ThaiPublica > คนในข่าว > “ลอว์เรนซ์ หว่อง” ว่าที่นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนต่อไป

“ลอว์เรนซ์ หว่อง” ว่าที่นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนต่อไป

17 เมษายน 2022


ลอว์เรนซ์ หว่อง ว่าที่นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนต่อไป ที่มาภาพ:FB Lawrence Wong

ลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ประกาศ ลอว์เรนซ์ หว่อง รมต.คลัง ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไป

นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ ยืนยันเมื่อวันเสาร์(16 เม.ย.2565)ว่า นายลอว์เรนซ์ หว่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเข้ามารับตำแหน่งในฐานะผู้นำประเทศคนต่อไป

นายหว่องได้รับเลือกให้เป็นผู้นำทีมรุ่นที่ 4 หรือ 4G ของพรรค People’s Action Party (PAP) จากการประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีซึ่งปูทางให้เขาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

“แผนที่วางไว้คือ ลอว์เรนซ์จะรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากผม ไม่ว่าจะก่อนหรือหลัง (หาก PAP ชนะ) การเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า ซึ่งจะเป็นปี 2568 และจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากอย่างแน่นอน” นายกรัฐมนตรีลีโพสต์ในโซเชียลมีเดียเมื่อวันเสาร์

ลี เซียนลุง บุตรชายของลี กวนยู ผู้นำในการต่อสู้เพื่อเอกราชของสิงคโปร์ เป็นนายกรัฐมนตรีมาตั้งแต่ปี 2547

ความมีเสถียรภาพเป็นจุดแข็งที่สำคัญอย่างหนึ่งของสิงคโปร์ที่มั่งคั่งมาเป็นเวลานาน ทำให้เป็นศูนย์รวมของนักลงทุนและธุรกิจในภูมิภาค

นายหว่อง วัย 49 ปี เป็นผู้นำในการบริหารจัดการกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในฐานะประธานร่วมของคณะทำงานเฉพาะกิจของรัฐบาล ได้รับการประเมินมาก่อนหน้าจากนักวิเคราะห์ว่าจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากนายลี เซียนลุงที่อยู่ใน วัย 70 ปี

การสืบทอดตำแหน่งผู้นำในประเทศซึ่งควบคุมโดยพรรค PAP นับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี 2508 โดยทั่วไปมีการวางแผนอย่างรอบคอบ

แต่การตัดสินใจถอนตัวอย่างไม่คาดมาก่อนในปีที่แล้วของรองนายกรัฐมนตรีเฮง สวี คีต ทำให้แแผนของลี เซียนลุงในการวางตัวผู้สืบทอดสะดุด

“ผมอายุ 70 ​​แล้ว และผมก็ตั้งตารอที่จะส่งมอบให้ลอว์เรนซ์เมื่อเขาพร้อม” นายกรัฐมนตรีลี กล่าวในการแถลงข่าว และว่า พวกเขาจะตัดสินใจในภายหลังว่าตัวเขาเองหรือนายหว่องจะเป็นผู้นำพรรคเข้าสู่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไปหรือไม่

ที่มาภาพ:FB Lawrence Wong

ได้รับการสนับสนุนท่วมท้น

นายลอว์เรนซ์ หว่อง ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้นำรุ่นที่สี่ (4G) ของ People’s Action Party ด้วยการสนับสนุนของ ““เสียงข้างมากอย่างท่วมท้น ของผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยได้รับการสนับสนุน 15 เสียงจากทั้งหมด 19 เสียง และได้รับการรับรองโดยผู้นำระดับสูงและสมาชิกพรรคที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด

กระบวนการเพื่อหาฉันทามติว่าใครควรเป็นผู้นำพรรค และสิงคโปร์ หาก PAP ชนะการเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไป ได้ดำเนินการอย่างเป็นระบบและทั่วถึง เพื่อให้เกิดความตรงไปตรงมา ใคร่ครวญ และความเป็นกลาง และเพื่อช่วยสร้างความสามัคคีและการสนับสนุนเพื่อบรรลุผล

