
“อีอีซี” นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นชมโรงงานโตโยต้าบ้านโพธิ์ – ต้นแบบแห่งความยั่งยืน พร้อมสำรวจแหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชน “Unseen Bangkhla” เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 14 ก.พ.ปีหน้า – ตรวจเยี่ยม ‘เทคนิคสัตหีบ – มทร.ตะวันออก’ ตามความคืบหน้า “EEC Model” ผลิตเด็กอาชีวะสมรรถนะสูง ป้อนศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา – อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ – ออกแบบสายพานการผลิตแบบอัตโนมัติ เตรียมความพร้อมรองรับต่างชาติขนเงินลงทุนในพื้นที่อีอีซีตามเป้าหมายใหม่ 1 แสนล้านบาท/ปี
ในระหว่างวันที่ 14 – 15 ธันวาคม 2566 ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ “อีอีซี” นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกในจังหวัดฉะเชิงเทรา และจังหวัดชลบุรี โดยวันแรก นำคณะเข้าเยี่ยมชมโรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้า บ้านโพธิ์ ซึ่งเป็น 1 ใน 5 โรงงานต้นแบบแห่งความยั่งยืนของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด นอกจากโรงงานประกอบรถยนต์ที่ประเทศญี่ปุ่น , สหรัฐอเมริกา , อังกฤษ และฝรั่งเศส โดยโรงงานแห่งนี้มีเนื้อที่ทั้งหมด 2,500,000 ตารางเมตร แต่นำมาใช้ประกอบรถยนต์แค่ 760,000 ตารางเมตร หรือ คิดเป็นสัดส่วน 30% ของเนื้อที่ทั้งหมด ส่วนเหลืออีก 70% นำมาใช้ทำกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยลดการใช้พลังงาน , เพิ่มการใช้พลังงานทดแทน และขยายพื้นที่ปลูกป่าในพื้นที่ส่วนที่เหลือบริเวณรอบๆตัวโรงงาน เพื่อดูดซับคาร์บอน
นอกจากจะมีพื้นที่สีเขียวแล้ว โรงงานโตโยต้า บ้านโพธิ์ยังทำบ่อกักเก็บน้ำในปริมาณความจุ 60,000 คิว รองรับปริมาณน้ำฝน และน้ำที่ใช้แล้วนำกลับมารีไซเคิลใหม่ เพื่อลดการใช้น้ำแบบพึ่งพาตนเองได้ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนโรงงานแห่งนี้ ไม่ต้องใช้น้ำประปาเลย
ส่วนเรื่องการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นนั้น โรงงานโตโยต้า บ้านโพธิ์ ติดตั้งแผงโซลาร์รูฟท็อปบนหลังคาโรงงาน ผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ในกิจกรรมประกอบรถยนต์ได้ประมาณ 6.3 เมกะวัตต์ ด้านนอกของตัวโรงงานก็ติดตั้งแผงโซลาร์เซล หรือ “Solar Farm” มีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าอีก 6 เมกะวัตต์ รวมทั้งนำกระแสไฟฟ้าส่วนที่เหลือไปต่อเข้ากับเครื่อง Heater ผลิตพลังงานความร้อนเอาไปเก็บไว้ที่ถังทรายใช้ในกระบวนการผลิตต่อไป (C0-Generater)
นอกจากนี้ภายในโรงงานโตโยต้า บ้านโพธิ์ ยังได้ออกแบบกลไกอัตโนมัติ หรือที่เรียกว่า “Karakuri” ซึ่งเป็นกลไกพื้นฐานที่อาศัยหลักการทำงานของแรงโน้มถ่วงของโลก สปริง แม่เหล็ก ลูกรอก คาน และพื้นที่ลาดเอียง ติดตั้งในสายพานการผลิต เพื่อลดการใช้พลังงานและต้นทุนค่าใช้จ่าย โดยบริษัท โตโยต้าฯเข้ามาบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมให้กับโรงงานแห่งนี้ เพื่อไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2030
ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ อีอีซี กล่าวว่า การเยี่ยมชมโรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้าบ้านโพธิ์ ถือเป็นตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จเชื่อมประโยชน์จากการลงทุนในพื้นที่เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษของอีอีซี และส่งผลต่อเนื่องไปถึงการดูแลสิ่งแวดล้อม และสร้างประโยชน์ให้ชุมชน โดยโรงงานที่บ้านโพธิ์แห่งนี้ ได้สร้างการลงทุนเพื่อความยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับผลักดันคลัสเตอร์การลงทุนด้าน B-C-G ของอีอีซี เช่น ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Co-Generation) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการลดการใช้พลังงาน ออกแบบระบบจ่ายพลังงานแบบรวมศูนย์ (Centralized) สามารถบริหารจัดการด้านพลังงานได้อย่างคุ้มค่า ลดปริมาณปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูงถึง 8,500 ตันต่อปี อีกทั้งได้ต่อยอดลงทุนเพื่อยกระดับชุมชน อาทิ การสนับสนุนแหล่งน้ำสะอาดเพื่ออุปโภค บริโภค มีพื้นที่ปลูกป่าในโรงงานกว่า 60 ไร่ เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพ และความยั่งยืน เป็นต้น
