ThaiPublica > ประเด็นสืบสวน > กสทช. เตรียมถอนใบอนุญาตมือถือจีน 280 รุ่น พบใช้ผลการทดสอบจากห้องแล็บปลอม

กสทช. เตรียมถอนใบอนุญาตมือถือจีน 280 รุ่น พบใช้ผลการทดสอบจากห้องแล็บปลอม

11 พฤษภาคม 2012


นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช.
นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช.

สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เตรียมเสนอให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) พิจารณาเพิกถอนใบรับรองโทรศัพท์มือถือนำเข้าจากประเทศจีน 34 ยี่ห้อ จำนวน 280 รุ่น จากผู้นำเข้าไทย 28 ราย หลังพบมีการใช้ผลการทดสอบจากห้องแล็บปลอม ในการขอใบรับรองเครื่องเพื่อนำมาจำหน่ายในประเทศไทย

ตามประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง “การตรวจสอบและรับรองมาตรฐานของเครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์” ที่กำหนดให้ผู้ประกอบการที่นำโทรศัพท์มือถือมาจำหน่าย ต้องแสดงรายงานผลความสอดคล้องตามมาตรฐาน ที่มีผลการทดสอบจากห้องแล็บที่ผ่านการรับรองอย่างถูกต้อง เพื่อขอใบรับรองต่อ กสทช. นั้น สำนักงาน กสทช. ได้ทำการตรวจสอบรายงานผลความสอดคล้องของโทรศัพท์มือถือที่นำเข้าจากประเทศจีน ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2552–2554 พบว่า ใบรายงานผลจากห้องแล็บที่ผู้ประกอบการยื่นเพื่อขอใบอนุญาต มีการปลอมแปลงและแก้ไขทั้งหมดหรือบางส่วน จึงถือเป็นเอกสารที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ในการการตรวจสอบ สำนักงาน กสทช. ได้ตรวจสอบโดยตรงกับห้องแล็บในประเทศจีน เพื่อยืนยันควมถูกต้องของเอกสารที่ผู้ประกอบการกล่าวอ้างว่าเป็นผู้รับรองผล โดยทางห้องแล็บได้ยืนยันว่า มีมือถือที่ได้ออกใบรับรองไปแล้วจำนวน 34 ยี่ห้อ 280 รุ่น จากผู้นำเข้าไทย 28 ราย มีการปลอมแปลงหรือไม่ได้เป็นรายงานผลที่ออกโดยห้องแล็บนั้นตามที่ผู้ประกอบการอ้างจริง

สำนักงาน กสทช. จึงได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังผู้ประกอบการที่เข้าข่ายยื่นเอกสารเท็จ เพื่อขอคำชี้แจงและให้โอกาสในการแสดงหลักฐานต่อสำนักงาน กสทช. แต่ปรากฎว่า จากจำนวนผู้ประกอบการทั้งหมด มีผู้ประกอบการเพียงรายเดียวเท่านั้นที่มีการโต้แย้งและแสดงหลักฐานซึ่งทำให้เห็นว่า เป็นความผิดพลาดในการจัดทำเอกสารของห้องแล็บ ใบรับรองของผู้ประกอบการดังกล่าวจึงยังคงมีผลอยู่

สำหรับผู้ประกอบการจำนวน 28 รายที่ไม่มีการโต้แย้งนั้น สำนักงาน กสทช. เตรียมเสนอให้ กทค. ในฐานะผู้พิจารณา เพิกถอนใบรับรองโทรศัพท์จำนวน 280 รุ่นดังกล่าว ทำให้ไม่สามารถวางขายในท้องตลาดได้ และกรณีที่พิสูจน์ได้ว่าผู้ประกอบการเป็นผู้ปลอมแปลงเอกสารเอง จะมีความผิดทางอาญาด้วย

จำนวนโทรศัพท์มือถือ 34 ยี่ห้อ 280 รุ่น ที่ทางห้องแล็บจากต่างประเทศยืนยันว่ามีการแก้ไข หรือไม่ได้เป็นรายงานผลของห้องแล็บตามหลักฐานที่ผู้ประกอบการส่งเพื่อขอใบอนุญาตินั้น พบว่าโทรศัพท์ยี่ห้อ MTM มีการตรวจพบสูงสุด 45 รุ่น รองลงมาคือ NEX 31 รุ่น, MASTER 27 รุ่น, TWZ 26 รุ่น และ INFONE 23 รุ่น ตามลำดับ

นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช. ในฐานะคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม ได้ชี้แจงต่อผู้สื่อข่าวว่า การตรวจสอบใบรายงานผลจากห้องแล็บเป็นการตรวจสอบเพื่อรับรองมาตรฐานความสอดคล้องตามที่กฎหมายกำหนด กรณีนี้เป็นการตรวจสอบในเบื้องต้นว่า มีการใช้ใบรายงานผลจากห้องแล็บปลอม ซึ่งเป็นประเด็นเรื่องการยื่นหลักฐานเท็จ แต่ในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยของโทรศัพท์รุ่นดังกล่าว จะต้องมีการตรวจสอบต่อไปในอนาคต

