ThaiPublica > คนในข่าว > Khmer Times สื่อกัมพูชา ยก “ฮุน มาเนต” ลูกชายคนโตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน “The Hope of Cambodia”

Khmer Times สื่อกัมพูชา ยก “ฮุน มาเนต” ลูกชายคนโตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน “The Hope of Cambodia”

12 มีนาคม 2023


พลโท ฮุน มาเนต ที่มาภาพ: FB:Hun Manet-C.O.Army Office

กัมพูชามีกำหนดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าในเดือนกรกฎาคม 2566 ซึ่งแม้คาดการณ์กันว่า สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรี จะยังกุมอำนาจได้ แต่ก็มีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น และสถานการณ์การเมืองระอุ เพราะยังมีความขัดแย้งเกี่ยวกับเครือญาติของนักการเมืองอาวุโสของกัมพูชา ที่อาจทำให้แผนสืบทอดอำนาจของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ยุ่งยากขึ้น หรือไม่เป็นตามแนวทางที่วางไว้ และยังเกิดคำถามว่า จีนสนับสนุนการถ่ายโอนอำนาจจริงหรือไม่

เกมการเมืองกำลังเปลี่ยน แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับสถานการณ์ซึ่งขอปิดชื่อได้เปิดเผยว่า สมาชิกในครอบครัวของรัฐมนตรีกลาโหม เตีย บัญ ถูกกล่าวหาว่าข่มขู่เครือญาติคนหนึ่งของสมเด็จฮุน เซน ซึ่งคนคนนี้เป็นผู้ที่อยู่ในข่ายได้รับการเลื่อนตำแหน่งในกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญของอิทธิพลจีนในกัมพูชา

นายกฯ ฮุน เซน วัย 70 ปี กำลังวางแผนที่จะมอบอำนาจให้กับลูกชายคนโตซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพคนปัจจุบันของประเทศ คือ ฮุน มาเนต ซึ่งพรรคประชาชนกัมพูชา (Cambodian People’s Party หรือ CPP) พรรครัฐบาลให้การยอมรับให้เป็นผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในอนาคตมาตั้งแต่ปลายปี 2564

นายกรัฐมนตรี สมเด็จ ฮุน เซน และรัฐมนตรีกลาโหม เตีย บัญ ที่มาภาพ: https://english.cambodiadaily.com/politics/hun-sens-dynasty-plan-under-hot-military-fire-181916/?fbclid=IwAR0oYqjQmWLEPXZI6x6ott0phiXPUIYFMJsspVwbvAIIrAe8E4Zyg1WTZNA

ขณะเดียวกัน นายสม รังสี นักการเมืองฝ่ายค้านกัมพูชาที่ลี้ภัยในต่างประเทศ ประกาศสนับสนุนลูกชายของรัฐมนตรีกลาโหมคนปัจจุบันให้เป็นนายกรัฐมนตรี

การประกาศของนายสม รังสี มีขึ้นหลังมีรายงานเกี่ยวกับการแย่งชิงอำนาจภายในพรรคประชาชนกัมพูชาหรือ CPP ที่ปกครองประเทศ ในเรื่องการเลือกผู้นำคนใหม่ที่จะสืบทอดตำแหน่งต่อจากฮุน เซน ซึ่งปกครองประเทศมาตั้งแต่ปี 2528

สม รังสี รักษาการประธานพรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) พรรคฝ่ายค้านที่ถูกยุบ ได้โพสต์ถ้อยแถลงในวันศุกร์บนเฟซบุ๊ก ให้การสนับสนุนนายเตีย เซฮา (Tea Seiha) ผู้ว่าราชการจังหวัดเสียมราฐและลูกชายของพลเอกเตีย บัญ รัฐมนตรีกลาโหม เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีสำหรับวาระปี 2566-2561

นายเตีย เซฮา (Tea Seiha) ผู้ว่าราชการจังหวัดเสียมราฐ ที่มาภาพ: https://www.rfa.org/english/news/cambodia/pm-candidate-03102023170621.html

ทางด้านพรรคประชาชนกัมพูชา จะจัดการประชุมใหญ่เพื่อให้ความเห็นชอบรายชื่อผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สำหรับการเลือกตั้งระดับชาติที่กำลังจะมีขึ้น โดยจะเพิ่ม “เลือดใหม่” และให้คำมั่นว่าจะส่งรายชื่อในวันแรกของการเปิดให้ลงทะเบียนที่กำหนดโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติ (National Election Committee:NEC)

