“พลโทอาวุโส โต เลิม” สมาชิกคณะกรรมการกรมการเมือง หรือโปลิตบูโร (Politburo)แห่งพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม และดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ประจำปี 2564-2569 ในการประชุมวิสามัญคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งเวียดนาม(Communist Party of Vietnam Central Committee:CPV CC) ชุดที่ 13 ซึ่งจัดขึ้น ที่กรุงฮานอย วันนี้(3 ส.ค.2567)
การเลือกพลโทอาวุโส โต เลิม ซึ่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2567 หลังจากประชุมสภาแห่งชาติ (National Assembly:NA) สมัยที่ 15 ลงคะแนนอนุมัติ เป็นเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ มีขึ้นหลังจากนายเหงียน ฝู จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามถึงแก่กรรมในเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา และกรมการเมืองได้มอบหมายให้ประธานาธิบดีโต เลิม ดูแลรับผิดชอบภาระงานของคณะกรรมการกลางพรรค กรมการเมือง และสำนักเลขาธิการ
เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์และประธานาธิบดี โต เลิมยืนยันในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศที่จัดขึ้นทันทีหลังการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งเวียดนามเช้าวันนี้เสร็จสิ้นว่า เวียดนามจะยังคงกระชับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน มหาอำนาจ พันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม เพื่อนเก่า และหุ้นส่วนสำคัญอื่น ๆ ให้ลึกและเป็นรูปธรรม ตอกย้ำความไว้วางใจทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง และดูแลให้ภูมิทัศน์ด้านต่างประเทศมั่นคงและสงบ เพื่อให้เป็นประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาชาติ
ในการตอบคำถามเกี่ยวกับลำดับความสำคัญของนโยบายต่างประเทศของเวียดนามในระยะต่อไป เลขาธิการใหญ่และประธานาธิบดีโต เลิม เน้นย้ำว่า นโยบายทั่วไปของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม โดยเฉพาะมติของการประชุมผู้แทนพรรคครั้งที่ 13(Resolution of the 13th Party Congress) รวมถึงนโยบายต่างประเทศ ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงและยังคงดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยต่อยอดจากความสำเร็จในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผลที่เกิดขึ้นเหล่านี้ได้รับการยกย่องอย่างสูงในระดับนานาชาติ
เลขาธิการใหญ่พรรคและประธานาธิบดีโต เลิม เน้นย้ำว่า สิ่งสำคัญที่สุดอย่างแรก คือ เวียดนามยึดถือหลักการความเป็นอิสระ การพึ่งพาตนเอง และความสามารถในการปรับตัวในกิจกรรมต่างประเทศ ผลประโยชน์ของชาติจะต้องได้รับการคุ้มครองและเคารพเสมอ
เลขาธิการใหญ่พรรคและประธานาธิบดีเน้นย้ำถึงจิตวิญญาณแห่งมิตรภาพกับนานาประเทศทั่วโลก โดยชี้ว่า การมีเพื่อนมากมายย่อมเป็นประโยชน์ เพราะความเจริญรุ่งเรืองมาจากมิตรสหาย เวียดนามต้องการเป็นมิตรกับทุกประเทศทั่วโลกและแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันเสมอ
เลขาธิการใหญ่และประธานาธิบดีโต เลิม ยังย้ำถึงความสำคัญของ การมีส่วนร่วมมากขึ้นของเวียดนามในการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในระดับภูมิภาคและระดับโลก เสริมสร้างการทูตพหุภาคี และส่งเสริมบทบาทของสมาชิกที่แข็งขันและมีความรับผิดชอบของประชาคมระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ เลขาธิการใหญ่พรรคและประธานาธิบดีโต เลิม ยังเน้นย้ำถึงการดำเนินการทางการทูตยุคใหม่อย่างมีประสิทธิผลอย่างต่อเนื่อง โดยมีพื้นฐานมาจากความสามารถในการปรับตัว ความสงบสุข และความประสงค์ดีของชาวเวียดนาม มากกว่าการใช้กำลัง
“นี่คือประเพณีและลักษณะเฉพาะของการทูตเวียดนามที่เลขาธิการใหญ่ เหงียน ฝู จ่อง ได้วางไว้ระหว่างดำรงตำแหน่ง” เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์และประธานาธิบดีเวียดนามโต เลิม กล่าว
ผู้นำเวียดนามยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างระบบการทูตสมัยใหม่ โดยผสมผสานการทูตของพรรค การทูตของรัฐ และการทูตระหว่างประชาชนอย่างใกล้ชิด โดยที่การทูตของพรรคมีบทบาทชี้นำ และการทูตระหว่างประชาชนเสริมสร้างรากฐานของความรู้สึกของมวลชน ในกิจกรรมต่างประเทศ
