ThaiPublica > เกาะกระแส > SENA กางแผนธุรกิจปี 2023 ขยาย 10 ธุรกิจใหม่รับ Mega Trend โลก

SENA กางแผนธุรกิจปี 2023 ขยาย 10 ธุรกิจใหม่รับ Mega Trend โลก

3 มีนาคม 2023


SENA กางแผนธุรกิจ ปี 2023 ชู Sustainable Business ผ่านคีย์เวิร์ด “SENA Multiplied” ขยายโอกาสเพิ่ม 10 ธุรกิจใหม่ สร้างรากฐานตามแบบ “Lifelong Trusted Partner” เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีทุกช่วงอายุ พร้อมรับ Mega Trend โลก เดินหน้าทุ่ม 24,000 ลบ. 26 โครงการ ตั้งเป้ายอดขาย 18,000 กว่าลบ. และยอดโอนรวม 16,500 ลบ.

บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดแผนธุรกิจปี 2023  ภายใต้วิชั่น Sustainable Business ผ่านคีย์เวิร์ด “SENA Multiplied” พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงโลกโดยเปลี่ยนตัวเองจาก บริษัท Property Developer สู่ “The Essential Lifelong Trusted Partner” เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)  กล่าวถึงที่มาของแผนธุรกิจในปี2023 ว่า จากปี 2022 ที่ผ่านมาถือเป็นปีที่มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในชีวิตนับจากการลงพื้นที่ช่วยผู้ว่ากรุงเทพมหานครหาเสียงเลือกตั้ง และการเข้าไปทำงานในฐานะที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม.ทำให้ได้พบอีกโลกหนึ่งที่ไม่เคยสัมผัส ทำให้โลกเดิมที่เคยอยู่กว้างขวางมากขึ้น มองภาพใหญ่ที่มากกว่า Developer ที่พบเจอเฉพาะผู้รับเหมา ธนาคาร  และพบคนอื่นๆที่ไม่ใช่เพียงแค่ลูกค้าของบริษัทเสนาฯเท่านั้น

การลงพื้นที่ทำให้รู้สึกกลัว จากเดิมที่โลกของนักธุรกิจสร้างบ้าน พบปะผู้คนไม่มาก แต่พอลงพื้นที่ทำให้พบปัญหาความเหลื่อมล้ำเป็นเรื่องที่ใหญ่โตมากใน กทม. มีชุมชนจำนวนมากที่ไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟฟ้าใช้  เช่น ชุมชนแออัดทองหล่อ ที่ตั้งหลังสถานีตำรวจทองหล่อ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวที่ดินราคาแพงมาก แต่ชาวชุมชนเหล่านั้นบ้านของเขามาจากป้ายหาเสียง หรือแผ่นป้ายโฆษณาที่นำมาประกอบเป็นบ้านอยู่อาศัยหลังหนึ่ง ขณะที่เราเดินออกไปอีกแค่ 20 ก้าว เราจะเห็นสภาพอีกแบบหนึ่งของท่องหล่อ

“พอเจอปัญหาเหล่านี้ทำให้ ตั้งคำถามว่า แล้วเราจะไปยังไงต่อ  เราสามารถทำอะไรได้บ้างในจุดที่เราเป็นนักธุรกิจที่จะทำให้สถานการณ์เหล่านี้ดีขึ้นได้”

ผศ.ดร.เกษรา บอกว่าไม่เพียงปัญหาความเหลื่อมล้ำทางด้านสังคม และยังพบว่าปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ หรือ climate change ที่ได้ยินมานานตั้งแต่ยังไม่สอบเข้ามาหาวิทยาลัย จนปัจจุบันปัญหาเหล่านี้มีผลกระทบที่ชัดเจนมากขึ้น รวมไปถึงเรื่องพลังงาน

นอกจากนี้ปัญหาอื่นๆของประเทศก็มีเพิ่มมากขึ้น ทั้งในเรื่องสาธารณสุข ที่มีบุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ และประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ รวมไปถึงเรื่องของ Urbanization หรือความเป็นเมือง ที่คนกว่า 73 % เข้าแออัดในเมือง ขณะที่ราคาอสังหาริมทรัพย์เฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้น 8% ทุกปี

“ปัญหาที่เกิดขึ้นคือความท้าทายของ Social Challenge ที่เกิดขึ้นทำให้กลับมาตั้งคำถามว่า เราจะทำอย่างไรกับปัญหาเหล่านี้ โดยที่ไม่ทำให้มีปัญหามากขึ้น แทนที่จะเป็นบริษัทที่ขายบ้าน ขายคอนโดอย่างเดียว เรามีส่วนช่วยทำให้ปัญหาเหล่านี้ไม่หนักขึ้นไปกว่าเดิม อย่างน้อยสิ่งที่เราทำประโยชน์ในปัจจุบันจะไม่เป็นปัญหาในอนาคตกับลูกหลาน”

