นายเจีย จันโต ผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติกัมพูชา(National Bank of Cambodia-NBC) และ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เข้าร่วมพิธีเปิดตัวที่กรุงพนมเปญเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน
เฟสแรกของโครงการเปิดตัวในปี 2563
“ระยะที่สองของการชำระเงินด้วย QR ข้ามพรมแดนระหว่างกัมพูชาและไทยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่นและการเข้าถึงทางการเงิน อำนวยความสะดวกในกิจกรรมการค้าข้ามพรมแดน และเพิ่มการท่องเที่ยวในทั้งสองประเทศ” เอกสารข่าวประชาสัมพันธ์ระบุ
ในระยะที่สอง ชาวไทยที่เดินทางไปเยือนกัมพูชาจะสามารถชำระเงินแบบไร้เงินสดโดยแอปพลิเคชันธนาคารของไทยสแกนที่ร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ KH QR ของกัมพูชา ขณะที่ในระยะแรก นักท่องเที่ยวกัมพูชาที่เดินทางมาประเทศไทยสามารถใช้ mobile banking application ของธนาคารกัมพูชาที่ร่วมให้บริการสแกน Thai QR ที่ร้านค้าในประเทศไทย เพื่อชำระค่าสินค้าหรือบริการ
ร้านค้าที่รองรับการสแกน Thai QR ในประเทศไทยได้เพิ่มขึ้นเป็น 7.6 ล้านราย ส่วนในกัมพูชา ขณะนี้สามารถสแกน KHOR ได้ที่ร้านค้า 1.5 ล้านรายแล้ว ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) เปิดเผย
ธนาคารกลางระบุว่า KHQR เป็นมาตรฐาน QR ที่พัฒนาขึ้นสำหรับการชำระเงินรายย่อยในกัมพูชา และการชำระเงินข้ามพรมแดนภายในกลุ่มอาเซียน
ผู้ว่าการธนาคารกลางของทั้งสองประเทศสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อการทำงานร่วมกันของของทั้งสองธนาคารกลาง โดยกล่าวว่า การเปิดตัวโครงการเป็นความก้าวหน้าในการส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่นในตลาด โครงการนี้ยังมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงิน การอำนวยความสะดวกด้านการค้าข้ามพรมแดน และการส่งเสริมการท่องเที่ยว
จากรายงาน Financial Stability Review ของธนาคารกลาง ธุรกรรมการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ทั่วประเทศในปี 2564 มีมูลค่า 415.5 ล้านล้านเรียล (ประมาณ 102 พันล้านดอลลาร์) จำนวนบัญชี e-wallet ที่ลงทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 19.5 ล้านบัญชี และจำนวนธุรกรรมทั้งหมดเพิ่มขึ้นจาก 708 ล้านรายการเป็น 1 พันล้านรายการ ด้วยยอดรวม 272.8 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 34%
ในการประชุมก่อนพิธีเปิดตัว ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับการเสริมสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน มิตรภาพ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและเศรษฐกิจมหภาค การพัฒนาภาคการธนาคาร และ FinTech ระหว่างประเทศ
ในรายงาน Banking Supervision Report 2022 ของ NBC นายจันโตกล่าวว่า ธนาคารกลางได้พัฒนาและยกระดับโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินของประเทศให้ทันสมัยมากขึ้นด้วยรหัส KHQR เพื่อส่งเสริมการชำระเงินด้วย QR พร้อมกับเร่งพัฒนาการชำระเงินข้ามพรมแดนที่ปลอดภัย มีมีประสิทธิภาพมากขึ้น ต้นทุนต่ำลง และการชำระเงินข้ามพรมแดนกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคได้ครอบคลุมมากขึ้น
“มีการชำระเงินแบบดิจิทัลผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่ให้บริการโดยธนาคารและสถาบันการเงิน โดยเฉพาะแอปพลิเคชันมือถือหรือตัวแทนและเครือข่ายการชำระเงินอื่นๆ การใช้เทคโนโลยีทางการเงินในการชำระเงินมีส่วนในการเพิ่มการเข้าถึงทางการเงิน ส่งเสริมการแข่งขัน เพิ่มความคิดสร้างสรรค์ และเพิ่มความไว้วางใจ” รายงานระบุ
ปัจจุบันมีการชำระเงินแบบดิจิทัลผ่านบริการของสถาบันการชำระเงิน 35 แห่ง และธนาคารและสถาบันการเงิน 2 แห่งที่ได้รับใบอนุญาตและได้รับอนุญาตตามลำดับจากหน่วยงานการเงินและธนาคารกลาง
รายงานระบุว่า จำนวนผู้ใช้บริการธนาคารและการเงินที่ลงทะเบียนเพื่อสร้างบัญชี e-wallet เพิ่มขึ้นเป็น 19.5 ล้านรายในปี 2565 ซึ่งรวมถึงบัญชีที่ทำธุรกรรมการชำระเงินดิจิทัล ขณะที่ธนาคารและสถาบันการเงินออกบัตรชำระเงิน 12.3 ล้านใบสำหรับบริการอินเทอร์เน็ตและธนาคารบนมือถือ
ข่าวหรือบทความที่เกี่ยวข้อง
