ThaiPublica > เกาะกระแส > กทม. เตรียมมาตรการ “รับมือน้ำเหนือ-น้ำหนุน” มั่นใจไม่ซ้ำรอยน้ำท่วมปี2554

กทม. เตรียมมาตรการ “รับมือน้ำเหนือ-น้ำหนุน” มั่นใจไม่ซ้ำรอยน้ำท่วมปี2554

10 ตุลาคม 2024


กทม. แจงสถานการณ์น้ำไร้กังวล 4 เขื่อนเจ้าพระยามีพื้นที่รับน้ำเหนือได้อีกปริมาณมาก ขณะที่เตรียม 2+3 มาตรการ พร้อมเสริมแนวเขื่อนป้องกันริมเจ้าพระยาสูง +3 .50 เมตร รทก. มั่นใจรับมือน้ำเหนือ -น้ำหนุนได้ ไม่ท่วมซ้ำรอยปี 2554

เมื่อวันที่10 ตุลาคม 2567 นายอรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร นายเจษฎา จันทรประภา ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ ร่วมแถลงถึงความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำเหนือ-น้ำหนุนของกรุงเทพมหานคร พร้อมนำสื่อมวลชนสำรวจการเตรียมพร้อมบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใต้สะพานพระราม 8 เขตบางพลัด

นายเจษฎา จันทรประภา ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กล่าวว่า  สถานการณ์พื้นที่ทางภาคเหนือมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ทำให้เกิดน้ำท่วม และส่งผลกระทบให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว กรุงเทพมหานครได้มีการติดตามสถานการณ์และประสานข้อมูลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมชลประทาน ศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ อยู่ตลอดอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำที่อาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในบางพื้นที่ของกรุงเทพมหานครได้

อย่างไรก็ตามเมื่อตรวจสอบสถานการณ์น้ำ 4 เขื่อนหลักลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนเข้าสู่ กทม. พบว่ายังรับได้ไม่น่าห่วง โดยสถานการณ์น้ำเหนือ ใน 4 เขื่อนหลัก (ภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อย ป่าสักฯ) รวมมีปริมาณน้ำกักเก็บ 81% ยังสามารถรองรับน้ำได้เพิ่มอีก แต่ต้องคอยเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ปริมาณน้ำที่ระบายลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และการบริหารจัดการของกรมชลประทาน

“ปริมาณกักเก็บน้ำในเขื่อนลุ่มเจ้าพระยายังเพียงพอรองรับน้ำเหนือได้ โดยเขื่อนภูมิพลมีปริมาณกักเก็บประมาณ 60-70% เหลือพื้นที่รองรับได้เหนือได้ประมาณ 30-40% ขณะที่เขื่อนสิริกิตติ์ มีปริมาณกักเก็บอยู่ที่ 90 %เหลือปริมาณรับน้ำเพิ่มได้ประมาณ 5-10% ซึ่งทั้งสองเขื่อนยังมีพื้นที่เหลือในการกักเก็บปริมาณน้ำเพิ่มได้ไม่มีความน่ากังวล นอกจากนี้สถานการณ์ฝนตกด้านบนค่อนข้างจะน้อยลงแล้ว”

สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ก่อนเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2567 มีปริมาณน้ำผ่าน จ.นครสวรรค์ 2,338 ลบ.ม./วินาที (เพิ่มขึ้น 20 ลบ.ม./วินาที) ปริมาณการระบายสูงสุดที่แม่น้ำรับได้ 3,660 ลบ.ม./วินาที มีปริมาณน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 2,199 ลบ.ม./วินาที (ทรงตัว) ปริมาณการระบายสูงสุดที่แม่น้ำรับได้ 2,730 ลบ.ม./วินาที และมีปริมาณน้ำผ่านจุดวัดน้ำบางไทร 1,830 ลบ.ม./วินาที (เพิ่มขึ้น 39 ลบ.ม./วินาที)

