ThaiPublica > คอลัมน์ > ‘เจียง เจ๋อหมิน’ อาสัญกรรมที่พลิกแผ่นดินจีน?

‘เจียง เจ๋อหมิน’ อาสัญกรรมที่พลิกแผ่นดินจีน?

20 ธันวาคม 2022


ดร. นพ.มโน เลาหวณิช อาจารย์ประจำวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต

เจียง เจ๋อหมิน อดีตประธานาธิบดีจีน ที่มาภาพ : https://en.wikipedia.org/wiki/Jiang_Zemin#/media/File:Jiang_Zemin_2002.jpg

กลางดึกคืนวันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา เกิดอัคคีภัยครั้งใหญ่ในเมืองอุรุมชี (Urumqi) ในมณฑลซินเกียง อันเป็นสถานที่ ที่ชาวอุยกูร์ถูกกักกันอันเนื่องมาจากนโยบายโควิดเป็นสูญ (Zero Covid) ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง รถดับเพลิงและเจ้าหน้าที่ไม่อาจเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบเคราะห์กรรมขณะนั้นได้เพราะประตูทางเข้าออกนั้นถูกปิดตาย ประชาชนในอาคารหลังนั้นถูกกักกันยาวนานมากว่า 100 วัน ในขณะเดียวกันจำนวนผู้ป่วยโควิดในจีนเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์กว่าวันละ 40,000 คน และเสียชีวิตจำนวนนับร้อย โดยที่มาตรการโควิดเป็นสูญของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นั้นยังบังคับใช้อย่างเข้มงวด

การบังคับใช้มาตรการโควิดเป็นสูญของจีนนั้นเข้มงวดกว่าทุกประเทศ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถบุกพังประตูบ้านเข้าไปในเคหสถานของประชาชนได้ทุกเวลาและบังคับตรวจ ATK หากสงสัยว่ามีผลเป็นบวกก็สามารถจับกุมดำเนินคดี และเข้าสถานกักกันที่รัฐจัดให้ได้ทันที่ หากพบว่ามีประชาชนติดโควิดแม้แต่คนเดียว เจ้าหน้าที่ของรัฐก็จะปิดอาคารที่คนผู้นั้นอาศัยอยู่ห้ามการเข้าออกได้โดยทันที ทำให้เกิดความยุ่งยากลำบากกับประชาชนอย่างมาก โรงงานหลายแห่งต้องปิดตัวเองไป และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โรงงานผลิตไอโฟนที่ใหญ่ที่สุดในโลกถูกคนงานนับหมื่นประท้วง เนื่องจากไม่จ่ายเงินให้ตามสัญญา และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือมาตรการห้ามออกจากโรงงานเพื่อป้องกันการระบาดของโควิด จนเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก

เย็นวันเสาร์ที่ 25 พฤศจิการยนที่ผ่านมาประชาชนในเมืองเชียงไฮ้นับหมื่นคนได้ออกมาทำพิธีไว้อาลัยเหยื่อของอัคคีภัยในครั้งนี้ และประท้วงมาตรการโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งถูกมองว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประชาชนต้องเสียชีวิต และไม่นำพาต่อมาตรการของรัฐ แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าควบคุมเหตุการณ์ การชุมนุมนั้นกลับขยายตัว และลุกลามไปยังเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศจีน ไม่ว่ากรุงปักกิ่ง ซึ่งนำโดยนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชิงหัว และปักกิ่ง เมืองฉงชิ่ง เขตปกครองพิเศษฮ่องกง และลุกลามไปทั่วประเทศ ในขณะที่จำนวนประชาชนที่ติดเชื้อไวรัสนี้ยังคงเพิ่มขึ้นกว่า 40,000 คนต่อวัน

สามปีที่ประชาชนอดทนกับความยากลำบากจากการถูกล็อกดาวน์ (lock down) ในที่สุดได้ระเบิดออกมาเป็นการประท้วงใหญ่ ที่กระจายไปทั่วประเทศ และเมื่อมีการรวมตัวกันของประชาชนโจทย์จึงเปลี่ยนไปเป็นการ “ขับไล่ผู้นำ” ผู้ชุมนุมจำนวนมากตะโกนให้สี จิ้นผิง ลงจากตำแหน่ง หลายคนตะโกนเรียกร้อง “เสรีภาพ” หลายคนประณามพรรคคอมมิวนิสต์ โดยผู้ประท้วงส่วนใหญ่ชูกระดาษขาวซึ่งไม่มีข้อความใดๆ ปรากฏ

