ThaiPublica > สู่อาเซียน > จาก”เล่าก์ก่าย” สู่ … “เมียวดี”?

จาก”เล่าก์ก่าย” สู่ … “เมียวดี”?

12 มกราคม 2024


ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์ รายงาน

ประชุมผ่านระบบออนไลน์ ระหว่างทีมงานของ พล.ท.หย่าหญิ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย เมียนมา กับ หวัง เสี่ยวหง รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ ของจีน

เวลา 18.00 น. วันที่ 5 มกราคม 2567 ที่ห้องประชุมกระทรวงมหาดไทย เมียนมา ในกรุงเนปิดอ พล.ท.หย่าปญิ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะได้ร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์กับ หวัง เสี่ยวหง รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ ของจีน

หนึ่งในหัวข้อหลักที่ 2 ฝ่ายร่วมพูดคุยกัน คือ ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ การกวาดล้างธุรกรรมฉ้อโกงทางออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ บ่อนการพนันออนไลน์ รวมถึงการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนเมียนมา-จีน

การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นเพียง 1 วัน หลังทหารพม่ากว่า 2,000 คน จากกองบัญชาการภูมิภาคที่ดูแลพื้นที่พิเศษหมายเลข 1 เขตปกครองตนเองชนชาติโกก้าง ในภาคเหนือของรัฐฉาน ยอมวางอาวุธ และถอนตัวออกจากเขตปกครองตนเองโกก้าง เพื่อเปิดทางให้ทหารจากกองทัพโกก้าง(MNDAA) ได้เข้าควบคุมพื้นที่ทั้งหมดในเขตปกครองตนเองโกก้างอย่างเบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะในเมืองเล่าก์ก่าย ซึ่งเป็นเมืองเอก

การถอนตัวของทหารพม่าครั้งนี้ อาจถือเป็นการปิดฉากการสู้รบยาวนาน 14 ปี ระหว่างกองทัพพม่าและทหารโกก้างที่ยอมแปรสภาพเป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดน(BGF) ภายใต้การกำกับของกองทัพพม่า กับ MNDAA ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธของชาวโกก้างแต่ดั้งเดิม แต่ถูกกองทัพพม่าบีบให้ถอนตัวออกจากเขตปกครองตนเองโกก้างตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2552

MNDAA ยุคปัจจุบัน บัญชาการโดย “เผิง เต๋อเหริน” หรือ “เผิง ต้าชุน” ลูกชายของ “เผิง จาเซิง” อดีตประธานเขตปกครองตนเองโกก้าง ที่เสียชีวิตไปแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565

รวมถึงเป็นการบรรลุวัตถุประสงค์สำคัญประการหนึ่งของ “ปฏิบัติการ 1027” ที่ MNDAA ร่วมกับกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์อีก 2 กลุ่ม ได้แก่ กองทัพตะอั้ง(TNLA) และกองทัพอาระกัน(AA) ที่รวมตัวกันในนามพันธมิตรภาคเหนือ เปิดสงครามสู้รบกับกองทัพพม่าหลายพื้นที่ในภาคเหนือของรัฐฉานมาตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2566

เป้าหมายหลักที่พันธมิตรภาคเหนือประกาศไว้ในการเปิดปฏิบัติการ 1027 คือการปราบปรามแก๊งฉ้อโกงทางออนไลน์ ที่ดำเนินการโดยเหล่าอาชญากรชาวจีนหรือแก๊ง “จีนเทา” ซึ่งเข้ามาใช้พื้นที่ชายแดนรัฐฉาน-จีน เป็นแหล่งประกอบอาชญากรรม โดยมีเมืองเล่าก์ก่ายเป็นศูนย์กลาง

ส่วนหนึ่งของทหารกองกำลังพิทักษ์ชายแดน(BGF) ในรัฐกะเหรี่ยง ที่มาภาพ : สำนักข่าว Karen News

พันธมิตรภาคเหนือให้เหตุผลว่าจีนเทาเหล่านี้ได้รับความร่วมมือจากผู้บริหารชุดเก่าของเขตปกครองตนเองโกก้างและทหารโกก้างที่เป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดน(BGF) โดยมีนายทหารพม่าบางคนให้การสนับสนุน เพราะได้รับผลประโยชน์จากอาชญากรรมที่เหล่าจีนเทาก่อขึ้น