“โดยปกติแล้ว การนำโทรศัพท์เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ผู้ประกอบการจะไปดูที่โรงงานในประเทศจีน หลังจากตกลงกันแล้ว ทางโรงงานจะนำเอกสารจากห้องแล็บมาให้เพื่อขอใบรับรอง โดยผู้ประกอบการมักคิดว่าเอกสารจากโรงงานคือของจริง ทำให้ไม่มีการตรวจสอบ” นายประวิทย์กล่าว

เมื่อสำนักงาน กสทช. ตรวจพบว่าเอกสารดังกล่าวเป็นของปลอม การลงโทษทางปกครองจึงเป็นการเพิกถอนใบอนุญาต ทำให้โทรศัพท์รุ่นดังกล่าวไม่สามารถวางขายและไม่อนุญาตให้ใช้งานในประเทศไทยได้ และในกรณีที่มีการพิสูจน์ได้ว่าเอกสารปลอมเป็นความผิดของผู้ประกอบการ สำนักงาน กสทช. จะพิจารณาดำเนินการร้องทุกข์ผู้ประกอบการที่ยื่นเอกสารปลอมต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป

หลังจาก กทค. มีมติเพิกถอนใบอนุญาตแล้ว นายประวิทย์ได้อธิบายต่อว่า ผู้ประกอบการที่ถูกเพิกถอนใบรับรองเครื่องจะถูกขึ้นบัญชีเฝ้าระวัง แต่ผู้ประกอบการยังคงสามารถอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง เพื่อทำการพิสูจน์ความสอดคล้องตามมาตรฐานในรุ่นที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตต่อไปได้

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยพับลิก้าได้สำรวจร้านค้าย่านมาบุญครอง เพื่อหาข้อมูลโทรศัพท์มือถือนำเข้าจากประเทศจีน 34 ยี่ห้อ จำนวน 280 รุ่น ที่กำลังจะถูกเพิกถอนใบอนุญาต พบว่าโทรศัพท์ส่วนใหญ่มีอายุการใช้งานและหมุนเวียนในตลาดประมาณ 1–2 ปีเท่านั้น คาดว่าน่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการณ์ที่ได้รับเอกสารแจ้งเตือน ไม่ทำการโต้แย้ง เนื่องจากเกือบครึ่งหนึ่งของโทรศัพท์มือถือที่ตรวจพบไม่มีจำหน่ายในท้องตลาดแล้ว

จุดเด่นของโทรศัพท์มือถือนำเข้าจากประเทศจีนส่วนใหญ่ พบว่ามีราคาถูกกว่าโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังในท้องตลาดเป็นจำนวนมาก จากการสำรวจพบมือถือนำเข้าจากประเทศจีนมีราคาถูกสุดตั้งแต่ 500 บาท ไปจนถึงรุ่นแพงสุดที่ราคาไม่เกิน 10,000 บาท มีการออกแบบรูปลักษณ์คล้ายมือถือยี่ห้อดังอย่าง ไอโฟน แบล็คเบอร์รี่ สามารถใส่ได้หลายซิม รวมไปถึงการรับสัญญาณโทรทัศน์จากโทรศัพท์ได้

พนักงานจำหน่ายโทรศัพท์ยี่ห้อหนึ่งที่มีโทรศัพท์เข้าข่ายใช้ใบรายงานผลปลอมให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตนไม่เคยทราบมาก่อน ว่าการปลอมแปลงใบรายงานผลจากห้องแล็บมีจริง เนื่องจากเป็นหน้าที่ของฝ่ายเทคนิคบริษัทในการตรวจสอบ ส่วนตัวเมื่อมีลูกค้ามาซื้อโทรศัพท์ หากบอกว่าโทรศัพท์รุ่นนี้มีใบรับประกันจากศูนย์ สามารถนำมาซ่อมได้ในเวลาที่กำหนด ลูกค้าก็จะเชื่อใจและซื้อโทรศัพท์ ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครขอดูใบรายงานผลจากห้องแล็บก่อนซื้อ

ลูกค้ารายหนึ่ง ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวขณะกำลังเลือกซื้อโทรศัพท์ยี่ห้อดังกล่าวว่า ทราบอยู่แล้วว่าโทรศัพท์ยี่ห้อนี้นำเข้ามาจากประเทศจีน ที่ซื้อโทรศัพท์เครื่องนี้เพราะมีราคาถูก ใส่ซิมได้หลายซิม และทำอะไรได้หลายอย่างไม่แพ้โทรศัพท์ราคาแพง

“เหตุผลสำคัญที่ซื้อโทรศัพท์จากจีนก็คือราคาถูก ใส่ได้หลายซิม หากพังไปก็ซื้อใหม่ได้โดยไม่เสียดาย ส่วนเรื่องของแท้นั้น ผมจะเลือกซื้อมือถือที่ศูนย์ออกใบรับประกันให้ จึงมั่นใจว่าเป็นของแท้แน่นอน” ลูกค้าคนเดิมกล่าว