ในขณะเดียวกัน รัฐบาลในมณฑลซินเกียงเริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มให้ประชาชนออกจากเคหสถานได้ แต่ประเทศจีนโดยทั่วไปความตึงเครียดทางการเมืองนั้นก่อตัวเพิ่มขึ้น ยังไม่ถึงขั้นการชุมนุมของนักศึกษาที่จตุรัสเทียนอันเหมิน เมื่อปี พ.ศ. 2532 จนกระทั่งรัฐต้องส่งกองทัพเข้าสลายการชุมนุม แต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังคงสงบนิ่ง ไม่มีประกาศหรือแถลงการณ์ใดๆ ออกมา เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงดำเนินการจับกุมผู้ที่ออกมาชุมนุม แต่หลายแห่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นฝ่ายถอยหนีจากการบุกของประชาชนที่กำลังโกรธแค้น

รัฐพิธีอย่างเป็นทางการ เพื่อยกย่อง เจียงเจ๋อหมิน อดีตประธานาธิบดีจีน ณ มหาศาลาประชา ชนในกรุงปักกิ่ง ที่มาภาพ: https://en.wikipedia.org/wiki/File:Chinese_State_Funeral_for_Jiang_Zemin.png

ขณะที่การประท้วงกำลังแพร่ระบาดไปทั่วไปเทศจีน สถานการณ์ถึงจุดสูงสุดนั้นเอง เมื่อคืนวันที่ 30 พฤศจิกายน อดีตประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน ถึงแก่อสัญกรรมในเซี่ยงไฮ้ ด้วยวัย 96 ปี ด้วยโรคมะเร็งในเม็ดโลหิต รัฐบาลจีนได้จัดงานไว้ทุกข์รำลึกในวันอังคารที่ 6 ธันวาคม เป็นรัฐพิธีที่ใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนนับตั้งแต่งานศพของเติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำสูงสุดในปี พ.ศ. 2540 ซึ่งในงานครั้งนั้นประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน เป็นผู้กล่าวไว้อาลัยให้ท่านเติ้ง เสี่ยวผิง ทั้งน้ำตา

ในตอนแรกประเทศตะวันตกคาดการณ์ว่า ประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน จะเป็นผู้นำในเชิงสัญญลักษณ์หรือผู้นำชั่วคราวเท่านั้น เพราะเขาถูกเติ้ง เสี่ยวผิง เลือกมาด้วยมือหลังจากวิกฤตการณ์ที่ เติ้ง เสี่ยวผิง สั่งกำลังทหารเข้าสลายม็อบนักศึกษาที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ทำให้ผู้คนล้มตายจำนวนมาก ท่ามกลางการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกนำโดยสหรัฐอเมริกา ทำให้การปฏิรูปเศรษฐกิจของจีนหยุดชะงัก และเรียกร้องให้กลับไปสู่การควบคุมของรัฐที่มากขึ้นเพื่อประกันเสถียรภาพทางสังคม เขาเป็นผู้ประกาศนโยบาย “เศรษฐกิจการตลาดสังคมนิยม” (Socialist Market Economy) ในการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 14 ทำให้จีนเปิดประเทศมากขึ้นพร้อมกับการปฏิรูปประเทศไปพร้อมๆ กัน

ในช่วง 10 ปีที่เขาดำรงตำแหน่ง ผู้นำเจียงดูแล “ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่” ของพรรคและประเทศ ยุคของเจียง เจ๋อหมิน จีนมีความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปในระดับที่ดีมาก เขาเป็นแขกพิเศษของทำเนียบขาวและเป็นเพื่อนกับประธานาธิบดีจอร์จ ดับเยิบยู บุช และนายกรัฐมนตรีโทนี แบลร์ ของอังกฤษ และได้นำประเทศจีนเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (World Trade Organization)

