ThaiPublica > ประเด็นร้อน > เลือกตั้งอย่างรับผิดชอบ 2566 > “วันนอร์” คว้าตำแหน่งประธานสภา ฯ แบบไร้คู่แข่ง! “หมออ๋อง – พิเชษฐ์” นั่งรองประธานฯ

“วันนอร์” คว้าตำแหน่งประธานสภา ฯ แบบไร้คู่แข่ง! “หมออ๋อง – พิเชษฐ์” นั่งรองประธานฯ

4 กรกฎาคม 2023


“วันนอร์” คว้าตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แบบไร้คู่แข่ง! ขณะที่ “ปดิพัทธ์ สันติภาดา” หรือ “หมออ๋อง” ส.ส. พรรคก้าวไกล นั่งรองประธานฯ คนที่ 1 ชนะ “วิทยา แก้วภราดัย” ส.ส. พรรครวมไทยสร้างชาติ ไปด้วยคะแนน 312 ต่อ 105 งดออกเสีย 77 บัตรเสีย 2 ด้าน “พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” ส.ส.พรรคเพื่อไทย ผ่านฉลุย – ไม่มีคู่แข่งได้เป็นรองประธานฯ คนที่ 2

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร นัดแรก เริ่มขึ้น ในวันนี้ (4 ก.ค. 2566) มีวาระสำคัญในการเลือกตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร 1 ตำแหน่ง และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร 2 ตำแหน่ง โดยมีพลตำรวจโทวิโรจน์ เปาอินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะ ส.ส.อาวุโสสูงสุด ทำหน้าที่ประธานการประชุมชั่วคราว โดยทันทีที่เข้าสู่การประชุม พลตำรวจโทวิโรจน์ ได้นำ ส.ส.ใหม่กล่าวปฏิญาณตน เพื่อรับและปฏิบัติหน้าที่

จากนั้นก็เข้าสู่วาระของการเสนอชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เสนอชื่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร

“วันนอร์” ไร้คู่แข่ง! คว้าตำแหน่งประธานสภาฯ

หลังการเสนอชื่อนายวันมูหะมัดนอร์ ได้ขอบคุณ ส.ส.ทุกคน และแสดงวิสัยทัศน์ โดยระบุว่า

“ผมขอขอบคุณท่านสมาชิกที่เสนอชื่อผมทำหน้าที่ประธานสภาในครั้งนี้ และถ้าผมได้รับความไว้วางใจจากท่านทั้งหลายให้ทำหน้าที่เป็นประธานสภาฯ ในครั้งนี้ ผมขอยืนยันกับท่านทั้งหลายทุกท่านว่า

  1. ในประการแรก ผมจะทำหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลางทางการเมือง และจะน้อมนำพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานให้กับสมาชิกรัฐสภาสมัยที่ 26 เมื่อวานนี้ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติของพวกเราต่อไป
  2. ผมจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใสสุจริตติดตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายและข้อบังคับของสภาทุกประการ
  3. ผมจะกำหนดแนวทางร่วมกันกับผู้ที่จะทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาทั้ง 2 ท่าน ในการพิจารณาร่างกฎหมาย ญัตติกระทู้ถาม อย่างเป็นระบบเพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ แล้วเพื่อประโยชน์ของประชาชน
  4. ผมจะให้ความสำคัญกับการปฏิบัติงานของคณะกรรมการทุกคณะทั่วไปแก้ไขบรรเทาความเดือดร้อน ประชาชนของเราในทุกกรณี
  5. ผมจะร่วมกับพวกเราเพื่อดำเนินการนโยบายทางด้านการต่างประเทศของฝ่ายนิติบัญญัติ โดยมุ่งเน้นความร่วมมือในงานระบอบรัฐสภาเพื่อประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพของฝ่ายนิติบัญญัติ
  6. ผมจะทำหน้าที่ในการกำกับดูแลงานของสถาบันพระปกเกล้าให้มีประสิทธิภาพ ในการส่งเสริมงานของฝ่ายนิติบัญญัติ รวมทั้งจะสนับสนุนให้สถานีโทรทัศน์ของรัฐสภา สถานีวิทยุของรัฐสภา ไปสถานีของประชาชน เพื่อจะส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยในทุกภาคส่วน ให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืนตลอดไป”