ปัจจุบัน กลุ่มของผู้บริหารเขตปกครองตนเองโกก้างชุดเดิมได้หลบหนีออกจากพื้นที่ไปแล้ว เพราะถูกทางการจีนออกหมายจับ การบริหารเขตปกครองตนเองโกก้างได้ถูกเปลี่ยนมือมาอยู่กับ MNDAA ซึ่งต้องคอยดูต่อไปว่าหลังจากนี้ MNDAA จะมีแนวทางพัฒนาเขตปกครองตนเองโกก้างไปในทิศทางใด

อย่างไรก็ตาม การฉ้อโกงทางออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ บ่อนการพนันออนไลน์ รวมถึงอาชญากรรมอื่นๆที่แก๊งจีนเทาได้มาลงหลักปักฐานไว้ตามชายแดนเมียนมาตลอดหลายปีมานี้ มิได้มีเฉพาะบริเวณชายแดนรัฐฉาน-จีน เท่านั้น!

……

ศูนย์บันเทิงครบวงจรที่เปิดอยู่ริมแม่น้ำเมยในฝั่งเมืองเมียวดี แหล่งรวมธุรกิจสีเทาหลากหลายชนิดของเหล่าจีนเทาที่ปักหลักอยู่ในพื้นที่มานานนับปี ที่มาภาพ : จากคลิปข่าวของสถานีวิทยุเอเซียเสรี ภาคภาษาพม่า

ทางการจีนได้เอาจริงเอาจังกับการกวาดล้างอาชญากรรมฉ้อโกงทางออนไลน์ที่เกิดขึ้นในเมียนมาโดยฝีมือแก๊งจีนเทามาตั้งแต่กลางปี 2566

รายงานล่าสุดจากสถานีโทรทัศน์ CCTV ของจีนเมื่อไม่นานมานี้ระบุว่า นับแต่เดือนสิงหาคมจนถึงสิ้นปี 2566 มีการส่งตัวอาชญากรชาวจีนเทาที่ถูกจับได้ในเมียนมากลับไปดำเนินคดีและรับโทษในจีนรวมแล้วถึง 41,000 คน อย่างไรก็ตาม ตลอดปีที่แล้ว ภาพ-ข่าวการจับกุมและส่งตัวแก๊งจีนเทาข้ามชายแดนกลับไปยังจีนที่ปรากฏตามสื่อของเมียนมา เป็นกลุ่มจีนเทาที่เข้ามาประกอบอาชญากรรมบริเวณชายแดนรัฐฉาน-จีน เป็นส่วนใหญ่

ขณะที่บริเวณชายแดนเมียนมา ยังมีอีกพื้นที่หนึ่งที่เหล่าจีนเทาได้เข้ามาปักหลักทำมาหากินอย่างเป็นล่ำเป็นสันมานานหลายปีแล้ว คือชายแดนจังหวัดเมียวดี ในรัฐกะเหรี่ยง ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้มีความใกล้ชิดกับประเทศไทยและคนไทยมากที่สุด เพราะอยู่ตรงข้ามกับอำเภอแม่สอด แม่ระมาด และอีกหลายอำเภอของจังหวัดตาก ภาคตะวันตกของไทย โดยมีเพียงแม่น้ำเมยเป็นเส้นกั้นพรมแดน

รูปแบบธุรกิจของจีนเทาในเมืองเมียวดีมีหลายส่วนที่คล้ายคลึงกับจีนเทาในเมืองเล่าก์ก่ายที่เพิ่งถูกกวาดล้างลงไป โดยผู้มีอำนาจอนุมัติให้จีนเทาเหล่านี้เข้ามาใช้พื้นที่สร้างอาณาจักรใหญ่โตอยู่ในเมืองเมียวดี คือทหารกะเหรี่ยงที่เข้าร่วมกับกองทัพพม่า ยอมแปรสภาพตัวเองมาเป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดน(BGF) เพื่อแลกกับผลประโยชน์จากธุรกิจของจีนเทา

