ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์ รายงาน

แม้รถไฟลาว-จีนเปิดให้บริการมาแล้วเกือบ 1 ปี แต่ช่องทางหลักที่เป็นเส้นทางเข้า-ออก ของสินค้าที่มีการซื้อขายกันระหว่างลาว-จีน หรือสินค้าที่จะส่งเข้าไปยังจีนโดยผ่านดินแดนลาว ยังคงเป็นเส้นทางรถยนต์ผ่านด่านสากล “บ่อเต็น” ชายแดนภาคเหนือ ในแขวงหลวงน้ำทา
แต่ช่องทางนี้ก็ต้องเผชิญกับภาวะ “คอขวด” โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลจีนยังคงยืนยันนโยบาย Zero Covid-19 ให้ทั่วทุกพื้นที่ในประเทศจีน มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นศูนย์
……
วันที่ 23 สิงหาคม 2565 ที่ห้องประชุมทางไกล (ชั้น 3) กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ลาว กรมการนำเข้าและส่งออก ได้มีการประชุมหารือมาตรการรับมือและแก้ไขปัญหาล่วงหน้า เพื่อป้องกันสถานการณ์แออัด จากรถติดสะสมบริเวณหน้าด่านชายแดนบ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทาโดยมีมะนีวอน วงไซ หัวหน้ากรมการนำเข้าและส่งออก เป็นประธาน ร่วมกับตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีก 50 คน

ที่ประชุมได้มีการเสนอมาตรการ 10 ข้อ ประกอบด้วย
1. เสนอแต่งตั้งคณะเฉพาะกิจจากตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อค้นคว้าหามาตรการแก้ไขปัญหารถติดคั่งค้างหน้าด่านบ่อเต็น
2. เสนอให้คงกลไกของหน่วยงานเฉพาะกิจแก้ไขปัญหารถติดหน้าด่านบ่อเต็น ที่ห้องว่าการแขวงหลวงน้ำทาได้เคยประกาศใช้ไว้แล้ว และสร้างกลไกประสานงานกับแขวงอื่นๆ โดยรอบ เพื่อจัดสรร ปล่อยรถบรรทุกสินค้าไปยังด่านบ่อเต็นให้เป็นระบบ
3. เสนอให้ห้องว่าการแขวงหลวงน้ำทา ปรึกษาหารือกับบริษัท แอลเอส ขาออก-ขาเข้า บริษัทลาวสากล ไอซีดี และบริษัทหัวพัน เหอห่าว ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ลานเปลี่ยนถ่ายสินค้า บริเวณหน้าด่านชายแดนบ่อเต็น ให้ช่วยจัดสรรพื้นที่ว่างซึ่งยังไม่ได้ใช้งานของแต่ละบริษัท เพื่อเปิดเป็นจุดพักรถ และร่างระเบียบควบคุมจุดพักรถชั่วคราวขึ้น
4. เสนอกระทรวงการต่างประเทศ
คณะกรรมการร่วมมือลาว-จีน สมทบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เจรจากับฝ่ายจีนเรื่องการเปิดชายแดนลาว-จีน การขยายอายุโควตาให้นานขึ้น อย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปี
5. เสนอให้นำมาตรการทางด้านการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (NTMs) มาใช้กับสินค้า “ผ่านแดน” ที่จะส่งออกไปยังจีน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การส่งออกสินค้าของลาว
6. เสนอคณะควบคุมด่านสากลบ่อเต็น สมทบกับบริษัทแอลเอส ขาออก-ขาเข้า บริษัทลาวสากล ไอซีดี ให้จัดลำดับความสำคัญแก่สินค้าส่งออกที่เป็นผลิตผลการเกษตรของลาว โดยเฉพาะสินค้าประเภทที่เน่าเปื่อยง่ายเป็นอันดับแรก และค้นคว้าปรับปรุงขั้นตอนการแจ้งเอกสารส่งออกให้มีความรวดเร็วขึ้น โดยเน้นการใช้ระบบ Lao National Single Window (LNSW) ให้มากขึ้น
7. เสนอกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง ศึกษาการปรับปรุงเส้นทางคมนาคมจากแขวงอุดมไซ กับแขวงบ่อแก้ว ที่จะไปยังหน้าด่านชายแดนบ่อเต็น ซึ่งปัจจุบันมีสภาพถนนชำรุดทรุดโทรมมาก เพื่อเตรียมรับมือกับฤดูกาลส่งออกสินค้าที่กำลังจะมาถึง
8. เสนอให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ค้นคว้าเพื่อสร้างระเบียบการเฉพาะเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าทางรถไฟ โดยเฉพาะการควบคุมการขึ้น-ลง เข้า-ออก ของสินค้า ผ่านทางรถไฟลาว-จีน ของแต่ละสถานีภายในประเทศ และระหว่างสถานีในประเทศกับสถานีบ่อหาน เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน
9. เสนอกระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ เดินหน้าเจรจากับฝ่ายจีนเพื่อเพิ่มรายการสินค้าเกษตรส่งออกที่อยู่ภายใต้โครงการปลูกพืชทดแทนฝิ่น ให้เข้าไปอยู่ในอนุสัญญามาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (Sanitary and Phytosanitary Measures — SPS)
10. เสนอบริษัททางรถไฟลาว-จีน ร่วมกับรัฐบาลกลางของสาธารณรัฐประชาชนจีน เร่งดำเนินการสร้างเขตควบคุม ตรวจตราผลิตภัณฑ์การเกษตร ภายในสถานีรถไฟบ่อหานโดยด่วน รวมถึงขยายสถานีขนส่งสินค้าผ่านทางรถไฟลาว-จีนในแขวงอุดมไซ, เพิ่มขบวนและตู้คอนเทนเนอร์, สร้างความโปร่งใสทางด้านระเบียบการและขั้นตอนของการให้บริการขนส่งสินค้าทางรถไฟอย่างทั่วถึง…
วันที่ 5 กันยายน 2565 เทียน หลิงตี้ ผู้บริหาร บริษัทลาวสากล ไอซีดี จำกัด ผู้ดำเนินการศูนย์ขนถ่ายสินค้าครบวงจร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าด่านบ่อเต็น ให้สัมภาษณ์กับ Lao Youth Radio FM 90.0 Mhz ว่า ศูนย์ขนถ่ายสินค้าของบริษัทเป็นพื้นที่สำหรับรวบรวมสินค้าที่จะส่งจากลาวเข้าไปยังจีน และสินค้าที่จากจีนที่นำเข้ามาในลาว โดยสินค้าที่ส่งผ่านเข้ามาในศูนย์แห่งนี้มาจากหลายแห่ง
เขาอธิบายว่า ในฤดูฝนจะมีรถบรรทุกสินค้าจากจีนเข้ามาในลาวเฉลี่ยวันละ 30 คัน และรถบรรทุกสินค้าจากลาวที่ส่งออกไปยังจีน เฉลี่ยวันละ 50 คัน
สินค้าที่ส่งออกไปจีน ส่วนหนึ่งเป็นสินค้าผ่านแดนประเภทผลไม้จากประเทศไทย เช่น ทุเรียน มังคุด ลำไย นอกจากนี้ยังมีผลผลิตทางการเกษตรของลาว ได้แก่ กล้วย แตงโม มันสำปะหลัง ยางพารา ถ่านดำฯลฯ ส่วนสินค้านำเข้าจากจีนมาในลาว เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค รถยนต์ เครื่องจักรกลการเกษตร
ส่วนในฤดูแล้ง จำนวนรถบรรทุกที่ผ่านศูนย์ขนถ่ายสินค้าแห่งนี้มีเพิ่มขึ้น โดยเป็นรถบรรทุกสินค้าผ่านแดนจากไทยไปจีน เฉลี่ยวันละ 160 คัน จากเวียดนามไปจีน เฉลี่ยวันละ 200 คัน ส่วนรถบรรทุกขาเข้าจากจีนมาในลาว ยังคงมีปริมาณเฉลี่ยวันละ 30 คันเช่นเดิม
บริษัทลาวสากล ไอซีดี ดำเนินบทบาทเป็นผู้ตรวจตราสินค้าที่มีการซื้อขายกันผ่านด่านชายแดนบ่อเต็น ดำเนินการเรื่องเอกสาร พิธีการศุลกากรให้ถูกต้อง
