คณะกรรมการกลางพรรคชุดที่ 13 ได้จัดการประชุมที่กรุงฮานอยเมื่อวันที่ 17 มกราคม เพื่อพิจารณาและให้ความเห็นต่อความประสงค์ที่จะยุติการดำรงตำแหน่ง ยุติการทำงาน และออกจากตำแหน่งของนายเหงียนซวนฟุก สมาชิกกรมการเมือง(Politburo) สมาชิกคณะกรรมการกลางพรรคชุดที่ 13 ประธานาธิบดีเวียดนาม และประธานสภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติซึ่งมีวาระปี 2564-2569 จากการรายงานของ Vietnam Plus
นายฟุกเกิดในครอบครัวที่พร้อมปฏิวัติ เป็นผู้นำคนสำคัญของพรรคและรัฐ เขาได้รับการฝึกอบรมขั้นพื้นฐาน เติบโตมาจากรากหญ้า และได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการกลางพรรคและกรมการเมืองในหลากหลายวาระให้ดำรงตำแหน่งผู้นำที่สำคัญมากมายของพรรคและรัฐ
ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีระหว่างปี 2559-2564 นายฟุกได้ใช้ความพยายามอย่างมากในฐานะผู้นำ กำกับ และบริหารจัดการการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งได้ผลลัพธ์ที่ดี
อย่างไรก็ตาม เขาแบกรับความรับผิดชอบทางการเมืองในฐานะผู้บังคับบัญชา ในการปล่อยให้เจ้าหน้าที่หลายคน รวมทั้งรองนายกรัฐมนตรีสองคน รัฐมนตรี 3 คนกระทำผิดทางกฎหมายและมีข้อผิดพลาด ที่ส่งผลร้ายแรงอย่างมากตามมา รองนายกรัฐมนตรีทั้งสองยื่นขอยุติการดำรงตำแหน่ง ขณะที่รัฐมนตรี 2 คนและเจ้าหน้าที่อีกหลายคนถูกดำเนินคดีทางอาญา
“ด้วยตระหนักดีถึงความรับผิดชอบที่มีต่อหน้าพรรคและประชาชน นายฟุกจึงได้ยื่นคำร้องเพื่อยุติการดำรงตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย ยุติการทำงาน และออกจากตำแหน่ง”
ตามข้อบังคับปัจจุบันของพรรคและรัฐ และในการพิจารณาความประสงค์ของนายฟุก คณะกรรมการกลางพรรคเห็นพ้องที่จะให้เขายุติการดำรงตำแหน่งสมาชิกกรมการเมืองและคณะกรรมการกลางพรรคชุดที่ 13, ประธานาธิบดีเวียดนาม และประธานสภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติ ที่มีวาระปี 2564-2569
คณะกรรมการกลางพรรคมอบหมายให้กรมการเมืองสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนตามระเบียบข้อบังคับ
สำนักข่าว aAljazeera รายงานว่า การลาออกของเหวียน ซวน ฟุก มีการคาดเดาไว้แล้วตั้งแต่การปลดรองนายกรัฐมนตรีสองคนในเดือนมกราคม
ประธานาธิบดี เหวียน ซวน ฟุก ของเวียดนามได้ยื่นลาออกหลังจากพรรคคอมมิวนิสต์พบว่า เขาต้องรับผิดชอบต่อการละเมิดและการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่หลายคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชา
นายฟุก วัย 68 ปี ดำรงตำแหน่งใหญ่มาไม่ถึงสองปี และยังไม่ชัดเจนในทันทีว่าใครจะมาแทน
การลาออกของนายฟุกเกิดขึ้นหลังการปลดรองนายกรัฐมนตรี 2 คนในเดือนนี้ เนื่องจากการปราบปรามการคอร์รัปชันที่นำไปสู่การจับกุมเจ้าหน้าที่หลายสิบคน
การปลด นายนายฝ่าม บิ่งห์ มิงห์ และนาย วู ดั๊ก ดัม เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ประเทศซึ่งปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์กำลังเพิ่มความเข้มข้นในการต่อสู้กับการทุจริต แม้ว่าจะมีความกังวลว่าการรณรงค์การต่อต้านการทุจริตจะทำให้การทำธุรกรรมตามปกติชะงักงัน เนื่องจากเจ้าหน้าที่กลัวว่าจะถูกสอบสวน
เมื่อเดือนที่แล้ว พรรคได้ลงโทษรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศนายบุ่ย แทงห์ เชิน ในข้อกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงและนักการทูตหลายคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีอื้อฉาวเกี่ยวกับเที่ยวบินที่ส่งคนกลับประเทศ
Florence Looi จากสำนักข่าว Al Jazeera รายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ กล่าวว่า จากการให้ความเห็นของนักวิเคราะห์ การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ “ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
“เวียดนามเป็นประเทศที่มีการปกครองโดยพรรคเดียว และการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใด ๆ จะได้รับการจัดการอย่างระมัดระวัง เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเมืองและความต่อเนื่อง นักวิเคราะห์จึงบอกว่านี่เป็นเรื่องผิดปกติอย่างมาก … และบางคนบอกว่านี่เป็นการใช้อำนาจโดยเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์นายเหงียน ฝู จ่อง ”
“ตอนนี้วาระ (ของเหงียน ฝู จ่อง) กำลังจะหมดลงในปี 2569 และประธานาธิบดีที่เพิ่งลาออกก็เป็นตัวเต็งที่จะมาดำรงตำแหน่งแทน ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าใครจะเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ แต่มีการคาดเดาว่ารัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะนายโท ลั่ม อาจเป็นผู้นำคนใหม่”
Looi กล่าวว่า หากนายลั่มได้เป็นประธานาธิบดีจริง ก็หมายความว่าทั้งนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีจะเป็นอดีตเจ้าหน้าที่จากกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ
“และอาจบ่งบอกถึงท่าทีที่แข็งกร้าวมากขึ้นในอนาคตของเวียดนาม อาจหมายถึงการปราบปรามเสียงที่ไม่เห็นด้วยมากขึ้น”
เวียดนามไม่มีผู้ปกครองสูงสุดและอยู่ภายใต้การนำอย่างเป็นทางการโดย “4 เสาหลัก” ได้แก่ เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และประธานสภาแห่งชาติ
ข่าวหรือบทความที่เกี่ยวข้อง
