ThaiPublica > ข่าวประชาสัมพันธ์ > มิตซูบิชิ พาวเวอร์ เดินเครื่องกังหันก๊าซขั้นสูงสำเร็จ จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงร่วมไฮโดรเจน 30% พร้อมเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้า

มิตซูบิชิ พาวเวอร์ เดินเครื่องกังหันก๊าซขั้นสูงสำเร็จ จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงร่วมไฮโดรเจน 30% พร้อมเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้า

13 ธันวาคม 2023


ข่าวประชาสัมพันธ์

มิตซูบิชิ พาวเวอร์ ประสบความสำเร็จในการเดินเครื่องกังหันก๊าซขั้นสูง ด้วยการเผาไหม้เชื้อเพลิงร่วมกับไฮโดรเจน 30% ที่ T-Point 2 ที่เชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้า

  • การใช้เชื้อเพลิงร่วมกับไฮโดรเจนที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นโหลดการทำงานแบบไม่เต็มประสิทธิภาพไปจนถึงการทำงานแบบเต็มประสิทธิภาพกับกังหันก๊าซ M501JAC 1,650°C คลาส ที่ล้ำสมัย
  • รับรองการปล่อยไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ในระดับต่ำและมีการเผาไหม้ที่เสถียรโดยใช้”ห้องเผาไหม้แห้งที่ปล่อยไนโตรเจนออกไซด์ต่ำ (DLN)” ที่มีเชื้อเพลิงไฮโดรเจน 30% ผสมกับก๊าซธรรมชาติ
  • ใช้ทากาซาโงะ ไฮโดรเจน พาร์ค เพื่อดำเนินการเผาไหม้เชื้อเพลิงร่วมตั้งแต่การผลิตไฮโดรเจนไปจนถึงการใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า

    ประเทศไทย, วันที่ 13 ธันวาคม 2566 – มิตซูบิชิ พาวเวอร์(Mitsubishi Power) แบรนด์โซลูชั่นด้านพลังงานของบริษัทมิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ จำกัด (MHI) ประสบความสำเร็จในการดำเนินการสาธิตใช้เชื้อเพลิงผสม ระหว่างไฮโดรเจน 30%(อัตราส่วนปริมาณไฮโดรเจนแสดงเป็นอัตราส่วนปริมาตร) และก๊าซธรรมชาติในการเดินเครื่องทั้งแบบไม่เต็มประสิทธิภาพและเต็มประสิทธิภาพของกังหันก๊าซระบายความร้อนด้วยอากาศรุ่น J-Series (JAC) ชนิด 1,650°C ที่ล้ำสมัยและเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้า การสาธิตดังกล่าวเกิดขึ้นที่โรงไฟฟ้าพลังงานร่วม T-Point 2 โดยมีอัตราการผลิตไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 566 เมกะวัตต์ (MW) ภายในทากาซาโงะ ไฮโดรเจน พาร์ค ซึ่งอยู่ภายในโรงงานเครื่องจักรทากาซาโงะ เมืองทากาซาโงะ จังหวัดเฮียวโงะ ทางตอนกลางฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่น การสาธิตนี้ใช้ไฮโดรเจนที่ผลิตในทากาซาโงะ ไฮโดรเจน พาร์ค โดยเป็นการทดสอบการผลิตไฟฟ้าบนกังหันก๊าซขนาดใหญ่ครั้งแรกของโลกโดยใช้เชื้อเพลิงผสมไฮโดรเจน 30% ขณะเดียวกันก็เชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าในพื้นที่และใช้ไฮโดรเจนที่ผลิตและกักเก็บในสถานที่เดียวกัน ทากาซาโงะ ไฮโดรเจน พาร์ค เป็นโรงงานที่ทำให้การตรวจสอบการผลิต กักเก็บ และใช้ไฮโดรเจน (การผลิตไฟฟ้า) แบบบูรณาการสามารถเกิดขึ้นได้จริง ซึ่งมิตซูบิชิ พาวเวอร์จะยังคงใช้โรงงานแห่งนี้ต่อไปเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีกังหันก๊าซเผาไหม้ไฮโดรเจนและสนับสนุนการก้าวสู่สังคมที่เป็นกลางทางคาร์บอน