เลขาธิการใหญ่พรรคและประธานาธิบดียังย้ำว่า การต่างประเทศมีความสำคัญอย่างมาก เป็นพลังสำคัญในการปกป้องปิตุภูมิอย่างมั่นคงตั้งแต่ต้น และยังทำให้ประสบความสำเร็จในการดำเนินนโยบายต่อเนื่อง โดยเฉพาะป้าหมายเชิงยุทธ์ศาสตร์ 2 ประการ คือ 100 ปีภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์ และ 100 ปีของการต่างประเทศแห่ง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
ในการตอบคำถามจากสื่อมวลชนเกี่ยวกับการทำให้พรรคเดินไปในทางเดียวกันและความพยายามในการต่อต้านการทุจริต เลขาธิการใหญ่และประธานาธิบดีโต เลิม กล่าวว่า พวกเขาจะยังคงสืบทอดความสำเร็จและความพยายามในการต่อต้านการทุจริตและการจัดการเหตุการณ์เชิงลบในช่วงเวลาที่ผ่านมา
“ความพยายามในการต่อต้านการทุจริตและการจัดการปรากฏการณ์เชิงลบในช่วงที่ผ่านมาได้รับฉันทามติ การสนับสนุน และความไว้วางใจจากประชาชน ผู้ปฏิบัติงาน และสมาชิกพรรคที่มีต่อพรรค ตลอดจนได้รับความชื่นชมอย่างสูงจากประชาคมระหว่างประเทศ” ผู้นำพรรคและรัฐเน้นย้ำ
เลขาธิการใหญ่พรรคและประธานาธิบดีกล่าวว่า ความกลมเกลียวและความสามัคคีภายในพรรค ศักดิ์ศรี และความไว้วางใจของผู้นำและหน่วยงานต่อต้านการทุจริตได้รับความไว้วางใจอย่างมาก ภารกิจนี้จะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดและทั่วถึงเพื่อเอาชนะศัตรูภายใน
เลขาธิการใหญ่พรรคและประธานาธิบดียอมรับว่า ประเด็นนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากความคิดเห็นของประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงชี้แจงถึงนโยบายการต่อต้านคอร์รัปชั่นและการจัดการปรากฏการณ์เชิงลบที่เข้มข้น ภายใต้หลักการไม่มีพื้นที่ต้องห้าม ไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ในการจัดการกับกรณีเดียวเพื่อเตือนทั้งภูมิภาคและภาคส่วน
การให้ความสำคัญกับการต่อต้านคอร์รัปชั่นและการจัดการกับปรากฏการณ์เชิงลบ เริ่มจากหน่วยงานต่อต้านคอร์รัปชัน ซึ่งเลขาธิการใหญ่แพรรและประธานาธิบดีเน้นย้ำการผลักดันให้ขจัดคอร์รัปชั่นเล็กๆ น้อยๆ ด้วยมาตรการเฉพาะ ขยายการต่อต้านคอร์รัปชั่นและการจัดการกับเหตุการณ์เชิงลบออกไปนอกภาครัฐ เพื่อให้มีส่วนในการล้างบางพรรค และกลไกของรัฐ
นอกเหนือจากความพยายามในการต่อต้านการทุจริตแล้ว เลขาธิการใหญ่และประธานาธิบดีโต เลิม ยังเน้นย้ำถึงการปฏิรูปการบริหารอย่างต่อเนื่อง จัดการและขจัดอุปสรรค เพื่อสร้างแรงผลักดันใหม่สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
โดยต้องการที่จะได้รับฉันทามติ การสนับสนุน และการกำกับดูแลของระบบการเมืองทั้งหมด โดยเฉพาะจากประชาชน เพื่อให้ความพยายามเหล่านี้ประสบความสำเร็จ
ในส่วนของการเตรียมการสำหรับการประชุมผู้แทนพรรคครั้งที่ 14 เลขาธิการใหฯ่พรรคและประธานาธฺบดีโต เลิม เน้นย้ำว่าเวลาในการเตรียมการประชุมมีจำกัด งานสำคัญมีการดำเนินการอย่างแข็งขัน คณะอนุกรรมการพรรค รวมทั้งคณะอนุกรรมการเอกสาร คณะอนุกรรมการบุคลากร คณะอนุกรรมการเศรษฐกิจ-สังคม และคณะอนุกรรมการกฎบัตรพรรค กำลังดำเนินงานเหล่านี้อย่างแข็งขัน โดยจะจัดทำเอกสารให้เสร็จสิ้นทันเวลาเพื่อรองรับการประชุมผู้แทนพรรคทุกระดับ ก่อนการเข้าสู่การประชุมผู้แทนพรรคครั้งที่ 14
“การเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมผู้แทนพรรค ยังรวมถึงการทำงานของบุคลากรเพื่อให้มีเครื่องมือที่ดี มีทีมงานที่ดี บรรลุเป้าหมายและความคาดหวังของประชาชนด้วยทิศทางการพัฒนาที่เหมาะสมสำหรับอนาคต” ผู้นำพรรคและรัฐยืนยัน
NhanDan สื่อของรัฐ รายงานประวัติเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์และประธานาธิบดี โต เลิม ไว้ว่า เกิดวันที่ 10 กรกฎาคม 2500 เป็นชาวญวน หรือชาวเวียดนาม(Kinh)ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ ที่ย่านเหงียะ จู่ อำเภอวาน ซาง จังหวัดฮึงเอียน เข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามวันที่ 22 สิงหาคม 2524 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านกฎหมาย ต่อมาได้ดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการกลางพรรคสมัยที่ 11, 12 และ 13 เป็นสมาชิกกรมการเมืองสมัยที่ 12 และ 13
นอกจากนี้ยังเป็นรองประธานสภาแห่งชาติสมัยที่ 14 และ 15 ในปี 2553-2559 ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะปี 2559-2567 และได้รับการเลื่อนยศเป็นนายพลเดือนมกราคม 2562
พลโทอาวุโส โต เลิม ได้รับเลือกให้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามวันที่ 22 พฤษภาคม 2567 และล่าสุดได้รับการโหวตให้เป็นเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามในวันที่ 3 สิงหาคม 2567