หลังการแสดงวิสัยทัศน์  พลตำรวจโทวิโรจน์ ทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฏรชั่วคราวได้ประกาศให้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากไร้คู่แข่ง

นายมูหะมัดนอร์ มะทา แสดงวิสัยทัศน์ ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฏร

ย้อนประวัติ  “วันนอร์”

สำหรับประวัติของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อายุ 79 ปี เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2487 ที่ จ.ยะลา จบมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง อ.เมือง จ.ยะลา และจบมัธยมศึกษาตอนปลาย แผนกวิทยาศาสตร์ จากโรงเรียนอิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ครุศาสตรบัณฑิต (มัธยมศึกษา) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท ครุศาสตรมหาบัณฑิต (บริหารการศึกษา) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

“วันนอร์” เป็นนักการเมืองมุสลิม แกนนำกลุ่มวาดะห์ อดีตประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรกในประวัติศาสตร์ที่เป็นชาวไทยมุสลิม ทั้งนี้ “วันนอร์” ถือเป็นนักการเมืองที่มีประสบการณ์ทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ โดยเป็น ส.ส.ยะลา สมัยแรกสังกัดพรรคกิจสังคมในปี 2522 เป็นอดีต ส.ส. 9 สมัย เคยสังกัดพรรคการเมืองอีกหลายพรรค อาทิ พรรคกิจสังคม พรรคประชาธิปัตย์ พรรคความหวังใหม่ และ พรรคไทยรักไทย อีกทั้งเคยดำรงตำแหน่งสำคัญ เช่น ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (2 สมัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

“หมออ๋อง” นั่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1

ส่วนรองประธานสภาคนที่ 1 ถูกเสนอ 2 ชื่อ โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง พรรคเพื่อไทย เสนอชื่อ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา หรือ จากพรรคก้าวไกล เป็นรองประธานสภาคนที่ 1 ขณะที่ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เสนอชื่อ นายวิทยา แก้วภราดัย จากพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นรองประธานสภา คนที่ 1

นายปดิพัทธ์  สันติภาดา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ขึ้นแสดงวิสัยทัศน์ หลังจากที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เสนอชื่อต่อสภาให้เป็นรองประธานสภา คนที่ 1

นายปดิพัทธ์  ระบุว่า ขอขอบคุณ ถือเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ และเป็นความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ที่ตนเองจะได้มีโอกาสสนับสนุนองค์กรฝ่ายนิติบัญญัติ และสนับสนุนงานของประธานที่ได้รับเลือกและได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีความตั้งใจที่ผมอยากเสนอต่อ ประธานสภาแห่งนี้ให้ได้พิจารณาประชาชน เราอยากเห็นประชาชนกลับมามั่นใจในสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้งหนึ่งในกระบวนการนิติบัญญัติที่กฎหมายทุกฉบับจะได้รับการพิจารณาอย่างมีประสิทธิภาพ เราจะทำให้สภานิติบัญญัติกลับมามีตัวตน และศักดิ์ศรีไม่อยู่ใต้อาณัติของฝ่ายบริหาร จะทำให้สภานิติบัญญัติกลับมามีตัวตน กลับมามีศักดิ์ศรี ไม่อยู่ใต้อาณัติของฝ่ายบริหาร ซึ่งคือสิ่งอยู่ใต้รัฐธรรมนูญที่เรายึดถือและสนับสนุนให้เกิดขึ้น

