
เสียงอาวุธสงครามที่ดังสนั่นเป็นระยะบนดอยผาหม่น ฝั่ง สปป.ลาว ตั้งแต่เช้ามืดวันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม 2568 ต่อเนื่องถึงช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม ที่ผู้คนในหมู่บ้านร่มฟ้าผาหม่น อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ต่างได้ยินอย่างชัดเจน ได้สร้างจินตนาการหลากหลายให้กับสำนักข่าว เพจข่าว และชุมชนออนไลน์ ทั้งทางฝั่งลาวและในฝั่งไทย
หลังเกิดเหตุ สื่อออนไลน์ในประเทศไทยพากันนำเสนอข่าวนี้อย่างละเอียด ประหนึ่งว่าผู้เขียนยืนรายงานข่าวมาจากแนวหน้า หลายข้อสันนิษฐานถูกตั้งขึ้นมาบอกเล่าเบื้องหน้า เบื้องหลังของเหตุปะทะกันครั้งนี้ โดยพยายามโยงความเกี่ยวพันธ์ของลาวกับประเทศรอบข้าง ทั้งด้านบวกและด้านลบ
วันอังคารที่ 6 พฤษภาคม หลังการปะทะบนดอยผาหม่นผ่านไปแล้ว 2 วัน หน่วยงานรัฐของลาว 2 แห่ง มีรายงานเหตุการณ์นี้ออกมาอย่างเป็นทางการ
หน่วยงานแรก Lao people’s Army News เพจข่าวของกองทัพประชาชนลาว ได้โพสต์ชี้แจง มีรายละเอียดว่า-
กำลังทหารชายแดน กองบัญชาการทหารแขวงบ่อแก้ว ปะทะกับกลุ่มค้าขายยาเสพติด
เวลาประมาณ 04.00 น. ของวันที่ 3 พฤษภาคม กองร้อยปัองกันชายแดนประจำเมืองปากทา แขวงบ่อแก้ว ได้ออกลาดตระเวนใกล้กับแนวชายแดน ลาว-ไทย ในพื้นที่ภูผาหม่น เมืองปากทา และได้ถูกกลุ่มค้าขายยาเสพติดดักโจมตีด้วยอาวุธ จากนั้น 2 ฝ่ายได้เกิดการปะทะกันขึ้นในบริเวณดังกล่าว
การปะทะครั้งนี้ กำลังทหารชายแดนแขวงบ่อแก้ว ได้ประสานกับฝ่ายปกครองท้องที่ใกล้เคียง สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ และจับตัวผู้ต้องหาได้ 4 คน มีกำลังทหารได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนหนึ่ง เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้พื้นที่เมืองปากทาเกิดความไม่สงบ และสร้างความแตกตื่นแก่พ่อแม่ ประชาชน ในบริเวณใกล้เคียง และทั่วประเทศ
ผ่านการตรวจสอบ พบว่าแก๊งค้ายาเสพติดได้ใช้พื้นที่บริเวณนี้เป็นเส้นทางขนส่งยาเสพติด เข้า-ออก ระหว่างลาวและไทย เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน ผิดกฏหมายทั้งของลาวและกฏหมายระหว่างประเทศ
ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ ทำให้ในพื้นที่มีความสงบ และจะติดตามหาหัวหน้าหรือตัวการใหญ่ของขบวนการค้ายาเสพติดกลุ่มนี้ เพื่อนำมาลงโทษและดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมของลาวอย่างเข้มงวดและเด็ดขาด