ปัจจุบัน พื้นที่ศูนย์โลจิสติกส์ของบริษัทสามารถรองรับรถบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ได้ 400 คัน และกำลังอยู่ระหว่างการขยายพื้นที่ เพื่อให้สามารถรองรับปริมาณรถบรรทุกได้อีก 500 คัน
……

ก่อนหน้านี้ เมื่อประมาณปลายปี 2564 ต่อเนื่องมาถึงต้นปีนี้ (2565) ได้เกิดสถานการณ์รถติดสะสมเป็นระยะทางยาวกว่า 50 กิโลเมตร บนถนนสาย 13 เหนือ ตั้งแต่หน้าด่านชายแดนบ่อเต็นลงมาถึงสามแยกนาเตย ในแขวงหลวงน้ำทา ต่อเนื่องไปถึงเมืองนาหม้อ แขวงอุดมไซ
สาเหตุเนื่องจากฝ่ายสาธารณสุขเมืองบ่อหาน เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเมืองบ่อเต็นของลาว ได้นำมาตรการป้องกันโควิด-19 มาใช้ตรวจตรารถบรรทุกสินค้าที่จะข้ามพรมแดนจากเมืองบ่อเต็นเข้าไปยังเมืองบ่อหานอย่างเข้มงวด ตามนโยบาย Zero Covid-19
มีการปิดช่องทางข้ามพรมแดนลาว-จีน หลายจุด เช่น ด่านลานตุ้ย ด่านป่าค่า ด่านปางไฮ ด่านพูหลักคำ ฯลฯ ทำให้สินค้าทุกชนิดที่จะส่งข้ามชายแดนจากลาวเข้าไปยังจีน หลั่งไหลมาใช้ด่านสากลบ่อเต็น เพียงช่องทางเดียว
มาตรการที่ฝั่งจีนนำมาใช้ เช่น การเปลี่ยนคนขับรถ บังคับให้คนขับรถต้องสวมใส่ชุด PPE ฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อทั่วทั้งคันรถ โดยเฉพาะในห้องโดยสาร ที่นั่งคนขับ ทำให้รถแต่ละคันต้องใช้เวลานานอย่างน้อยประมาณ 10-15 นาทีกว่าจะผ่านจุดตรวจโควิด-19 ได้
ประกอบกับช่วงปลายปี 2564 เป็นช่วงของการเก็บเกี่ยวผลผลิตการเกษตร บริษัทส่งออกของลาวได้รับโควต้าส่งออกภายใต้โครงการปลูกพืชทดแทนฝิ่น แต่การขนส่งสินค้ายังไม่มีการจัดระเบียบการจราจรอย่างเป็นระบบ
ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ ทำให้เกิดการแออัด คับคั่งของรถบรรทุกที่ต้องการขนส่งสินค้าข้ามชายแดนจากลาวเข้าไปในจีนเป็นจำนวนมาก จนเกิดสถานการณ์รถบรรทุกสินค้าติดค้างสะสมอยู่บนถนนเป็นระยะทางยาวกว่า 50 กิโลเมตร สินค้าไม่สามารถส่งออกได้ตามกำหนดเวลา สินค้าที่เป็นผลิตผลทางการเกษตรเกิดเน่าเปื่อย เสียหายคิดเป็นมูลค่ามหาศาล
มะนีวอน วงไซ หัวหน้ากรมการนำเข้าและส่งออก กล่าวว่า จากปัญหาเหล่านี้ เมื่อปลายปี 2564 รัฐบาลลาวจึงได้มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ในนามผู้ประจำการคณะกรรมการอำนวยความสะดวกทางด้านการค้าขั้นศูนย์กลาง สมทบกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ด่านชายแดนบ่อเต็นเพื่อเก็บข้อมูลจากและหาแนวทางแก้ไข ซึ่งก็สามารถบรรเทาปัญหาไปได้ระดับหนึ่ง
แต่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาแบบเดิมขึ้นอีกในฤดูกาลส่งออกสินค้าที่จะมาถึงในปลายปีนี้ จึงต้องมีการประชุม เพื่อวางแนวทาง หรือหามาตรการรับมือไว้ก่อน

สถานการณ์ปริมาณรถคับคั่งสะสมบริเวณหน้าด่านบ่อเต็น เริ่มปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2564 สื่อในลาวได้เผยแพร่ภาพรถบรรทุกสินค้านับพันคัน ที่ต้องจอดรอคิวยาวอยู่ริมถนนสาย 13 เหนือ ตั้งแต่หน้าด่าน ลงมาถึงสามแยกนาเตย ซึ่งเป็นจุดบรรจบของถนนสาย R3a กับสาย 13 เหนือ เป็นระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร
