ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศจุดยืนด้านพลังงาน สัญญาเดินหน้ายกเลิกค่า FT ช่วยลดราคาไฟฟ้าได้ 1-1.50 บาท นอกจากนี้จะทบทวนโครงสร้างราคาและภาษีสะท้อนต้นทุนแท้จริงและเป็นธรรม ลดรายจ่ายให้คนไทย ด้านราคาน้ำมันเสนอปรับโครงสร้างมาตรฐานค่าการกลั่นลดลง คาดส่งผลราคาน้ำมันลดลงได้มากถึง 3-5 บาท พร้อมชูพลังงานทดแทนเป็นวาระแห่งชาติ ก้าวสู่พลังงานสีเขียวพลังงานสะอาดสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นายเกียรติ สิทธิอมร ประธานคณะกรรมการต่างประเทศ พรรคประชาธิปัตย์ นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ประธาคณะกรรมการนโยบาย นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ผู้เชี่ยวชาญด้านคมนาคมขนส่งโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการขนาดใหญ่ และ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ประกาศจุดยืนด้านพลังงาน ชูรื้อโครงสร้างราคาพลังงาน ลดรายจ่ายคนไทย
นายเกียรติ สิทธิอมร อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย ประธานคณะกรรมการต่างประเทศ พรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึง ปัญหาค่าไฟฟ้าแพงที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอยู่ในขณะนี้ น่าจะมาจากความผิดปกติในการกำหนดราคาพลังงานใน 4 ส่วน คือ ก๊าซหุงต้ม ก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน และไฟฟ้า ซึ่งหากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลจะรื้อโครงสร้างราคาพลังงาน เพื่อลดรายจ่ายให้คนไทยอย่างถาวร
ยกเลิก FT ลดค่าไฟฟ้าได้ 1-1.50 บาท
สำหรับเรื่องไฟฟ้า พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบาย ยกเลิกค่า FT เพราะปัจจุบันการคิดคำนวณค่า FT เป็นสมมุติฐานทั้งสิ้น การทำแบบนี้เป็นช่องโหว่ของการกำหนดค่าไฟฟ้า เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบางกลุ่ม พรรคประชาธิปัตย์จะทำให้ราคาไฟฟ้าตรงกับต้นทุนจริง รวมไปถึงจะกำหนดระดับกำลังการผลิตสำรองที่เหมาะสม ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มาก โดยปัจจุบันการผลิตสำรองอยู่ในระดับสูงกว่า 50% ซึ่งเกินกว่ามาตรฐานที่ควรอยู่ในระดับ 15% ต้องกำหนดสัดส่วนกำลังการผลิตระหว่างรัฐกับเอกชนให้เหมาะสม และทบทวนเรื่องสัญญาสัมปทาน รวมถึงกำหนดสัดส่วนการนำเข้าจากต่างประเทศทั้งราคาและรูปแบบสัญญา (PPA) และปรับราคาก๊าซป้อนโรงไฟฟ้าให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและเป็นธรรม
“เราจะยกเลิกค่า FT เพราะหลายประเทศส่วนใหญ่ไม่มีค่า FT(fuel tariff) และมันมีวิธีที่ดีกว่า ไม่ต้องให้ใครก็แล้วแต่ มากำหนดราคาค่าไฟ และตอนนี้ FT เป็นการคิดประเมินโดยมองไปในอนาคต 4 เดือน โดยคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน ต้นทุนเชื้อเพลิงค่าไฟจากเอกชน ประเทศเพื่อนบ้าน “สมมติฐานผิด ก็ค่าไฟผิด” ทำให้คนเดือดร้อน ค่าไฟเราแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ทำไมไม่ให้ราคาไฟฟ้าตรงกับต้นทุนจริง เราสามารถใช้ตัวเลขย้อนหลัง 4 เดือน แล้วจะทำระบบกองทุนไว้สำหรับความผันผวนได้” นายเกียรติ กล่าว
นายเกียรติ ระบุว่า หากดำเนินการตามมาตรการของพรรคประชาธิปัตย์ ในการยกเลิก FT และจัดโครงสร้างราคาก๊าซที่เข้าโรงไฟฟ้าให้เหมาะสมและเป็นธรรมจะ สามารถลดค่าไฟฟ้าได้ 1 บาทถึง 1.50 บาทต่อหน่วย
ปรับโครงสร้างค่าการกลั่นลดราคาน้ำมันได้ 3-5 บาท
นอกจากนี้ในเรื่องน้ำมัน พรรคประชาธิปัตย์จะกำหนดค่าการกลั่น ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน คือ 1 บาทต่อลิตร ซึ่งที่ผ่านมาค่าการกลั่นเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2552 อยู่ที่ 0.85 บาทต่อลิตร ปี 2554 ขยับขึ้นมาที่ 1.55 บาทต่อลิตร และขึ้นไปสูงสุดที่ 3.65 บาทต่อลิตร ในปี 2565 สูงกว่าค่าการกลั่นอ้างอิงประเทศสิงคโปร์ ตั้งแต่ 20% ถึงกว่า 400%