นายหว่อง วัย 49 ปี กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของ 15 เสียงจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง 19 ราย

ทั้ง 19 คนเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีทั้งหมด ยกเว้นนายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง และรัฐมนตรีอาวุโสสองคน และรวมถึงประธานรัฐสภานาย ตัน ชวนจินและเลขาธิการ NTUC( National Trades Union Congress)นาย อึ้ง ชี เม้ง ซึ่งทั้งคู่เคยเป็นรัฐมนตรีจากทีม 4G

ทั้ง 19 คนถูกสัมภาษณ์แยกจากกันโดยอดีตประธานพรรค PAP นายคอว์ บูน วัน ในเดือนที่ผ่านมาหลังการอภิปรายเรื่องงบประมาณในเดือนมีนาคม เพื่อสอบถามถึงตัวเลือกที่ต้องการ นอกเหนือจากตัวเอง และต้องจัดอันดับผู้ที่มีศักยภาพตามลำดับความชอบ

ไม่มีชื่อใดที่ได้รับคะแนนเสียงเกินสองเสียง นายคอว์ กล่าว โดยระบุว่า นายหว่องมีเสียงข้างมากร้อยละ 79 อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นมากกว่าเสียงข้างมาก

รายละเอียดของการลงคะแนนถูกเปิดเผยในงานแถลงข่าวที่จัดขึ้นที่ ทำเนียบประธานาธิบดีสิงคโปร์ ในเช้าวันเสาร์ (16 เมษายน) โดยมีนายกรัฐมนตรีลีเป็นประธานและมีนายหว่องและนายคอว์เข้าร่วม เพื่อชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการประกาศการเลือกผู้นำคนต่อไปของพรรคในวันพฤหัสบดี

นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุงนายลอว์เรนซ์ หว่อง ร่วมแถลงข่าวันที่ 16 เมษายน 2565 ที่มาภาพ: https://tnp.straitstimes.com/news/singapore/ive-never-hankered-post-position-or-power-lawrence-wong

นายกรัฐมนตรีลีกล่าวว่า นี่เป็นก้าวสำคัญในกระบวนการสืบทอดตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเขาคิดว่าไม่น่าช้าไปกว่านี้อีกแล้ว เนื่องจากความไม่แน่นอนไม่มีผลดีต่อประเทศ เพราะมีความท้าทายมากมายรออยู่ข้างหน้า

จากที่ได้มีการเลือกผู้นำ 4G แล้ว เขาจะหารือกับนายหว่องเกี่ยวกับกรอบเวลาและขั้นตอนต่อไป เพื่อส่งมอบเมื่อนายหว่องและทีม 4G พร้อม กระบวนการนี้จะกระทำด้วย “อย่างระมัดระวังและตั้งใจ”

เขาจะหารือกับนายหว่องและตัดสินใจในภายหลังว่า กลยุทธ์ใดดีที่สุดสำหรับ PAP ในการลงเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2568 ซึ่งอาจรวมถึงการส่งมอบอำนาจให้นายหว่องและทีมก่อนการเลือกตั้ง เพื่อให้ลงแข่งขันและได้รับความไว้วางใจจากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หรืออีกทางหนึ่งนายลีจะนำทีม PAP ลงแข่งเลือกตั้งเอง และหาก PAP ชนะ นายหว่องก็จะก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในภายหลัง

“มันจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในตอนนั้น มันเป็นสิ่งที่เราจะตัดสินใจในภายหลัง แต่ไม่ว่าทางใด แผนของเราคือให้ลอว์เรนซ์เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป หาก PAP ชนะการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า ซึ่งได้ตัดสินกันไปแล้ว”

“และปฏิกิริยาจากสาธารณชนในช่วงสองวันที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า หลายคนพอใจที่เราได้มีการตัดสินใจและพอใจกับการตัดสินใจ”

นายกรัฐมนตรีลีกล่าวว่า กระบวนการสร้างฉันทามติเกี่ยวกับผู้นำคนต่อไปเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐมนตรีของเขา ซึ่งมีความรับผิดชอบร่วมกันต่อการตัดสินใจของพวกเขา