รถบรรทุกเหล่านี้ ส่วนหนึ่งเป็นรถบรรทุกสินค้าที่เป็นผลิตผลทางการเกษตรของลาวที่ส่งเข้าไปยังจีน แต่อีกส่วนหนึ่งซึ่งมีจำนวนไม่น้อย เป็นรถบรรทุกสินค้าผ่านแดนจากประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลไม้ที่ถูกลำเลียงข้ามแม่น้ำโขงทางสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 จากอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย และวิ่งมาตามถนนสาย R3a เป็นระยะทางประมาณ 230 กิโลเมตร จากเมืองห้วยซาย แขวงบ่อแก้ว เพื่อข้ามด่านบ่อเต็นเข้าไปยังจีน
จากมาตรการป้องกันโควิด-19 ที่เข้มงวดของฝ่ายสาธารณะสุข เมืองบ่อหาน ทำให้มีการจำกัดจำนวนรถบรรทุกที่จะข้ามพรมแดนจากฝั่งลาวเข้าไปในจีนเหลือเพียงวันละ 150 คัน

ขณะที่ข้อเท็จจริง จำนวนรถบรรทุก ทั้งที่เป็นรถสินค้าส่งออกของลาว กับรถสินค้าผ่านแดนจากไทยและเวียดนาม แต่ละวันมีมากถึงวันละ 350 คัน ทำให้ทุกวันต้องมีรถตกค้างอยู่หน้าด่านอย่างน้อยวันละ 200 คัน และเมื่อเวลาล่วงเลยนานเข้า รถเหล่านี้ก็เกิดคับคั่ง ต่อคิวอยู่ริมถนน 13 เหนือ สะสมยาวไปเรื่อยๆ
วันที่ 17 ธันวาคม 2564 ห้องว่าการแขวงหลวงน้ำทา มีหนังสือแจ้งการเลขที่ 799/หวข. ส่งถึงหัวหน้าห้องว่าการทุกแขวงทั่วประเทศ ห้ามรถบรรทุกที่ต้องการจะนำสินค้าข้ามไปส่งยังฝั่งจีนผ่านด่านบ่อเต็น เข้ามาในพื้นที่แขวงหลวงน้ำทาเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2564 เพื่อขอเวลาสำหรับแก้ไขปัญหารถที่ติดสะสมค้างอยู่เป็นจำนวนมากตามถนนสาย 13 เหนือ ให้คลี่คลายลงไปได้เสียก่อน
แต่ปรากฏว่า รถบรรทุกจำนวนมากที่มาจากทุกๆ แขวง ยังคงเดินทางเข้ามาในแขวงหลวงน้ำทา เพื่อมุ่งนำสินค้าไปส่งยังด่านบ่อเต็น ด้วยเหตุผลที่ว่าสินค้าส่วนใหญ่เป็นผลผลิตทางการเกษตร ถ้าไม่รีบนำขึ้นไปส่งแล้ว จะเกิดเน่าเปื่อยเสียหาย
ปลายเดือนธันวาคม 2564 ปริมาณรถที่สะสมอยู่ตามถนนสาย 13 เหนือ ได้เพิ่มขึ้นจนแถวของรถที่ติดยาวเลยจากสามแยกนาเตย ข้ามแขวงลงไปถึงเมืองนาหม้อ แขวงอุดมไซ ที่อยู่ห่างจากด่านชายแดนบ่อเต็นถึงกว่า 50 กิโลเมตร
วันที่ 29 ธันวาคม 2564 แผนกโยธาธิการและขนส่ง แขวงอุดมไซ ได้มีหนังสือแจ้งการให้รถบรรทุกสินค้าจากทุกแขวงที่จะเดินทางตามถนนสาย 13 เหนือ ผ่านเข้ามาในพื้นที่แขวงอุดมไซเพื่อนำสินค้าขึ้นไปส่งยังด่านบ่อเต็น ให้ระงับการเดินทางไว้ก่อนเป็นการชั่วคราว

วันที่ 27 ธันวาคม 2564 ที่โรงแรมจิ่งหลาน เขตเศรษฐกิจพิเศษบ่อเต็นแดนงาม คำแพง ไซสมแพง รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ในขณะนั้น ได้เป็นประธานการประชุมร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหารถติดบริเวณหน้าบ่อเต็นเป็นการเฉพาะ