ในการให้สัมภาษณ์กับ Khmer Times เมื่อเร็วๆ นี้ โสก อายสาน (Sok Eysan) โฆษกพรรค CPP กล่าวว่า พรรคจะส่งรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติให้กับ NEC ในวันที่ 24 เมษายน

นายอายสานกล่าวว่า พรรคจะอนุมัติรายชื่อตามหลักการที่ระบุไว้ในข้อบังคับและระเบียบภายในของพรรค ซึ่งเชื่อว่าในการประชุมใหญ่ที่กำลังจะมีขึ้น พรรคจะเพิ่ม “เลือดใหม่” เพื่อเสริมสร้างโครงสร้างพรรคและคว้าชัยในการเลือกตั้ง

“เราจะเสริมสร้างศักยภาพของหน้าเก่า (ส.ส. รายเก่า) และเพิ่มหน้าใหม่ (ตัวแทนหน้าใหม่) สำหรับบัญชีรายชื่อใหม่” “เราจะรักษาผู้ที่มีความสามารถและประสบการณ์ที่ดีไว้”

พรรคได้แสดงการสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทั้งสมเด็จฮุน เซน ในเป็นตัวแทนในการสมัครรับเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น และทั้ง พล.ท. ฮุน มาเนต ผู้บัญชาการกองทัพบกกัมพูชา (Royal Cambodian Army หรือ RCA) ในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีในอนาคต

แต่นายอายสานไม่สามารถบอกได้ว่า พล.ท. ฮุน มาเนต จะอยู่ในรายชื่อผู้สมัครหรือไม่

อยางไรก็ตาม Khmer Times ได้เผยแพร่บทบรรณาธิการภายใต้ชื่อ Hun Manet, the hope of Cambodia เชิงสนับสนุน พล.ท. ฮุน มาเนต

บทบรรณาธิการเริ่มจากการยกย่องการดำเนินนโยบายของสมเด็จฮุน เซน ว่าทำให้ประเทศบรรลุสันติภาพได้ “ในช่วง 500 ปีที่ผ่านมา กัมพูชาได้ผ่านการเปลี่ยนผ่านอำนาจที่รุนแรงหลายครั้ง ต้องยกย่องนโยบายแบบ win-win ของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ที่ทำให้กัมพูชาบรรลุสันติภาพในปลายปี 2541 หลังจากที่เขมรทุกฝ่ายมารวมกันภายใต้ชายคาเดียวกัน รัฐธรรมนูญฉบับเดียว และรัฐบาลเดียว”

แต่กระนั้น อย่าคิดว่าสันติภาพจะคงอยู่ตลอดไป เราต้องหล่อเลี้ยงและสร้างรากฐานแห่งสันติภาพต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางความไม่แน่นอนและความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ผู้นำทางการเมืองมีหน้าที่รับผิดชอบต่อเอกภาพ สันติภาพ และการพัฒนาของชาติ

นายกฯ ฮุน เซน ไม่เคยทอดทิ้งชาวกัมพูชา ท่านยังคงซื่อสัตย์ต่อประชาชนของท่านในทุกสถานการณ์และทุกเหตุการณ์ นี่คือความเป็นผู้นำของนายกฯ ฮุน เซน ในขณะที่การเปลี่ยนผ่านอำนาจครั้งประวัติศาสตร์กำลังจะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกรกฎาคมปีนี้ นายกฯ ฮุน เซน ต้องดูแลให้การเปลี่ยนผ่านจะดำเนินไปอย่างสันติและราบรื่น และได้แสดงให้เห็นว่าจะไม่อดกลั้นต่อผู้ที่มุ่งทำลายสันติภาพที่เราได้มาอย่างยากลำบาก

หากผู้นำคนต่อไปของเราไม่ได้รับการคัดเลือกอย่างระมัดระวัง จะเป็นการเปิดโอกาสให้กองกำลังต่างชาติเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของเราผ่านทางฝ่ายค้าน หรืออาจหมายถึงความโกลาหลภายในพรรคประชาชนกัมพูชา หากพรรคไม่มีความสามัคคี ข้าราชการจะหมกมุ่นอยู่กับการเมืองของพรรคมากเกินไป และไม่สามารถรับใช้ประชาชนกัมพูชาได้ตามที่พวกเขาได้รับเลือกให้เข้ามาทำ