พร้อมกันนี้ ขอเรียกร้องไปยังพนักงาน รัฐกร ทหาร ตำรวจ พ่อแม่ประชาชน ให้รับรู้และเข้าใจ ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เพื่อต่อต้านการเคลื่อนไหว และทำลายขบวนดังกล่าวให้สูญสิ้นไป ขอให้ประชาชนทุกชนชั้นในสังคม จงมีสติในการบริโภคข้อมูลข่าวสารต่างๆ โดยเฉพาะข่าวที่ไม่สร้างสรรและไม่มีมูลความจริงจากสื่อสังคมออนไลน์ ควรติดตามข่าวที่เป็นทางการจากสื่อของกองทัพประชาชนลาว สื่อของกองกำลังป้องกันความสงบ และสำนักข่าวทางการของรัฐบาลลาว เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด สร้างความแตกแยก และเพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างประชาชนสองประเทศ ลาวและไทย ที่มีมาช้านานให้มั่นคงตลอดไป…
หน่วยงานที่ 2 คณะสมาชิกสภาแห่งชาติลาว ประจำเขตเลือกตั้งที่ 5 แขวงบ่อแก้ว ได้เขียนบทรายงานต่อสภาแห่งชาติถึงเหตุสู้รบบนดอยผาหม่น อธิบายเรื่องราวโดยละเอียด เป็นลำดับว่า

1.ลำดับเหตุการณ์
-วันที่ 3 พฤษภาคม เวลา 04.40 น. มีกลุ่มคนร้ายประมาณ 5-6 คน ลอบบุกโจมตีป้อมทหารเจียงตอง ค.124 เมืองปากทา โดยใช้ปืน M79 ยิงลูกระเบิดใส่ทหารที่กำลังยืนเฝ้ายาม 1 นัด ต่อด้วยปืน AK ปืน M16 และปืนชนิดอื่นอีกประมาณ 30 นัด ก่อนวิ่งหลบหนีเข้าไปในพื้นที่บ้านเจียงตอง
จากการตรวจสอบพื้นที่ เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนAK 22 นัด ปืน M16 อีก 8 นัด ปืนชนิดอื่นอีก 17 นัด และด้านกำปืน M16 อีก 2 อัน
-เวลา 04.50 น. กลุ่มคนร้ายอีก 15-20 คน ลอบบุกโจมตีป้อม 01 และ 02 ค.125 เมืองปากทา โดยปาระเบิดนำไปก่อน 1 ลูก ตามด้วยการระดมยิงด้วยปืน AK อีกหลายนัด ก่อนวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่า
-เวลา 05.00 น. กลุ่มคนร้าย 5-6 คน ลอบบุกโจมตีป้อมสันหลวง ค.125 เมืองปากทา โดยปาระเบิดนำไปก่อน 1 ลูก แต่ทหารที่อยู่ภายในป้อมเห็น จึงยิงปืนไปยังกลุ่มคนร้ายประมาณ 30 นัด กลุ่มคนร้ายได้ยิงตอบโต้กลับมา 3-4 นัด ก่อนวิ่งหนีเข้าไปในป่า
หลังเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น กองบัญชาการทหารแขวงบ่อแก้ว ได้มอบหมายให้ พ.อ.บุนจัน สีทะบูน หัวหน้าห้องเสนาธิการ พ.ท.สุบิน สีหาลาด รองหัวหน้าห้องเสนาธิการ นำกำลังพลและแพทย์รวม 19 นาย ขึ้นไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ แต่ถูกยิงสกัดระหว่างทางขึ้นดอยผาหม่น จึงได้ขอกำลังเสริม