ที่ประชุมได้พิจารณาตัวเลขคาดการณ์ปริมาณสินค้าเกษตรจากบางแขวงภาคเหนือของลาว ที่จะส่งเข้าไปในจีนผ่านด่านบ่อเต็น ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 ถึงกลางปี 2565 โดยคาดว่าสินค้าจากแขวงหลวงน้ำทาจะส่งเข้าไปยังจีนมี 1,651,830 ตัน แขวงผ้งสาลี 248,455 ตัน แขวงไซยะบูลี 195,650 ตัน แขวงอุดมไซ 88,873 ตัน แขวงหลวงพระบาง 24,586 ตัน
ผลการประชุม ได้มีการกำหนดแนวทางระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้น ให้เพิ่มจำนวนพนักงานขับรถที่ผ่านการตรวจคัดกรองแล้วว่าไม่พบเชื้อโควิด-19 เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ซึ่งจะปฏิบัติงานอยู่บริเวณหน้าด่าน รวมถึงเจรจากับฝั่งจีนขอเพิ่มจำนวนรถที่สามารถข้ามด่านในแต่ละวันให้มากขึ้น
ส่วนระยะยาว ให้กระทรวงการต่างประเทศเจรจากับรัฐบาลจีน ขอเพิ่มช่องทางเพื่อขนส่งสินค้าจากลาวเข้าไปยังจีน โดยขอให้เปิดใช้ด่านปางไฮ (เมืองสิง หลวงน้ำทา)-เมืองซ่าเหอ (เมืองหล้า สิบสองปันนา) ซึ่งปัจจุบันเป็นด่านประเพณี กับด่านสากลลานตุ้ย (ผ้งสาลี)-เมืองคำ (จังหวัดผูเอ่อร์) รวมถึงให้กลับมาเปิดเดินเรือขนส่งสินค้าทางแม่น้ำโขงอีกครั้ง หลังจากทางการจีนได้สั่งปิดท่าเรือกวนเหล่ย ที่เมืองหล้า (สามเหลี่ยมจุดบรรจบชายแดน 3 ประเทศ จีน-เมียนมา-ลาว) ไปตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2563 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19
รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าลาว บอกว่าข้อเสนอที่ได้จากที่ประชุมครั้งนี้ จะถูกนำไปรายงานต่อรัฐบาล และนำไปพิจารณาเพิ่มเติมในที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยความสะดวกทางด้านการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 4 ซึ่งกำลังจะจัดขึ้นในเดือนมกราคม 2565
……

วันที่ 27 มกราคม 2565 สื่อออนไลน์หลายแห่งของลาว ได้เผยแพร่ภาพชุดจากเฟซบุ๊กของผู้ใช้ในลาวคนหนึ่ง เป็นภาพสถานการณ์ล่าสุดของรถบรรทุกที่ติดอยู่บนถนนสาย 13 เหนือ ช่วงจากสามแยกนาเตย แขวงหลวงน้ำทา ลงมายังเมืองนาหม้อ แขวงอุดมไซ ระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร ที่เขาเพิ่งบันทึกไว้ในวันนั้น
ในโพสต์ซึ่งมี 6 ภาพ เห็นแถวรถติดยาวเหยียดเต็มพื้นที่ถนนซึ่งมีเพียง 2 เลน ลัดเลาะไปตามแนวภูเขาในภาคเหนือของลาว เกือบทั้งหมดเป็นรถบรรทุกสินค้า พร้อมเขียนบรรยายว่า
“เห็นใจทุกภาคส่วน สำหรับการสัญจรระหว่างเมืองนาหม้อไปยังบ่อเต็น ติดยาวทั้งสองเลนเลย ถือว่าเดินทางยุ่งยากมาก อย่างไรก็ขอเอาใจช่วยทุกคนที่ประสบเหตุการณ์นี้อยู่ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรในพื้นที่ ซึ่งต้องทำงานหนัก เอาใจใส่แก้ปัญหาให้ประชาชนที่ใช้เส้นทางนี้”
หลังจากภาพชุดนี้ได้ถูกเผยแพร่ต่อออกไปอย่างกว้างขวาง ในช่วงดึกของวันเดียวกัน (27 ม.ค. 2565) เจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กรายเดิมได้อัพเดทสถานะด้วยข้อความสั้นๆ ซึ่งสามารถอธิบายภาพ “คอขวด” ของการจราจรที่จะไปยังด่านชายแดนบ่อเต็นได้อย่างชัดเจน โดยเขาเขียนว่า…
“มาถึงแล้ว 30 กิโลเมตร ใช้เวลา 12 ชั่วโมง”