สิงคโปร์จะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่โดยรองนายกรัฐมนตรี ลอว์เรนซ์ หว่อง จะเข้ามารับตำแหน่งต่อจากนายกรัฐมนตรีลี เซียนลุงที่ลงจากตำแหน่งในวันที่ 15 พฤษภาคม 2567
สำนักนายกรัฐมนตรีประกาศในแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 15 เมษายน ซึ่งเป็นรายละเอียดสำคัญในการเปลี่ยนผู้นำที่วางแผนไว้ยาวนานของสิงคโปร์จากทีมการเมืองรุ่นที่ 3 ไปสู่รุ่นที่ 4 (4G) ว่า นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุงของสิงคโปร์จะลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 15 พฤษภาคม และส่งมอบอำนาจให้กับรองนายกรัฐมนตรี ลอว์เรนซ์ หว่อง
นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาตั้งแต่ปี 2547
ลอว์เรนซ์ หว่องจะสาบานตนในเวลา 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นในวันนั้น ที่ทำเนียบประธานาธิบดีสิงคโปร์ เพื่อรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของสิงคโปร์นับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี 2508
ในวิดีโอที่เผยแพร่ในบัญชีโซเชียลมีเดียหลังการประกาศไม่นาน ลอว์เรนซ์ หว่องกล่าวว่า เขาไม่เคยคาดหวังว่าจะถูกขอให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันหนึ่งเมื่อเขาตกลงใจที่จะเข้าสู่การเมืองครั้งแรกในปี 2554
“ผมยอมรับความรับผิดชอบนี้ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนและสำนึกในหน้าที่อย่างสูง ผมสัญญาว่าจะทุ่มเทอย่างเต็มที่ในภารกิจนี้”
“พลังทั้งหมดของผมจะอุทิศให้กับการรับใช้ประเทศและประชาชนของเรา ความฝันของคุณจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับการกระทำของผม ความกังวลของคุณจะเป็นแนวทางในการตัดสินใจของผม”
“เมื่อเราร่วมกัน ก็สามารถสร้างอนาคตที่สดใสให้กับชาวสิงคโปร์ทุกคนได้”
นายกรัฐมนตรีลีประกาศเมื่อเดือนพฤศจิกายนว่า ลอว์เรนซ์ หว่องจะเข้ามารับตำแหน่งผู้นำจากพรรค People’s Action Party (PAP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปครั้งถัดไปที่จะถึงในเดือนพฤศจิกายน 2568
แถลงการณ์ของสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า ลอว์เรนซ์ หว่องได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์จากสมาชิก PAP ในรัฐสภา
นายกรัฐมนตรีลีโพสต์บน Facebook หลังการประกาศว่า “ไม่ว่าประเทศใดก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของผู้นำถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ ลอว์เรนซ์และทีม 4G ทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้คน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดใหญ่”
“ด้วยโรดแมป Forward Singapore ที่พวกเขาได้ทำงานร่วมกับชาวสิงคโปร์จำนวนมากเพื่อจัดทำสัญญาประชาคมของเราใหม่ และพัฒนาวาระแห่งชาติสำหรับคนรุ่นใหม่”
ทีมงาน 4G มุ่งมั่นที่จะทำให้สิงคโปร์ทำงานได้ดีและก้าวไปข้างหน้า สิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับรัฐบาลเสมอ
“ผมขอให้ชาวสิงคโปร์ทุกคนให้การสนับสนุนลอว์เรนซ์ และทีมของเขาอย่างเต็มที่ และทำงานร่วมกับพวกเขาเพื่อสร้างอนาคตที่สดใสให้กับสิงคโปร์”
ผู้นำรุ่นที่สี่ของประเทศมักเรียกกันว่า 4G