“มิฉะนั้น รัฐบาลจะไม่สามารถทำงานได้” นายกรัฐมนตรีลี กล่าว พร้อมเสริมว่ากระบวนการคือการเลือกผู้นำ 4G ไม่ใช่รองผู้นำ หรือผู้นำ 5G และขึ้นอยู่กับนายหว่องที่จะเลือกผู้ที่จะเป็นรองและทีมในภายหลัง

“การที่จะเป็นนายกฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เขาจะต้องไว้วางใจและพึ่งพารัฐมนตรีของเขาได้ และรัฐมนตรีของเขาจะต้องเป็นผู้เล่นในทีม สนับสนุนนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีของเขา และสนับสนุนทีม และทุกคนต้องช่วยทีม ทำเป้าหมายรวมให้สิงคโปร์”

ด้านนายหว่อง ในการปรากฎตัวสาธารณะครั้งแรกนับตั้งแต่การประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี กล่าวว่า จะทำงานหนักร่วมกับเพื่อนร่วมงานเพื่อที่จะได้รับความไว้วางใจจากชาวสิงคโปร์ต่อไป

นายหว่องชี้ว่าผู้นำ 4G ได้ดำเนินการ “ขั้นตอนแรก” ในแผนระยะยาว ในการขยายอายุและเสริมสร้างสัญญาประชาคมในงบประมาณปีนี้ และจะทบทวนนโยบายอย่างครอบคลุม เพื่อดูว่ามีอะไรอีกที่สามารถปรับเปลี่ยนและปรับปรุงได้

“ดังนั้น นี่จะเป็นวาระสำคัญสำหรับทีม 4G” นายหว่องกล่าว “แต่นอกเหนือจากนั้น เราจะทำงานเป็นทีมต่อไปเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจและการสนับสนุนจากชาวสิงคโปร์ทุกคน เพื่อสร้างสายสัมพันธ์และเชื่อมต่อกับพวกเขา และพัฒนาแนวคิดใหม่ๆ ที่จะถูกใจชาวสิงคโปร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชาวสิงคโปร์รุ่นใหม่ ”

นายหว่องได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า ตั้งแต่เริ่มแรกในปี 2502 รูปแบบความเป็นผู้นำทางการเมืองของเราไม่เคยขึ้นอยู่กับบุคคลเพียงคนเดียว แต่เป็นทีม เราแต่ละคนมีส่วนร่วม เติมเต็มซึ่งกันและกัน และมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสิงคโปร์

“เพื่อนร่วมงานของผมในผู้นำ 4G ได้ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ในการต่อสู้กับ COVID-19 ประสบการณ์ในช่วงสองปีที่ผ่านมาได้ประสานความสามัคคีของเราและเสริมสร้างความมุ่งมั่นของเราที่จะดูแลสิงคโปร์อย่างปลอดภัยผ่านวิกฤตินี้และต่อ ๆ ไป”

“ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำทีมนี้ ผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำหน้าที่ความรับผิดชอบนี้ แต่ดังที่เราสำนึกมาตลอดเวลาแล้ว สิทธิในการเป็นผู้นำไม่สามารถสืบทอดได้ ดังนั้นร่วมกับทีม 4G ผมจะทำเพื่อชาวสิงคโปร์ด้วยใจจริง และมุ่งมั่นที่จะได้รับความไว้วางใจและการสนับสนุนจากเพื่อนพลเมืองของเราทุกคน”

รู้จัก ลอว์เรนซ์ หว่อง

ลอว์เรนซ์ หว่องและครอบครัวภาพนี้ถ่ายในปี 2015 ที่มาภาพ:https://www.straitstimes.com/singapore/politics/8-things-to-know-about-lawrence-wong-the-paps-new-4g-leader
การแถลงข่าวของนายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง เมื่อวันเสาร์ (16 เม.ย.) เพื่อประกาศว่านายลอว์เรนซ์ หว่อง รัฐมนตรีกระทรวงการคลังได้รับเลือกให้เป็นผู้นำทีมรุ่นที่ 4 ของพรรค People’s Action Party (4G) เป็นการปิดฉากการคาดเดาและการทำนายมาเป็นเวลาหลายเดือนว่าใครจะนำสิงคโปร์คนต่อไป หลังจากที่รองนายกรัฐมนตรีเฮง สวี คีต วัย 61 ปี ถอนตัวออกจากการแข่งขันเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว

