ThaiPublica > คอลัมน์ > The Snow Girl เบื้องหลังที่คุณอาจยังไม่รู้

The Snow Girl เบื้องหลังที่คุณอาจยังไม่รู้

20 มีนาคม 2023


1721955

*หมายเหตุ: บทความนี้จงใจจะข้ามข้อมูลบางอย่าง เพื่อไม่เป็นการสปอยเนื้อหาในซีรีส์

ส่วนตัวผู้เขียนไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าในไทยซีรีส์เรื่องนี้ได้รับความนิยมมากน้อยแค่ไหน เพราะผู้เขียนเองก็ไม่ได้กะจะดูเลย และไม่เคยรู้จักซีรีส์เรื่องนี้มาก่อน เนื่องจากไม่ใช่ซีรีส์อเมริกาหรือเกาหลีที่นิยมกัน แต่พอดูแล้วหยุดไม่ได้จริง ๆ สนุกเกินคาด ดูรวดเดียวจบ และมีแง่มุมน่าสนใจอย่างมาก

The Snow Girl (2023) เป็นมินิซีรีส์ดราม่าสืบสวน 6 ตอนจบ จากประเทศสเปน ที่ปล่อยลง NetFlix พร้อมกันรวดเดียวเมื่อ 27 มกราคมที่ผ่านมา กำกับโดย เดวิด อัลโลอา กับ ลอรา อัลเวีย อันเป็นเรื่องที่เริ่มต้นในปี 2010 เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เด็กหญิง อมายา วัย 5 ขวบหายตัวไปในวันเฉลิมฉลองใหญ่ เด็กน้อยมีพ่อคือ อัลวาโร (ราอูล ปริเอโต) เป็นนักวาดการ์ตูนและเป็นพ่อบ้านเลี้ยงดูลูกสาว ขณะที่ฝ่ายแม่คือ อันนา (ลอเร็ตโต มัวลอง) เลือกจะทำงานนอกบ้าน เป็นหมอในคลินิกให้คำปรึกษาผู้มีบุตรยาก

บรรยากาศขบวนพาเหรดของจริงในเมืองมะลาก๊ะ

Málaga

หลังจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีผลบังคับใช้ในปี 1978 สเปนแบ่งประเทศเป็น 17 ชุมชนปกครองตนเอง (และอีก 2 เมืองปกครองตนเองของสเปนในแอฟริกาเหนือ) ในซีรีส์เล่าว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นในเมืองมะลาก๊ะ ที่อยู่ในชุมชนปกครองตนเองแคว้นอันดาลูเซีย อันเป็นชุมชนปกครองตนเองที่มีประชากรมากที่สุด และใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ ตัวดินแดนนี้แบ่งออกเป็น 8 จังหวัด คือ อัลเมรีอา, กาดิซ, กอร์โดบา, กรานาดา, อูเอลวา, ฮาเอน, มะลาก๊ะ และเมืองหลวงเซบียา แคว้นอันดาลูเซียอยู่ทางตอนใต้สุดของประเทศ ส่วนมะลาก๊ะเป็นเมืองแถบชายฝั่งทะเล

มะลาก๊ะ เป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับสองในแคว้นอันดาลูเซีย และมีประชากรมากเป็นอันดับหกของประเทศ มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,800 ปี ทำให้ที่นี่เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปตะวันตก และเป็นเมืองสำคัญด้านการท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นบ้านเกิดของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ ปาโบล ปิกัสโซ่ ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาที่นี่ไม่ต่ำกว่าปีละ 6ล้านคน และปัจจุบันเป็นเมืองด้านเทคโนโลยี และกำลังขยายตัวด้านการขนส่งและโลจิสติกส์เนื่องจากอยู่แถบชายทะเล

3 กษัตริย์ ตัวแทน 3 เชื้อชาติ

Cavalcade of Magi

เหตุการณ์ในซีรีส์เล่าว่าเด็กหญิงอมายา หายตัวไประหว่างขบวนพาเหรด ที่ในฉบับแปลไทยแปลว่าวันคริสตมาส แต่กลับระบุวันที่เป็น 5 มกราคม ตรงนี้ก็ต้องอธิบายให้เคลียร์ว่า จริง ๆ แล้วเหตุการณ์ในเรื่องเกิดขึ้นในวันสำคัญทางศาสนาคริสต์ที่ชาวสเปนเรียกว่า Cavalcade of Magi หรือวันขบวนแห่ 3 นักปราชญ์ อันเป็นหนึ่งวันก่อนวันประสูติพระเยซู (Epiphany “วันปรากฏ” 6 มกราคม) ซึ่งประวัติศาสตร์การเลือกวันประสูติของพระเยซูมีความซับซ้อนอย่างมาก และแท้จริงในไบเบิลไม่เคยระบุเอาไว้ว่าพระเยซูประสูติวันไหน