เมื่อปี 2560 นายกรัฐมนตรีลี บอกเป็นนัยว่าจะเดินหน้าต่อไปก่อนวันเกิดครบรอบ 70 ปีของเขา โดยเขาจะมีอายุ 72 ปีในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ แต่กลับสืบทอดอำนาจมาเป็นเวลาสามทศวรรษในฐานะผู้นำที่รับใช้ชาติยาวนานที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศ ตามหลังผู้เป็นพ่อ
ลี กวน ยู เป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ปี 2502 ถึง 2533 สิงคโปร์เป็นประเทศเอกราชเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2508 เขาถึงแก่กรรมในปี 2558 ขณะอายุ 91 ปี
ลี เซียนลุงสาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของประเทศในเดือนสิงหาคม 2547 ต่อจากโก๊ะ จ๊กตง ซึ่งดำรงตำแหน่งมาเกือบ 14 ปี
ในช่วงกว่า 58 ปีที่ผ่านมา สิงคโปร์มีนายกรัฐมนตรีเพียง 3 คนเท่านั้น โดยที่ 2 คนมาจากครอบครัวเดียวกัน
ในช่วงที่สิงคโปร์แยกตัวเป็นเอกราชออกจากมาเลเซีย ลอว์เรนซ์ หว่อง ยังไม่เกิด
ลอว์เรนซ์ หว่อง เติบโตมาในย่านชายฝั่งตะวันออกของสิงคโปร์ เข้าเรียนที่โรงเรียนประถม Tanjong Katong ในละแวกใกล้เคียงที่แม่ของเขาเป็นครูอยู่ด้วย ก่อนที่จะไปเรียนที่ Victoria Junior College ที่อยู่ใกล้เคียง
ลอว์เรนซ์ หว่องไปศึกษาต่อในสหรัฐอเมริกา โดยได้รับปริญญาหลายใบจากมหาวิทยาลัย 3 แห่ง รวมถึงปริญญาโทสาขารัฐประศาสนศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
ลอว์เรนซ์ หว่องเพิ่งจะเข้าสู่การเมืองด้วยการได้รับเลือกเป็นสมาชิกรัฐสภาระหว่างการเลือกตั้งทั่วไปปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่เขามีอายุครบ 40 ปี ต่อมาเขาได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและกลาโหม
การจัดการอย่างดีของเขาในการรับมือกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในสิงคโปร์ ซึ่งทำให้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตต่ำที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในช่วงการแพร่ระบาด ทำให้เขามีสิทธิ์ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของประเทศ ด้วยความ “มั่นใจเต็มที่” ของนายกรัฐมนตรีลี
นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เป็นตำแหน่งที่มีเงินเดือนประจำปี 2.2 ล้านเหรียญสิงคโปร์ (2.5 ล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งนักการเมืองสิงคโปร์จัดว่าอยู่ในกลุ่มที่ได้รับค่าตอบแทนดีที่สุดในโลก
ลอว์เรนซ์ หว่อง ปัจจุบันอายุ 51 ปี ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2564 นอกจากนี้ เขายังเป็นประธาน Monetary Authority of Singapore ซึ่งเป็นธนาคารกลางและหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของประเทศ
ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีลีเคยยกย่องลอว์เรนซ์ หว่องว่าเขาช่วยให้ประเทศก้าวผ่านวิกฤติโควิด โดยในระหว่างนั้นลอว์เรนซ์ หว่องก็มีชื่อเสียงในฐานะประธานร่วมของคณะทำงานเฉพาะกิจเรื่องโควิดในช่วงที่การแพร่ระบาดรุนแรง
ลอว์เรนซ์ หว่อง เคยดำรงตำแหน่งในกระทรวงกลาโหม กระทรวงการสื่อสารและข้อมูล กระทรวงวัฒนธรรม ชุมชนและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาแห่งชาติ และกระทรวงศึกษาธิการ
ก่อนที่จะเข้าสู่การเมือง ลอว์เรนซ์ หว่อง ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานตลาดพลังงาน และเป็นเลขานุการส่วนตัวหลักของนายกรัฐมนตรีลีระหว่างปี 2548 ถึง 2551
