ThaiPublica > คอลัมน์ > Warrior ซีรีส์ประวัติศาสตร์ Gangster จีนใน Chinatown แห่ง San Francisco

Warrior ซีรีส์ประวัติศาสตร์ Gangster จีนใน Chinatown แห่ง San Francisco

28 กรกฎาคม 2023


Hesse004

“อเมริกา” ดินแดนแห่งโอกาสของผู้คน ตั้งแต่เริ่มต้นสร้างประเทศมาจนถึงวันนี้

การเปิดรับผู้คนนับล้านย่อมมีเรื่องราวมากมายโดยเฉพาะเรื่องราวผู้อพยพ การสร้างชุมชนใหม่ การลงหลักปักฐานเพื่อแสดงรากเหง้าตัวตนซึ่งติดมากับแผ่นดินแม่ที่ตนเองจากมา

ก่อน Covid-19 ระบาด เกมส์การต่อสู้ ชิงเหลี่ยมทางการเมืองระหว่างประเทศของรัฐบาลนาย Donald Trump และ Xi Jinping ดูจะ “ขบเหลี่ยม” กันแบบไม่มีใครลงให้ใคร

พลันที่ Covid-19 เริ่มระบาดใหญ่ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา ความเข้มข้นของความขัดแย้งมาถึงจุดการเปิดสงครามทางการค้าระหว่างสองอภิมหาอำนาจ

Trump เรียก Covid-19 ว่าเป็น Chinese Flu คำพูดนี้กระตุ้นให้เกิดความเกลียดชังคนเอเชียในอเมริกา

ช่วงเวลาดังกล่าว กระแสชังชาวเอเชียผิวเหลืองถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งด้วยการกล่าวหาว่าเป็นต้นตอของโรคระบาดใหญ่ครั้งนี้

หากย้อนกลับไปนานกว่า 150 ปี ช่วงสมัยที่สหรัฐอเมริกาเพิ่งผ่านพ้นสงครามกลางเมือง… สิ้นสุดระบบทาสหมาด ๆ …การฟื้นฟูประเทศหลังสงครามทำให้ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมจำเป็นต้องใช้แรงงานจำนวนมาก

ชุมชนชาวจีนใน San Francisco นับว่าเป็น China town ที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ที่มาภาพ : https://www.history.com/topics/immigration/san-francisco-chinatown

ลำพังแรงงานที่เคยอพยพมาจากไอร์แลนด์และชาติอื่น ๆ ในยุโรปไม่เพียงพอ ทำให้มีแรงงานชาวเอเชียอพยพมาแสวงหาโอกาสบนแผ่นดินอเมริกา

แรงงานจีนทั้งค่าจ้างถูก สู้งาน ขยันอดทน ทำงานบางอย่างที่คนขาวทำไม่ได้…ทำให้นายจ้างเลือกใช้แรงงานจีนอพยพ

คลื่นผู้อพยพชาวจีนนั่งเรือข้ามมหาสมุทร มาทำงานเป็นกุลี สร้างทางรถไฟ รถราง สร้างตึกรามบ้านช่องให้กับคนผิวขาว

การเดินทางมาครั้งนั้น หนีจากความอดอยาก หนีสงครามกลางเมือง และหนีการปกครองราชวงศ์แมนจูที่ใกล้อวสานแล้ว

ชาวจีนกลุ่มที่มาสหรัฐอเมริกา เริ่มเข้ามาลงหลักปักฐานกันมากที่สุดในเมือง San Francisco ที่นี่พวกเขาได้สร้าง Chinatown ขึ้นตั้งแต่ปี 1848

หลังจากนั้นหลายเมืองในสหรัฐอเมริกา ได้สร้าง Chinatown ตาม San Francisco เช่น Chinatown ใน New York ,Chicago, Los Angeles และ Philadelphia

อย่างไรก็ดี China Town ใน San Francisco นับว่าเป็นต้นกำเนิดชุมชนชาวจีนในสหรัฐอเมริกา

…ในยุคนั้นคนจีนที่อพยพกันมาจำนวนมหาศาลได้รวมกลุ่มกันเรียกว่า “ถง” (Tong)