เว็บศิลปวัฒนธรรม ในบทความ “ไบเบิลไม่บอกวันประสูติพระเยซู” แล้วคริสต์มาสมาจากไหน?? ได้อธิบายว่า “ในศตวรรษที่ 4 ความเชื่อเรื่องวันประสูติได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย กล่าวคือชาวโรมันตะวันตกเชื่อว่าพระเยซูประสูติในวันที่ 25 ธันวาคม ในขณะที่ทางโรมันตะวันออกเชื่อว่าน่าจะเป็นวันที่ 6 มกราคม” คือตามความเชื่อดั้งเดิมก่อนศตวรรษที่ 4 ชาวคริสต์ถือเอาวันที่ 6 เป็นวันประสูติ แต่แล้วมีการเปลี่ยนแปลงให้เป็นวันที่ 25 ธันวาคมในภายหลัง

แต่ในส่วนของวันขบวนแห่ 3 นักปราชญ์ มาจากความเชื่อในไบเบิล (แมทธิวบทที่ 2) ที่เล่าว่ามีนักปราชญ์จำนวนหนึ่งออกเดินทางตามหาบุตรของพระเจ้า ก่อนจะมอบ ทองคำ มดยอบ และกำยาน อันเป็นของมีค่าในสมัยนั้นให้กับกุมารน้อยเยซู จริง ๆ แล้วในไบเบิลไม่มีระบุจำนวนของนักปราชญ์กลุ่มดังกล่าว แต่นับตามจำนวนของขวัญ จึงยึดเอาว่าในเหตุการณ์ดังกล่าวมีนักปราชญ์ 3 คน

ส่วนในด้านตำนานของสเปน เชื่อกันว่านักปราชญ์ทั้ง 3 เป็นกษัตริย์สามองค์ บางทีจึงเรียกวันแห่ว่า “แห่สามกษัตริย์” อันหมายถึง เมลคีออร์ ชาวเปอร์เซีย (อิหร่าน), กัสปาร์ ชาวอินเดีย (เอเชียน) และบัลธาซาร์ ชาวเอธิโอเปีย (แอฟริกัน) อันมีนัยยะว่าคนเหล่านี้เดินทางมาจากหลากหลายดินแดนโดยมิได้นัดหมาย ซึ่งพวกเขาเดินทางด้วย ม้า อูฐ และช้าง

เด็กสเปนจะเชื่อด้วยว่าในคืนขบวนแห่พวกเขาต้องรีบกลับบ้านเพื่อไปขัดรองเท้า แล้ววางรองเท้าเอาไว้ข้างเตียงก่อนเข้านอน ตื่นเช้ามาพวกเขาจะได้รับของขวัญวางอยู่ใต้รองเท้านั้น แน่นอนว่าธรรมเนียมนี้ภายหลังถูกเปลี่ยนเป็นวางถุงเท้าไว้ข้างปล่องไฟ เพื่อรอของขวัญจากซานตาคลอส ส่วนเด็กคนไหนรู้ตัวว่าเกเร ให้วางถ่านหินเอาไว้ (ในสเปนจะใช้ก้อนน้ำตาลย้อมสีดำแทนถ่านหิน) และพาเหรดดังกล่าวไม่ได้จัดขึ้นเฉพาะเมืองนี้เท่านั้น แต่ทุกเมืองจะมีขบวนแห่แบบนี้เป็นของตัวเอง

มิเรน กับ เอดูอาร์โด

The Snow Girl เล่าสลับเหตุการณ์ไปมาระหว่างปี 2010, 2016 และ 2019 นอกจากเหตุการณ์หลักแล้ว ยังเล่าถึงตัวนางเอก มิเรน โรโจ (มิเลนา สมิธ) ผู้เป็นนักศึกษาฝึกหัดในข่าวสืบสวนของหนังสือพิมพ์แห่งหนึ่ง เธอมีอาจารย์ผู้คอยช่วยเหลือและเป็นห่วงเป็นใยเธออย่างมาก เอดูอาร์โด (โฆเซ่ โคโรนาโด)