ผศ.ดร.เกษรา บอกว่าแนวคิดทั้งหมดจึงเป็นที่มาของ วิชั่นและแผนธุรกิจในปี 2023 โดยเราจะให้ความสำคัญและผลักดันเป็นยุทธศาสตร์หลักเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจบนแนวคิดสร้างความยั่งยืน (Sustainability) ให้กับสังคม  และเติบโตไปกับเมกะเทรนด์โลกที่อย่างยั่งยืนและรับผิดชอบ โดยเราจะขยายธุรกิจจากเดิม SENA พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย หรือสร้างบ้าน คอนโดมิเนียมขาย แต่วันนี้เราเปลี่ยนตัวเองเป็น Lifelong  Partner ของคนทุกคน โดยเราจะเป็น Partnerให้กับคนทุก GEN

SENA Multiplied  : ขยาย 10 ธุรกิจใหม่

ผศ.ดร.เกษรา ย้ำว่า วันนี้ SENA เรายกระดับ (ENHANCED) การพัฒนาโครงการบ้านติดโซลาร์สู่การพัฒนาบ้านพลังงานเป็นศูนย์ “ZERO ENERGY HOUSING” (ZEH) ลดการใช้พลังงานได้ไม่ต่ำกว่า 20 % ในบ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียมของ SENA พร้อมขยายธุรกิจใหม่ (New Business) ที่หลากหลายและครอบคลุมตาม Mega Trend และ Social Challenge ผ่านแกนวิชั่นโครงสร้างองค์กรที่เป็นมากกว่า Property Developer สู่ “The Essential Lifelong Trusted Partner” เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี  บนแกน “SENA Multiplied”

“ภายใต้วิชั่นใหม่ที่เราต้องการเป็น Partner มากกว่าคนขายบ้าน เราจะขยายธุรกิจเพิ่มเติมอีก 10 ธุรกิจ โดยมีงบประมาณเพื่อการลงทุนในการพัฒนาสินค้าและขยายโอกาสสู่ธุรกิจใหม่ 9,084 ล้านบาท”

ขยาย10 ธุรกิจใหม่เป็นมากกว่าบริษัทขายบ้าน

สำหรับ MULTIPLY: New Business to Strengthen Core Business หรือธุรกิจใหม่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับ Core Business เดิม หรือการต่อยอดพัฒนาอสังหาฯ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตลูกบ้านให้มีความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ประกอบด้วย

1.จับมือบริษัท เอ็นอีซี คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด หรือ NEC Thailand ที่ปรึกษาเทคโนโลยีด้านไอที บริษัทชั้นนำระดับโลก พัฒนาแพลตฟอร์ม “SMARTIFY” Smart Living Community เพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าและลูกบ้าน

2.ธุรกิจบริการทางการเงิน “เงินสดใจดี” ซึ่งได้จดทะเบียนกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อเพิ่มความสามารถในการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้า พร้อมให้คำปรึกษาและให้ความรู้ทางด้านการเงิน

3.ธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เพื่อบริการขายและให้เช่าอสังหาริมทรัพย์

4.ธุรกิจบริหารนิติบุคคลโครงการที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินแบบครบวงจร (Property Management)

5.ธุรกิจบ้านมือสอง “SENA SURE”  โดยร่วมกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM และบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM คัดเลือกทรัพย์และนำมาปรับปรุงให้มีคุณภาพ ทางเลือกหนึ่งให้คนที่ต้องการที่อยู่อาศัย

เปิด 2 บริษัทขยายธุรกิจรับเมกะเทรนด์โลก

ผศ.ดร.เกษรา ยังกล่าวอีกว่า MULTIPLY ในส่วนของ New Business New Foundation โดยเสนาฯ ขยายธุรกิจใหม่เพื่อรับการเปลี่ยนแปลงเมกะเทรนด์ เช่น ยกระดับคุณภาพชีวิตให้สะดวกสบาย (Convenience) ให้กับทุกคน และเน้นธุรกิจที่ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ใหม่ให้กับการใช้ชีวิตเพื่อช่วยกันลดการปล่อยคาร์บอน (Decarbonization Lifestyle) รวมถึงการนำเทคโนโลยี

ด้านบริการเข้าปรับใช้เพิ่มความสะดวกสบายให้กับทุกคนและในทุกช่วงชีวิต พุ่งเป้าหมายธุรกิจเมกะเทรนด์ (Mega Trends) ของโลก สร้างสังคมที่ยั่งยืน ทั้งด้านบริการครอบคลุมครบ ขณะเดียวกัน มองว่าเทรนด์การลงทุนในธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เราพุ่งเป้าไปธุรกิจที่ตอบรับเมกะเทรนด์ (Mega Trend) ทั้งความยั่งยืนในการประกอบธุรกิจที่เป็นมิตรต่อโลก,สังคม, สุขภาพ, สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี

ผศ.ดร.เกษรา บอกว่า เสนาฯ  เตรียมธุรกิจใหม่ในกลุ่มนี้หลายธุรกิจประกอบด้วย 1.ขยายพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ใหม่ Premium Segment  ซึ่งปกติแล้วเสนาฯไม่ค่อยทำบ้านกลุ่มพรีเมียม แต่ปีนี้จะมีโครงการนี้มากขึ้น  2.การบริหารจัดการด้าน Hospitality เต็มรูปแบบ “Hotel & Service Apartment Management” ผ่านการจัดการด้วยมืออาชีพเฉพาะด้าน

3.ธุรกิจสถานดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยระยะฟื้นตัว (Nursing Home) “SJ HEALTHCARE” เพื่อรองรับการเติบโตของสังคมสูงอายุพัฒนา MEDICAL WELLNESS CENTER และ PRIMARY CARE สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการและความกังวลด้านดูแลสุขภาพโดยเฉพาะ

4.ธุรกิจ WAREHOUSE ให้เช่าแบบครบวงจร “METROBOX”  ซึ่งเป็นอาคารคลังสินค้ามาตรฐานสากลเพื่อผู้ประกอบการธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ เตรียมเปิด 2 ทำเล 1.บางนา บางพลี สมุทรปราการ และ 2.พหลโยธิน วังน้อย อยุธยา

5.จับมือบริษัท ชิเซ็น อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Shizen เพื่อลงทุนและศึกษาโอกาสความเป็นไปได้ในการขยายตลาดด้านพลังงานหมุนเวียนร่วมกันในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมองหาพันธมิตรในการติดตั้ง “โซลาร์แนวตั้ง” สำหรับอาคารสูงในประเทศไทยเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดให้มากที่สุด

6.เดินหน้าขยายพื้นที่ให้บริการชาร์จรถไฟฟ้า หรือ EV CHARGING STATION ด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าจากโซลาร์ เพื่อให้สอดคล้องไปกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และแนวทางการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (SMARTCITY) ปัจจุบันติดตั้งในหมู่บ้านของ SENA ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการติดตั้งสถานีชาร์ตรถไฟฟ้า (EV Charging Station) เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับลูกบ้านในโครงการและลูกค้าทั่วไปในอนาคต

7.บริษัท SENA REFORESTATION ปลูกป่ารักษาโลก ตามเป้าเจตนารมณ์ 100,000 ไร่เสนาฯ เตรียมทำธุรกิจโรงแรม ที่ธุรกิจเช่ารายวัน หรือเช่าระยะสั้น โดยโครงการทั้งหมดจะเกิดขึ้นในปี 2023

ผศ.ดร.เกษรา บอกว่านอกจาก 10 ธุรกิจใหม่ที่เสนาฯขยายเพิ่มขึ้นแล้ว ยังมี 2 บริษัทภายใต้เสนาฯกรุ๊ปคือ บริษัท Sen X property ซึ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ไปแล้วโดยจะดูแลธุรกิจของเงินสดใจดี  SMARTIFY, HEALTHCARE SERVICE และบริษัท SENA GREEN  ENERGY ดูแลเรื่องของ Premium House, METROBOX,EV CHARGING  STATION, HOTEL &SERVICE  APAPRTMENT

ปี2023 ทุ่ม 24,024 ล้าน 26 โครงการ

สำหรับผลประกอบการ ผศ.ดร.เกษรา กล่าวว่าในปี 2022 เป็นปีที่ไม่ดีหนักเพราะตั้งใจจะผลักดันให้เกิด 16 โครงการแต่สามารถดำเนินการได้เพียง 11 โครงการ จากค่าวัสดุอุปกรณ์ที่เพิ่มมากขึ้น โดยลงทุนไปทั้งหมด 8,908 ล้านบาท  ขายได้ 12,751 ล้านบาทมีกำไร 1,043 ล้านบาท

ขณะที่ ปี 2023  SENA เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 26 โครงการ รวมมูลค่า 24,024 กว่าล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ  9 โครงการ 7,471 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 17  โครงการ 16,553 ล้านบาท (ซึ่งใน 26 โครงการ แบ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับ ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป 22 โครงการ 21,210 ล้านบาท) โดยพันธมิตรฮันคิว ฮันชินมากว่า 8 ปี ร่วมกันพัฒนาโครงการรวม 45 โครงการ มูลค่า 69,554 ล้านบาท

ทั้งนี้ วางเป้าหมายสร้างสถิติครั้งใหม่ของบริษัท ด้วยเป้ายอดขาย 18,242 ล้านบาท และเป้าโอนรวม 16,539 ล้านบาท โดยมีสินค้าที่เหลือขาย คิดเป็นมูลค่า 22,294 ล้านบาท  เพื่อรอรับรู้รายได้ในอนาคต