Tong Family มีทั้งกลุ่มที่ทำธุรกิจถูกกฎหมาย และทำผิดกฎหมาย คล้าย ๆ กับ “อั้งยี่” ของบ้านเรา

แรงงานชาวจีนอพยพส่วนใหญ่ หากเป็นผู้ชายมาทำงานรับจ้างรายวันเป็นกุลี แบกหาม หากเป็นผู้หญิงมาทำงานเป็นแม่บ้าน คนรับใช้

อย่างไรก็ดี ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่ลักลอบค้าฝิ่น เปิดบ่อนพนัน ตั้งซ่องโสเภณี “ครบสูตร” กลุ่มธุรกิจผิดกฎหมาย ซึ่งสร้างรายได้ดี

การรวมกลุ่มกันสร้างชุมชนจีนใน San Francisco เมื่อชุมชนขยายขึ้น ย่อมเกิดการกระทบกระทั่งระหว่างกลุ่ม แก๊งค์ จนกลายเป็นสงครามระหว่างกลุ่ม

สงครามระหว่างแก๊งค์ได้บานปลายกลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์อเมริกัน

เหตุการณ์ครั้งนั้น เรียกว่า Tong Wars กินเวลายาวนานถึง 40 ปี เรียกง่าย ๆ ว่าเหล่า Gangster จีนอพยพตีรันฟันแทงกันจนทำให้นายกเทศมนตรีและเหล่าตำรวจ San Francisco ปวดหัวอยู่ตลอดเวลา

ตำรวจ San Francisco ที่ต้องเข้ามาจัดการTong Wars ศึกระหว่างแก๊งค์ใน Chinatown ที่มาภาพ : https://www.sfexaminer.com/news/chinatown-tong-wars/article_31392513-c9c6-544f-9d19-6d40a489e4b5.html

ช่วง Covid-19 ทาง HBO ได้เปิดตัวซีรีส์เรื่อง Warrior พล็อตเรื่องว่าด้วย “อาซาม” หนุ่มชาวจีนที่นั่งเรือดั้นด้นมาตามหาพี่สาวตนเองที่ San Francisco…ก่อนจะรู้ว่าพี่สาวตนเองกลายเป็นสมาชิกคนสำคัญของแก๊งค์ที่มีอิทธิพล

Warrior ดราม่าซีรีส์จาก HBO ว่าด้วยเหตุการณ์ต่อสู้ระหว่างแก๊งค์ใน Chinatown เมือง San Francisco ที่มาภาพ : https://link.medium.com/MYSFpPXXtBb

ฉากเรื่อง Warrior ดำเนินไปในช่วง Tong Wars ที่เราได้เห็นการต่อสู้ระหว่างแก๊งค์ Hop Wei และ Long Si การเหยียดผิวระหว่างเหล่ากุลีชาวไอริชที่เกลียดคนจีนหรือ “เจ๊ก” เข้ากระดูกดำเพราะมาแย่งงานพวกเขาทำ

Warrior ยังพาให้เราเห็นถึงความโสมมของระบบการเมืองยุคนั้น การคอร์รัปชัน ติดสินบนตำรวจ ประเด็นความเท่าเทียมของผู้หญิงทางการเมือง รวมทั้งระบบทุนนิยม “ไร้หัวใจ” ที่จ้องแต่จะเอากำไรสูงสุด

Warrior จัดเป็นซีรีส์ครบรสที่ให้ทั้งเกร็ดความรู้ประวัติศาสตร์ชาวจีนอพยพ… ศิลปะการต่อสู้ “กังฟู” ที่เป็นอีกหนึ่ง Soft power ของจีน รวมถึงมีประเด็นให้ขบคิดหลายเรื่องโดยเฉพาะมุมมองที่ฝรั่งผิวขาวมองชาวเอเชียผิวเหลืองอย่างพวกเรา

ผ่านมา 150 ปี… แม้โลกของเราจะเจอเรื่องเจ็บปวดจากสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน แต่อคติเรื่องเชื้อชาติ ผิวสียังคงมีอยู่