The Straits Times ได้เผยแพร่บทความเรื่อง Lawrence Wong to lead PAP’s 4G team: 8 things to know about him เพื่อให้รู้จักลอว์เรนซ์ หว่องกันมากขึ้น

  • เด็กชายจากย่าน Marine Parade

    นายหว่องเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่เขาจำกัดความว่า “ครอบครัวธรรมดา” ที่อาศัยอยู่ในโครงการ Marine Parade (โครงการที่อยู่อาศัยแห่งแรกที่สร้างจากการถมทะเล) พ่อของเขาซึ่งเสียชีวิตในเดือนสิงหาคมปีที่แล้วในวัย 86 ปี เกิดที่เกาะไหหลำของจีน และเดินทางมายังเมืองอิโปห์ในมาเลเซียตั้งแต่ยังเป็นเด็ก หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษา พ่อของนายหว่องก็ย้ายไปสิงคโปร์เพื่อทำงานด้านการขายให้กับ Sime Darby และได่แต่งงานกับแม่ของนายหว่องที่สิงคโปร์ ปัจจุบันแม่ของนายหว่องมีอายุ 82 ปี

    แม่ของนายหว่องเริ่มทำงานตั้งแต่อายุได้ 9 ขวบ โดยช่วยซักเสื้อผ้าของเพื่อนบ้านและดูแลลูกๆ ของเพื่อนบ้าน ขณะเดียวกันก็ร้องขอจากพ่อแม่อนุญาตให้เธอไปโรงเรียน เนื่องจากในช่วงนั้นยังมีอคติต่อต้านทางเพศ ในที่สุดเธอก็ได้เป็นครูและได้สอนเป็นเวลา 40 ปี

    นายหว่องมีพี่ชายที่อายุมากกว่าสองปี ซึ่งเป็นวิศวกรการบินและอวกาศที่ DSO Laboratories

  • เด็กนักเรียนแถวบ้าน

    นายหว่องเข้าโรงเรียนอนุบาล PAP Community Foundation (PCF) ในย่าน Marine Parade ก่อนไปโรงเรียนประถมศึกษา Haig Boys’ ที่แม่ของเขาสอนอยู่ที่นั่น

    เขาจำได้ว่า แม่เป็นคนมีวินัยทั้งในโรงเรียนและที่บ้าน และนั่นทำให้เขา “มีสำนึกในความรับผิดชอบอย่างแรงกล้า” นอกจากนี้ยังฝังแน่นหลักจริยธรรมในตัว เพื่อเป็นหลักว่าจะต้องทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้ให้ดี

    ที่โรงเรียน นายหว่องชอบอ่านหนังสือมากกว่าชอบเล่นกีฬา เขามักจะไปฝังตัวอยู่ที่ห้องสมุดเก่า Marine Parade เพื่อยืมหนังสือนิยายวิทยาศาสตร์และหนังสือเล่นกีตาร์

    เมื่อเรียนจบจาก Haig Boys’ นายหว่องไปเรียนต่อที่โรงเรียนมัธยมเทคนิค Tanjong Katong ซึ่งนายยหว่องเคยพูดถึงคนที่ถามเขาว่าทำไมไม่ไปโรงเรียน “ชั้นนำ” เช่น Raffles Institution แทน นายหว่องกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่จะศึกษาต่อในโรงเรียนใกล้บ้าน ที่ซึ่งเพื่อน ๆ ของเขาอยู่และที่ที่เขามีความสุขมาก

    จากนั้นนายหว่องไปเรียนต่อที่วิทยาลัย Victoria Junior ซึ่งเขาได้รับทุนรัฐบาลไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา โดยสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสัน และมหาวิทยาลัยมิชิแกน-แอนน์ อาร์เบอร์ และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านการบริหารรัฐกิจจาก Harvard Kennedy School

