ThaiPublica > Sustainability > Sustainable Business > ยูนิโคล่ ปักหมุดความยั่งยืนระยะกลาง ปี 2566 – 2568 จากแคมเปญสู่การลงมือทำจริง

ยูนิโคล่ ปักหมุดความยั่งยืนระยะกลาง ปี 2566 – 2568 จากแคมเปญสู่การลงมือทำจริง

8 กันยายน 2023


ยูนิโคล่ ประเทศไทย ตอกย้ำจุดยืนด้านความยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อม และ สังคมไทย เผยเป้าหมายด้านความยั่งยืนระยะกลาง ตั้งแต่ปี 2566 – 2568 จากความคิดริเริ่มสู่แคมเปญที่ลงมือทำจริง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย

กรุงเทพฯ, 7 กันยายน 2566 – ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) เดินหน้าแผนปฏิบัติการด้านความยั่งยืน เพื่อตอกย้ำพันธกิจด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ ในการ “ปลดล็อคพลังแห่งเสื้อผ้า” โดยให้ความสำคัญกับผู้คน (people) โลก (planet) และชุมชน (community) พร้อมสานต่อแผนปฏิบัติการสำหรับความยั่งยืนภายในปีงบประมาณ 2030 ของ ฟาสต์ รีเทลลิ่ง ผ่านแนวคิดไลฟ์แวร์ (LifeWear) เพื่อเป้าหมายการเป็นเสื้อผ้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น

เป้าหมายและแผนปฏิบัติการด้านความยั่งยืนในปีงบประมาณ 2030 ของฟาสต์ รีเทลลิ่ง:

เป้าหมายและแผนปฏิบัติการด้านความยั่งยืนระดับโลกในปีงบประมาณ 2030 ด้วยความคิดริเริ่มสำคัญ 2 ประการ

  • ผลิตเสื้อผ้าที่ดีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ฟาสต์ รีเทลลิ่ง ได้กำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งรวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่นำสมัย เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและโลกของเรา

  • ผลิตเสื้อผ้าที่ดีสำหรับผู้คนและสังคม

ส่งเสริมการจัดตั้งสภาพแวดล้อมการทำงานที่สามารถปกป้องสุขภาพ ความปลอดภัย และสิทธิมนุษยชนของทุกๆ คน รวมถึงพนักงานของบริษัทและผู้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการทั้งหมด ตลอดจนดำเนินกิจกรรมช่วยเหลือสังคม ทั้งในระดับสากลและระดับท้องถิ่นเพื่อสร้างสังคมที่ดีขึ้นร่วมกับลูกค้า

สำหรับยูนิโคล่ (ประเทศไทย) นอกจากการสานต่อตามเป้าหมายและแผนปฏิบัติการด้านความยั่งยืนในปีงบประมาณ 2030 ของฟาสต์ รีเทลลิ่งแล้ว ยังได้กำหนดระยะเวลาในการบรรลุเป้าหมายอื่นๆ ของแผนของการพัฒนาที่ยั่งยืน ไว้ดังต่อไปนี้

  • เป้าหมายระยะกลางของยูนิโคล่ (ประเทศไทย) ตั้งแต่ปี 2566 – 2568 มุ่งสู่ “บริษัทร่วมทุนที่ยั่งยืนที่สุดในประเทศไทย”

เป้าหมายด้านความยั่งยืนของยูนิโคล่ (ประเทศไทย) ได้รับการประเมินว่าเป็นไปตามแผนของการพัฒนาสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals หรือย่อว่า SDGs) ของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) โดยเน้นเป้าหมายที่ 3 – สร้างหลักประกันว่าคนมีชีวิตที่มีสุขภาพดีและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกวัย, เป้าหมายที่ 14 – อนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร ทะเล และทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และ เป้าหมายที่ 15 – ปกป้อง ฟื้นฟู และสนับสนุนการใช้ระบบนิเวศบนบกอย่างยั่งยืน จัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนต่อสู้การกลายสภาพเป็นทะเลทราย หยุดการเสื่อมโทรมของที่ดินและฟื้นสภาพดิน และหยุดยั้งการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ

นอกจากนี้ ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) ยังได้กำหนดระยะเวลาในการบรรลุเป้าหมายอื่นๆ ของแผนของการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อเป็นตัวชี้วัดในการทำตามเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่กำหนดภายในปี 2568

  • กิจกรรมเพื่อบรรลุสู่เป้าหมาย: ความคิดริเริ่มหลักในปี 2565 – 2566

ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) ร่วมส่งเสริมชุมชน สนับสนุนสังคมผ่านกิจกรรมต่างๆ  อาทิ

  • การเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน 100% (IREC) ทั้งร้านสาขา และ สำนักงานใหญ่
  • การช่วยเหลือฉุกเฉิน เช่น การบริจาคเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นสำหรับเหตุการณ์น้ำท่วม ที่จ.อุบล ในปี 2565 เหตุการณ์โกดังเก็บพลุระเบิดที่ อ. สุไหงโก-ลก จ. นราธิวาส และ การบริจาคหน้ากากอนามัยในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา
  • สนับสนุนกิจกรรมการแข่งขันการเก็บขยะ SPOGOMI World Cup
  • UNIQLO Recycling Clothes Donation ภายใต้โครงการ RE.UNIQLO
  • แผนงานความร่วมมือกับมูลนิธิสถาบันราชพฤกษ์ด้านการเพิ่มพื้นที่สีเขียว และลดภาวะโลกร้อนกจากก๊าซเรือนกระจก
  • เพิ่มสัดส่วนการผลิตสินค้าที่ผลิตจากวัสดุที่ยั่งยืน

แคมเปญ RE.UNIQLO สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนในลำดับที่ 3, 14 และ 15 ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) ส่งเสริมการมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อรับรองการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพและส่งเสริมสวัสดิการต่างๆ สำหรับทุกช่วงวัย รวมถึงสภาวะของธรรมชาติทั้งบนดินและใต้น้ำที่สะอาดและสมบูรณ์

โดยนับตั้งแต่เริ่มโครงการ UNIQLO Recycling Clothes Donation ในปี 2558 ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) ปัจจุบัน ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) ได้ส่งต่อเสื้อผ้าที่ได้รวบรวมจากลูกค้าทั่วประเทศมากกว่า 194,273 ชิ้น ให้กับองค์กรพันธมิตรต่างๆ ในระดับท้องถิ่น

ยิ่งไปกว่านั้น ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) กำลังเตรียมเปิดตัว RE.UNIQLO STUDIO เป็นครั้งแรก ภายใต้คอนเซปต์ Repair/Remake/ Reuse/Recycle เพื่อเป็นการนำเสื้อผ้ากลับมาซ่อมแซมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ต่ออายุการใช้งาน และนำไอเทมโปรดกลับมาใช้หมุนเวียนอีกครั้ง โดย RE.UNIQLO STUDIO จะเปิดให้บริการที่ร้านยูนิโคล่ เซ็นทรัลเวิลด์ เป็นสาขาแรกในประเทศไทย โดยนำเทคนิคการตัดเย็บด้วยมือแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น หรือ ที่เรียกว่า Sashiko มาให้บริการด้วยเช่นกัน

มร. โยชิทาเกะ วาคากุวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าในฐานะหนึ่งในบริษัทเครื่องแต่งกายชั้นนำระดับโลก ยูนิโคล่ให้ความสำคัญกับผู้คน สังคม และโลก ในฐานะ Global Citizen ที่ดี ทั้งในระดับโลกและระดับท้องถิ่น ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) มุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะตอบสนองสังคมระดับท้องถิ่น เราจึงได้วางเป้าหมายระยะกลางของยูนิโคล่ (ประเทศไทย) ตั้งแต่ปี 2566 – 2568 เพื่อผลักดันให้ความคิดริเริ่มต่างๆ เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ หนึ่งในความมุ่งมั่นในปีนี้ของยูนิโคล่ (ประเทศไทย) คือ การรวบรวมเสื้อผ้ากันหนาว จำนวน 50,000 ชิ้น ภายใต้โครงการ RE.UNIQLO ซึ่งเราได้เล็งเห็นถึงปัญหาและช่วยเหลือสังคมไทย ในเรื่องของจำนวนเสื้อผ้าที่กลายเป็นขยะฝังกลบในประเทศไทย และการขาดแคลนเสื้อผ้ากันหนาวของผู้ประสบภัยหนาวทางภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวที่อากาศบนดอยหนาวเย็นกว่าปกติ โดยในปี 2566 กิจกรรมRE.UNIQLO ตั้งเป้าหมายที่จะส่งต่อเสื้อผ้ากันหนาวจำนวน 50,000 ชิ้น ผ่านองค์กรพันธมิตรต่างๆ ภายในเดือน ธันวาคม 2566 จึงอยากจะเชิญชวนลูกค้าของยูนิโคล่ทุกคนมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือชาวไทยด้วยกันในครั้งนี้ เพื่อมอบน้ำใจและความอบอุ่น เพื่อสังคมไทยที่น่าอยู่ยิ่งขึ้นนอกจากนี้ เรายังมีพันธมิตรที่ช่วยนำส่งความอบอุ่นให้แก่ผู้ประสบภัยหนาวจาก 3 องค์กร อย่างมูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิบ้านร่มไทร และ UNHCR  ที่จะเป็นตัวแทนส่งมอบเสื้อหนาวที่ได้รับการบริจาคจากยูนิโคล่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 – กุมภาพันธ์ 2567 อีกด้วย

“ยูนิโคล่ ยังคงเดินหน้ากิจกรรมด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป้าหมายในการทำให้คุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมของคนไทยดียิ่งขึ้น เพราะผลลัพธ์ที่เราลงมือทำนั้นมีทั้งที่เห็นผลเลยในระยะสั้น และต้องรอผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) ให้คำมั่นว่าเราจะยืนหยัดกิจกรรมด้านความยั่งยืนพร้อมลงมือทำจริง เพื่อสังคมไทยที่น่าอยู่ไปด้วยกัน” มร. โยชิทาเกะ วาคากุวะ กล่าว