ข่าวมรณกรรมของทางการ สื่อมวลชนของจีนได้หันกลับมามองย้อนกลับไปที่ชีวิตและความสำเร็จของท่าน และมองเลยไปข้างหน้าถึงอนาคตของจีนว่ากำลังอยู่ในภาวะเปลี่ยนผ่านจากการเมืองยุคเก่า ที่ได้รับการยกย่องจากเวทีการเมืองระดับโลก ไปสู่ยุคใหม่ที่เป็นเผด็จการนำโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และถือว่าพิธีศพของอดีตประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา ถือเป็นจุดสิ้นสุดของยุคและพลิกโฉมหน้าใหม่ในการเมืองจีนซึ่งนับวันจะแย่งลง

ในรัฐพิธีศพของท่านเจียง เจ๋อหมิน ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้กล่าวยกย่องอดีตประธานาธิบดีในด้านความเป็นรัฐบุรุษ เป็นสหายผู้ส่งเสริมสังคมนิยมและปกป้องลัทธิคอมมิวนิสต์ สี จิ้นผิง ได้กล่าวว่า

“สหายเจียง เจ๋อหมิน ผู้เป็นที่รักอย่างจริงใจของทั้งพรรค กองทัพ และประชาชนทุกเชื้อชาติ จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป” สีกล่าวในพิธีศพที่มีผู้เข้าร่วมรัฐพิธีนี้หลายพันคน ณ มหาศาลาประชาชน ศพของเขาถูกฌาปนกิจ ในวันจันทร์ที่สุสานของคณะปฏิวัติ (Babaoshan) ในกรุงปักกิ่ง ประธานาธิบดีสีและผู้นำระดับสูงคนอื่นๆ เข้าร่วมพิธีเผาศพ รวมทั้งหู จิ่นเทา ผู้สืบทอดตำแหน่งของเจียง เมื่อฌาปนกิจไปแล้ว อัฐิของท่านเจียง เจ๋อหมิน ถูกนำไปลอยในแม่น้ำแยงซีโดยเรือรบของกองทัพเรือในวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา

ในสายตาของสื่อทางตะวันตก งานศพซึ่งจัดขึ้นในช่วงเวลาที่อ่อนไหวเมื่อการประท้วงต่อต้านการควบคุมโควิดปะทุขึ้นทั่วประเทศ เทียบได้กับงานศพของเติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำสูงสุดผู้ล่วงลับไปแล้วเมื่อ 25 ปีก่อน ซึ่งได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นสถาปนิกหลักขององค์กรปฏิรูปของจีน

วันอังคารที่ 6 ธันวาคม เป็นวันแห่งการไว้ทุกข์ทั่วประเทศจีน รัฐบาลสั่งให้สถานที่ราชการทุกแห่งลดธงครึ่งเสา รวมทั้งสถานทูตจีนทั่วโลก และรัฐบาลจีนสั่งให้ตลาดหลักทรัพย์ทั้งประเทศหยุดการซื้อขาย ถูกระงับเป็นเวลาสามนาทีเมื่อมีรัฐพิธีในฮ่องกง เจ้าหน้าที่รัฐ สมาชิกสภานิติบัญญัติ ข้าราชการพลเรือน และประชาชนต่างแสดงความเคารพต่ออดีตประธานาธิบดี ซึ่งเป็นประธานในพิธีส่งมอบดินแดนในปี พ.ศ. 2540 มีการไว้ทุกข์ในโลกไซเบอร์ของจีนด้วย เว็บไซต์และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีนที่โด่งดังได้เปลี่ยนเป็นสีเดียวเพื่อแสดงความเศร้าโศก สถานบันเทิงสาธารณะ เช่น สวนสนุก ก็ถูกปิดเช่นกัน ผู้นำทั่วโลกส่งสารแสดงความเสียใจต่ออาสัญกรรมของผู้นำท่านนี้

เจียง เจ๋อหมิน เป็นม้ามืดที่เติ้ง เสี่ยวผิง เป็นผู้เลือกให้เป็นเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนด้วยตนเอง หลังจากที่ได้ปลดนาย จ้าว จื่อหยาง ออกจากตำแหน่ง หัวหน้าพรรคเมื่อ 33 ปีก่อน จีนอับอายจากวิกฤติเทียนอันเหมินอย่างมาก ปรากฎว่า เจียง เจ๋อหมิน กลับได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้นำจีนออกจากการโดดเดี่ยวทางการทูตเพื่อก้าวขึ้นเป็นประเทศที่มีสถานะระดับโลกที่สูงขึ้นมาก