  • เป็นเลขาส่วนตัวนายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง

    หลังจากที่กลับมาสิงคโปร์ นายหว่องก็ถูกส่งตัวไปทำงานที่กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมและรับผิดชอบพัฒนาแบบจำลองทางเศรษฐกิจ

    จากนั้นเขาก็ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งในกระทรวงการคลังและสาธารณสุข ในฐานะผู้อำนวยการด้านการเงินด้านการดูแลสุขภาพที่กระทรวงสาธารณสุข และได้ดำเนินการปฏิรูป MediShield แผนประกันสุขภาพพื้นฐาน เพื่อให้ชาวสิงคโปร์ได้รับการคุ้มครองที่ดีขึ้นจากค่ารักษาพยาบาลที่สูงมาก

    จากนั้นนายหว่องก็ได้ดำรงตำแหน่งเลขาส่วนตัว (principal private secretary:PPS) ให้กับนายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ในปี 2548

    สามปีต่อมาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บริหารระดับสูงของ Energy Market Authority หลังจากทำงานรับใช้สาธารณะมาเป็นเวลา 14 ปี ก็ได่ลาออกเพื่อลงสมัครแข่งขันรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2554 และได้รับเลือกเป็น ส.ส. ของเขต West Coast GRC ปัจจุบันเป็น ส.ส.เขต Marsiling-Yew Tee GRC

  • ขึ้นชื่อด้านการคิดนโยบาย
    ในช่วงต้นของเส้นทางอาชีพของนายหว่อง เขาปฏิเสธข้อเสนอจากภาคเอกชน และทำงานกับรัฐบาล เพราะเห็นว่าเปิดให้เขาทำโครงการต่างๆ และโปรแกรมที่สามารถช่วยชาวสิงคโปร์ได้

    นายหว่องกล่าวว่า เขาพบว่าการชี้แจงนโยบายอย่างละเอียดเป็นเรื่องมีความหมาย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่เขามีชื่อเสียงว่าเป็นคนคิดนโยบาย หรือผู้ที่มีความสนใจเป็นพิเศษในรายละเอียดปลีกย่อยของนโยบาย

    เมื่อถูกถามถึงชื่อเสียงในด้านนี้ในการให้สัมภาษณ์กับ The Sunday Times ในปี 2020 เขากล่าวว่า “เป็นส่วนหนึ่งที่ผมถูกเลี้ยงดูมา… ว่าเมื่อทำอะไรก็ตาม ต้องใส่ทุกอย่างลงไป ต้องการที่จะเป็นเลิศจริงๆ ”

    นายหว่องกล่าวอีกว่า “สิ่งที่คุณทำในแต่ละวัน ถ้าคุณทำได้ดี ถ้าคุณรับผิดชอบ ในตัวมันเองเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคุณเป็นคนตัวอย่าง คุณรู้ ส่องทางให้กับโลก

    ที่มาภาพ:FB Lawrence Wong

  • โดดเด่นจัดการโควิด-19

    ในปี 2563 นายกัน กิม หยง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข มีความคิดที่จะรวบรวมทีมเพื่อนำการจัดการกับการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในสิงคโปร์ นายหว่องได้รับเลือกให้เป็นประธานร่วม คณะทำงานเฉพาะกิจจากกระทรวงต่างๆ เกี่ยวกับโควิด-19

    รองนายกรัฐมนตรีเฮง สวี คีต ซึ่งรักษาการนายกรัฐมนตรีในขณะที่นายกรัฐมนตรีลีไม่อยู่ในประเทศ ได้โทรศัพท์หานายหว่องเพื่อแจ้งเกี่ยวกับการแต่งตั้ง

    นายหว่องตอบกลับว่า “โอเค ถ้าคุณคิดว่าผมสามารถช่วยได้ ผมยินดีที่จะสนับสนุนและผมจะทำให้ดีที่สุด”