เราได้เห็นตัวอย่างแล้วว่า สถานการณ์เช่นนี้ส่งผลต่อการเมืองของอังกฤษอย่างไร ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่มีความเป็นเอกภาพของพรรค หรือความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันภายในพรรคอนุรักษนิยม กลุ่มต่างๆ ภายในพรรคต่างหมกมุ่นอยู่กับการแข่งขันชิงตำแหน่งผู้นำ ซึ่งทำให้ชาวอังกฤษต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อสูง ความไม่มั่นคงทางอาหาร พลังงาน และวิกฤติด้านการรักษาพยาบาล

ผลที่ตามมาก็คือ ดังที่ได้ย้ำไว้ก่อนหน้านี้ การเลือกหัวหน้าพรรคการเมืองคนต่อไป จะต้องได้รับการคัดเลือกอย่างระมัดระวัง เพื่อให้ประเทศมีความสงบสุขและมั่นคง ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นภารกิจสำคัญของนายกรัฐมนตรี ที่จะต้องเลือกว่าจะถ่ายทอดหน้าที่ความรับผิดชอบ (pass the torch) ให้ใคร เพื่อนำพาประเทศของเราไปสู่ยุคแห่งสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองต่อไป

ในการประชุมใหญ่ของพรรคในปี 2564 คณะกรรมการกลางของ CPP ลงมติเป็นเอกฉันท์ ให้แต่งตั้งนายฮุน มาเนต เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในอนาคต

  • พรรคประชาชนกัมพูชา หนุน “ฮุน มาเนต” ลูกชายคนโตฮุนเซน ตัวแทนชิงนายกรัฐมนตรี
  • นายมาเนตเป็นผู้สมัครที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุด และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของเรา ในความเป็นจริง เขาเป็นชาวกัมพูชาคนแรกที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันเตรียมทหารของสหรัฐอเมริกา (United States Military West Point Academy) อันทรงเกียรติในปี 2542 จากนั้นเขาได้รับปริญญาโทสาขาเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์กในปี 2545 และปริญญาเอกสาขาเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบริสตอลในปี 2551

    หลังจากสำเร็จการศึกษา เขาได้เข้าร่วมและเป็นผู้นำกองกำลังพิเศษต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติของกระทรวงกลาโหม (National Counter-Terrorism Special Forces) ซึ่งเขาเลื่อนขั้นทางทหารมาเป็นลำดับ จนได้รับการแต่งตั้งเป็นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพกัมพูชา และผู้บัญชาการกองทัพบกกัมพูชา เขาได้รับความสนใจในระดับชาติและระดับนานาชาติ เมื่อรับหน้าที่เป็นผู้นำในการดูแลการเจรจาความขัดแย้งชายแดนกัมพูชา-ไทยในปี 2551-2554

    นอกเหนือจากหน้าที่ทางทหารแล้ว นายฮุน มาเนตยังมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในงานสังคมสงเคราะห์ ในฐานะประธานคณะกรรมการทุนการศึกษาสมเด็จเดโช ฮุน เซน (Samdech Techo Hun Sen Scholarship Committee) และสมาคมทุนการศึกษาสมเด็จเดโช (Samdech Techo Scholarship Association) และได้มอบโอกาสด้านทุนการศึกษาแก่เยาวชนชาวกัมพูชาหลายพันคน เพื่อลงเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศกัมพูชา

    นานมาเนตร่วมกับภรรยา ก่อตั้งและดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการของสมาคมแพทย์อาสาสมัครเยาวชนสมเด็จเดโช (Board of Directors of the Samdech Techo Youth Volunteer Doctor Association) ซึ่งรวบรวมบุคลากรทางการแพทย์ พนักงานฝึกหัด และอาสาสมัครจำนวนหลายพันคนเพื่อให้บริการรักษาพยาบาลฟรีในพื้นที่ชนบททั่วประเทศกัมพูชา ที่โดดเด่นที่สุดในช่วงการระบาดของโควิด-19 เขาได้เป็นผู้นำโครงการเพื่อนำทีมแพทย์ต่อสู้กับโรคร้ายและจัดตั้งสถานพยาบาลทั่วกรุงพนมเปญ เพื่อให้ชาวกัมพูชาเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ ซึ่งส่งผลให้ประสบความสำเร็จอย่างมาก และชัดเจนว่ามีส่วนสนับสนุนความพยายามโดยรวมในการต่อสู้กับโรคระบาดในประเทศของเรา

    นายฮุนมาเนต ในกิจกรรมพบปะกับกลุ่มเยาวชนของประชาชนกัมพูชา Cambodian People’s Party (CPP) วันที่ 11 มีนาคม 2563 ที่มาภาพ: FB Hun Manet-C.O.Army Office