ส่วนปัจจัยเรื่องของน้ำหนุน ในเดือนตุลาคม 2567 มีน้ำหนุนสูงในวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งผ่านมาแล้ว และพบว่าบริเวณสะพานพุทธ วัดระดับน้ำสูงสุดอยู่ที่ 1.4 เมตร รทก. ขณะที่แนวเขื่อนกั้นน้ำสูงอยู่ที่ระดับ 3 เมตร ทำให้ยังเหลือพื้นที่รองรับน้ำหนุนได้  ส่วนกรณีน้ำหนุนในวันที่ 20 ตุลาคม ที่ยังมาไม่ถึง ก็เชื่อว่ายังไม่มีปัจจัยอะไรที่ต้องกังวลว่าจะมีน้ำล้นเขื่อนเข้ามาได้เช่นกัน

นายอรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

 กทม.ไร้กังวลน้ำไม่ท่วมซ้ำร้อยปี 2554

ส่วนสถานการณ์น้ำจากภาคเหนือจะส่งผลให้น้ำท่วมกรุงเทพซ้ำรอยกับปี 2554  หรือไม่ นายอรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกล่าวว่า ปัญหาที่คนกรุงเทพฯมีความกังวลว่าปริมาณน้ำจากภาคเหนือจะผ่านกรุงเทพฯเข้ามาปริมาณเท่าไหรนั้น เมื่อเทียบปริมาณน้ำวันเดียวกันเวลาเดียวกันไม่มีความน่ากังวล โดยปริมาณน้ำ ในวันที่  10 ตุลาคม ปี 2554 มีปริมาณน้ำ 3,288  ลบ.ม./วินาที ขณะที่ ปี 2567  ปริมาณน้ำอยู่ที่ 1,830  ลบ.ม./วินาที ทำให้เรามีพื้นที่เหลือรับน้ำค่อนข้างมาก ทั้งนี้จุดวัดน้ำบางไทรที่กรุงเทพมหานคร ต้องเฝ้าระวัง คือ 2,500 ลบ.ม./วินาที

นอกจากนี้ในปี 2554 ในวันที่ปริมาณน้ำสูงสุดอยู่ที่ 3,980 ลบ.ม./วินาที ตอนนั้นเขื่อนกั้นน้ำเจ้าพระยา มีความสูงอยู่ที่ +3 เมตร รทก. ปัจจุบันเขื่อนเราเสริมขึ้นไปสูงที่ +3.50 เมตร รทก.จึงไม่มีอะไรน่ากังเวลเพราะเขื่อนมีความสูงเพียงพอรับมือได้

“คนกรุงเทพไม่ต้องกังวลใจเรื่องน้ำจะข้ามพ้นเขื่อนเข้ามาได้ แต่ปัญหาเดียวที่เราต้องแจ้งเตือนประชาชนคือชุมชนนอกคันกั้นน้ำ ซึ่งมีทั้งหมด 16 ชุมชน ใน 7 เขตที่แม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน ประมาณ 700 หลังคาเรือน ซึ่งต้องยอมรับว่าชุมชนเหล่านี้น้ำในระดับ 1,600-2,000ลบ.ม./วินาที จะมีน้ำท่วมขังบ้างในชุมชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ”

นายอรรถเศรษฐ์ กล่าวอีกว่า อีกปัจจัยหนึ่งที่นำมาคำนวณและสร้างความมั่นใจให้คนกรุงเทพฯว่าปีนี้ไม่ท่วมหนัก คือปริมาณน้ำที่ผ่านกทม.ทุก 100 ลบ.ม./วินาที จะมีความสูงเพิ่มขึ้น 4 เซ็นติเมตรเพราะฉะนั้นการที่ปริมาณน้ำจะข้ามคันกั้นน้ำได้จะมี 2 ปัจจัยคือ น้ำหนุนในเวลาดังกล่าวต้องมากกว่า 1.5 ของฐานน้ำและปริมาณน้ำต้องผ่านกรุงเทพมากกว่า 4,000 ลบ.ม./วินาที เพราะฉะนั้นให้ความมั่นใจได้ว่าอย่างไรก็ตามสถานการณ์น้ำในปัจจุบันจะไม่มีเหตุการณ์น้ำข้ามคันกั้นน้ำเข้ามาท่วมกรุงเทพฯแน่นอน

