ThaiPublica > เกาะกระแส > ADB ปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้เหลือ 2.5% ปี 2567 โต 3.3%

ADB ปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้เหลือ 2.5% ปี 2567 โต 3.3%

13 ธันวาคม 2023



มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ (13 ธันวาคม 2566) – ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) หรือ ADB ได้ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียและแปซิฟิก เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศอันแข็งแกร่งช่วยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนและอินเดียได้ดีเกินกว่าที่คาดไว้

รายงานการวิเคราะห์แนวโน้มในภูมิภาคเอเชียประจำเดือนธันวาคม 2566 Asian Development Outlook 2023 ซึ่งเผยแพร่ในวันนี้ ระบุว่า เศรษฐกิจภูมิภาคคาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 4.9 ในปีนี้ เทียบกับที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้าที่ร้อยละ 4.7 ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ส่วนแนวโน้มการคาดการณ์เศรษฐกิจของปีหน้านั้นยังคงอยู่ที่ร้อยละ 4.8

เศรษฐกิจจีนคาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 5.2 ในปีนี้ เทียบกับที่เคยคาดการณ์ก่อนหน้าที่ ร้อยละ 4.9 หลังจากการบริโภคภาคครัวเรือนและการลงทุนภาครัฐช่วยกระตุ้นการเติบโตในไตรมาสที่สาม ส่วนแนวโน้มการเติบโตของอินเดีย ได้มีการปรับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 6.7 จากร้อยละ 6.3 ตามการขยายตัวที่รวดเร็วกว่าที่คาดไว้ในเดือนกรกฎาคม-กันยายน โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักในภาคอุตสาหกรรม ทั้งนี้ การยกระดับของเศรษฐกิจจีนและอินเดียช่วยชดเชยการประมาณการเศรษฐกิจที่ลดต่ำลงของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อันเกิดจากผลการดำเนินงานที่ซบเซาในภาคการผลิตได้เป็นอย่างดี

“ประเทศเอเชียกำลังพัฒนายังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้จะมีสภาพแวดล้อมโลกที่ท้าทายก็ตาม” นายอัลเบิร์ต พาร์ค หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำเอดีบี กล่าว “อัตราเงินเฟ้อในภูมิภาคก็ค่อยๆ กลับสู่ในระดับที่ควบคุมได้ ถึงกระนั้น ความเสี่ยงก็ยังคงมีอยู่ ตั้งแต่อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่สูงขึ้นไปจนถึงเหตุการณ์ด้านสภาพภูมิอากาศ เช่น เอลนีโญ ซึ่งรัฐบาลในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกนั้น จำเป็นต้องระแวดระวังเพื่อให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจของตนนั้นจะมีความยืดหยุ่น พร้อมไปกับการเติบโตที่ยั่งยืน”

แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของภูมิภาคในปีนี้ ปรับลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3.5 จากการคาดการณ์ก่อนหน้าที่ร้อยละ 3.6 และสำหรับในปีหน้านั้น อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.6 เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ก่อนหน้าที่ร้อยละ 3.5

แนวโน้มการเติบโตของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปีนี้ ปรับลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 4.3 จากร้อยละ 4.6 ท่ามกลางความต้องการส่งออกของภาคอุตสาหกรรมที่อ่อนแอ และปรับลดการคาดการณ์ปี 2567 ลง จาก 4.8% เป็น 4.7% เพราะความซบเซาอย่างต่อเนื่องการดำเนินงานของภาคการผลิตในประเทศที่เศรษฐกิจเปิดกว้าง ใหญ่กว่า และมุ่งเน้นการค้าในภูมิภาค เช่น มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม

ในติมอร์-เลสเตในปีนี้คาดว่าการเติบโตจะชะลอตัว และในเมียนมา ในปี 2567 อย่างไรก็ตามได้คงคาดการณ์การเติบโตของอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ทั้งสองปีไว้ เนื่องจากทั้งสองประเทศมีการเติบโตที่แข็งแกร่งในช่วงแรก 9 เดือนของปี 2023 แรงส่งนี้คาดว่าจะต่อเนื่อง แม้จะมีภาวะทางการเงินเข้มงวดมากขึ้น