พ.ท.บุนทา สีสมบัด หัวหน้าการทหารเมืองปากทา ได้นำกำลังหวังไปตีโอบหลังกลุ่มคนร้าย แต่ระหว่างที่เดินทางไปถึงบ้านห้วยแมง กลับถูกดักโจมตีสกัดเอาไว้ ไม่สามารถขึ้นไปถึงบนดอยผาหม่นได้
-วันที่ 4 พฤษภาคม เวลา 03.00 น. ทหารที่ประจำการอยู่บนป้อม 03 ได้เห็นแสงไฟอยู่บริเวณชายแดนฝั่งไทย กำลังเคลื่อนที่เข้ามายังฝั่งลาว จึงตัดสินใจใช้ปืน AK ยิงสกัด แต่ไม่มีการยิงตอบโต้กลับ
-เวลา 05.00 น. ทหารที่ประจำการอยู่บนป้อม 02 ได้ปาระเบิดไปยังจุดที่ต้องสงสัย 3 ลูก แต่ไม่มีการตอบโต้
-เวลา 07.30 น. กำลังพลที่ประจำการอยู่ที่บ้านเจียงตอง ได้รับแจ้งจากประชาชนและสายทหารที่แฝงตัวอยู่ว่า ได้พบยุทโธปกรณ์ภาคสนาม 1 ชิ้น
-เวลา 09.30 น. กำลังทหารได้เริ่มบุกโจมตีจุดที่สงสัยว่าเป็นแหล่งกบดานของคนร้ายบริเวณใกล้เคียงป้อม 01 อย่างดุเดือด จนถึงเวลา 13.30 น. จึงหยุดยิง
หลังเข้าตรวจสอบพื้นที่ พบระเบิดทำมือที่ยังไม่ระเบิด 2 ลูก
-เวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่ป้องกันชาติ และป้องกันความสงบ สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัย 1 คน ได้ที่บริเวณบ้านก้อนตื่น(จุดบัญชาการก้อนตื่น) เมืองปากทา แขวงบ่อแก้ว ผู้ต้องสงสัยชื่อท้าวบีท่อ อายุ 32 ปี เป็นชาวบ้านหัวบาน เมืองเซียงฮ่อน แขวงไซยะบูลี
2.ความสูญเสีย
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีนายทหารเสียชีวิต 3 นาย ได้แก่
1.พ.ท.บุนทา สีสมบัด หัวหน้าการทหารเมืองปากทา
2.ร.อ.ทองวัน มะนีวัน
3.ร.ท.แก่นคำ(ไม่บอกนามสกุล)
นายทหารได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่
1.ร.ท.สุลิด ไซลือซา กำลังรักษาตัวอยู่กับต้นสังกัด
2.ท้าว สอนทะวี มิดบันเลือง จากหน่วย ค.125 กำลังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 103
3.ท้าว บุนเลียม(ไม่บอกนามสกุล) จากหน่วย ค.125 กำลังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 103

3.ผลการแก้ไข
จนถึงปัจจุบัน กำลังทหารสามารถเข้าควบคุมจุดที่เกิดการปะทะกันได้ทั้งหมดแล้ว และกำลังสืบสวนเพื่อหาตัวกลุ่มคนร้ายที่เหลืออย่างไม่ลดละ
ในวันที่ 6 พฤษภาคม คณะประจำแขวง ได้แต่งตั้งคณะรับผิดชอบ จัดตั้งคณะทำงานที่ประกอบด้วย ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของเมืองปากทา เมืองห้วยซาย ลงเคลื่อนไหวในพื้นที่ล่อแหลม รวม 6 หมู่บ้าน เพื่อให้การศึกษา อบรม ประชาชน ให้ได้รับรู้สถานการณ์ รู้ทันกลอุบายของคนร้าย ร่วมมือสกัดกั้นและแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