ทั้งนี้ เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์อนาคตบ้านโพธิ์ ถือเป็นพื้นที่เขตส่งเสริม ฯ ที่สำคัญ สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ และเป็นรากฐานของการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) สนับสนุนให้เกิดการผลิตชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์อีวีในประเทศไทย สามารถสร้างธุรกิจใหม่ ๆ ใน Supply Chain ของรถยนต์อีวี และผลิตชิ้นส่วนที่ได้ตามมาตรฐานโลก ผลักดันให้อีอีซีก้าวสู่ “ศูนย์กลางลงทุนยานยนต์อีวีแห่งภูมิภาคนี้”

หลังจากนั้นทางสำนักงานอีอีซี นำคณะสื่อมวลชนลงเรือที่คลองท่าลาด อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ชมแหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชน หรือ “Unseen Bangkhla” ริมแม่น้ำบางปะกง โดยมีนายศิริชัย เผ่าบรรจง นายกเทศมนตรีตำบลบางคล้า เป็นมัคคุเทศก์ บรรยายข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ๆ อาทิ อนุสรณ์สถานพระสถูปเจดีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตั้งอยู่ในบริเวณปากน้ำโจ้โล้ ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เมื่อครั้งที่สมเด็จพระเจ้าตากสินตีฝ่าวงล้อมของพม่าออกจากกรุงศรีอยุธยาไปเข้าตีเมืองจันทบุรี เพื่อรวบรวมไพร่พลกลับมากอบกู้เอกราช ได้ปะทะกับทหารพม่าในบริเวณปากน้ำโจ้โล้ แต่ด้วยพระปรีชาของพระองค์สามารถรบชนะพม่าซึ่งมีกำลังเหนือกว่า และหลังจากที่พระองค์ทรงกอบกู้อิสรภาพจากพม่าได้สำเร็จ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระสถูปเจดีย์ขึ้นที่บริเวณนี้ เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะ นอกจากอนุสรณ์สถานพระสถูปเจดีย์ ฯ แล้ว บริเวณริมฝั่งแม่น้ำบางปะกงก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ อุโบสถสีทองเหลืองอร่ามที่วัดปากน้ำโจ้โล้ ,ชมค้างคาวแม่ไก่ขนาดใหญ่ห้อยหัวอยู่ตามกิ่งไม้เป็นจำนวนมากในบริเวณวัดโพธิ์ บางคล้า , ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง , ตลาดน้ำบางคล้า และไปจบทริปนี้ที่เทวสถานพระพิฆเนศ องค์ยืนสูง 39 เมตร ต.บางตลาด อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา โดยนายศิริชัย เผ่าบรรจง นายกเทศมนตรีตำบลบางคล้า ให้สัมภาษณ์ว่าทางเทศบาลตำบลบางคล้าจะแถลงข่าวเปิดตัวเส้นทางท่องเที่ยววิถีชุมชนริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง หรือ “Unseen Bangkhla” อย่างเป็นทางการในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567
วันที่ 15 ธันวาคม 2566 ดร.จุฬา นำคณะสื่อมวลชน เยี่ยมชมความก้าวหน้าโครงการผลิต และพัฒนาทักษะบุคลากร เพื่อรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และนวัตกรรมขั้นสูงในพื้นที่อีอีซี 2 แห่ง คือวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก จังหวัดชลบุรี ซึ่งตามแผนการพัฒนาบุคลากรภายใต้ EEC Model มี 2 รูปแบบ คือ EEC Model Type A ผลิตบุคลากรทักษะสูง โดยความร่วมมือของผู้ประกอบการ , สถาบันการศึกษาและองค์กรวิชาชีพ เข้ามาร่วมกันออกแบบหลักสูตรการเรียนการสอนให้ตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการ (demand driven) กับ EEC Model Type B ซึ่งมีหลักการเช่นเดียวกัน แต่เน้นไปที่หลักสูตรระยะสั้น (Short Course) พัฒนาทักษะให้กับบุคลากรของโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซี
โดยเริ่มจากวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นสถาบันอาชีวศึกษาที่พัฒนาหลักสูตร EEC Model Type A หรือ “สัตหีบโมเดล” มาภารกิจผลิตบุคลากรอาชีวะสมรรถนะสูง (ปวส.) ร่วมกับบริษัทชั้นนำหลายแห่งภายใต้หลักการ demand driven อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้ร่วมมือกับ BMW Ford และบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (E@) , อุตสาหกรรมอากาศยานร่วมกับ Senior Aero Space , บริษัทผลิตชิ้นส่วนอากาศยานจากอเมริกา , อุตสาหกรรมท่องเที่ยวผลิตบุคลากร ร่วมกับกลุ่มโรงแรมแอมบาสเดอร์ และ Holiday Inn Pattaya , อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ร่วมกับ Mitsubishi Electric และกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และแมคคาทรอนิกส์จับคู่กับบริษัท TKK และ TBKK เป็นต้น โดยผลการดำเนินงานของโครงการสัตหีบโมเดลในช่วงที่ผ่านมา พบว่า มีสถานประกอบการเข้าร่วมโครงการ 39 แห่ง มีผู้เรียนที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 778 คน ในจำนวนเป็นนักศึกษาที่จบการศึกษาได้ทำงานกับบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 470 คน ซึ่งตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน และมีรายได้ทันทีหลังการเรียนจบ
