สรรพสามิตจับมือตำรวจ ปูพรมกวาดล้าง ‘บุหรี่เถื่อน’ ทั่วประเทศ ตรวจค้น 4 จุด – ที่ทำการไปรษณีย์ ยึดบุหรี่หนีภาษีได้ 47,969 ซอง ประเมินค่าปรับกว่า 46 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 ดร.นิตยา โสรีกุล รองอธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต กล่าวถึงความคืบหน้าในการปราบปรามและจับกุมขบวนการผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 โดยเฉพาะการปราบปรามบุหรี่เถื่อนตามนโยบายของ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต ที่มีความมุ่งมั่นในการขจัดขบวนการค้าบุหรี่เถื่อนอย่างเคร่งครัด และได้มีการปฏิบัติงานในรูปแบบการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันและปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายสรรพสามิต ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง โดยเฉพาะผู้กระทำผิดที่เป็นกลุ่มกระบวนการรายใหญ่ และการซื้อขายสินค้าผ่านทางระบบออนไลน์ที่เป็นที่นิยมและแพร่หลายในปัจจุบัน
ดร.นิตยา กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมสรรพสามิตได้มีการยกระดับการปฏิบัติงานเชิงรุกมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การเปิดศูนย์ปราบปรามสินค้าออนไลน์ การนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการปฏิบัติงาน ตามยุทธศาสตร์ EASE Excise ในการยกระดับการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายที่มีการลักลอบนำเข้า โดยไม่ได้เสียภาษี โดยใช้เครื่องเอกซเรย์ช่วยในการตรวจสอบ ณ สำนักงานไปรษณีย์ ศูนย์คัดแยกกระจายสินค้าเอกชน เพื่อตรวจสอบรถขนส่งสินค้าที่มาจากพื้นที่เสี่ยง และเป็นการตัดตอนเส้นทางการส่งสินค้า ตั้งแต่ต้นทางในพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ อาทิเช่น ภาคเหนือที่จังหวัดนครสวรรค์ ภาคใต้ที่จังหวัดสงขลา และจังหวัดชุมพร และภาคตะวันออกที่จังหวัดชลบุรี และจังหวัดปราจีนบุรี รวมถึงได้จัดทำแผนเฉพาะกิจปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตที่มีการระดมเจ้าหน้าที่ทั่วประเทศลงพื้นที่ ตรวจสอบปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพื้นที่เป้าหมาย ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร เขตปริมณฑล และเขตพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ

ผลจากการปฏิบัติงานการปราบปรามเชิงรุกของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปราม สำนักตรวจสอบป้องกันและปราบปรามและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปราม สำนักงานสรรพสามิตภาค ที่มีการลงพื้นที่ปูพรมปราบปราม ผู้กระทำผิดทั่วประเทศ ทำให้ตั้งแต่วันที่ 20 – 21 กุมภาพันธ์ กรมสรรพสามิตสามารถจับผู้ลักลอบค้าบุหรี่เถื่อนรายใหญ่ได้ใน 4 พื้นที่ รายละเอียด ดังนี้
1. วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 8, เจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยชุดเฉพาะกิจของพื้นที่นครศรีธรรมราช, สายตรวจปราบปรามภาคที่ 8, สายตรวจปราบปรามสาขาทุ่งสง ร่วมบูรณาการในการปฏิบัติงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด กก.ปพ.บก.สสภ. 8 จับกุมคดียาสูบ จำนวน 1 คดี รวมของกลางบุหรี่ซิกาแรตทั้งสิ้น 20,750 ซอง ประมาณค่าปรับ 19,546,500 บาท โดยสถานที่เกิดเหตุตำบลชะอวด อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช มีรายละเอียดของกลางในคดี ดังนี้
-
(1) บุหรี่ซิกาแรตต่างประเทศ ขนาดบรรจุซองละ 20 มวน (ของกลางมีทั้งหมด 17 รายการ) จำนวน 18,750 ซอง
(2) บุหรี่ซิกาแรต ยี่ห้อ SMS Red ขนาดบรรจุซองละ 20 มวน จำนวน 1,500 ซอง