……
“ดอยผาหม่น” เป็นดอยสูงที่สุดแห่งหนึ่งของแขวงบ่อแก้ว จุดสูงสุดของดอยนี้อยู่ที่ระดับ 1,715 เมตร(บางแหล่งบอกว่า 1,727 เมตร) จากระดับน้ำทะเล
ดอยผาหม่นเป็นส่วนหนึ่งใน ทิวเขาหลวงพระบาง ตรงบริเวณชายแดนที่ติดกับประเทศไทยในพื้นที่เมืองปากทา แขวงบ่อแก้ว ชุมชนฝั่งไทยที่อยู่ตรงข้ามกับดอยผาหม่น คือ หมู่บ้านร่มฟ้าผาหม่น ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย

เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 คณะศรัทธาจากแขวงบ่อแก้วกลุ่มหนึ่ง นำโดยเจ้าอาชญาธรรมมหาคำเงิน ธมฺปโล (คำวง) ประธานองค์การพุทธศาสนาสัมพันธ์(อพส.) แขวงบ่อแก้ว เจ้าคณะแขวงบ่อแก้ว และพระอาจารย์ขัตติยะ บารมี คณะ อพส.แขวงบ่อแก้ว ได้เดินทางขึ้นไปมอบข้าวสาร อาหารแห้ง และของใช้จำเป็น เพื่อเป็นกำลังใจให้กับเหล่าทหารที่ประจำการอยู่ตามฐาน แต่ละป้อม บนดอยผาหม่น
มีการถ่ายทำคลิปวิดีโอความยาว 6.56 นาที เผยแพร่กิจกรรมนี้เนื้อหาในคลิปอธิบายตำแหน่งที่ตั้ง และความยากลำบากในการเดินทางขึ้นไปบนดอยผาหม่นอย่างละเอียด
ตามภาพและคำบรรยายในคลิป ขบวนรถของคณะศรัทธาเริ่มออกเดินทางในเวลา 08.00 น. จากดอยม่อนทาด บ้านสีบุนเฮือง เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ต่อไปยังเมืองห้วยซาย กระทั่งเวลา 10.00 น. จึงมาถึงตัวเมืองปากทา จากนั้นเดินทางต่ออีกประมาณ 10 นาที ไปยังท่าเรือบั๊ก หรือแพขนานยนต์ข้ามแม่น้ำโขง ที่บ้านหาดสะ เพื่อข้ามไปยังฝั่งบ้านห้วยแมง และเข้าสู่เส้นทางลูกรังอันสูงชัน คดเคี้ยว ล้อมรอบด้วยป่าดิบชื้น ขึ้นไปยังฐานทหารบนดอยผาหม่น
นอกจากนี้ ทีมงานยังได้ ถ่ายทำคลิปอีกชิ้นหนึ่ง แสดงสภาพภูมิประเทศบนจุดสูงสุดของดอยผาหม่น ที่มองเห็นเส้นแบ่งพรมแดนระหว่างลาวและไทยอย่างชัดเจน
ภาพที่ปรากฏในคลิปทั้ง 2 แสดงให้เห็นว่า การเดินทางขึ้นไปบนดอยผาหม่น โดยเฉพาะขึ้นไปยังฐานหรือป้อมทหารแต่ละจุด ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าจะขึ้นจากทางฝั่งลาวหรือฝั่งไทย
ดังนั้น กลุ่มคนร้ายที่ลักลอบโจมตีทหารบนดอยผาหม่นครั้งนี้ ถ้าไม่เป็นคนในพื้นที่ ก็ต้องเป็นคนที่ชำนาญพื้นที่อย่างมาก เคยเดินทางเคลื่อนไหวตามแนวตะเข็บชายแดนลาว-ไทย บริเวณดอยผาหม่นมาแล้วหลายครั้ง!