มิเรน สนใจคดีหายตัวไปของ อมายา เป็นอย่างมาก เธอมีความเชื่อมโยงประหลาดเพราะ 2 ปีก่อนหน้านี้เธอเองก็เคยประสบเหตุบางอย่าง ซึ่งทำให้เธอพบว่าตำรวจไร้ประสิทธิภาพ และไม่ได้ตั้งใจจริงในการช่วยเหลือเธอ ทำให้มิเรนมีความพยายามอย่างหนักในการจะช่วยไขคดีของ อมายา

ดัดแปลงจากนิยายดัง

สิ่งฮือฮาและเป็นความภาคภูมิใจจริง ๆ ของชาวสเปน คือเป็นซีรีส์ที่ดัดแปลงจากนิยายชุดเลื่องชื่อ La chica de nieve (2020) โดยนักเขียนชื่อดัง ฆาเวียร์ กัสติโย ผู้ที่นักวิจารณ์ให้ฉายาเขาว่าเป็น “สตีเฟ่น คิง แห่งสเปน” โดยเฉพาะนิยายเล่มนี้ที่กลายเป็นซีรีส์ The Snow Girl มียอดขายมากกว่าล้านเจ็ดแสนเล่ม

จริง ๆ แล้ว กัสติโย มีอาชีพเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ก่อนที่จะเขียนนิยายเรื่องแรกที่เริ่มทะยอยอัพโหลดผ่านทางออนไลน์โดย คินเดิลพับลิช (แพล็ตฟอร์ม e-book) ตั้งแต่ปี 2014 เรื่อง The day that sanity was lost (El día que se perdió la cordura รวมเล่มในปี 2017) และต่อเนื่องด้วย The day that love was lost (El día que se perdió el amor รวมเล่มในปี 2018) ที่ไต่จากยอดขายสามแสนเล่มไปสู่ทะลุล้านเล่มในเวลาอันรวดเร็ว แปลเป็น 10 ภาษา และตีพิมพ์ไปกว่า 40 ประเทศทั่วโลก และสองเล่มนี้กำลังจะดัดแปลงเป็นซีรีส์ในสเปน

โดย 2 เรื่องแรกนี้เป็นนิยายระทึกขวัญที่เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อชายคนหนึ่งเดินเปลือยกายกลางเมืองบอสตัน พร้อมกับหิ้วหัวของหญิงคนหนึ่ง ส่งผลให้นักสืบคดีอาชญากรรม, ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวช และเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ ต้องมาวางแผนร่วมกันไขคดีสุดเหี้ยมหินนี้
กัสติโยย้อนเล่าให้ฟังว่า “ผมใช้เวลาวันละ 40 นาที ระหว่างนั่งรถไฟไปกลับจากบ้านที่เขตฟูเอนจิลาถึงที่ทำงานในตัวเทศบาลเมืองมะลาก๊ะทุกวัน ใช้เวลาครึ่งปีวางแผนในเรื่องทั้งหมดก่อนที่จะลงมือเขียนอีกปีกว่า ตอนเขียนเสร็จเล่มแรก ผมพิมพ์ออกมา 4 ฉบับ ส่งไปให้สำนักพิมพ์ 4 แห่ง แต่ปรากฏว่าไม่มีสำนักพิมพ์ไหนตอบกลับมาเลย ผมเลยตัดสินใจอัพโหลดมันผ่านคินเดิล แล้วกลายเป็นว่ามันถูกขายวันละไม่ต่ำกว่าพันก็อปปี้ผ่านเว็บอะเมซอน ถึงจากนั้นเองทำให้มีสำนักพิมพ์หลายแห่งแวะมาเคาะประตูบ้านเพื่อพยายามจะพิมพ์มันออกมาเป็นหนังสือจริง ๆ” แล้วนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาลาออกจากงานประจำมานั่งเขียนนิยายอย่างจริงจัง

ต่อมาเขามีนิยายเรื่องเดี่ยวอีก 1 เล่มคือ Everything that happened with Miranda Huff (Todo lo que sucedió con Miranda Huff, 2019) กัสติโย เล่าแนวคิดของเขาว่า “หนังสือเล่มนี้เหมือนปริศนา 500 หน้า ที่ทุก ๆ หน้าจะทำให้ผู้อ่านเกิดคำถามคาใจ มันจะไม่สมเหตุสมผลเลยตราบที่คุณยังอ่านไม่จบ ต่อเมื่อคุณอ่านถึงหน้าสุดท้ายคุณจะเข้าใจว่าทำไมเหตุการณ์ในเรื่องจึงเกิดขึ้น”
เป็นเรื่องราวของมือเขียนบทหนังฮอลลีวูดผู้หมดแรงบันดาลใจ และชีวิตสมรสตกอยู่ในวิกฤต เขาได้รับคำแนะนำจากนักบำบัดจิตให้ไปพักผ่อนกับภรรยา เขาจึงเดินทางในช่วงสุดสัปดาห์ไปพักในกระท่อมกลางป่า โดยให้ภรรยาล่วงหน้าไปก่อน แต่เมื่อไปถึงกลับพบว่าอ่างอาบน้ำเต็มไปด้วยเลือด มีแก้วไวน์สองใบวางบนโต๊ะ และภรรยาของเขาหายไปไหนก็ไม่รู้