ลอว์เรนซ์ หว่อง เป็นคนรุ่น Gen X ซึ่งอายุน้อยกว่านายกรัฐมนตรีลี 20 กว่าปี จะเป็นผู้นำคนแรกของสิงคโปร์ที่เกิดภายหลังการประกาศเอกราชของประเทศ และคาดว่าจะนำแนวทางการเป็นผู้นำที่มีแนวทางที่ทันสมัยมากขึ้น
เอเดรียน ชู โค้ชอาชีพชาวสิงคโปร์ วัย 52 ปี กล่าวว่า “ฉันชอบลอว์เรนซ์ หว่อง เขาเป็นคนดี ทั้งสุภาพบุรุษ ฉลาด และที่สำคัญที่สุด มีความเห็นอกเห็นใจอย่างแท้จริง”
“เขาเป็นตัวแทนของความเป็นผู้นำรุ่นใหม่ และผมก็ไม่กังขาเลยว่าเขาจะเป็นผู้นำสิงคโปร์ได้ดี แม้ว่าเขาอาจเผชิญความท้าทายในการรับช่วงพรรค PAP”
นีล ฮัมฟรีส์ นักเขียนและนักจัดรายการวิทยุชาวอังกฤษ ซึ่งย้ายมาสิงคโปร์ครั้งแรกในช่วงทศวรรษ 1990 กล่าวว่า เขารู้สึกได้ว่าลอว์เรนซ์ หว่องกำลังถูกเตรียมให้พร้อมสำหรับบางสิ่งที่ใหญ่ขึ้น เมื่อพวกเขาปรากฏตัวพร้อมกันในรายการทีวีเมื่อสิบปีก่อน
“ความฉลาดและบุคลิกที่ชอบสังคมเห็นได้ชัด ทั้งในและนอกกล้อง และผมรู้สึกประทับใจกับการไม่มีบท ซึ่งไม่ใช่เรื่องปกติในสิงคโปร์” ฮัมฟรีย์สกล่าว
“ผู้เข้าร่วมรายการมาจากภูมิหลังที่แตกต่างกัน เช่น กีฬา ศิลปะ สื่อ และสถาบันการศึกษา แต่ลอว์เรนซ์ หว่องมีส่วนร่วมกับทุกวิชาโดยมีคำตอบแบบที่ไม่เตรียมไว้ล่วงหน้า แต่ก็ยังมีไหวพริบและเฉียบแหลม จริงๆ แล้ว ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของสิงคโปร์ ”
ดร. แอนนาเบลล์ เชา นักจิตวิทยา แม่ของเด็กชายวัยก่อนเข้าเรียน 2 คน กล่าวว่า เธอเชื่อว่าความเจริญรุ่งเรืองของสิงคโปร์จะต่อเนื่องภายใต้รัฐบาลที่นำโดยลอว์เรนซ์ หว่อง
“เขาช่วยนำทางประเทศผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาในช่วงโควิด-19 ผ่านความท้าทายด้านสุขภาพจิตที่หนักหนา และแข็งแกร่งขึ้นด้วยกันในฐานะประชาชน” ดร. แอนนาเบลล์กล่าว
“ภายใต้การนำของเขา เขาได้ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตเป็นประเด็นสำคัญสำหรับรัฐบาล โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับยุทธศาสตร์ด้านสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีของสิงคโปร์ ฉันรู้สึกโชคดีที่มีสิงคโปร์เป็นบ้าน และมั่นใจว่า เราจะยังคงก้าวข้ามขีดจำกัดของเราต่อไปในภูมิภาคนี้ และทั่วโลก”
นิโคลัส ฟาง อดีตสมาชิกรัฐสภาที่ได้รับการเสนอชื่อและเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร Black Dot คาดการณ์ ลอว์เรนซ์ หว่อง
จะให้ความสำคัญแก่ประชาชนของสิงคโปร์ก่อนเป้าหมายทางภูมิรัฐศาสตร์
“เราได้เห็นคร่าวๆ แล้วว่า ผู้นำ 4G ที่มีศักยภาพภายใต้การนำของเขามีความคิดอย่างไรต่อทิศทางของสิงคโปร์ในอีกหลายปีข้างหน้า ผ่านการกล่าวชี้แจงเรื่องงบประมาณในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงการคลังและความคิดเห็นอื่นๆ ของเขา” ฟางกล่าว
“เขามีแนวโน้มที่จะเป็นผู้นำที่มุ่งตอบสนองความต้องการและความกังวลที่เร่งด่วนที่สุดของประชาชน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ท้าทายหรือวิกฤติการณ์ เหนือเป้าหมายที่สูงส่งหรือจับต้องไม่ได้มากขึ้น โดยให้ความช่วยเหลือทันทีที่จับต้องได้ตามที่ประชาชนเรียกร้อง”
“ในขณะเดียวกัน เขามีแนวโน้มที่จะยังคงให้ความสำคัญกับรัฐบาล PAP ในการสร้างความมั่นใจในความอยู่รอดในระยะยาวและความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดยรวม เช่น ยังคงความน่าดึงดูดต่อการลงทุนจากต่างประเทศ และสร้างความมั่นใจว่าแรงงานของสิงคโปร์นั้นมีความสามารถระดับโลก”
ข่าวหรือบทความที่เกี่ยวข้อง