……
เหตุปะทะกันบนดอยผาหม่น เกิดขึ้นในวันที่ 3-4 พฤษภาคม แต่ใช้เวลาถึง 2 วัน กว่าที่หน่วยงานทางการของลาวจะมีเอกสารชี้แจงข้อเท็จของเหตุการณ์นี้ออกมาในวันที่ 6 พฤษภาคม
ช่วงเวลา 2 วันดังกล่าว เปิดช่องว่างทำให้เกิดกระแสข่าวจากจินตนาการ หลั่งไหลไปตามสำนักข่าวหลายแห่ง และแม้กระทั่งหน่วยงานทางการเอง ด้วยความที่ยังไม่รู้ข้อเท็จจริง ก็มีความเคลื่อนไหวที่สร้างความแตกตื่นตกใจแก่ผู้คน
เช้าวันที่ 4 พฤษภาคม ห้องว่าการเมืองบ่อแตน แขวงไซยะบูลี เมืองชายแดนที่อยู่ห่างลงไปไกลมากจากดอยผาหม่น ฝั่งตรงข้ามบ้านนาข่า ตำบลปากหมัน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และเคยเป็นพื้นหนึ่งในเหตุสู้รบระหว่างทหารลาวและไทยใน “สมรภูมิร่มเกล้า” ช่วงปลายปี 2530 ถึงต้นปี 2531 ได้ออกประกาศเตือนทุกหน่วยงานในพื้นที่ ให้เตรียมพร้อมรับมือกับความไม่สงบที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนลาว-ไทย
เนื้อหาในหนังสือ อ้างถึงเหตุปะทะกันบนดอยผาหม่นเมื่อเช้ามืดวันที่ 3 พฤษภาคม พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยงานปรับนิยามสถานการณ์ในพื้นที่ จากภาวะ “ปกติ” ขึ้นสู่ภาวะ “เพิ่มทวีและครบถ้วน” โดยเรียกกองกำลังติดอาวุธเข้าประจำการ จัดตั้งกองกำลังลาดตระเวน ป้องกันเวรยาม เตรียมพร้อมสู้รบ ตลอด 24 ชั่วโมง
เย็นวันที่ 5 พฤษภาคม เพจสถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำ สปป.ลาว ได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนอเมริกันที่อาศัยอยู่ หรือกำลังเดินทางอยู่ในลาว ให้ติดตามสถานการณ์ หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังแขวงบ่อแก้ว หรือภาคเหนือของลาว โดยไม่จำเป็น
ช่องว่างที่เกิดขึ้นในช่วง 2 วันนี้ ทำให้เกิดปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารหวังกระพือสถานการณ์ให้ขยายวงกว้างออกไป จนทำให้เรื่องราวบนดอยผาหม่น ดูไม่ใช่เป็นแค่ปัญหาภายในของลาวเพียงอย่างเดียว!
หลายช่อง YouTube ของคนไทย มีรายงานเหตุการณ์บนดอยผาหม่น โดยฟันธงลงไปเลยว่าเป็นการบุกโจมตีจากทหารกองทัพสหรัฐว้า(UWSA) กองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในเมียนมาที่ใกล้ชิดกับจีน และให้การสนับสนุนรัฐบาลทหารของ พล.อ.อาวุโสมินอ่องหล่าย เนื้อหาส่วนใหญ่บอกเหมือนกันว่า
พื้นที่รอยต่อชายแดนระหว่างเมียนมา ลาว และไทย เป็นแหล่งผลประโยชน์ของกองทัพว้า ทหารว้าสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในพื้นที่บริเวณนี้ เพื่อใช้เป็นแหล่งผลิต ขนส่ง และค้ายาเสพติด ต้นตอของการปะทะ เกิดจากทหารลาวและว้าเกิดขัดแย้งกันเรื่องผลประโยชน์จากการค้ายาเสพติด เป็นเงินกว่า 300 ล้านบาท มีการตรวจยึดยาบ้ามากถึง 20 ล้านเม็ดที่เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2568 สร้างความไม่พอใจแก่กองทัพว้า จนต้องนำกำลังมาบุกโจมตีป้อมทหารลาวบนดอยผาหม่น

