สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า ThaiPublica.org เน้นเสนอข่าวเจาะสืบสวนสอบสวน ตรวจสอบความโปร่งใสภาครัฐ ความโปร่งใสภาคเอกชน ในโอกาสเปิดตัวจึงจัดให้มีเสวนา “บทบาทสื่อกับการสร้างความโปร่งใสประเทศไทย” โดยมองว่า “ความโปร่งใส” จะช่วยให้คนไทยใช้เป็นเครื่องมือในการตรวจสอบและสร้างความเข้มแข็งให้สังคมไทยเดินได้อย่างยั่งยืน
ไม่ว่าจะด้วยเหตุบังเอิญหรือเป็นความตั้งใจมาตั้งแต่ต้นก็ตาม นโยบายเศรษฐกิจสำคัญของรัฐบาลที่นำโดยนายกฯ หญิงยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดูเหมือนจะมีความสอดคล้องกับ “ทฤษฎี 2 สูง” ของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าของเครือบริษัทซีพีอยู่ไม่น้อยครับ โดยเจ้าสัวธนินทร์เคยอธิบายทฤษฎีของตนเองเอาไว้ว่า สูงแรก คือ ราคาสินค้าเกษตรจะต้องสูง และสูงที่สอง คือ รายได้หรือค่าจ้างของประชาชนจะต้องสูง ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีรายละเอียดบางประเด็นแตกต่างออกไปบ้าง แต่เมื่อดูในภาพรวมแล้วก็มีความสอดคล้องกับชุดนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้เป็นอย่างยิ่ง
วิเคราะห์เขตเลือกตั้ง กฎการนับคะแนน กับขนาดของพรรคการเมือง ด้วยคำถามเหตุใดพรรคร่วมรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทั้งพรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคภูมิใจไทยจึงกดดันให้พรรคประชาธิปัตย์แก้ไขกฎหมายเลือกตั้งครั้งล่าสุด จนมีผลบังคับใช้ทันการเลือกตั้งที่เพิ่งพ้นไปเมื่อ 3 ก.ค. 2554
สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในโลกเราขณะนี้ หลายคนคงสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมตลาดหุ้น ตลาดทองวิ่งขึ้นลงกันวุ่น ทิศทางเศรษฐกิจดูมืดมนเอาดื้อๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เราเพิ่งจะบอกว่าเราหลุดออกจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยมาได้ไม่นาน ฟังดูแล้วหวิวๆ ไหมครับ นี่ยังไม่นับปัญหาระยะยาว ที่มีระเบิดเวลาอีกหลายลูกรอระเบิดอยู่ผมว่าปัญหาทางเศรษฐกิจโลกขณะนี้น่าสนใจมากๆ ครับ
ฌากส์ ชีรัก เป็นนักการเมืองผู้พลิกชะตากรรมจากลูกชาวนา จนขึ้นมาอยู่ในฐานะประธานาธิบดี ซึ่งเป็นตำแหน่งบริหารสูงสุดของฝรั่งเศส และเป็นนักการเมืองแถวหน้าที่โลดแล่นในแวดวงการเมืองแดนน้ำหอมมายาวนานกว่า 4 ทศวรรษ
แกะรอยงบประมาณ 10 ปีอปท. วัดประสิทธิภาพการกระจายอำนาจ เปิดผลตรวจสอบสตง. ลุยตรวจการใช้จ่ายเงินอบต. จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบ 43 แห่งมีปัญหา แถมศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้บริการต่ำกว่ามาตรฐาน ระบุการถ่ายโอนอำนาจล้มเหลว “เงินไปแต่คนไม่ไป”
มูลค่าของการติดสินบน หรือ การจ่ายเงินใต้โต๊ะ เพื่อจูงใจเจ้าหน้าที่รัฐเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนที่เป็นผู้จ่าย ยังบานสะพรั่งอยู่ทั่วโลก โดยเพิ่มขึ้นจากสถิติ 1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ที่ธนาคารโลกเคยประเมินไว้ในงานวิจัยเรื่อง “The Costs of Corruption” เมื่อปี 2547 เป็นปีละประมาณ 2.6 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ มากกว่า 5 % ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศทั้งโลก ในปี 2552 และสถิตินี้กำลังพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความพยายามของนานาประเทศ องค์กรระหว่างประเทศ และเครื่อข่ายๆ ที่จะหยุดความเสียหายจากคอร์รัปชั่นให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