จากนั้น ดร.อรทัย โยธินรุ่งเรือง สุดสงวน ผู้อำนวยการวิทยาลัยสัตหีบ พาคณะผู้บริหารอีอีซีและสื่อมวลชนเยี่ยมชมแผนกวิชาช่างอากาศยาน (Aviation Maintenance Technician Department ภายใต้โครงการ Excellent Model School (EMS) ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือกันระหว่างสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา , วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ และบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมกันออกแบบหลักสูตรผลิตช่างซ่อม และผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน เพื่อรองรับศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก
สำหรับความคืนหน้าของโครงการลงทุนศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานสนามบินอู่ตะเภานั้น ดร.จุฬา กล่าวว่า “ตอนนี้อยู่ระหว่างการศึกษาทบทวนรูปแบบการลงทุนใหม่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปชัดเจนภายในไตรมาสแรกของปี 2567 จากนั้นก็จะออกประกาศเชิญชวนนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เข้ามาร่วมลงทุน (PPPs) ในพื้นที่ที่อีอีซีกันไว้ใช้ในโครงการนี้ประมาณ 200 ไร่ โดยหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้ประกอบการที่จะเข้ามาลงทุนในโครงการนี้จะแตกต่างจากโครงการอื่น ซึ่งที่ผ่านมาจะเน้นในเรื่องการเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้กับรัฐเป็นสำคัญ แต่สำหรับโครงการนี้จะเน้นไปที่อัตราค่าบริการซ่อมบำรุงอากาศยานเป็นหลัก โดยผู้ประกอบการรายใดเสนออัตราค่าบริการต่ำที่สุด เป็นผู้ชนะ ทั้งนี้ เพื่อเร่งรัดให้มีการลงทุนในโครงการนี้อย่างเป็นรูปธรรม และสามารถแข่งขันกับศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานในภูมิภาคนี้ได้”
จากนั้น ดร.จุฬา นำคณะสื่อมวลชนไปเยี่ยมชมศูนย์เครือข่ายการพัฒนาบุคลากรด้านเมคคาทรอนิกส์ หรือ “ENMEC” (EEC Networking of Mechatronics Excellence Center) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก (วิทยาเขตบางพระ) เป็นจุดสุดท้าย เพื่อติดตามความก้าวหน้าของโครงการพัฒนาทักษะบุคลากรภายใต้ “EEC Model” ของศูนย์ ENMEC ซึ่งจะเน้นหลักสูตรการใช้เครื่องจักรกลอัตโนมัติ ระบบหุ่นยนต์ และระบบการผลิตอัจฉริยะ ให้กับนักศึกษาในรูปแบบของ Type A รวมทั้งจัดหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้นให้กับบุคลากรของโรงงานอุตสาหกรรมในรูปแบบของ EEC Model Type B โดยมีเป้าหมายในการผลิตและพัฒนาทักษะให้กับบุคลากรในพื้นที่อีอีซี และพื้นที่ต่อเนื่อง รองรับการผลิตในโรงงานที่ใช้นวัตกรรมขั้นสูงเช่นเดียวกับวิทยาลัยสัตหีบ โดยศูนย์ ENMEC ได้รับการสนับสนุนงบบูรณาการจากรัฐบาลวงเงิน 61 ล้านบาท รวมทั้งได้รับการบริจาคอุปกรณ์เครื่องจักรกล และหุ่นยนต์จากภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก จนไม่มีที่เก็บ

สำหรับผลการดำเนินโครงการพัฒนาบุคลากรภายใต้ EEC Model ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ นับตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ได้ร่วมกันพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน และผลิตบุคลากรตรงความต้องการของภาคอุตสาหกรรมไปแล้วกว่า 54,573 คน โดยในปี 2567 สามารถผลิตบุคลากรได้เพิ่มขึ้นอีก 76,573 คน จากเป้าหมายความต้องการบุคลากรในอุตสาหกรรมขั้นสูง 475,668 คน
หลังจากที่ประชุม กพอ.ครั้งที่ 3/2566 ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานฯ มีมติเห็นชอบมาตรการดึงดูดการลงทุนในพื้นที่อีอีซี โดยให้อำนาจสำนักงานอีอีซีสามารถออก EEC Visa ให้กับนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่อีอีซี รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญ คู่สมรส และผู้ติดตาม อายุสูงสุด 10 ปี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้าง พร้อมกับออกใบอนุญาตให้ทำงานในประเทศไทย หรือ “EEC Work permit” แบบอัตโนมัติ รวมทั้งให้สิทธินักลงทุนต่างชาติเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในอัตราคงที่ 17% และยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายสูงสุดถึง 15 ปี
วันนี้ อีอีซีพร้อมแล้วที่จะออกไปเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในพื้นที่อีอีซี ตามเป้าหมายใหม่นับที่เม็ดเงินลงทุนจริง 100,000 ล้านบาท/ปี…