ขณะที่ทหารกะเหรี่ยงส่วนใหญ่ โดยเฉพาะกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง(KNLA) ในสังกัดสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง(KNU) ยังคงสู้รบกับกองทัพพม่าอยู่บริเวณรอบนอกเมืองเมียวดี และตามแนวทางหลวงเอเซียหมายเลข 1(AH1) ตั้งแต่เมียวดีไปถึงเมืองกอกะเรก ซึ่งเป็นเส้นทางหลักสำหรับขนส่งสินค้าที่ไทยและเมียนมาซื้อขายกันผ่านด่านชายแดนเมียวดี-แม่สอด

พล.ท.จักรพงษ์ จันทร์เพ็งเพ็ญ เจ้ากรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย นำคณะเดินทางไปประชุมร่วมกับาคณะของ พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ที่กรุงเนปิดอ

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2566 พล.ท.จักรพงษ์ จันทร์เพ็งเพ็ญ เจ้ากรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย นำคณะเดินทางไปกรุงเนปิดอ เพื่อเข้าพบกับ พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ประธานสภาบริหารแห่งรัฐ(SAC) ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองทัพพม่า โดย พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ได้เปิดห้องรับรองบุเรงนองให้การต้อนรับและร่วมประชุมกับคณะตัวแทนจากกองทัพไทย

ตัวแทนระดับสูงจากกองทัพพม่าที่เข้าประชุม นอกจาก พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่ายแล้ว ยังมี พล.ท.แยวินอู หัวหน้าสำนักงานผู้บัญชาการทหารสูงสุด และเลขานุการร่วม สภาบริหารแห่งรัฐ ส่วนฝั่งกองบัญชาการกองทัพไทย นอกจาก พล.ท.จักรพงษ์แล้ว ยังมี พ.อ.ธันวิทย์ ยมจินดา ทูตทหารไทยประจำเมียนมา

หัวข้อที่ทั้งสองฝ่ายร่วมพูดคุยหารือกัน คือความร่วมมือในการปราบปราบและกวาดล้างอาชญากรรมฉ้อโกงทางออนไลน์ บ่อนการพนันออนไลน์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ตามริมแม่น้ำเมยฝั่งเมืองเมียวดี รวมถึงเรื่องการค้าระหว่างไทยและเมียนมาผ่านด่านชายแดนเมียวดี-แม่สอด โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยในการขนส่งสินค้าจากชายแดนเมียวดีเข้าไปในเมียนมา

สื่อในเมียนมา โดยเฉพาะ The Global New Light of Myanmar สื่อทางการของรัฐบาล มีรายงานข่าวการประชุมร่วมกันของตัวแทนจากกองทัพไทยและพม่าครั้งนี้ แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดหรือข้อสรุปที่อย่างเป็นรูปธรรมที่ได้จากการประชุม…

ข่าวการประชุมระหว่างตัวแทนกองทัพไทยและพม่า เรื่องความร่วมมือในการปราบปราบธุรกิจสีเทาในเมียวดี

ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน 2566 หลังพันธมิตรภาคเหนือเปิดปฏิบัติการ 1027 ไปแล้วประมาณ 1 เดือน เริ่มมีกระแสข่าวว่าพื้นที่ชายแดนจังหวัดเมียวดีของรัฐกะเหรี่ยง คือเป้าหมายถัดไปของการกวาดล้างจีนเทา

บรรยากาศในเมืองเมียวดี รวมถึงในตัวเมืองแม่สอด จังหวัดตากของไทย ช่วงต้นเดือนธันวาคม 2566 ตกอยู่ภายใต้ความวิตกกังวล ไม่รู้ว่าปฏิบัติการกวาดล้างจีนเทาชายแดนเมียวดีจะรุนแรงเหมือนที่เกิดขึ้นในเมืองเล่าก์ก่ายหรือไม่ เพราะขณะที่ด้านบน บริเวณชายแดนรัฐฉาน-จีน กำลังมีการสู้รบกันอย่างหนัก ชาวบ้านนับหมื่นนับแสนคน บาดเจ็บ ล้มตาย ไร้ที่อยู่อาศัย แต่ธุรกิจของจีนเทาบริเวณชายแดนรัฐกะเหรี่ยง-ไทย ยังคงเปิดให้บริการอยู่