(3) บุหรี่ซิกาแรต ยี่ห้อ Wonder S Green ขนาดบรรจุซองละ 20 มวน จำนวน 500 ซอง
(4) รถยนต์นั่งยี่ห้อ Honda jazz จำนวน 1 คัน
(5) กุญแจรถยนต์ จำนวน 1 ชุด
2. วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 8 พร้อมด้วยสายตรวจปราบปรามภาคที่ 8, ชุดเฉพาะกิจของพื้นที่นครศรีธรรมราช ร่วมกันบูรณาการในการปฏิบัติงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุด กก.ปพ.บก.สสภ. 8 ร่วมกันตรวจยึดของกลางในคดี (ไม่มีตัวผู้กระทำผิด) รวมของกลางบุหรี่ซิกาแรตทั้งสิ้น 16,000 ซอง ประมาณการค่าปรับ 15,011,313 บาท โดยสถานที่เกิดเหตุที่ทำการไปรษณีย์ตำบลชะอวด อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช มีรายละเอียดของกลาง ดังนี้
-
(1) บุหรี่ซิกาแรต ยี่ห้อกรองทิพย์ 90 ขนาดบรรจุซองละ 20 มวน จำนวน 2,000 ซอง
(2) บุหรี่ซิกาแรต ยี่ห้อ Wonder S Green ขนาดบรรจุซองละ 20 มวน จำนวน 500 ซอง
(3) บุหรี่ซิกาแรตต่างประเทศ (ของกลางจำนวน 9 รายการ) จำนวน 13,500 ซอง
3. วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่นครสวรรค์ บูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกับสำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม ตรวจสอบสินค้ายาสูบที่ส่งผ่านศูนย์ไปรษณีย์นครสวรรค์ เพื่อกระจายสินค้าไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ตรวจยึดพัสดุสินค้ายาสูบที่ไม่ได้ชำระภาษีสรรพสามิต รวมของกลางบุหรี่ซิกาแรตทั้งสิ้น 8,860 ซอง โดยกรมสรรพสามิตร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ส่งพัสดุสินค้ายาสูบ ข้อหามีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี ตามมาตรา 204 (1) ประมาณการค่าปรับ 7,673,540 บาท โดยมีรายละเอียดของกลาง ดังนี้
-
(1) บุหรี่ซิกาแรต ยี่ห้อ กรองทิพย์ 90 ซองแข็ง จำนวน 180 ซอง
(2) บุหรี่ซิกาแรต ยี่ห้อกรองทิพย์ 90 ซองธรรมดา จำนวน 4,490 ซอง
(3) บุหรี่ซิกาแรต ยี่ห้อ TEXAS 5 จำนวน 3,990 ซอง
(4) บุหรี่ซิกาแรต ยี่ห้อ CAPITAL จำนวน 200 ซอง
4. วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 สำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม ฝ่ายป้องกันและปราบปราม 3 สายตรวจสรรพสามิตที่ 3.3 บูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และสถานีตำรวจนครบาลวังทองหลาง จับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิต จำนวน 1 ราย คดียาสูบบุหรี่ซิการ์ต่างประเทศ ของกลางจำนวน 2,359 ซอง ข้อหามีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี ตามมาตรา 204 (1) ประมาณการค่าปรับ 3,892,350 บาท
ดร.นิตยา กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมสรรพสามิตได้ให้ความสำคัญในการปราบปราม และจับกุมขบวนการค้าบุหรี่เถื่อนและผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 อย่างเคร่งครัด ซึ่งสินค้าเหล่านี้หากเล็ดลอดไปได้จะสร้างความเสียหายให้กับรัฐเป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของความชอบธรรมต่อผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริต รวมถึงการดูแลความปลอดภัยด้านสุขภาพของพี่น้องประชาชนชาวไทยจากการได้รับสินค้าปลอมที่อาจส่งผลต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชน
ทั้งนี้ หากประชาชนท่านใดทราบเบาะแส หรือ พบเห็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตสามารถแจ้งโดยตรงได้ที่กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทุกแห่งทั่วประเทศหรือสายด่วน 1713 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ อีเมล์ [email protected]