กทม.ระดมเตรียมความพร้อมปิดทุกจุดเสี่ยง

ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้วางมาตรการรับมือน้ำให้กับชาวกรุงเทพมหานคร 2 มาตรการเพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำเหนือ-น้ำหนุน ประกอบด้วย 1. ตรวจสอบแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา และเฝ้าระวังจุดเสี่ยงน้ำท่วม 2. การเตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และ 3 มาตรการพร้อมรับสถานการณ์น้ำฝน ประกอบด้วย 1. ลดระดับน้ำรองรับสถานการณ์ฝน 2. เตรียมความพร้อมระบบระบายน้ำ 3. เตรียมความพร้อมอุปกรณ์และเจ้าหน้าที่

ที่มาภาพ : เฟซบุ๊ก อรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี

สำหรับมาตรการเตรียมรับมือน้ำเหนือและน้ำหนุน ประกอบด้วย 

1.ตรวจสอบแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา และเฝ้าระวังจุดเสี่ยงน้ำท่วม โดยแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย คลองมหาสวัสดิ์ของ กทม. จากด้านใต้ถึงด้านเหนือ มีระดับสูง +2.80 ถึง 3.50 ม.รทก. (เมตรเทียบกับระดับน้ำทะเลปานกลาง) แนวริมแม่น้ำ 88 กิโลเมตร เป็นแนวป้องกันของ กทม. 80 กิโลเมตร แนวฟันหลอ 4.35 กิโลเมตร (32 แห่ง) แนวของเอกชนและหน่วยงานอื่น 3.65 กม. (12 แห่ง)

สำหรับแนวป้องกันที่ฟันหลอ 32 แห่ง กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมแล้วเสร็จ 14 แห่ง เช่น สะพานปลา ชุมชนวังหลัง ฯลฯ กำลังจะแล้วเสร็จอีก 2 แห่ง เช่น วัดเทพนารี ฯลฯ (รวมความยาวที่แก้ไขได้ 2 กม.) และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 9 แห่ง ส่วนแนวป้องกันของ กทม. ที่รั่วซึม 76 แห่ง ได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขแล้วเสร็จ 45 แห่ง กำลังจะแล้วเสร็จอีก 2 แห่ง และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 7 แห่ง

ทั้งนี้ จุดเสี่ยงน้ำท่วมจากน้ำเหนือน้ำหนุนบริเวณช่วงเปิดท่าเรือต่าง ๆ รวมถึงบริเวณที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ได้เตรียมพร้อมรับมือด้วยมาตรการชั่วคราวโดยการเรียงกระสอบทราย ที่ระดับความสูง +2.30 ถึง +2.70 ม.รทก. และติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ทั้งนี้ปัจจุบันระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำสูงสุดที่จุดวัดน้ำปากคลองตลาด สูงประมาณ +1.50 ม.รทก. จากอิทธิพลน้ำทะเลหนุนสูง (ระดับคันกั้นน้ำ +3.00 ม.รทก.) ไม่กระทบต่อแนวพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพมหานคร

2.การเตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยกรุงเทพมหานครได้ออกคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสำนักงานเขตที่มีชุมชนอยู่นอกแนวคันกั้นน้ำหรือชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ คอยติดตามสถานการณ์และแจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังและเตรียมการขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ดูแลอุปกรณ์ไฟฟ้าและปลั๊กไฟ พร้อมทั้งให้สำนักงานเขตตรวจสอบการเรียงกระสอบทรายให้มีความสูงเพียงพอและมีความแข็งแรงสามารถป้องกันน้ำได้ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

เช่น การจัดทำคันกั้นน้ำชั่วคราวด้วยกระสอบทราย การทำสะพานทางเดินชั่วคราว การให้ความช่วยเหลือประชาชนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ตลอดจนแจกจ่ายยารักษาโรค พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำรับทราบสถานการณ์น้ำเหนือ และน้ำหนุน และจัดเจ้าหน้าที่ให้เฝ้าระวังตามจุดอ่อนหรือจุดเสี่ยงน้ำท่วมและพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

