปเปอร์ส” เมื่อปีที่แล้ว ได้ติดต่อสมาคมผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนระหว่างประเทศ หรือไอซีไอเจ ประกอบด้วย สื่อมวลชน 381 คน จากองค์กรสื่อ 96 แห่ง ใน 67 ประเทศ ให้ตรวจสอบไฟล์เอกสาร 13.4 ล้านชิ้น ที่มาจากฐานข้อมูลของสำนักกฎหมาย “แอปเปิลบี” (Appleby) ที่ทำธุรกิจรับจดทะเบียนบริษัทนอกอาณาเขต โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เบอร์มิวด้า

ซึ่งฐานข้อมูลนี้ ครอบคลุมระยะเวลาการทำงาน 70 ปี ของแอปเปิลบี ตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1950 ถึงปี 2559 ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามีบุคคลและธุรกิจ 126 ราย จาก 47 ประเทศ รวมทั้งเชื้อพระวงศ์, รัฐมนตรีในรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์, นักแสดงฮอลลีวู้ดและนักร้องชื่อดัง เป็นผู้ถือครอง บริษัทนอกอาณาเขต 24,996 แห่ง โดยเฉพาะเบอร์มิวดา หมู่เกาะเคย์แมน และหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน

ฐานข้อมูลนี้ มีขนาดความจุ 1.4 เทอราไบท์ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการเผยแพร่ นับแต่กรณีวิกิลีกส์ เมื่อปี 2553 และปานามา เปเปอร์ส์ ขนาด 2.6 เทอราไบท์ ที่เผยแพร่เมื่อปี 2559

ในกรณีของสมเด็จพระราชินีนาถแห่งอังกฤษ พบว่า พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ 10 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 450 ล้านบาท ได้ถูกนำไปลงทุนในต่างประเทศ โดยสำนักงานจัดการลงทุนทรัพย์สินส่วนพระองค์ “ดัชชี ออฟ แลงคาสเตอร์” ได้นำทรัพย์สินส่วนพระองค์มูลค่า 500 ล้านปอนด์ หรือราว 22,500 ล้านบาท ไปลงทุนที่เกาะเคย์แมนและเบอร์มิวดา ช่วงปี 2547-2548

ทั้งนี้ นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐฯ ถูกระบุว่า ได้รับผลประโยชน์ในบริษัทขนส่งสินค้า ที่มีรายได้มหาศาลจากการขนส่งน้ำมันและก๊าซให้แก่บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย ที่มีบุตรเขยของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และบุคคลอีก 2 คนที่ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร ถือหุ้นอยู่ในบริษัทแห่งนี้ด้วย

นอกจากนี้  ยังมีบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง ไนกี้ และแอปเปิล ที่ถูกระบุว่า อาศัยบริษัทนอกอาณาเขตเพื่อเลี่ยงภาษี ขณะที่สโมสรดังแห่งพรีเมียร์ลีกอังกฤษอย่าง “เอฟเวอร์ตัน” ถูกตั้งคำถามว่า “แหกกฎ” หรือไม่ กรณีผู้ถือหุ้นรายหนึ่งถูกตั้งคำถามเรื่องการระดมทุน

ทั้งนี้ เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ได้รายงานรายชื่อบางส่วนที่อยู่ในพาราไดซ์ เปเปอร์ส ดังนี้

– ลูอิส แฮมิลตัน นักแข่งรถ แชมป์โลกรายการฟอร์มูลา วัน 4 สมัย วัย 32 ปี ถูกตรวจพบว่าเลี่ยงภาษีจากการซื้อเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวรุ่น ‘บอมบาร์ดิเออร์ ชาลเลนเจอร์ 605’ มูลค่า 16.5 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2556

– บริษัทแอปเปิล ถูกตรวจพบว่า ใช้วิธีเลี่ยงไม่ให้ถูกลงโทษจากการดำเนินการทางภาษีอันอื้อฉาวในไอร์แลนด์ เมื่อปี 2556 ด้วยการแสวงหาแหล่งเลี่ยงภาษีใหม่ โดยได้เคลื่อนย้ายการลงทุนจากไอร์แลนด์ไปลงทุนที่เกาะเจอร์ซีย์ บริเวณหมู่เกาะแชนเนล ในช่องแคบอังกฤษ เป็นมูลค่าประมาณ 2.52 แสนล้านดอลลาร์

– นายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์ของสหรัฐฯ ถูกระบุว่า ได้รับผลประโยชน์ในบริษัทขนส่งสินค้าที่มีรายได้มหาศาลจากการขนส่งน้ำมันและก๊าซให้แก่บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซียซึ่งมีบุตรเขยของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินถือหุ้นด้วย

– ประธานาธิบดีฮวน มานูเอล ซานโตส แห่งโคลอมเบีย ถูกตรวจพบว่าเป็นคณะกรรมการหรือเป็นบอร์ดของบริษัทประกัน Nova Holding เม.ย.-พ.ค.2553 และบริษัท Global Holding ที่เน้นเรื่องการศึกษา เม.ย.2542-2543 นอกจากนั้นอดีตรมว.กลาโหม 3 คนของโคลอมเบียและอดีตเอกอัครราชทูตโคลอมเบียประจำสหรัฐฯ 2 คนก็มีรายชื่อในพาราไดซ์ เปเปอร์สด้วย

– นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดแห่งแคนาดา อาจเสียหน้า จากการที่หัวหน้าทีมระดมทุนของเขาไปพัวพันกับการโยกย้ายเงินทุนของอดีตวุฒิสมาชิกคนหนึ่งในต่างประเทศ

– มหาวิทยาลัยและวิทยาลัยในสหรัฐฯ ถึง 104 แห่ง รวมทั้งมหาวิทยาลัยชั้นนำ อย่างมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย, พรินซ์ตัน, สแตนฟอร์ด และเพนซิลเวเนีย ได้นำเงินไปลงทุนในดินแดนหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในบริษัทที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ ทั้งที่มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ถือเป็นสถาบันที่มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับสภาวะโลกร้อน การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