    การสาธิตดังกล่าวดำเนินการโดยใช้ห้องเผาไหม้แห้งที่ปล่อยไนโตรเจนออกไซด์ต่ำ (DLN) ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากโครงการหนึ่งที่ได้รับเงินอุดหนุนจากองค์กรพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานและอุตสาหกรรมใหม่ของญี่ปุ่น (NEDO) การสาธิตนี้ยังตอกย้ำถึงความสำเร็จในการปล่อยไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ในระดับต่ำและการเผาไหม้ที่เสถียรระหว่างการเผาไหม้เชื้อเพลิงร่วมกับไฮโดรเจน และช่วยยืนยันว่าการเปลี่ยนจากเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติมาใช้เชื้อเพลิงผสมไฮโดรเจนสามารถดำเนินการได้จริงในการเดินเครื่องแบบไม่เต็มประสิทธิภาพและเต็มประสิทธิภาพ

    ในปี 2567 มิตซูบิชิ พาวเวอร์มีแผนที่จะดำเนินการสาธิตการเผาไหม้ไฮโดรเจน 100% โดยใช้กังหันก๊าซขนาดเล็กถึงขนาดกลาง H-25 (ขนาด 40 เมกะวัตต์) ซึ่งได้มีการติดตั้งก่อนหน้านี้สำหรับระบบขับเคลื่อนคอมเพรสเซอร์ที่โรงงานทดสอบการเผาไหม้ในทากาซาโงะ ไฮโดรเจน พาร์ค นอกจากนี้มิตซูบิชิ พาวเวอร์จะเดินหน้าขยายโรงงานกักเก็บไฮโดรเจนและสาธิตการทำงานโดยใช้เชื้อเพลิงผสมไฮโดรเจน 50%

    Mr. Takashi Tozawa เจ้าหน้าที่อาวุโสและผู้จัดการทั่วไปอาวุโส แผนกธุรกิจพลังความร้อนร่วมกังหันก๊าซ (GTCC )Energy Systems ที่มิตซูบิชิ เฮฟวี่อินดัสตรี่ส์กล่าวว่า “เรามองว่าทากาซาโงะไฮโดรเจนพาร์คมีส่วนสำคัญในการผลักดันการผลิตพลังงานจากไฮโดรเจน โดยการยกระดับความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ผ่านกระบวนการตรวจสอบและมาตรการขับเคลื่อนเพื่อการใช้งานในเชิงพาณิชย์ที่รวดเร็ว การสาธิตการเผาไหม้เชื้อเพลิงร่วมกับไฮโดรเจน 30% ด้วยกังหันก๊าซ JAC นับเป็นก้าวสำคัญสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานที่ไม่เคยมีมาก่อน และเราภาคภูมิใจที่มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ มีโอกาสรับบทบาทที่สำคัญเช่นนี้”

    กลุ่มบริษัทมิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ ดำเนินการตามการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตขององค์กรตามคำประกาศ “MISSION NET ZERO” ซึ่งมีเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2583 กลุ่มบริษัทมิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ จะยังคงใช้ทากาซาโงะ ไฮโดรเจน พาร์คต่อไป เพื่อเร่งการพัฒนาและตรวจสอบอุปกรณ์จริงสำหรับเทคโนโลยีการผลิตไฮโดรเจนและการผลิตพลังงานไฟฟ้า กลุ่มบริษัทมิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ จะยังคงมีส่วนในการจัดหาพลังงานไฟฟ้าทั่วโลกอย่างมั่นคง และทำให้สังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนเกิดขึ้นจริงอย่างรวดเร็วโดยอาศัยผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงของบริษัท