การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แพทองธาร 1/1 เดินหน้าเสนอรายชื่อรัฐมนตรีใหม่ไม่ได้ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไม่ยอมคืนตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ให้เป็นโควต้าของพรรคเพื่อไทย อาจนำไปสู่เกมล่มรัฐบาลแพทองธาร 1/1

การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แพทองธาร ขึ้นสู่ “แพทองธาร 1/1” ไม่สามารถเดินหน้าได้ตามขั้นตอนทางการเมือง ตรงกันข้าม อาจเสี่ยงที่จะนำไปสู่การ “ถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล”
สัญญาณที่ชัดเจนถูกส่งจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เจ้าของตำแหน่ง-เจ้าปัญหา รองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
3 ครั้ง ในรอบ 3 วัน ที่นายอนุทิน ยืนยันโดยนัยว่า “ถ้าไม่ได้อยู่ในกระทรวงมหาดไทย ก็ไม่อยู่ในรัฐบาล” ซึ่งถูกตีความว่า ถ้าถูกริบ โควต้ากระทรวงมหาดไทยคืน พรรคภูมิใจไทย จะถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล
ก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งล่าสุด นายอนุทิน ยืนยันอีกครั้งว่า “ชัดเจนครับ ยังยืนยันแนวทางส่วนนี้” หมายความว่าถ้าจะให้ถอยจากกระทรวงมหาดไทย ก็คงจะต้องถอยจากรัฐบาล
คำขาดสุดท้าย “ทุบใหม่ทั้งหมด”
นายอนุทิน คลุกวงในการเมืองมานาน เขาอ่านเกมการเมืองออก เขาจึงย้ำอีกรอบ ตอกย้ำแมจเสจการเมือง ใน 3 ชั่วโมงถัดมา หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยประกาศ อีกครั้ง “คิดว่าไม่มีเกมอะไร ภูมิใจไทยไม่ให้ (มหาดไทย) แน่”
“นอกจากว่า จะมีทางใหม่ รื้อใหม่หมด ทุบใหม่หมด คุยกันไม่แยกคุย แต่เป็นการคุยกันเลยว่าพรรคร่วมรัฐบาลชุดนี้เอาอย่างไร อันนั้นเราก็ มีเหตุมีผล ผมก็ไม่ได้เป็นคนดื้ออะไร ถ้าไม่ได้ต้องมีเหตุมีผล คุยกับนายกฯ ก็มีเหตุมีผลอยู่แล้ว” คำขาดสุดท้าย จากนายอนุทิน

นักการเมืองรุ่นใหญ่จากทั้งฝ่ายภูมิใจไทย และฝ่ายเพื่อไทย อ่านทางการเมืองในห้วงนี้ว่า ยากเหลือเกินที่ทั้ง 2 พรรค จะเดินไปข้างหน้า และเคลื่อนไปสู่การปรับคณะรัฐมนตรี แบบยังมีพรรคภูมิใจไทย 69+6+2 เสียง อยู่ร่วมชายคา “ครม.แพทองธาร 1/1”
ไม่มีใครคาดเดาได้ว่า หลังประชุมคณะรัฐมนตรี วงอาหารคาวมื้อบ่าย ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ที่ประกอบด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล, นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด นายพิพัฒน์ รัชกิจปราการ รมว.แรงงาน นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ นางจิตรา หมีทอง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สนทนากันเรื่องทิศทางการเมืองแบบใด
แพทองธาร ไม่หวั่น-ไม่ถอย
แต่ผลการการแสดงแสนยานุภาพทางการเมือง ทั้งทางฝ่ายภูมิใจไทย และฝ่ายเพื่อไทย โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ในช็อตต่อช็อต กับนายอนุทิน มีความหมาย ที่ต่างไปจากคำยืนยันที่ผ่านมา แต่ให้แมสเสจการเมือง ไปในทางตรงข้าม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการสั่งงานนายอนุทิน เมื่อเย็นวันจันทร์ ที่ 16 มิ.ย. ราว 1 ชั่วโมงกว่า ว่าจะได้อยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยต่อไปหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบไม่ตรงคำถาม ว่า “แล้วแต่จะมองในการพิจารณา เพราะแต่ละกระทรวง ไม่ว่าจะเปลี่ยนรัฐบาลหรือรัฐมนตรีเป็นใคร ก็ต้องทำงานต่ออยู่ดี”
เมื่อถามว่าก่อนร่วมรัฐบาล มีเงื่อนไขหรือไม่ว่าใครจะได้อยู่ในตำแหน่งยาวนานแค่ไหน นายกฯ ตอบว่า “ไม่มีเงื่อนไข คุยกันเรื่องกระทรวงเท่านั้น”
ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่มีข่าวว่าหากพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้ดูกระทรวงมหาดไทยต่อ จะออกไปเป็นฝ่ายค้าน นายอนุทิน ได้สื่อสารเรื่องนี้กับ นายกฯ หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “ไม่มีนะคะ เมื่อวานก็ไม่เห็นพูดแบบนี้เลย ไม่ได้ยินแบบนี้นะคะ”
เมื่อแกนนำ 2 พรรค สื่อสารท่าทีทางการเมืองย้อนแย้ง สวนทางกันไปมา การเคลื่อนไปข้างหน้า เพื่อทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรีใหม่ จึงยังไม่สามารถเริ่มต้นขึ้นได้