อดีตประธานาธิบดีไม่เพียงช่วยให้จีนฝ่าด่านการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกในช่วงทศวรรษ 1990 เท่านั้น แต่เขายังพลิกโฉมหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ด้วยทฤษฎี “ตัวแทนสามประสาน” ของเขาในการเปิดรับผู้ประกอบการเอกชนเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ได้ และในระดับสากล เขาได้รับการจดจำในฐานะรัฐบุรุษของจีนที่ทำคะแนนได้เป็นอันดับหนึ่ง – ผู้นำจีนคนแรกที่เยือนสหรัฐฯ ในรอบ 12 ปีหลังการปราบปรามขบวนการสนับสนุนประชาธิปไตย เขายังได้เป็นผู้นำจีนคนแรกที่เยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการในฐานะประมุขแห่งรัฐของจีนใน พ.ศ. 2535 เขายังทำให้จีนได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกของจีนในปี พ.ศ. 2544 ทำให้เศรฐกิจจีนพัฒนาอย่างก้าวกระโดด กลายเป็นโรงงานของโลก (World Factory)

เจียง เจ๋อหมิน ประสบความสำเร็จากที่เคยเป็นนายกเทศมนตรีและหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์สาขาเซี่ยงไฮ้ก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุด เขายังคงเป็นที่ชื่นชอบของชาวเซี่ยงไฮ้จำนวนมาก โดยเฉพาะคนรุ่นเก่าที่จดจำเขาในฐานะชาวเซี่ยงไฮ้คนหนึ่ง

ในสายตาของต่างชาติ การเสียชีวิตของเจียงบ่งบอกว่ายุคของ “การเมืองแบบเก่า” ในประเทศจีนสิ้นสุดลงแล้ว เนื่องจากอิทธิพลของผู้อาวุโสในพรรคเช่นเขาลดน้อยลง หลังจากที่พวกเขาก้าวลงจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

ในการยกย่องเจียง เจ๋อหมิน ซึ่งขณะนี้มีอำนาจเหนือใคร ในการเป็นผู้นำเรียกร้องให้ประเทศชุมนุมรอบตัวเองและ “สืบทอดเจตจำนงของสหายเจียง เจ๋อหมิน … และเขียนบทใหม่ของสังคมนิยมที่มีลักษณะเฉพาะของจีน” ดังที่เห็นได้จากงานศพของท่านเจียงในวันอังคารที่ 6 ธันวาคม น้อยคนนักที่จะเห็นว่าอาสัญญกรรมของ เจียง เจ๋อหมิน คือปัจจัยสำคัญของการเปลี่ยนแปลงนโยบาย โควิดเป็นสูญของจีนอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ

ขณะนี้การล็อกดาวน์ในประเทศจีนหมดไป ร้านอาหาร ศูนย์การค้า และโรงเรียนต่างๆ ในเมืองใหญ่ๆ ของจีน ไม่ว่าจะเป็นปักกิ่ง เชี่ยงไฮ้ เฉิงตู ฯลฯ มีมาตรการผ่อนปรนอย่างที่ชาวจีนไม่เคยคิดมากก่อน การประท้วงทั้งหมดยุติลงโดยปริยาย สนามบินสถานีรถไฟต่างๆ เริ่มเปิดให้บริการตามปกติ แต่ประชาชนยังคงใส่หน้ากากอนามัย และมีการตรวจ ATK ในสถานที่สำคัญๆ ต่างๆ แต่ไม่เข้มงวดเหมือนเดิม คณะแพทย์ออกแถลงการณ์ผ่อนปรน แทนที่จะเป็นโฆษกของรัฐบาลเหมือนก่อน

อาสัญญกรรมของอดีตประธานาธิบดีจีนท่านนี้ ในแง่มุมหนึ่งเป็นเรื่องประจวบเหมาะ ที่เกิดท่ามกลางการประท้วงของนิสิตนักศึกษาจีนและประชาชนในเมืองใหญ่ๆ ของจีน ซึ่งยิ่งใหญ่ที่สุดที่จีนได้เห็นมา แต่เป็น “มรณานุสติ” ที่ดีสำหรับท่านสี จิ้นผิง ถึงการดำเนินนโยบายที่อ่อนโยนต่อประชาชนและทำให้จีนเป็นที่รักของประชาชนโลกก็เป็นได้!!