    ในหนังสือ In This Together ซึ่งเป็นเรื่อง Covid-19 ของสิงคโปร์ที่เขียนโดย The Straits Times นายหว่องยอมรับว่าบทบาทนี้ไม่ใช่สิ่งที่เหมาะกับงานของเขาในขณะนั้น ซึ่งยังมีตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาแห่งชาติและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แม้ว่ากระทรวงเหล่านั้นจะ ต้องมีส่วนร่วมในการจัดการกับวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้น

    แต่เป็นรับรู้กันว่า เขาไม่ได้ถูกมองว่าเป็นตัวเลือกที่เด่นที่สุดเช่นกัน

    แต่นายหว่องจะยังคงให้คำอธิบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับนโยบาย ความชี้แจงในรายละเอียด และสถานะโดยรวม ในการบรรยายสรุปแก่สื่อมวลชนอย่างใจเย็นและสุขุม

    นายกันและนายหว่องต่างก็ใช้คำเดียวกันคือ สนุก เพื่อให้ภาพของการร่วมมือกัน

    ในการชี้แจงต่อรัฐสภาเมื่อเดือนมีนาคม 2563 นายหว่องซึ่งปกติแล้วไม่เย่อหยิ่ง รู้สึกตื้นตันใจและต้องกลั้นน้ำตาในขณะที่แสดงความเคารพต่อผู้ที่ปฏิบัติงานในแนวหน้า

    ให้สัมภาษณ์ร่วมกับนาย กัน กิม หยง ที่มาภาพ:https://www.straitstimes.com/singapore/politics/8-things-to-know-about-lawrence-wong-the-paps-new-4g-leader

  • แถลงงบประมาณ

    หลังจากดำรงตำแหน่งประธานร่วมของคณะทำงานเฉพาะกิจระดับกระทรวงเกี่ยวกับโควิด-19 มาเป็นเวลาเกือบสองปี นายหว่องก็มีอีกบทบาทหนึ่งที่ต่างออกไปในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ด้วยการแถลงงบประมาณฉบับแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีคลังในเดือนพฤษภาคม 2564

    งบประมาณนี้เป็นงบประมาณที่มีนัยสำคัญ ซึ่งอัดแน่นไปด้วยมาตรการภาษีแบบก้าวหน้า ที่ไม่เพียงมุ่งเป้าไปที่การสร้างรายได้ให้กับโครงการสำคัญๆ ที่จำเป็นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการจัดการกับความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมด้วย

    จึงเป็นหน้าที่ของนายหว่องจะร่างกรอบวิสัยทัศน์ของรัฐบาลเกี่ยวกับ “สังคมที่เป็นธรรมขึ้น ยั่งยืนขึ้น และครอบคลุมมากขึ้น” และเขาก็ทำด้วยความมุ่งมั่นตามปกติ

    “เมื่อมองย้อนกลับไปว่าเราผ่านอะไรมาบ้างในช่วงโควิด-19 ปีนี้ เราไม่มีอะไรต้องกลัว เราจะผ่านพ้นไปได้เสมอ เราจะมีชัยเสมอ” นายหว่องสรุป “เราจะสร้างแนวทางใหม่ในอนาคตร่วมกัน เราจะผ่านพ้นการระบาดใหญ่ในวันนี้ และสร้างสิงคโปร์ที่ดีขึ้นในวันพรุ่งนี้”

    ชี้แจงงบประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ที่มาภาพ:FB Lawrence Wong

  • รักเพลงร็อคและสุนัข
    ในอินสตาแกรมส่วนตัวนายหว่องให้ข้อมูลตัวเองว่า “หนอนหนังสือ นักกีตาร์ และคนรักสุนัข”

    พ่อของเขาซื้อกีตาร์ให้เมื่อเขาอายุได้แปดขวบ และเขายังคงพูดคุยเกี่ยวกับดนตรีด้วยความกระตือรือร้นอย่างแท้จริง

    ในขณะที่เพื่อนร่วมโรงเรียนมีรูปดาราคนโปรดในแฟ้ม นายหว่องมีรูปกีตาร์ของเอริค แคลปตัน นายหว่องรักเพลงร็อค บลูส์ และโซล และนักร้องแจ๊สอย่างนีน่า ซิโมนและเอลลา ฟิตซ์เจอรัลด์ และการที่เลือกสหรัฐอเมริกาเพื่อศึกษาต่อ เนื่องจากเป็นบ้านของนักดนตรีคนโปรดของเขา

