ThaiPublica > เกาะกระแส > เอดีบีลด GDP ไทยเหลือ 2% ประเทศเอเชียกำลังพัฒนาโต 7.2% ในปีนี้

เอดีบีลด GDP ไทยเหลือ 2% ประเทศเอเชียกำลังพัฒนาโต 7.2% ในปีนี้

20 กรกฎาคม 2021


มะนิลา ฟิลิปปินส์ (20 กรกฎาคม 2564) – ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) หรือ เอดีบี คาดว่าเศรษฐกิจในประเทศเอเชียกำลังพัฒนาจะเติบโตที่ร้อยละ 7.2 ในปีนี้จากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 7.3 ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากการระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส (COVID-19) ระลอกใหม่ทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจช้าลงในบางประเทศในภูมิภาค ส่วนแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2565 นั้นจะปรับขึ้นจากร้อยละ 5.3 เป็นร้อยละ 5.4

หากไม่รวมเศรษฐกิจอุตสาหกรรมใหม่ของฮ่องกง เกาหลี สิงคโปร์ และไทเป แนวโน้มของเศรษฐกิจเอเชียกำลังพัฒนาล่าสุดจะเติบโตที่ร้อยละ 7.5 ในปี 2564 และร้อยละ 5.7 ในปี 2565 จากที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ร้อยละ 7.7 ในปี 2564 และร้อยละ 5.6 ในปี 2565 รายงานการวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียประจำปี 2564 ของเอดีบี (Asian Development Outlook 2021) ฉบับเพิ่มเติมนี้ ยังนำเสนอการคาดการณ์เศรษฐกิจต่างๆ ของภูมิภาคและระดับเงินเฟ้อล่าสุดท่ามกลางการแพร่ระบาดของ COVID-19

“การฟื้นตัวของเอเชียและแปซิฟิกจากการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าจะยังไม่มั่นคงท่ามกลางการระบาดซ้ำ การเกิดไวรัสสายพันธุ์ใหม่ และการกระจายการฉีดวัคซีนที่ไม่คงเส้นคงวา” นายยาซูยูกิ ซาวาดะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์เอดีบี กล่าว “นอกเหนือจากมาตรการกักตัวและฉีดวัคซีนแล้ว การฟื้นฟูกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยแบ่งเป็นหลายระยะอย่างมีกลยุทธ์ในแต่ละกิจกรรม—เช่น การค้า อุตสาหกรรมการผลิต และท่องเที่ยว—จะเป็นกุญแจสำคัญเพื่อให้มั่นใจได้ว่าการฟื้นตัวจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ครอบคลุม และยืดหยุ่นได้”

สำหรับประเทศไทย เอดีบีได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2564 ลงอยู่ที่ร้อยละ 2 จากที่เคยคาดการณ์ไว้ร้อยละ 3 เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 ระลอก 3 เมื่อเดือนเมษายน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงหลัก ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนลดลงโดยเฉพาะเครื่องจักรกลและอุปกรณ์ต่างๆ ในขณะที่การจำกัดการท่องเที่ยวที่ยังดำเนินอยู่ทำให้นักท่องเที่ยวลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่แล้ว ส่วน GDP ของปี 2565 คาดว่ากระเตื้องขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 4.9 จากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 4.5

การระบาดใหญ่ของ COVID-19 ยังคงเป็นความเสี่ยงสูงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ เนื่องจากการระบาดยังคงดำเนินต่อไปในหลายประเทศ ผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันรายวันในภูมิภาคนี้ สูงถึงประมาณ 434,000 ราย ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และจำนวนตัวเลขของผู้ติดเชื้อได้ลดลงมาเหลือประมาณ 109,000 ราย ในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน ซึ่งโดยส่วนใหญ่ตัวเลขของผู้ติดเชื้อนั้นจะกระจุกตัวอยู่ในเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแปซิฟิก ในขณะเดียวกัน การกระจายการฉีดวัคซีนในภูมิภาคนี้กำลังอยู่ในเกณฑ์ก้าวหน้า โดยได้ฉีดวัคซีนไปแล้วจำนวน 41.6 โดสต่อคน 100 คนภายในสิ้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 39.2 โดส แต่ต่ำกว่าอัตราค่าเฉลี่ย 97.6 โดส ในสหรัฐอเมริกา และ 81.8 โดส ในสหภาพยุโรป

แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออกในปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 7.5 จากร้อยละ 7.4 ที่เคยคาดการณ์ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ท่ามกลางการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งเกินคาดของเศรษฐกิจอุตสาหกรรมใหม่ ได้แก่ ฮ่องกง เกาหลี และไทเป การคาดการณ์การเติบโตของอนุภูมิภาคสำหรับปี 2565 นั้น จะยังคงอยู่ที่ร้อยละ 5.1 ซึ่งแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนจะยังคงเดิมอยู่ที่ร้อยละ 8.1 ในปีนี้ และที่ร้อยละ 5.5 ในปี 2565 ท่ามกลางผลประกอบการที่มั่นคงของภาคอุตสาหกรรม ภาคการส่งออก และภาคบริการต่างๆ

แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียกลางในปีนี้ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.6 จากร้อยละ 3.4 ที่คาดการณ์ไว้ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งสาเหตุหลักมาจากแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของอาร์เมเนีย จอร์เจีย และคาซัคสถาน ซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอนุภูมิภาค ส่วนแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียกลางในปี 2565 นั้น จะยังคงอยู่ที่ร้อยละ 4.0

การเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแปซิฟิกในปี 2564 มีแนวโน้มลดต่ำลง เนื่องจากการระบาดระลอกใหม่ถูกควบคุมโดยมาตรการการกักตัวและข้อจำกัดต่างๆ ซึ่งส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียใต้ในปีงบประมาณ 2564 ถูกปรับลดลงอยู่ที่ร้อยละ 8.9 จากร้อยละ 9.5 สำหรับประเทศอินเดีย คาดว่าแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจจะลดลงร้อยละ 1.0 โดยจะเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 10.0 ส่วนแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2564 นั้น คาดว่าจะปรับตัวลดลงอยู่ที่ร้อยละ 4.0 จากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 4.4 ในขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจในแปซิฟิกคาดว่าจะลดลงอยู่ที่ร้อยละ 0.3 จากร้อยละ 1.4 อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2565 สำหรับอนุภูมิภาคเหล่านี้คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 7.0 ร้อยละ 5.2 และร้อยละ 4.0 ตามลำดับ

ส่วนอัตราเงินเฟ้อในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกในปีนี้ คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 2.4 จากร้อยละ 2.3 ที่คาดการณ์เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนอัตราเงินเฟ้อในปี 2565 จะยังคงอยู่ที่ร้อยละ 2.7

เอดีบีมุ่งมั่นในการพัฒนาภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกให้เจริญรุ่งเรือง มีการพัฒนาอย่างทั่วถึง พร้อมรับความเปลี่ยนแปลง และมีความยั่งยืน ในขณะเดียวกัน ยังคงพยายามในการขจัดปัญหาความยากจนต่อไป เอดีบีก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2509 มีประเทศสมาชิกทั้งหมด 68 ประเทศ โดย 49 ประเทศ มาจากประเทศในภูมิภาค