คดีในกลุ่ม Grand Corruption เป็นคดีฉ้อราษฎร์บังหลวง ที่นอกจากจะมีมูลค่าการคอร์รัปชั่นสูงแล้ว ยังมีเกี่ยวพันกับผู้นำรัฐบาล ที่ปรึกษา จนถึงนักการเมืองที่มีตำแหน่งในหลายๆ ระดับ และ ข้าราชการ โดยในบันทึกของ FATF มีคดีประเภทนี้ อยู่ทั้งสิ้น 32 คดี มีตัวละครที่เกี่ยวข้องระดับผู้นำประเทศ ในตำแหน่งประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรี รวม 12 คดี เป็นคดีที่เกี่ยวพันกับภริยา บุตรและเครือญาติของผู้นำโดยตรง 6 คดี ส่วนที่เหลือ เกี่ยวพันกับเจ้าหน้าที่ระดับสูในรัฐบาล ผู้พิพากษา ข้าราชการ และนายทหารระดับสูง กระจายอยู่ในหลายประเทศของโลก อาทิ รัสเซีย ยูเครน เปรู อิตาลี สหรัฐ และไทย
บรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (IFC) เป็นอีกองค์กรที่พยายามผลักดันสำนึกใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อมในภาคการเงิน โดยได้กำหนดหลักการ Equator Principles เพื่อเป็นกรอบในการดำเนินการปล่อยสินเชื่อสีเขียวตามความสมัครใจของสถาบันการเงิน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อผู้ขอกู้ ผู้ปล่อยกู้ รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในท้องถิ่นที่โครงการต่างๆ จะเข้าไปดำเนินการ
ข้าวเป็นสินค้าการเมือง ดังนั้น จึงไม่แปลกที่จะเห็นการแทรกแซงตลาดข้าวเพื่อเอาใจฐานเสียงขนาดมหึมา ไทยพับลิก้า ตีแผ่ความเป็นมา และแนวคิดเบื้องหลังของโครงการรับจำนำ ซึ่งครั้งหนึ่ง ถือเป็นกลไกสำคัญในการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ผันแปรสู่เครื่องมือหนึ่งในนโยบายประชานิยม ที่ทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ วันที่ 3 กรกฎาคม 2554
ในบันทึกประวัติศาสตร์โลก ไม่ได้มีแค่วีรบุรุษ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้มีการจัดทำรายชื่อผู้นำคอร์รัปชั่น ที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศของตนเองมากที่สุด จนทำสถิติระดับ “โคตรโกง” ทำเนียบนี้จัดทำโดยองค์กรเพื่อความโปร่งโสระหว่างประเทศ (Transparency International) เมื่อปี 2547 แน่นอนว่า อันดับหนึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด ซูฮาร์โต้ ของอินโดนีเซีย ที่ครองอำนาจยาวนานถึง 31 ปี จำนวนเงินที่ยักยอกไปรวมทั้งสิ้น 1.5-3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ คิดเป็น 0.6-1.3 % ของจีดีพีในช่วงเวลาที่เขาปกครองประเทศ
เปิดเบื้องลึก 10 ปี งบประมาณองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เผยงบกว่าครึ่งท้องถิ่นเอาไปฝากกินดอกเบี้ย ล่าสุดตัวเลขพุ่งถึง 2 แสนล้านบาท ได้ดอกเบี้ยแค่ 1 % สะท้อนการถ่ายโอนอำนาจไร้ผล การกระจายอำนาจล้มเหลว คลังเตรียมเรียกเงินคืนระบุบริหารเงินไม่เกิดประโยชน์