    ด้านความรับผิดชอบใน CPP เขาได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหัวหน้ากลุ่มเยาวชนของ CPP ในปี 2563 ซึ่งสมาชิกได้ขยายตัวและหลากหลายมากขึ้น นับตั้งแต่ผู้นำคนใหม่นี้เข้ามาทำหน้าที่ เขาเข้าใจดีว่า ในฐานะผู้นำ เขาต้องได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มสมาชิกที่หลากหลายของ CPP ไม่ใช่เพียงกลุ่มชนชั้นนำทางการเมือง โดยที่มีแนวคิดนี้อยู่ในใจ ยุทธศาสตร์การปฏิรูปสำหรับ CPP ของเขาที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือ การเพิ่มการมีส่วนร่วมกับชุมชนชาวกัมพูชาพลัดถิ่นในต่างประเทศ ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้กลายเป็นสนามแข่งขันสำหรับฝ่ายค้าน ที่จะผูกขาดอิทธิพลและการโฆษณาชวนเชื่อของพวกเขา ซึ่งก็ประสบความสำเร็จชุมชนเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ชุมชนเหล่านี้ยังมีครอบครัวในกัมพูชา ที่สำคัญคือ พวกเขายังมีบทบาทต่อการที่ผู้ที่เคลื่อนไหวภายนอกมองกัมพูชาโดยรวม

    ฝ่ายค้านสามารถเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อของพวกเขาไปยังรัฐบาลอื่นๆ ผ่านชาวกัมพูชาพลัดถิ่นที่มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับกัมพูชาที่พัวพันกับการคอรัปชั่น ลัทธิคอมมิวนิสต์ การเลือกที่รักมักที่ชัง และหุ่นเชิดของเวียดนาม/จีน

    นายมาเนตเข้าใจว่า ในการแก้ไขเรื่องเล่าเหล่านี้ CPP ต้องจัดให้มีแพลตฟอร์มที่ปลอดภัย ซึ่งพวกเขาสามารถมีส่วนร่วมกับผู้พลัดถิ่นชาวกัมพูชา เพื่อให้รู้สึกว่ามีค่า ในขณะเดียวกัน ชาวกัมพูชาพลัดถิ่นเหล่านี้ในต่างประเทศยังสามารถได้รับทราบถึงพัฒนาการในกัมพูชา เพื่อดูว่าเราได้พัฒนาและเจริญรุ่งเรืองไปไกลเพียงใดตั้งแต่สมัยของเขมรแดง

    นอกจากนี้ เขาเข้าใจดีว่าการมีส่วนร่วมกับเยาวชนของ CPP มีความสำคัญต่ออนาคตของกัมพูชาเช่นกัน เนื่องจากเยาวชนจะเป็นผู้นำประเทศของเราในสักวันหนึ่ง สิ่งสำคัญคือ พวกเขาต้องได้รับการตระหนักถึงคุณค่าจาก CPP และพวกเขาจะต้องมีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น ในการกำหนดนโยบายที่ทันสมัยที่เกี่ยวข้องในสักวันหนึ่ง

    ด้วยวิสัยทัศน์นี้ประกอบกับลักษณะนิสัยส่วนตัวที่ ติดดิน เข้าถึงง่ายและเอาใจใส่ของเขา เขาจึงเป็นที่รักของ CPP โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนภายใต้การนำของเขา ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสันติในอนาคต

    ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ จะพูดได้อย่างไรว่า นายมาเนตไม่ใช่ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีที่มีคุณสมบัติเหมาะสม นักวิจารณ์ไม่ควรมุ่งความสนใจไปที่ความจริงที่ว่าเขาคือบุตรชายของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน แต่เขาเป็นผู้นำกัมพูชารุ่นใหม่ที่ได้มีคุณความดีและได้รับความไว้วางใจจากประชาชน เขามีผู้สนับสนุนหลายล้านคนอยู่เบื้องหลัง

    ในด้านนโยบายต่างประเทศ เป็นที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่า นายมาเนตจะยังคงดำเนินตามนโยบายต่างประเทศที่เป็นอิสระตามกฎหมายระหว่างประเทศและผลประโยชน์หลักของชาติ ลัทธิปฏิบัตินิยมและกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงจะยังทำให้ผู้กำหนดนโยบายต่างประเทศกัมพูชารุ่นต่อไปได้รู้เอง วิสัยทัศน์ของกัมพูชาในฐานะผู้สร้างสันติภาพของโลกจะได้รับแรงผลักดันอีกครั้ง