เดือนธันวาคม 2566 สื่อออนไลน์ในเมียนมาหลายแห่ง เช่น วิทยุเอเซียเสรีภาคภาษาพม่า หรือ Myanmar Pressphoto Agency ล้วนมีรายงานเรื่องราวเกี่ยวกับจีนเทาในเมืองเมียวดี บอกเล่าถึงรูปแบบการทำธุรกิจที่ไม่แตกต่างจากจีนเทาในเมืองเล่าก์ก่าย

ตามเนื้อข่าวระบุว่า มีอย่างน้อย 8 พื้นที่ของเมืองเมียวดีที่ได้ถูกใช้เป็นที่ตั้งธุรกิจของสีเทาในรูปแบบศูนย์รวมความบันเทิง ภายในมีทั้งคาสิโน ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ร้านคาราโอเกะ รวมถึงถูกใช้เป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซนเตอร์ และบ่อนการพนันออนไลน์ โดยทุกพื้นที่ได้รับการดูแลโดยทหารกะเหรี่ยงที่เป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดน(BGF)

กิจการของจีนเทาที่คนไทยรู้จักมากที่สุดคือ เมืองใหม่ฉ่วยก๊กโก ที่บ้านก๊กโกทางตอนเหนือของตัวเมืองเมียวดี ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับอำเภอแม่สอดและแม่ระมาด จังหวัดตาก

มีคนที่ทำงานอยู่กับกิจการของจีนเทาในเมืองเมียวดีหลายพันคน มีทั้งคนสัญชาติเมียนมา และชาวต่างชาติ ซึ่งส่วนหนึ่งก็คือคนไทย ทุกคนล้วนถูกจูงใจให้ข้ามไปทำงานด้วยตัวเลขผลตอบแทนในอัตราที่สูงมาก แต่ส่วนใหญ่ถูกบังคับให้อยู่แต่ภายในสถานที่ทำงาน ห้ามติดต่อสื่อสารกับบุคคลภายนอกแม้กระทั่งญาติมิตร แต่หากใครไม่สามารถทำงานได้ตามเป้าที่ตกลงกันไว้ ต้องถูกกักขัง อดอาหาร บางคนถูกทำร้าย หรือรุนแรงถึงขั้นถูกทรมาน

กระแสข่าวการเตรียมกวาดล้างจีนเทาในเมืองเมียวดีที่หนาหูขึ้นอย่างมากในเดือนธันวาคม 2566 สร้างแรงกดดันให้กับทุกคนที่ทำงานอยู่กับพวกจีนเทา รวมถึงชาวบ้านทั่วไป ทั้งที่อาศัยอยู่ในฝั่งเมืองเมียวดีหรือฝั่งแม่สอด

วันที่ 4 ธันวาคม 2566 สำนักข่าว Karen News รายงานว่า กองกำลังพิทักษ์ชายแดน(BGF) ในเมียวดี ได้เกณฑ์คนหนุ่มที่อาศัยอยู่ตามชุมชนโดยรอบเมืองใหม่ฉ่วยก๊กโก เข้าเป็นทหารใหม่ เพื่อเตรียมตั้งรับการถูกบุกโจมตี ซึ่งตามเนื้อข่าวคาดว่าจะเป็นการบุกโดยกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง(KNLA) และกองกำลังติดอาวุธ(PDF) ของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ(NUG) ที่เคลื่อนไหวอยู่ในรัฐกะเหรี่ยง

ส่วนทางฝั่งไทย มีหลายคนตั้งข้อสังเกตุถึงการเดินทางเข้ามาอย่างคึกคักของชาวต่างชาติในพื้นที่อำเภอแม่สอดในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2566 ชาวต่างชาติเหล่านี้มีทั้งคนจีนและฝรั่ง ซึ่งดูแล้วไม่เหมือนกับนักท่องเที่ยวทั่วไป ชุมชนออนไลน์ในแม่สอดเริ่มพูดคุย คาดคะเนกันว่า ทางการจีนได้ส่งตำรวจจีนจำนวนหนึ่งเข้ามาในพื้นที่อำเภอแม่สอดแล้ว เพื่อเตรียมข้ามไปปฏิบัติการกวาดล้างจีนเทาในเมียวดีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามร่วมกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น

วันที่ 11 ธันวาคม 2566 เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู อำเภอแม่สอด(ฉก.ร.4) และตำรวจประจำจุดตรวจความมั่นคงบ้านห้วยหินฝน ตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด ที่อยู่บนเส้นทางสายแม่สอด-อำเภอเมือง จังหวัดตาก สามารถตรวจยึดรถยนต์ และจับกุมคนบนรถเป็นชาย 2 คน พร้อมของกลางเป็นอุปกรณ์สื่อสารจำนวนหนึ่งที่ใช้กันในแก๊งคอลเซ็นเตอร์

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลไปตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านนภาดล ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด พบอุปกรณ์สื่อสารอีกหลายรายการ เจ้าของบ้านอ้างว่ามีคนรู้จักกันนำมาฝากไว้ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ จึงได้ประสานกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดตาก และตำรวจสถานีตำรวจภูธรแม่สอด สืบสวนสอบสวนต่อไป

พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจราชมนู เปิดเผยว่า การตรวจค้นจับกุมครั้งนี้ เนื่องจากในทางการข่าว สืบทราบว่าจะมีการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์สื่อสาร รวมถึงวัสดุ-ชิ้นส่วนที่ใช้หลอกลวงประชาชนของจีนเทา แก๊งคอลเซ็นเตอร์จากฝั่งเมียวดีเข้ามาในประเทศไทย และขนส่งต่อไปเก็บไว้ที่กรุงเทพ เพราะกลัวการกวาดล้างใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น จึงได้สนธิกำลังวางแผนเข้าสกัดจับกุม

มีรายงานว่า ตลอดเดือนธันวาคม 2566 มีกลุ่มคนจีนที่หลบหนีออกจากเมืองเมียวดี ลักลอบข้ามชายแดนเข้ามาในประเทศไทยหลายระลอก แต่ไม่ค่อยปรากฏออกมาเป็นข่าวมากนัก

ศูนย์บันเทิงครบวงจรที่เปิดอยู่ริมแม่น้ำเมยในฝั่งเมืองเมียวดี แหล่งรวมธุรกิจสีเทาหลากหลายชนิดของเหล่าจีนเทาที่ปักหลักอยู่ในพื้นที่มานานนับปี ที่มาภาพ : จากคลิปข่าวของสถานีวิทยุเอเซียเสรี ภาคภาษาพม่า

ล่าสุด เพจข่าว Maesaipress รายงานว่า ช่วงบ่ายของวันที่ 3 มกราคม 2567 บริเวณบ้านสันทรายกองงาม ตำบลบ้านแซว อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งสนธิกำลังกันจากหลายหน่วยงาน ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ได้สกัดจับรถกระบะสีดำไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน บนรถมีชายชาวไทย ที่เป็นชาวอำเภอเชียงของ ซึ่งเป็นคนขับ กับชายชาวจีนอีก 3 คน แต่ทั้งหมดไม่แสดงหนังสือเดินทาง

จากการสอบสวนได้ขยายผลไปตรวจสอบยังโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเชียงแสน สามารถจับกุมชายชาวจีน อายุระหว่าง 18–33 ปี ได้อีก 10 คน พักอยู่ในห้องพักรวม 4 ห้อง และหญิงชาวไทยอีก 1 คน ที่เป็นผู้เปิดห้องพักให้กับชาวจีนเหล่านี้

จากการสอบสวน พบว่าชาวจีนทั้ง 13 คน แอบข้ามมาจากเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง จากนั้นลักลอบเดือนทางในฝั่งไทย เพื่อจะข้ามแม่น้ำโขงไปยังเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ในเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ของลาว เจ้าหน้าที่จึงได้ตั้งข้อหาชาวจีนทั้งหมดว่า เป็นต่างด้าว เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต

……

จากความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นตลอดเดือนธันวาคม 2566 ต่อเนื่องถึงต้นเดือนมกราคม 2567 เชื่อได้ว่า ไม่ช้าก็เร็ว การกวาดล้างธุรกิจฉ้อโกงทางออนไลน์ของแก๊งจีนเทาในเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง จะต้องเกิดขึ้น

แต่รูปแบบการกวาดล้างจะรุนแรงมากน้อยเพียงใด จะมีผลกระทบต่อพื้นที่ชายแดนของประเทศไทยเพียงใด และทางการไทย โดยเฉพาะหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ มีแผนการตั้งรับไว้อย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องรอดู…