บางตัวอย่างพาดหัวข่าวของสื่อหลายสำนักในประเทศไทย ที่รายงานเหตุปะทะบนดอยผาหม่น ช่วงวันที่ 4-5 พฤษภาคม 2568…
-
-ลาวสู้รบเดือดข้ามคืน กองกำลังติดอาวุธไม่ทราบฝ่ายบุกยึดฐานทหารลาวใกล้ชายแดนไทย
-เหตุสู้รบในลาวยังเผชิญหน้า เผยทหารลาวเสียชีวิตแล้ว 5 ราย กองกำลังติดอาวุธขุดอุโมงค์ยาว สกัดกำลังหนุน
-ทหารลาวยังเคลียร์ “ภูผาหม่น” ไม่ได้ หลังถูกกองกำลังติดอาวุธโจมตี
-ทหารลาวตาย-เจ็บระนาว! ปะทะกองกำลังติดอาวุธสนั่นชายแดนดอยผาตั้ง-ภูชี้ฟ้า เสียงปืนสงมแต่ยังอึมครึม
-นักรบผี ถล่มลาว
-ด่วน!เปิดแชทลับทหารลาวกองร้อยที่ 125 บนดอยผาหม่น โดนทหารว้าแดง”ปิดล้อม” หิวโซหมดทางสู้
-รู้เหตุ! ลาว ปะทะ ว้าแดง อมเงินว้า แต่โบ้ยไทย
-สหรัฐฯสั่งเผ่นแล้ว!? คนลาวโยนไทยอยู่เบื้องหลัง
-ฝ่ายต้านท้าทาย “สอนไซ” นายกฯลาว คนบ่ดีถล่ม “ผาหม่น” ไม่ใช่ว้าแดง
ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม สื่อออนไลน์ในฝั่งลาวที่ติดตามการนำเสนอข่าวของสื่อทางฝั่งไทยมาตลอด หลายสำนักพยายามให้ข้อมูล อธิบายข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลายกลายเป็นปมความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเพจ Lao Army – ทะหานลาว ได้โพสต์ข้อมูลในช่วงเย็นวันที่ 5 พฤษภาคม มีเนื้อความดังนี้…
กองกำลังที่มาโจมตี มาจากไหน? มี 2 กองกำลังที่มีความเป็นไปได้ที่สุด คือ
1.กองกำลังปฏิบัติการเก่า เพราะจากเขตนี้ลงไปถึงไซยะบูลี สมัยก่อนเป็นเขตปฏิบัติการของพวกระบอบเก่าบางกลุ่ม ที่ต้องการทำลายระบอบใหม่ในช่วงหลังปลดปล่อย แต่ช่วงหลังได้ถูกปราบปรามหนัก ก็เริ่มเคลื่อนไหวน้อยลง โดยอาศัยช่องระหว่างทางชายแดน หลบซ่อนตัวไว้ แต่ก็ยังสร้างความปั่นป่วนอยู่เป็นครั้งคราว แรงจูงใจน่าจะมาจากต้องการสร้างผลงานเพื่อเรียกร้องเงินสนับสนุน
2.กลุ่มที่เสียผลประโยชน์ในท้องถิ่น ที่ถูกกวาดล้างอย่างหนักในการค้าขายสิ่งเสพติด และของเถื่อน แรงจูงใจ ก็เพื่อตอบโต้การถูกกวาดล้าง
ส่วนพวกที่มโนไปว่า เป็นการโจมตีจากพวกว้าแดง ท่านต้องไปเรียนภูมิศาสตร์มาใหม่ เมืองปากทาอยู่ติดประเทศไทย ไม่ได้ติดเมียนมา อยู่ห่างจากชายแดนเมียนมาที่เมืองท่าขี้เหล็กประมาณ 70 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากเขตอิทธิพลของว้าแดง 100 กิโลเมตร ถ้าว้าแดงจะมาได้ ก็ต้องข้ามจังหวัดเชียงรายมาก่อน
……
เรื่องราวบนดอยผาหม่น เป็นตัวอย่างของสงครามข้อมูลข่าวสาร อันเป็นสมรภูมิหนึ่งบนความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่าง 2 ฝั่งมหาอำนาจ คือจีนและสหรัฐอเมริกา ที่ทุกประเทศในอาเซียนตอนนี้กำลังเผชิญอยู่ และลาวได้ถูกดึงเข้ามาอยู่ในวังวนแห่งสงครามข้อมูลข่าวสารนี้แล้วอย่างเต็มตัว เช่นเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านของไทยอีก 2 แห่ง คือ เมียนมา และกัมพูชา
การติดตามข่าวคราว เรื่องราว ที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน ท่ามกลางการเผชิญหน้ากันของ 2 ประเทศมหาอำนาจ จากทุกช่องทาง จำเป็นต้องคิด วิเคราะห์ให้รอบคอบ…