    ที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสัน เขายังออกไปเที่ยวกับรูมเมทชาวอเมริกันด้วย

    นอกจากนี้นายหว่องยังรักสุนัข ซัมเมอร์ สุนัขโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ อายุ 16 ปีของเขา ตายในเดือนกรกฎาคม 2563 ในปี 2554 เขาเขียนเรื่องสุนัขของเขา “golden gilr” และโพสต์ใน Facebook ว่า “มีบางอย่างที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับพฤติกรรมของสุนัข พวกมันกินอย่างเอร็ดอร่อย เล่นอย่างลิงโลดและรักอย่างล้นเหลือ พวกมันช่วยฟื้นฟูเราให้อัศจรรย์ใจในหลายๆ ด้าน เป็นแรงบันดาลใจให้เรามองสิ่งต่าง ๆ จากมุมมองใหม่ และทำให้เราซาบซึ้งกับพรที่เรียบง่ายมากมายของชีวิตได้ดีขึ้น”

  • สุนทรพจน์สำคัญ
    หลังการเลือกตั้งทั่วไปปี 2020 นายหว่องเป็นผู้จัดงานแถลงข่าวเพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นจากการสำรวจโครงสร้างและการทำงานของพรรค PAP

    นายหว่องเป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารกลางที่มีหน้าที่ตัดสินใจระดับสูงของพรรค และที่ปรึกษาของเวทีนโยบาย PAP ซึ่งจัดการเสวนาเป็นประจำสำหรับสมาชิกพรรคทัวไปที่ไม่ได้มีตำแหน่งบริหาร เพื่อให้ผู้นำรัฐบาลมีส่วนร่วมในนโยบาย

    “สิ่งที่ผมทำวันนี้ ซึ่งอาจเป็นใครก็ได้ในพวกเรา ผมไม่คิดว่าคุณต้องให้ความสำคัญว่าใครคือโฆษก” นายหว่องกล่าว จากนั้นย้ำว่า รัฐบาลมุ่งเน้นที่การทำให้สิงคโปร์ผ่าน วิกฤติการณ์โควิด-19 และคำถามเรื่องการสืบทอดตำแหน่งทางการเมืองควรเป็นเรื่องที่ดำเนินการในภายหลัง

    ในเดือนมกราคม2564 นายหว่องกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสำคัญของ Institute of Policy Studies (IPS) โดยกล่าวถึงประเด็นสำคัญของความไม่เท่าเทียมกันและการมีคุณธรรม ความยั่งยืน และความสามัคคีของสังคม

    หลังจากนั้นนายหว่องได้ร่วมเป็นวิทยากรในเวทีเสวนาเกี่ยวกับเชื้อชาติและการเหยียดเชื้อชาติในเดือนมิถุนายน และการเมืองเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์และอัตลักษณ์ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นปีที่ปัญหาเหล่านี้ปรากฏในสิงคโปร์ผ่านเหตุการณ์ที่มีการเผยแพร่อย่างกว้างขวาง

    การกล่าวสุนทรพจน์ในเดือนมิถุนายนของเขาได้รับการยกย่องในบางแวดวง เพราะมีการนำเสนอแนวคิดที่ก้าวหน้าและก้าวหน้ากว่าปกติในหัวข้อที่มีการโต้เถียงกันบ่อยครั้ง

    จากนั้นเขาให้คำมั่นว่ารัฐบาลจะมีส่วนร่วมกับชาวสิงคโปร์ต่อไปและปรับปรุงนโยบายด้านเชื้อชาติและความสามัคคีทางเชื้อชาติ

    “ไม่มีชุมชนใดได้ทุกสิ่งที่ต้องการ แต่โดยรวมแล้ว เราประสบความสำเร็จร่วมกันมากกว่า สิ่งที่เราจะได้รับจากการมุ่งความสนใจไปที่วาระส่วนตัวของเรา” นายหว่องกล่าว