นิยายเล่มแรกของสเปนที่ได้รับการโปรโมทกลางไทม์สแควร์ในอเมริกา

ล่าสุดเขาตีพิมพ์นิยายชุด 3 เล่มที่กลายมาเป็นซีรีส์เรื่องนี้ The Snow Girl ที่มีภาคต่ออีก 2 เล่ม โดยดำเนินเรื่องด้วยนางเอกคนเดียวกันผู้เป็นนักข่าวฝ่ายสืบสวนของหนังสือพิมพ์ คือ The Soul Game (El juego del alma, 2021) และ The Crystal Cuckoo (El cuco de cristal, 2021) ที่ไต่จากยอดขาย ล้านสามแสนเล่มไปสู่ล้านเจ็ดแสนในเวลาล่าสุด และทำให้เขาคว้ารางวัลนักเขียนยอดเยี่ยมแห่งปี จากนิตยสาร HOY รวมถึงทำให้เขาเป็นนักเขียนสเปนคนแรกที่โด่งดังขนาดได้รับการโปรโมทบนจอแอลอีดีใหญ่ยักษ์กลางจัตุรัสไทม์สแควร์ ทั้งที่ฉบับที่ตีพิมพ์เป็นภาษาสเปน แต่ต้องไม่ลืมว่าประชากรที่อ่านภาษาสเปนมีมากกว่า 60ล้านคนทั่วสหรัฐ

กัสติโยเล่าให้ฟังถึงไอเดียตอนเขียน The Snow Girl ให้ฟังว่า “ไม่กี่ปีก่อนเขียน มีอยู่วันหนึ่งขณะที่ผมเดินไปตามถนนกับภรรยาและลูกวัย 3 ขวบ จู่ ๆ ลูกสาวผมก็หลุดมือไปแล้วผมก็ใจหายอย่างมากรีบคว้ามือเธอกลับมา วินาทีนั้นเองที่ผมเกิดความคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมคว้าเธอไว้ไม่ทัน แล้วปล่อยเธอหลุดหายไปท่ามกลางฝูงชน ท่ามกลางสังคมเดี๋ยวนี้ที่พวกใคร่เด็กมีเยอะขึ้นอย่างมาก มันคือฝันร้ายที่เลวร้ายสุด ๆ สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่”

อีกประเด็นที่น่าสนใจมากเกี่ยวกับสื่อมวลชนที่ กัสติโย เล่าว่า “ในนิยายค่อนข้างสุดโต่งในการแสดงให้เห็นภาพของสื่อมวลชนที่ต่างกันอย่างสุดขั้ว มันจะมีสื่อประเภทที่ต้องการยอดไลค์ พาดหัวข่าวหวือหวา ยอดวิวสูงลิ่ว ขณะที่จะเห็นได้ว่าตัวเอกของเรามีความจริงจังอย่างมากเพื่อจะช่วยไขคดีนี้ และปมหนึ่งที่ทำให้เธอไม่พักเลยและหมกมุ่นกับมันอย่างมาก เพราะเธอเองก็คือเหยื่อด้วยเช่นกัน”

สิ่งที่ต่างจากในนิยาย

อันที่จริงต้องยอมรับว่าประการหนึ่งที่ทำให้นิยายของกัสติโยเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะจริง ๆ แล้วนิยายของเขาทั้งหมด ไม่ได้วางฉากหลังในสเปนเลย หากแต่เป็นเรื่องราวในอเมริกา ทำให้มันเป็นสากลและถูกตีพิมพ์อย่างกว้างขวาง เพราะผู้คนทั่วโลกสามารถเชื่อมโยงได้กับวัฒนธรรมอเมริกันมากกว่า ไม่เว้นแม้แต่ The Snow Girl