เครดิต ภาพจาก FB ทีวีรัฐสภา

“จากการดูงานสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ผมว่าต้องการทำให้รัฐสภาเป็น Smart Parliament ซึ่งการที่จะสามารถพัฒนาให้มีประสิทธิภาพได้นั้น เราต้องมุ่งมั่นยกระดับกระบวนการนิติบัญญัติทั้งหมดทั้งหมดให้เป็นมาตรฐานสากลให้ได้และเรียกความเชื่อมั่นศรัทธาไม่ใช่แค่ในประเทศแต่รวมถึงความร่วมมือระหว่างประเทศด้วย” นายปดิภัทธ์ กล่าว

นายปดิพัทธ์ กล่าวต่อว่า จะนำเสนอกระบวนการตรวจสอบนิติบัญญัติ โดยสื่อมวลชน และประชาชนสามารถตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส และมีประสิทธิภาพ สามารถทำให้ประชาชนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย กับกฎหมายฉบับต่าง ๆ นั้น สามารถที่จะติดตามกฎหมายได้เพราะนี่คืออำนาจที่พวกเขาเป็นเจ้าของประชาธิปไตย กฎหมายที่ผ่านวาระ 3 ของสภาผู้แทนราษฎรที่มีการบังคับใช้แล้วนั้นเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อสามารถแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเป็นการยกระดับความรู้ในองค์กรของเราในอาเซียน และประชาคมโลก ยังเหลือความร่วมมือในบทบาทระดับชาติที่มากขึ้น การส่งเสริมความบทบาทที่เท่าเทียมกัน โดยเฉพาะสมาชิกที่มีความหลากหลายทางเพศ และคนที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี บทบาทในการขับเคลื่อนสภาอย่างเข้มแข็ง และ บทบาทของสตรี ที่ต้องได้รับการส่งเสริมให้มีความเท่าเทียมในสภาแห่งนี้

นายปดิพัทธ์   กล่าวว่า “อยากเห็นสิ่งที่ประชาชนมีส่วนร่วม โดยที่ไม่ใช่แค่การเลือกตัวแทนมาทำงานในสภาแห่งนี้ แต่การฟังความคิดเห็นของการทำกฎ การตรากฎหมายต่างๆต้องมีประสิทธิภาพมากขึ้น เราวิจารณ์หลายอย่างว่าการฟังความคิดเห็นเป็นการทำตามแค่สิ่งที่ต้องทำตามระเบียบ แต่การที่จะสนับสนุนและเสริมสร้างของผมจะทำให้การมีส่วนร่วมของประชาชน ให้ทำหน้าที่สภาผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่”

นอกจากนี้ประสบการณ์ของตนที่เคยเป็นประธานกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชนและสื่อมวลชน ทำให้ตนเห็นว่าประชาชนมีความตั้งใจอย่างยิ่งในการนำเสนอกฎหมายของตนเข้ามาในสภาแห่งนี้ แต่ด้วยสิทธิตามรัฐธรรมนูญคือ การเข้าชื่อเสนอกฎหมายนั้น สามารถทำได้และถูกนำมาพิจารณา

อีกประการหนึ่ง คือ การบริหารจัดการองค์กรที่มีสมรรถนะสูง การผสานเอาประสบการณ์ของท่านประธานสภา และความทันสมัย ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มาสนับสนุนกัน จะทำให้องค์กรรัฐสภา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีขัดสมรรถนะสูง สามารถบริการประชาชนและสมาชิกรัฐสภาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายปดิพัทธ์  ระบุว่า จะใช้ 4 ปีที่มีอยู่ วางตัวให้เป็นกลางอย่างดีที่สุด และใช้ทุกความสามารถพัฒนาองค์กรนี้ให้มีขีดสมรรถนะสูง เป็นระบบราชการที่ทันสมัย ตอบสนองต่อประชาชน และการทำงานของเพื่อนสมาชิก