“ข้อเสนอของเราคือต้องกำกับค่าการตลาดให้อยู่ในระดับ 1.50 บาทต่อลิตร และจะทบทวนโครงสร้างราคาและภาษีให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและเป็นธรรม จะทบทวนเงินเข้ากองทุน ทบทวนการคำนวณต้นทุนน้ำมันที่อ้างอิงราคามันสำปะหลังและปาล์มน้ำมัน ต้องไม่ลืมว่า ทุก 1 บาทต่อลิตร ที่เพิ่มขึ้น ทำให้กำไรบริษัทน้ำมันสูงขึ้นกว่า 60,000 ล้านบาทต่อปี ไม่เป็นธรรมกับประชาชน”
ส่วนราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น หากมีการปรับโครงสร้างค่าการกลั่นมาตรฐานใหม่จะลดลงราคาน้ำมันได้ 3-5 บาท นี่คือเป้าหมายหลัก
สำหรับก๊าซธรรมชาติ จะมีการเฉลี่ยต้นทุนระหว่างนำเข้ากับแหล่งในประเทศ ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและเป็นธรรม มีการทบทวนค่าผ่านท่อ ปรับสูตรคำนวณและวิธีการกำกับดูแลใหม่ ทบทวนสัญญาระยะยาวที่เอาเปรียบและไม่เป็นธรรม เช่นเดียวกันกับก๊าซหุงต้ม ต้องมีการตรวจสอบปริมาณการผลิตและใช้ในประเทศจริง ทบทวนสูตรคำนวณราคาให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและเป็นธรรม แก้ปัญหาการลักลอบไปประเทศเพื่อนบ้าน ทบทวนสัญญาระยะยาวสำหรับกลุ่มปิโตรเคมี ส่วนปั๊มก๊าซ LNG / LPG จะทบทวนค่าการตลาดและสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และเป็นธรรมต่อประชาชน

ชูพลังงานทดแทนเป็นวาระแห่งชาติ
ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนโยบายพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานของพรรคประชาธิปัตย์ “ก้าวสู่พลังงานสีเขียวพลังงานสะอาดสู่สังคมคาร์บอนต่ำ” (Go Green Go Clean Go Low Carbon) ว่า วิสัยทัศน์เชิงรุกพรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญสูงสุดสำหรับนโยบายพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานโดยยกระดับเป็นเป็นวาระแห่งชาติเร่งด่วน (National Urgent Agenda) เพื่อ 1.ลดค่าใช้จ่ายพลังงานในภาคประชาชน ภาคเอกชน ภาครัฐ 2.ลดภาระต้นทุนของประเทศโดยชะลอการลงทุนด้านการจัดหาพลังงานของประเทศ
3.ยืนบนขาตัวเองตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 4.เพิ่มโอกาสส่งออกพลังงานทดแทนและเทคโนโลยีนวัตกรรมอนุรักษ์พลังงาน เป็นการแปรวิกฤติพลังงานเป็นโอกาส สามารถสร้างเงินสร้างคนสร้างชาติ ยกระดับประเทศไทยเป็นผู้นำพลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงานในภูมิภาคเอเชียภายในปี 2030
“เราจะเป็นผู้นำพลังงานทดแทนในภูภาคเอเชีย ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่และแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและชุมชนมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีตัวอย่างนโยบายไฮไลท์ เช่น ส่งเสริมการวิจัยพัฒนานวัตกรรมโครงการ พลังงานไฮโดรเจน ( Hydrogen Energy ) โครงการ E100 B 100, โครงการ โซลาร์รูฟ ทุกบ้าน ทุกอาคาร ด้วยระบบ Net Metering และ Energy storage, โครงการโซลาร์ฟาร์มและเกษตรอัจฉริยะประหยัดพลังงานสำหรับฟาร์มพืช ประมงและปศุสัตว์”
นายอลงกรณ์ บอกว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเสนอนโยบายปฏิรูปเชิงโครงสร้างพลังงานทดแทน เช่น โครงการ 1 หมู่บ้าน 1 โรงแก๊สชีวภาพ 1 โรงปุ๋ยชีวภาพชุมชน, โครงการ 1 ตำบล 1 โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน, โครงการ 1 อำเภอ 1 ศูนย์ยานยนต์เครื่องจักรกลไฟฟ้าและการปรับเปลี่ยนยานยนต์เครื่องจักรกลเก่าเป็นระบบไฟฟ้า (Ev Conversion Center) (รถเก่ากว่า 40 ล้านคัน) เพื่อส่งเสริม EV, โครงการ 1 จังหวัด 1 โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน
ด้านอนุรักษ์พลังงาน เช่น เพิ่มมาตรการจูงใจให้มีการลงทุนจากภาคเอกชนและภาครัฐในการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน เช่น ระบบเอสโค (ESCO บริษัทจัดการพลังงาน) เพิ่มการใช้เทคโนโลยีดิจิตอลในการอนุรักษ์พลังงานเช่น อินเตอร์เน็ตทุกสรรพสิ่ง (IOT) และแอปพลิเคชัน
นอกจากนี้จะส่งเสริมภาคเอกชนจัดตั้งศูนย์การปรับเปลี่ยนยานยนต์และเครื่องจักรกลเก่าเป็นระบบพลังงานไฟฟ้า (EV Conversion Center) ทุกอำเภอโดยการสนับสนุนของศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC:Agritech and Innovation Center) 77จังหวัด เร่งเพิ่มอาคารประหยัดพลังงาน (BEC) และเร่งขับเคลื่อนโครงการบ้านประหยัดพลังงาน ส่งเสริมวัสดุก่อสร้างและชิ้นส่วนยานยนต์ลดความร้อนและผลิตได้ในประเทศเช่น กันชงไฟเบอร์ (Hemp Fiber)อิฐ (Hemp Brick) ผนังกันชง (Hemp Panel Board) เพิ่มมาตรการส่งเสริมเครื่องไฟฟ้าและนวัตกรรมประหยัดพลังงาน เช่น มาตรการ เบอร์ 5 พลัส ฯลฯ
“เป็นการยกระดับนโยบายและมาตรการพัฒนาพลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงานแบบปฏิรูปเชิงโครงสร้างและระบบครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ ภายใต้ยุทธศาสตร์สร้างเงินสร้างคนสร้างชาติด้วยเทคโนโลยีแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนตอบโจทย์ภาวะวิกฤติเศรษฐกิจและพลังงานของปัจจุบันและอนาคตเพื่อประเทศและคนไทยทุกคน” นายอลงกรณ์ กล่าว
พิสิฐ เสนอลดสูตรน้ำมันเหลือแค่ 2 สูตร
สำหรับ ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม อดีต รมช.กระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ราคาพลังงานเป็นต้นทุนในการประกอบวิชาชีพในทุกภาคส่วน รวมไปถึงเรื่องของภาระค่าครองชีพของประชาชนด้วย ดังนั้นการรื้อระบบ วิธีคิด ราคา ต้นทุนต่างๆ เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ถ้ามีการยกเลิกค่า FT และปรับโครงสร้างพลังงานตามที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอไป ก็จะได้ราคาพลังงานที่ถูกลง
นอกจากนี้ ดร.พิสิฐ ยังอยากจะให้มีการปรับโครงสร้างของการทำงานในภาคพลังงาน เช่น เรื่องของการที่มีสูตรน้ำมันเยอะไปหมด ทั้งเบนซินและดีเซล ให้เหลือ 1-2 สูตรก็พอจะเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายทั้งผู้ผลิตและผู้ขาย ทำให้มีต้นทุนที่ต่ำลง รวมไปถึงเรื่องของการคิดราคาจากโรงกลั่น ซึ่งต้องยอมรับว่าโรงกลั่นปัจจุบันที่มีอยู่ 5-6 โรง สร้างมาไม่ต่ำกว่า 30 ปี แล้ว มีการเสื่อมราคาไปหมดแล้ว ดังนั้นการคิดค่าโรงกลั่นมีการบวกค่าเสื่อมราคาไปเกินสมควรหรือเปล่า ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการเจรจากับผู้ประกอบการ
การใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันจะต้องลดลงโดยต้องใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น เช่น รถ EV ประชาชนอยากซื้อแต่ไม่มีไฟฟ้าชาร์จ รัฐบาลต้องสนับสนุนเรื่องนี้อย่างจริงจัง ต้องมีการสนับสนุนให้ประชาชนมีการเดินสายไฟฟ้าเพื่อชาร์จรถ EV โดยการลดหย่อนภาษี หรือให้การไฟฟ้าต้องมีการจัดตั้ง รวมไปถึงรถมอเตอร์ไซค์และรถขนส่งสาธารณะต่างๆ ต้องมีมาตรการปรับเปลี่ยนจากการใช้พลังงานน้ำมันมาใช้พลังงานไฟฟ้าให้มากที่สุดเพื่อลดปัญหามลพิษ
นอกจากนี้ยังสนับสนุนมาตรการปลูกป่าอย่างจริงจัง ทั้งในเชิงพาณิชย์ ในพื้นที่ของรัฐและของชุมชน เพื่อดูดซับมลพิษ โดยเฉพาะสามารถนำป่าไม้ที่มีอยู่ 30% ขยายเป็น 50% ของพื้นที่ มาขาย Carbon Credit ซึ่งตลาด Carbon Credit ต้องมีการจัดตั้งอย่างจริงจัง