อย่างไรก็ตามเมื่อพอมันถูกดัดแปลงเป็นซีรีส์ทีวี ด้วยทีมโปรดัคชั่นทั้งหมดเป็นชาวสเปน สุดท้ายเวอร์ชั่นซีรีส์จึงถูกเปลี่ยนกลับไปเป็นเมืองมะลาก๊ะบ้านเกิดของ กัสติโย เอง เพื่อง่ายและเซฟงบในการถ่ายทำทั้งหมด ดังนั้นสิ่งที่ต้องรู้อีกอย่างคือ ซีรีส์มีรายละเอียดเล็กน้อยต่าง ๆ ไม่เหมือนในนิยาย เพราะนิยายดำเนินเรื่องทั้งหมดในนิวยอร์ก

ในซีรีส์เรื่องราวเริ่มต้นในเดือนมกราคมปี 2010 แต่อันที่จริงในนิยายเป็นพาเหรดวันขอบคุณพระเจ้าในเดือนพฤศจิกายน ณ กรุงนิวยอร์กปี 1998 ส่วนอมายาอายุ 5 ขวบ ในนิยายเป็นเด็กหญิงเคียรา อายุ 3 ขวบ (เท่ากับลูกสาวของกัสติโย) ก่อนที่นิยายจะตัดไปเล่าเหตุการณ์ในปี 2003 และ2010 รวมถึงตัวละครตำรวจสายสืบในซีรีส์เป็นผู้หญิง แต่จริง ๆ แล้วในนิยายเป็นผู้ชาย ด้วยเหตุผลที่ทีมโปรดัคชั่นซีรีส์เห็นว่า “อยากให้มีตัวละครหญิงที่ไม่ใช่เหยื่อ ไม่ใช่ผู้ร้ายอยู่ในเรื่องบ้าง”

และสิ่งสำคัญที่สุดคือ เมื่อมันถูกเปลี่ยนฉากหลังไปเป็นสเปนทางตอนใต้ อันเป็นที่ที่ไม่มีหิมะตก ในซีรีส์ก็มีคำอธิบายนี้ ซึ่งความหมายของ The Snow Girl ในนิยาย ที่เด็กหญิงหายไปท่ามกลางหิมะในเดือนพฤศจิกายน จึงต่างจากในซีรีส์อย่างสิ้นเชิง

เรื่องย่อซีซั่น 2

ในตอนจบของ The Snow Girl มิเรน ได้รับจดหมายลึกลับ เป็นภาพถ่ายโพลารอยด์เด็กหญิงคนหนึ่ง ที่แปะชื่อบนรูปว่า ลอรา วัลดิเวีย นี่จะนำไปสู่คดีสำคัญในซีซั่นสอง หากว่า NetFlix จะยังลงทุนกับภาคต่อไป อันเป็นเรื่องราวในเล่มที่สองของนิยายชุดนี้ใน The Soul Game ในนิยายเด็กคนนี้มีชื่อว่า จีนา เพ็บเบิลส์ ภาพถ่ายดังกล่าวถูกถ่ายในปี 2002 (ในซีรีส์คือ 2012 ดังรูป) แต่ร่างของเธอถูกพบในปี 2011(ในซีรีส์คือ 2021) ถูกตรึงกางเขนไว้ในโบสถ์ชานเมืองของนิวยอร์ก ด้วยวัย 15 ปี แปลว่าเธอถูกลักพาตัวไปตั้งแต่ 6 ขวบ ซึ่งการตายของเธอจะพัวพันกับลัทธิประหลาด ส่วนจะเกี่ยวข้องกับเรื่องราวในซีซั่นแรกหรือไม่อย่างไรก็ต้องคอยลุ้นกันว่าโปรเจ็คต์ภาคต่อนี้จะได้ไฟเขียวหรือไม่

สำหรับผู้เขียน ส่วนที่สะเทือนใจมากคือเมื่อซีรีส์ได้แฉขบวนการของนักข่มขืนใคร่เด็ก ที่เชื่อมโยงกับธุรกิจขายคลิปโป๊ ตัวละครหนึ่งในนั้นกล่าวกับมิเรนนักข่าวหญิงว่า “ผมแนะนำอะไรอย่างหนึ่งให้นะ…ลืมมันไปซะ คุณไม่ได้สู้อยู่กับคน คุณกำลังต่อสู้กับความเป็นจริง ผมถูกขังอยู่ในคุกนี่ แล้วการข่มขืนหยุดหรือ หนังโป๊เด็กมันลดลงไหม ไม่สำคัญหรอกกว่าคุณจับพวกเราเข้าคุกได้หมดหรือเปล่า จะมีคนอื่นอีกที่ทำเหมือนกันอยู่ดี เราไม่มีหัวหน้า เพราะมันคือระบบ มันคือวิถีแบบนี้เอง…โลกมันก็เป็นแบบนี้แหละ”