ขณะที่นายวิทยา แสดงวิสัยทัศน์ ว่า จะทำงานด้วยความเป็นกลางและรักษาองค์กรสภานิติบัญญัติ ให้เป็นสภาฯ ที่ทรงเกียรติและศักดิ์สิทธิ์ สถานที่นี้เป็นสถานที่ที่ออกกติกาของสังคม ตนเชื่อว่าหากทำหน้าที่รองประธานสภาฯ จะปฏิบัติตามแนวนโยบายและทำหน้าที่เป็นกลาง เสมอภาคกับ ส.ส.ในสภาฯ และมั่นใจว่าจะรักษาเกียรติภูมิและหน้าตาของสภา

“อยากขอให้มั่นใจว่าจะวางตัวเป็นกลาง และรักษาเกียรติภูมิให้ประชาชนเชื่อมั่น แน่นอนว่าบางยุคบางสมัยประชาชนเบื่อหน่าย รำคาญ กับสภาที่ไร้ระเบียบวินัย เราต้องช่วยกันทำให้สภาฯ มีเกียรติภูมิ ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลากี่ปีในสมัยประชุมนี้ ผมขอให้ความมั่นใจ จะทำหน้าที่เป็นกลาง และรักษาเกียรติภูมิของสภาไว้ให้ดีที่สุด” นายวิทยา กล่าว

สำหรับการลงมติด้วยการลงคะแนนลับ ผ่านการเขียนชื่อผู้ประสงค์จะเลือกให้เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ในคูหา จากนั้นได้ให้ส.ส.แสดงตนก่อนลงมติ พบว่ามีผู้มาแสดงตน 493 คน และได้เข้าสู่การลงคะแนนลับ เมื่อเวลา 11.07 น. โดยเลขาธิการสภาฯ จะเรียน ส.ส.ให้รับบัตรลงคะแนนตามลำดับตัวอักษร

ต่อมาเวลา 12.45 น. นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมการนับคะแนน ขานชื่อการนับผลลงคะแนนรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ระหว่าง นายปดิพัทธ์ สันติภาดา พรรคก้าวไกล และนายวิทยา แก้วภราดัย พรรครวมไทยสร้างชาติ ทีละคน

ภายหลังจากที่ประชุมนับคะแนนครบแล้วได้ 494 คน ปรากฏว่า นายปดิพัทธ์ ได้รับคะแนนเสียง 312 คะแนน ต่อ 105 คะแนน นั่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 มีผู้งดออกเสียง 77 คะแนน โดยมีบัตรเสียอีก 2  สำหรับการเสนอชื่อ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา เป็นมติ 8 พรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งมีเสียง 312 เสียง

เครดิต จาก FB ทีวีรัฐสภา

“พิเชษฐ์” นั่งรองประธานสภาคนที่ 2 แบบไร้คู่แข่ง

จากนั้นเป็นขั้นตอนการโหวตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 โดยนายทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชาติได้ลุกขึ้นเสนอชื่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงรายพรรคเพื่อไทย เพียงชื่อเดียวโดยไม่มีคู่แข่ง โดยนายพิเชษฐ์ได้ขึ้นกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ ต่อ ส.ส. และรับรองการทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 จากนั้น พลตำรวจโทวิโรจน์ได้ปิดประชุมในเวลา 13:50 น

  • ก้าวไกล-เพื่อไทย มติร่วมเสนอ ‘วันมูหะหมัดนอร์ มะทา’ เป็นประธานสภาฯ- ‘พิธา’นายกรัฐมนตรี
  • “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ชี้การเมืองใหม่ ‘คนใจไม่ถึง ทำไม่ได้’ – แนะฝ่ายอำนาจเดิมต้องถอย
  • “ภูมิธรรม เวชยชัย” ถอดเลือกตั้ง2566 โจทย์ที่ต้องคิดต่อ – ‘ฝ่ายประชาธิปไตย’ ต้องจับมือกันให้แน่น