การลงทุนภาครัฐที่สูงขึ้นจะจะช่วยยกระดับการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศเหล่านี้ในปี 2567 เช่นเดียวกับการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรงแรม/ร้านอาหารและกิจกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งมาท่ามกลางการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวระหว่างประเทศอย่างแข็งแกร่ง ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภาคบริการและการก่อสร้างในประเทศสิงคโปร์ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งและไม่ได้ปรับเปลี่ยนคาดการณ์การเติบโตของประเทศ การฟื้นตัวของการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยี ประกอบกับภาวะที่ดีขึ้นในประเทศเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วใน ปี 2567 ก็จะยิ่งทำให้แนวโน้มการเติบโตของอนุภูมิภาคดีขึ้นอีก

สำหรับประเทศไทย เอดีบีได้ปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยอยู่ที่ร้อยละ 2.5 จากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 3.5 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เนื่องจากการส่งออกหดตัว การใช้จ่ายภาครัฐลดต่ำลง และการลงทุนของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่อ่อนตัว ทั้งนี้ เอดีบีได้ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจไทยของปีหน้าลดลงด้วยจากร้อยละ 3.7 เป็นร้อยละ 3.3

อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ความล่าช้าในกระบวนการงบประมาณปี 2567 ส่งผลให้การเบิกจ่ายภาครัฐลดลง และความล่าช้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม การเบิกจ่ายที่ต่ำกว่าคาดจากหน่วยงานด้านการขนส่งซึ่งมีการใช้จ่ายล่วงหน้าแล้วในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม 2566 ถึงมีนาคม 2567) และการลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่ลดลง ส่งผลให้การลงทุนภาครัฐลดลง การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะลดลงในปีนี้ท่ามกลางตัวชี้วัดทางธุรกิจที่อ่อนแอ ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจลดลงในเดือนตุลาคมจากความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของประเทศไทยคือการบริโภคภาคเอกชนและการท่องเที่ยว การคาดการณ์การเติบโตในปี 2567 ก็ลดลงเช่นกันที่ 3.3% จาก 3.7% จากรายรับจากการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้าที่อ่อนแอกว่าที่คาด และความเชื่อมั่นทางธุรกิจและการลงทุนที่ลดลง

ในรายงาน Asian Development Outlook (ADO) เดือนกรกฎาคมที่เผยแพร่ในวันที่ 19 ก.ค. ADB ได้ปรับพิ่มคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยมาที่ 3.5% จาก 3.3% ที่ประมาณการไว้ในเดือนเมษายน

สำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของคอเคซัสและเอเชียกลางในปีนี้ เอดีบีได้ปรับการคาดการณ์สูงขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่การคาดการณ์ของเศรษฐกิจในแปซิฟิกนั้นยังคงเดิม

ความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆที่พัฒนาแล้ว ซึ่งอาจส่งผลต่อความไม่มีเสถียรภาพทางการเงินของเศรษฐกิจที่อ่อนไหวในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจที่มีหนี้สูง นอกจากนั้น การหยุดชะงักของอุปทานที่อาจเกิดขึ้นจากสภาพอากาศเอลนีโญ หรือการรุกรานยูเครนโดยรัสเซียนั้น อาจทำให้เกิดอัตราเงินเฟ้อขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอาหารและภาคพลังงาน

เอดีบีมุ่งมั่นในการพัฒนาภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกให้เจริญรุ่งเรือง มีการพัฒนาอย่างทั่วถึง พร้อมรับความเปลี่ยนแปลง และมีความยั่งยืน ในขณะเดียวกัน ยังคงพยายามในการขจัดปัญหาความยากจนต่อไป เอดีบีก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2509 โดยมีประเทศสมาชิกทั้งหมด 68 ประเทศ โดย 49 ประเทศ มาจากประเทศในภูมิภาค