ที่มาภาพ : เฟซบุ๊ก อรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี

เตรียม 3 มาตรการพร้อมรับสถานการณ์น้ำฝน

สำหรับสถานการณ์ฝนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 10 ตุลาคม 2567 ปริมาณฝนกรุงเทพฯ เดือน ตุลาคม 2567 อยู่ที่ 152 มิลลิเมตร มีค่าใกล้เคียงกับปี 2566 ขณะปริมาณฝนสะสมทั้งปี 2567 อยู่ที่ 1,273 มิลลิเมตร มีค่าน้อยกว่าปี 2566 ซึ่งมีค่าอยู่ที่ 1,369 มิลลิเมตร

โดย 3 มาตรการรับสถานการณ์น้ำฝน ประกอบด้วย 1. ลดระดับน้ำรองรับสถานการณ์ฝน โดยควบคุมระดับน้ำในคลอง แก้มลิง และ Water Bank 2. เตรียมความพร้อมระบบระบายน้ำ อาทิ สถานีสูบน้ำ บ่อสูบน้ำ ประตูระบายน้ำ ขุดลอกคลอง 225 กิโลเมตร และเปิดทางน้ำไหล 2,036 กิโลเมตร แล้วเสร็จ 100% ล้างทำความสะอาดท่อกว่า 4,300 กิโลเมตร แล้วเสร็จ 99% และ 3. เตรียมความพร้อมอุปกรณ์และเจ้าหน้าที่ อาทิ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าถาวร รถโมบายยูนิต เครื่องสูบน้ำชนิดต่าง ๆ และหน่วย Best เป็นต้น

16 ชุมชนนอกคันกั้นน้ำเฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มสูง

สำหรับมาตรการรับมือของชุมชนนอกคันกั้นน้ำโดย 16 ชุมชนนอกคันกั้นน้ำ ต้องเฝ้าระวังระดับแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูง แต่อย่าหลงเชื่อข่าวบิดเบือน

จากที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในโลกออนไลน์ว่ากรุงเทพมหานคร จะมีพื้นที่เขตใดที่น้ำไม่ท่วม เขตใดเสียหายบางส่วนจากน้ำเจ้าพระยาขึ้น-ลง เขตใดเสียหายบางส่วนจากน้ำเหนือ หรือเขตใดจะรับผลกระทบบ้างนั้น กรุงเทพมหานครขอย้ำว่าไม่เป็นความจริง

ทั้งนี้ สำหรับชุมชนนอกคันกั้นน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 16 ชุมชน 731 ครัวเรือน ในพื้นที่ 7 เขต ซึ่งอาจจะได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนจากน้ำท่วม ได้สั่งการให้สำนักงานเขตพื้นที่ ประกอบด้วย เขตดุสิต พระนคร สัมพันธวงศ์ บางคอแหลม ยานนาวา บางกอกน้อย และเขตคลองสาน ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนชุมชนหากเกิดปัญหาระดับน้ำขึ้นสูง นอกจากนี้ได้สั่งการสำนักงานเขตที่มีพื้นที่อยู่ตามแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยาสำรวจพื้นที่บ้านเรือนของประชาชน จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนในกรณีฉุกเฉินต่าง ๆ อย่างทันท่วงที

เปิดทุกช่องทาง กทม. ให้ประชาชนติดตามสถานการณ์น้ำ

สำหรับประชาชน สามารถติดตามสถานการณ์น้ำและฝนจาก กทม. ได้ที่ http://dds.bangkok.go.th/ หรือ www.prbangkok.com  Facebook: @BKK.BEST หรือ กรุงเทพมหานคร  Twitter (X): @BKK_BEST กรุงเทพมหานคร

นอกเหนือจากการแจ้งเตือนของกรุงเทพมหานคร ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาสามารถติดตามสถานการณ์น้ำแบบ Real Time ได้ที่ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.)

ทั้งนี้ หากต้องการแจ้งเหตุน้ำท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพฯ โทร. 1555 หรือศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำ โทร. 0 2248 5115 หรือแจ้งผ่านระบบทราฟี่ฟองดูว์ (Traffy Fondue)