ขั้นตอนที่ไม่อาจเริ่มต้น
ตามขั้นตอนการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ในยุคที่ผ่านมา เมื่อนายกรัฐมนตรีเลือกได้ตัวบุคคลได้ครบตามเงื่อนไขการเมือง ก็มักจะเก็บเป็นความลับไม่ได้ได้แพร่งพรายกับใคร เพราะจะเกิดภาพการวิ่งเต้นหรือขบวนการเลื่อยขาเก้าอี้กัน จนโกลาหลอลหม่านไปหมด ทำให้นายกรัฐมนตรีไม่เป็นอันกินอันนอน
ดังนั้น ในห้วงที่ไม่มีการต่อรองมากนัก นายกรัฐมนตรี จะเร่งส่งบัญชีรายชื่อให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรี นำไปตรวจสอบประวัติ
เมื่อตรวจสอบเสร็จสิ้น เลขาธิการนายกรัฐมนตรี จะจัดการพิมพ์ ร่างประกาศ พระบรมราชโองการ ประวัติผู้ได้รับการเสนอชื่อแต่งตั้ง แล้วเสนอนายกรัฐมนตรี ลงนามในหนังสือกราบบังคมทูล
ในกรณีเป็นการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ นายกรัฐมนตรีจะนำเอกสารทั้งหมดไปเข้าเฝ้าฯ ด้วยตนเอง แต่ถ้าเป็นการปรับคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะปรับเพียงไม่กี่คน ก็ส่งเรื่องให้สำนักราชเลขาธิการรับไปดำเนินการให้ โดยนายกรัฐมนตรีไม่ต้องเข้าเฝ้าฯ
เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ก็จะทรงลงพระปรมาภิไธยในหน้าแรกของประกาศพระบรมราชโองการ แล้วให้เจ้าหน้าที่เชิญกลับไปเตรียมลงประกาศโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ในราชกิจจานุเบกษา

เมื่อรัฐมนตรี ไม่ยอมลาออก
นายวิษณุ เครืองาม อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมืออาชีพ เคยบอกไทม์ไลน์ไว้ว่า “ปกติแล้วถ้านายกรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ ด้วยตนเองก็จะทรงรับไว้และพระราชทานกลับคืนภายใน 24 ชั่วโมง แต่ถ้าส่งให้สำนักราชเลขาธิการดำเนินการ จะใช้เวลา 1-3 วัน แล้วแต่พระราชกรณียกิจในขณะนั้น ๆ ว่ามีมากเพียงใด และรัฐบาลมีหตุเร่งด่วนจำเป็นอย่างไร”
มีเรื่องเล่าถึงกรณีที่ มีรัฐมนตรี “ไม่ยอมลาออก” หรือมีการยื้อต่อรองตำแหน่ง นายวิษณุ เคยเล่าด้วยว่า…
“ปลายสมัย นายกฯ บรรหาร มีการปรับเอารัฐมนตรีบางคนออก ผมกราบเรียนท่านไปว่า อาจารย์สมภพ โหตระกิตย์ (อดีตรองนายกฯ ยุคเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์)เคยสอนไว้ว่าเวลา นายกฯ จะปรับ ครม. เลขาฯ ครม.ควรประสานขอให้เขาลาออกเสียดีๆ อย่าไปให้นายกฯ เสนอปลดจะผิดใจกันเปล่าๆ …ผมจำเรื่องนี้ได้ จึงขออนุญาตท่านนายกฯ บรรหาร ว่าจะประสานให้รัฐมนตรีเหล่านั้นลาออกโดยดี”
“ท่านบรรหารบอกว่า แล้วแต่คุณ แต่ผมไม่ขอร้องหรอก ปรากฏกว่าผมประสานให้รัฐมนตรีบางคนลาออกได้สำเร็จ …แต่มีอยู่รายหนึ่ง ไม่ยอมลาออก แถมอาละวาดจนนายกฯตกใจ หนักเข้าเลยบอกว่า ไม่ออกก็อย่าออก”
การหารัฐมนตรีใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย นายวิษณุ เคยได้รับมอบหมายให้โทรศัพท์ทาบทาม เชิญบุคคลมาเป็นรัฐมนตรี บางรายปฏิเสธ “เช่น ดร.สุเมธ ตันติวเวชกุล”
“แต่มีอยู่รายหนึ่ง ถามดื้อๆว่า จะให้ไปเป็นรัฐมนตรีของรัฐบาลไหน ใครเป็นนายกฯ พอผมบอกชื่อนายกรัฐมนตรี ท่านตวาดกลับมาว่า แล้วกงการอะไรของคุณไปยุ่งกับเขาด้วย รัฐบาลเส็งเคร็งยังงี้ ไม่ร่วมสังฆกรรมด้วยหรอก ถุย!”
การวัดใจระหว่างพรรคเพื่อไทย และผู้มีบารมีนอกพรรค นายทักษิณ ชินวัตร กับพรรคภูมิใจไทย กับผู้นำทางจิตวิญญาณ นาย เนวิน ชิดชอบ อาจใช้เวลาอีกไม่กี่อึดใจ จะได้รู้ว่า ปมที่นายอนุทินไม่ออกจากมหาดไทย จะนำไปสู่เกมการเมืองที่ใหญ่กว่า คือการถอนตัวออกจาการร่วมรัฐบาล หรือล่มนาวาแพทองธาร 1 ก่อนขึ้น Chapter ใหม่ แพทองธาร 1/1